บทที่ 960 วิเคราะห์คดีความ
หยินปู้ฝันรู้สึกร้อนใจแล้ว เขาลุกขึ้นยืน “กู้ฮอน เธอเข้าใจความหมายของฉันผิดแล้ว ตอนที่ฉันได้รับคำชี้แนะจากเบื้องบนนั้นก็ตัดสินใจแล้วว่าจะออกหน้าให้กับเป่หมิงโม่ อีกอย่างฉันก็รู้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะกลับมาหาฉัน”
“หยินปู้ฝัน นี่มันทำไมกัน” กู้ฮอนรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก
หยินปู้ฝันเพียงแค่หัวเราะเบาๆ “แม้ว่าฉันจะมีความเห็นต่อเป่หมิงโม่มากมาย แต่ฉันก็คิดว่าในเมื่อเขาสร้างเรื่องแบบนี้ออกมาแล้วจะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน อีกอย่างสาเหตุนี้ก็ไม่ใช่เขาที่เป็นคนสร้างขึ้นมา”
***
อย่ามองว่าหยินปู้ฝันและเป่หมิงโม่พวกเขาสองคนเหมือนคนที่อยู่ในโลกสองใบ กระทั่งในสายตาคนภายนอก แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าทั้งสองคนนั้นเข้ากันไม่ได้ แต่ก็จัดอยู่ในประเภทที่ไม่ล้ำเส้นกัน ไม่ไปมาหาสู่กันชั่วชีวิตอย่าง ‘คนแปลกหน้าที่คุ้นเคยกันมากที่สุด’
แต่ในสถานการณ์สำคัญแบบนี้ หยินปู้ฝันยังสามารถเอ่ยพูดคำพูดที่มีความยุติธรรม สมเหตุสมผลแทนเป่หมิงโม่ได้ ก็สามารถยืนยันได้ว่าคำพูดที่เขาพูดออกมาเหล่านี้ไม่ใช่เห็นแก่หน้ากู้ฮอน
“หยินปู้ฝัน นายพูดไม่ผิดเลย เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเป่หมิงโม่ แต่เป็นเพราะฉัน” มือสองข้างของกู้ฮอนกุมถ้วยกาแฟ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกทุกข์ใจ
“เพราะเธอหรือ” หยินปู้ฝันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ พวกเขาได้รับข่าวมาแค่ว่าเป่หมิงโม่บุกเข้าไปในหน่วยงานราชการอย่างไม่มีเหตุผล ส่งผลให้ข้าราชการนายหนึ่งบาดเจ็บสาหัสแล้วหลบหนีไปในภายหลัง
กู้ฮอนพยักหน้า “เรื่องนี้เล่าแล้วยาวจริงๆ” เรื่องระหว่างเธอกับเป่หมิงโม่ นับตั้งแต่ออกจากสำนักงานทนายความไปแล้วก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกับหยินปู้ฝันเลย
สาเหตุหลักก็เพราะทั้งสองฝ่ายล้วนไม่อยากให้มีผลกระทบต่อการทำงานและการใช้ชีวิตของอีกฝ่าย ทั้งยังพยายามที่จะค้นหาเส้นทางในการดำเนินชีวิตของตัวเอง
จนถึงตอนนี้ เพื่อที่จะให้หยินปู้ฝันเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด เธอจำเป็นต้องเริ่มเล่าตั้งแต่ในตอนที่ตัวเองเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัท และเพื่อที่จะให้เป่หมิงโม่เข้าใกล้ลูกๆน้อยลงจึงให้เขาเป็นผู้ช่วยของตัวเองไปจนเกิดเรื่องขึ้นเมื่อวานนี้
หยินปู้ฝันนั่งฟังอย่างตั้งใจ มือหนึ่งถือปากกาบันทึกเสียงที่ใช้สำหรับหาหลักฐานในยามปกติ อีกมือถือปากกาแท่งหนึ่งจดบันทึกลงบนกระดาษคร่าวๆ การกระทำสองอย่างพร้อมกันแบบนี้ เป็นวิธีการทำงานตั้งแต่เขาเป็นทนายความ จุดประสงค์ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองพลาดปัญหาสำคัญใดๆไป
เมื่อฟังกู้ฮอนเล่าจบแล้ว เขาก็ทำความเข้าใจกับรายละเอียดของคดีความนี้เป็นอย่างมาก แน่นอนว่าเป็นเพราะกู้ฮอนเคยเป็นทนายความมาก่อน เธอเข้าใจว่าสิ่งใดที่มีประโยชน์ต่อคดีความ สิ่งใดสามารถละเลยได้
หยินปู้ฝันก้มหน้าลงอ่านบันทึกที่จดเต็มหน้ากระดาษทั้งใบโดยไม่ได้เอ่ยพูดอะไรชั่วครู่หนึ่ง
กู้ฮอนนั่งอยู่ด้านข้างโดยไม่ส่งเสียงอะไร กลัวว่าจะไปขัดความคิดของเขา
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงเขาก็เก็บปากกา “คดีความนี้ดูแล้วง่ายดายมาก โดยเฉพาะเธอที่อยู่เป็นพยานในเหตุการณ์นั้น โอกาสในการชนะคดีของเป่หมิงโม่นั้นมีถึง 70%
ประโยคนี้ทำให้กู้ฮอนโล่งใจ ความโศกเศร้าบนใบหน้านั้นลดลงไปไม่น้อย “พูดอย่างนี้ พวกเราจะชนะคดีความนี้อย่างแน่นอนแล้วหรือ”
“ไม่ใช่ชนะแน่นอน แต่แพ้แน่นอน”
“หา” ใบหน้ากู้ฮอนเต็มไปด้วยความแปลกใจ โอกาสในการชนะคดีความสูงขนาดนี้จะแพ้อย่างแน่นอนได้อย่างไรกัน ต้องรู้ว่า ขอเพียงแค่คดีความมีความเป็นไปได้สูงกว่า 55% สำหรับหยินปู้ฝันนั้นสามารถเป็นไปได้ 100% แล้ว
แน่นอนว่าหยินปู้ฝันรู้ว่าเธอสงสัยอะไร ดังนั้นจึงพูดกับเธออย่างมีความอดทนว่า “เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ซับซ้อน ทั้งเรื่องที่เป่หมิงโม่ทำร้ายผู้อำนวยการโกวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเช่นกัน อย่างน้อยก็ยังเหลือลมหายใจให้กับเขา แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเรื่องนี้ก็คือสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์นั้นพิเศษมาก บุกรุกสถานที่ราชการผิดกฎหมาย แค่อาศัยข้อนี้ข้อเดียวก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา การเข้าออกสถานที่ราชการนั้นเข้มงวดเป็นอย่างมาก เขาบุกเข้าไปเองโดยพลการแบบนี้ นั้นง่ายต่อการที่จะโยนความผิดฐานเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของหน่วยงานรัฐใส่เขาได้เลย
“เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของหน่วยงานรัฐหรือ นี่มันเกินไปหน่อยแล้วมั้ง สถานที่นั้นก็เป็นเพียงแค่สถานที่ใช้พักฟื้นของพวกเขาเท่านั้นเอง” กู้ฮอนรู้สึกว่าไม่น่าเชื่ออยู่บ้าง
***
“กู้ฮอน ฉันสามารถเข้าใจความคิดของเธอได้ แต่มีเพียงแค่เธอไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ก็มีคนจัดการอยู่เบื้องหลังจึงทำให้ความยากของคดีนี้มากขึ้นไปอีก” แม้ว่าหยินปู้ฝันจะไม่ยินยอมเผชิญหน้าความจริงแบบนี้เช่นกัน แต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้แล้ว
กู้ฮอนที่เพิ่งจะมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งก็เหมือนกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกาแล้วตกลงไปในหุบเหว “อย่างนั้นความหมายของนายก็คือพวกเราไม่มีโอกาสที่จะชนะเลยแม้แต่น้อยหรือ”
หยินปู้ฝันขยำกระดาษที่ใช้จดบันทึกสิ่งสำคัญเยอะแยะเมื่อสักครู่นี้เป็นก้อน จากนั้นก็โยนเข้าไปในตะกร้าสานที่ใส่เศษกระดาษที่ไม่ใช่แล้วข้างกาย “ความหวังที่จะทำให้เขาพ้นผิดนั้นไม่มีแล้ว เพียงแต่ฉันสามารถหาวิธีลดโทษและน้ำหนักคดีที่เขาต้องเผชิญให้น้อยมากที่สุดได้”
“อ่อ อย่างนั้นก็ทำได้เพียงแค่นี้แล้ว” ท่าทางผิดหวังของเธอ เหมือนกับที่คนที่กลับมาจากการเปียกปอนท่ามกลางสายฝนตัวคนเดียว
เธอค่อยๆดื่มกาแฟที่เคยรู้สึกถึงความอร่อย แต่ในวันนี้กลับรู้สึกถึงความขมปร่ายากจะกลืนลงไปแก้วนี้จนหมด นี่ก็เป็นครั้งหนึ่งที่เธอรู้สึกเป็นทุกข์เพื่อเป่หมิงโม่
หยินปู้ฝันเห็นท่าทางของหญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามเป็นแบบนี้แล้ว ในใจก็เหมือนกับถูกมีดด้ามหนึ่งแทงเข้ามาอย่างลึก เขาก็เหมือนจะเข้าใจเช่นกันว่าทำไมตัวเองมีบุพเพแต่ไร้วาสนากับเธอ
แม้ว่าเธอกับเป่หมิงโม่สองคนจะมีเรื่องให้ทะเลาะกันไม่หยุดหย่อน แต่พวกเขากลับไม่ได้สังเกตเลยว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็มีความรู้สึกอย่างหนึ่งลึกๆในใจของพวกเขา อีกทั้งยังค่อยๆแตกยอดอ่อนเติบโตขึ้นมาทีละน้อย
ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันนี้ ในที่สุดความรู้สึกที่เก็บซ่อนเอาไว้นั้นก็งอกออกมาแล้ว
หยินปู้ฝันหมุนเก้าอี้กลับไปอีกด้าน หันหลังให้กู้ฮอน ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา…….
*
ความมืดมิดมาเยือนทำให้ผู้คนที่วิ่งเต้นอย่างเหนื่อยยากลำบากมาทั้งวันลากสังขารที่เหนื่อยล้ากลับมายังบ้านที่อบอุ่น
ลูกๆนั้นไม่รู้ว่าสองวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ กลับรู้เพียงแค่ว่าตัวเองไม่ได้เจอคุณแม่มาวันหนึ่งแล้ว แต่ละคนร้องเรียก พลางโผเข้ามาในอ้อมกอดของเธอ
กู้ฮอนทำได้เพียงแค่ฝืนทำใบหน้ายิ้มแย้ม หลังจากที่พวกเขาโผเข้ามาแล้วก็แนบริมฝีปากตัวเองลงบนใบหน้าเล็กๆนั้น
หม่ามี๊ ทำไมพ่อถึงไม่ได้กลับมาพร้อมกับหม่ามี๊ล่ะคะ” จิ่วจิ่วกระพริบตากลมโตปริบๆมองไปที่กู้ฮอน นับทั้งแต่เขามาปรากฏตัวพร้อมกับของขวัญแล้วก็ไม่ได้มาปรากฏตัวอีกเลย
โดยเฉพาะภายใต้การตำหนิของคุณแม่ สุดท้ายเด็กๆทั้งสามก็ยังคงไม่กล้าเปิดของขวัญที่เป่หมิงโม่ให้กับพวกเขา ทำได้เพียงแค่มองตาปริบๆในทุกๆวัน หรือเหมือนกับหยางหยางที่กอดกล่องนั้นเอาไว้ ประเมินน้ำหนักด้วยมือ พลางคิดจินตนาการว่าด้านในนั้นมีของเล่นอะไรอยู่กันแน่
กู้ฮอนอุ้มจิ่วจิ่วขึ้นมา “พ่อมีธุระออกไปทำงานนอกสถานที่แล้ว ต้องผ่านไปอีกช่วงเวลาหนึ่งถึงจะกลับมาได้”
“อ่อ ถ้าอย่างนั้นหนูสามารถโทรศัพท์หาพ่อได้ไหมคะ”
“พ่อไม่ได้พกโทรศัพท์ไป แต่ว่าเขาพูดไว้ว่าขอเพียงเขากลับมาแล้วก็จะมาเยี่ยมพวกลูก” กู้ฮอนไม่อยากจะโกหกลูกๆแบบนี้จริงๆ
แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ พวกเขายังไม่เข้าใจเรื่องราวมากมายในโลกของผู้ใหญ่ แน่นอนว่าเธอก็ไม่อยากให้พวกเขารู้ว่าเดิมสถานที่ที่ตัวเองดำรงชีวิตอยู่นั้นไม่เหมือนกับโลกในเทพนิยายที่งดงามไร้ตำหนิ
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ต่างฝ่ายต่างพยายามหลอกลวงซึ่งกันและกันอย่างน่าเศร้า
เธอก็แค่พยายามอย่างสุดความสามารถของตัวเองในการสร้างโลกที่งดงามใบหนึ่งให้กับลูกๆ ทั้งให้พวกเขาเติบโตในโลกใบนี้อย่างมีความสุข
หลังจากอาหารเย็น เด็กๆก็ยังคงอยู่รอบๆกายกู้ฮอน เธอก็รู้ว่าในศีรษะเล็กๆของเขานั้นคิดอะไรอยู่ “พวกลูกขึ้นไปเล่นเถอะ ของขวัญที่คุณพ่อให้พวกลูกนั้นสามารถเปิดกล่องได้แล้ว”
***
เด็กๆไม่ได้สังเกตเห็นว่าคุณแม่ในตอนนี้มีอะไรไม่เหมือนเดิม ความรู้สึกตื่นเต้นล้วนจดจ่ออยู่ที่ของขวัญด้านบนที่ถูกห้ามไม่ให้เปิดมาโดยตลอด
ตอนนี้คุณแม่กลับอนุญาตให้พวกเขาเปิดกล่องได้แล้ว อย่างนั้นยังจะมีอะไรต้องพูดอีก หยางหยางเป็นคนแรกที่โห่ร้องแล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องใต้หลังคาชั้นสามอย่างรวดเร็ว
ผู้ใหญ่สี่คนที่อยู่ในห้องรับแขกชั้นหนึ่งนั้นก็กลับเข้าสู่สภาพเงียบงันอีกครั้ง ก่อนที่กู้ฮอนจะกลับมานั้น ฉิงฮัวก็กลับมาก่อนก้าวหนึ่งแล้ว
ลูกๆล้วนออกไปหมดแล้ว กู้ฮอนในตอนนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องฝืนอีกต่อไป ความโศกเศร้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าในทันที ทั้งร่างเห มือนกับลูกโป่งที่ลมรั่วอย่างไรอย่างนั้น
“คุณผู้หญิง อย่าท้อแท้ไปเลยครับ จะต้องมีวิธีที่จะช่วยเหลือเจ้านายได้อย่างแน่นอน พรุ่งนี้ผมจะไปหาทนายความคนอื่นๆดู ผมไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาแต่ละคนจะไม่มีเวลากัน” ฉิงฮัวรีบเอ่ยปลอบเธอ
หลังจากแอนนิกลับมาจากโรงพยาบาลก็เล่าเรื่องนี้ให้ลั่วเฉียวฟังแล้ว ลั่วเฉียวรู้สึกประหลาดใจ ทั้งยังรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนสารเลวแบบนี้เข้ามาเป็นข้าราชการด้วย ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังค่อนข้างที่จะยอมรับการกระทำในครั้งนี้ของเป่หมิงโม่ ทั้งยังชื่นชมการกระทำทั้งหมดของเขาเป็นอย่างมากด้วย
“ฮอน เธอไม่ต้องกังวลมากเกินไป คนเขลาสามคน เทียบเท่าหนึ่งจูกัดเหลียง(เป็นนักการเมืองสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นของจีน) พวกเราหลายคนช่วยกันต้องคิดหาวิธีออกมาได้แน่ๆ ไม่อย่างนั้นเธอลองไปหาพี่ปู้ฝันดู เขาอาจจะมีวิธีก็ได้” ลั่วเฉียวรีบเอ่ยปลอบ
กู้ฮอนสูดลมหายใจลึก “พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วง วันนี้ฉันไปหาเขามาแล้ว”
“ในเมื่อเธอไปหาเขามาแล้ว จะทำหน้าอมทุกข์ทำไมกัน หรือว่าเขาทำนิสัยใจแคบอีกแล้วใช่ไหม ไม่ยินยอมช่วยเหลือเธอหรือ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ เธอบอกกับฉันได้ ฉันจะไปจัดการเขาให้”
“ลั่วเฉียว เธอไม่ต้องพูดจาฉีกหน้าเขาขนาดนั้นก็ได้มั้ง เขาล่วงเกินอะไรเธอกันแน่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ช่วย แต่ในเรื่องนั้นมันมีปัญหามากมาย”
“จะมีปัญหาอะไรกัน อย่าคิดว่าฉันไม่เข้าใจบทบัญญัติกฎหมายแม้แต่น้อยจะได้ไหม ฉันก็เกิดในครอบครัวที่เป็นทนายความนะ เมื่อวานนี้แอนนิเล่าเรื่องให้ฉันฟังคร่าวๆแล้ว คดีความเล็กๆแบบนี้จะยากเท่าไรกันเชียว เธอก็เป็นทนายความไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่เข้าใจเหตุผลนี้กัน”
“เรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เธอคิดอย่างนั้น อย่างไรก็ค่อนข้างจะซับซ้อน ไม่อย่างนั้นฉิงฮัวไปพบทนายความที่มีชื่อเสียงมากมายขนาดนี้ แต่พวกเขากลับไม่รับคดี มีเพียงแค่หยินปู้ฝันที่แบกรับแรงกดดันรับคดีนี้ เพียงแต่เขาก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะชนะแน่นอน พูดเพียงแค่ว่าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ทั้งยังให้ฉันเตรียมตัวแพ้คดีความด้วย”
ฉิงฮัวถอนหายใจ “ดูท่าตอนนี้ทำได้เพียงแค่เท่านี้แล้ว หวังว่าเจ้านายจะเป็นคนดีที่ฟ้าคุ้มครองนะครับ คุณผู้หญิง พรุ่งนี้ตอนที่คุณไปเยี่ยมเจ้านายอีกรอบ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เขาฟังสักหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วง เขาสามารถยอมรับความจริงเรื่องนี้ได้ครับ”
“คุณแม่ดูของขวัญที่คุณพ่อให้กับพวกเราสิครับ ผมชอบมากจริงๆนะ” หยางหยางถือของเล่น Transformers รุ่นใหม่ล่าสุดวิ่งเข้ามา
ด้านหลังของเขายังมีจิ่วจิ่วตามมาด้วย ในมือของเธอกอดตุ๊กตาแกะเอาไว้ตัวหนึ่ง แน่นอนว่ามีเฉิงเฉิงด้วย ของเขาก็คือแท็บเล็ตที่มีประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ที่สุดเครื่องหนึ่ง