บทที่ 964 บุคคลสำคัญ
“ถ้าตอนที่นายมาคิดแบบนั้นจริงๆล่ะก็ นายจะมาทำไมกัน นี่ไม่ใช่สไตล์ของนาย” ในเวลานี้เป่หมิงโม่ก็ยังไม่ลืมที่จะเอ่ยประชดหยินปู้ฝันสักประโยค
หยินปู้ฝันก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาพยักหน้ามองไปที่เป่หมิงโม่ “นายพูดไม่ผิดเลย ตามนิสัยของฉันแล้วจะไม่เสียเวลาไปกับเรื่องไร้ประโยชน์ พวกเราสองคนล้วนเหมือนกันในส่วนนี้ แต่สิ่งที่นายไม่รู้ก็คือ ระหว่างฉันกับนายมีส่วนไม่เหมือนกันที่ทำให้ฉันมีมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่นมากกว่านาย นั่นก็คือการมีน้ำใจมากกว่านาย”
“มีน้ำใจ……” เป่หมิงโม่เอ่ยเงียบๆ
“ใช่แล้ว มีน้ำใจ นายรู้ไหมว่า ตั้งแต่เด็กจนโต นอกจากฐานะทางบ้านที่ไม่เหมือนกันแล้ว พวกเราสองคนมีหลายอย่างที่คล้ายกัน แต่สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันก็คือ ไม่ว่าผู้คนรอบตัวนายจะเป็นห่วงหรือว่าเย็นชากับนาย สำหรับนายแล้วล้วนทำเป็นไม่สนใจ แน่นอนว่าสามารถทำแบบนี้กับคนที่ปฏิบัติไม่ดีกับนายได้ แต่การกระทำแบบนี้สำหรับคนที่เป็นห่วงนายนั่นหมายความว่าอะไรน่ะหรือ ก็คือการทำร้ายยังไงล่ะ นายทำร้ายคนที่เป็นห่วงนายอย่างไร้ความรู้สึก แน่นอนว่าแม่ของฉันก็เคยพูดกับฉันว่า นายเกิดมาก็เป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง พ่อแม่ล้วนสร้างบาดแผลให้กับนาย และสองคนนี้ก็เป็นญาติที่สนิทที่สุดกับนาย นี่ก็เช่นกัน แม้ว่านายจะทำเรื่องเกินไปมากแค่ไหน ก็ยังคงมีคนช่วยนายอย่างสุดความสามารถ เพราะว่าสงสารนาย ก็เหมือนกับฉันในตอนนี้ เพราะสงสารนายเช่นกัน และแน่นอนว่าสงสารกู้ฮอนยิ่งกว่า”
คำพูดของหยินปู้ฝันแต่ละคำกระทบเข้ากับส่วนลึกในใจของเป่หมิงโม่ที่เหมือนกับหลุมดำหลุมหนึ่ง
คนเราในตอนที่ราบรื่นนั้นน้อยมากที่จะฟังคำเตือนจากคนรอบข้างอย่างเงียบสงบ และมักจะรู้สึกว่าผู้อื่นมีเจตนาไม่ดีแอบแฝงอยู่
แต่หลังจากที่ตกอยู่ในสภาพยากลำบากแล้ว สถานการณ์ก็เกือบจะเปลี่ยนแปลงไป บางคนสามารถสงบใจมาสัมผัสได้ แน่นอนว่ามีบางคนที่ดื้อดึงไม่ยอมรับผิดเหมือนกับเขาควาย (อุปมาว่าเป็นคนดื้อรั้นและไม่รู้จักพลิกแพลง เสียเวลาในการคิดค้นและแก้ปัญหาที่ไม่อาจแก้ไขได้)
เป่หมิงโม่นั้นไม่ได้ถูกจัดอยู่ในพวกหลัง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างในตอนนี้ คำพูดจากส่วนลึกในหัวใจของหยินปู้ฝันในครั้งนี้นั้นปรากฏเป็นแสงสว่างขึ้นกลางหลุมดำในใจของเขา
หรือพูดได้ว่า คำพูดและการกระทำของกู้ฮอนนั้นล้วนกระตุ้นเขาตลอดเวลา เพียงแต่หยินปู้ฝันช่วยผลักดันอีกหนึ่งแรง
เป่หมิงโม่หลับตา ภาพในอดีตปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
หยินปู้ฝันรู้ว่าเขาได้รับความสะเทือนใจอย่างหนัก ก็รู้สึกเห็นใจเล็กน้อย จะพูดอย่างไรพวกเขาก็มีเลือดส่วนหนึ่งที่เหมือนกันอยู่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย แม้จะเทียบไม่ได้กับพี่น้องแท้ๆ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อการคงอยู่ของสายสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว
“เป่หมิงโม่ พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว นายก็ลิ้มรสไปช้าๆก็แล้วกัน ถ้าหากมีวันหนึ่งที่สามารถออกมาได้ล่ะก็ เลี้ยงข้าวฉันสักมื้อก็พอ ต้องรู้นะว่า ทนายความตัวเล็กๆอย่างฉัน เบื้องหน้าแสดงออกอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย แต่ว่าจริงๆแล้วก็ไม่ได้มีหน้าที่การงานดี เงินเดือนสูงมากมายอะไรขนาดนั้น
ประโยคหยอกล้อของหยินปู้ฝันทำให้เป่หมิงโม่หัวเราะอย่างอดไม่ได้ “นายต้องแสร้งทำเป็นยากจนต่อหน้าฉันด้วยหรือ ขับรถหรูหราตั้งหลายล้าน เพียงแต่ว่าเลี้ยงข้าวนายมื้อหนึ่งก็ได้อยู่ ถึงตอนนั้นพาคุณป้ามาด้วยล่ะ”
***
สำหรับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคดีความของเป่หมิงโม่นั้น หยินปู้ฝันรวบรวมหลักฐานข้อมูลอยู่ฝ่ายเดียวครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
ในช่วงบ่ายหลังจากที่กู้ฮอนจัดการภารกิจของบริษัทเป่หมิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไปปรากฏตัวขึ้นที่สำนักงานกฎหมายของหยินปู้ฝันอีกครั้ง
“หยินปู้ฝัน วันนี้ที่นายไปหาเป่หมิงโม่ เขาไม่ได้ทำอะไรให้นายลำบากใจสินะ” กู้ฮอนรู้นิสัยนั้นของเป่หมิงโม่
หยินปู้ฝันกลับแสดงใบหน้าที่มีรอยยิ้มเจื่อนๆให้กู้ฮอน
กู้ฮอนพูดอย่างโกรธๆว่า “เจ้าคนหน้าเหม็น ทุกคนล้วนช่วยเหลือเขา เขายังไม่รับน้ำใจอีก ไม่สำนึกบุญคุณของผู้อื่นเลยจริงๆ”
“ฉันก็พูดกับเขาแบบนี้ตอนอยู่ที่นั่น”
“อย่างนั้นเขาไม่ได้ทำอะไรนายใช่ไหม” กู้ฮอนรู้นิสัยของเป่หมิงโม่ดี มีคนตำหนิเขาแบบนี้จะต้องทำอะไรโดยไม่สนผลลัพธ์ในภายหลังอย่างแน่นอน
หยินปู้ฝันยักไหล่อย่างไม่สนใจ “เขาจะกล้าทำอะไรฉัน ก็สารภาพออกมาอย่างตรงไปตรงมาแล้วนี่ไงล่ะ” เขาพูดพลางหยิบสมุดบันทึกขึ้นมาโบกไปมาด้านหน้ากู้ฮอน
กู้ฮอนเข้าใจได้ในทันที จึงกลอกตาใส่เขา “นายก็ไม่ใช่คนที่จะให้ความร่วมมือง่ายๆ อีกอย่างฉันก็คิดว่านายไม่อาจทำสำเร็จโดยบังเอิญอย่างโชคดีหรอกนะ”
“กู้ฮอน ฉันเป็นคนที่เธอขอร้องให้มาช่วยเหลือเป่หมิงเอ้อ ไอ้หมอนั่นอย่างไม่อายนะ ต้องแกล้งฉันขนาดนี้ด้วยหรือ ไม่กลัวว่าฉันจะทิ้งงานไม่ทำแล้วหรือ” หยินปู้ฝันก็ไม่ยอมอ่อนให้ ตอกกู้ฮอนกลับไปหนึ่งประโยค
“ได้ นายทิ้งงานไม่ทำสิ อย่างไรตอนนี้ภายในวงการก็รู้หมดแล้วว่านายช่วยเป่หมิงโม่ แม้จะเป็นเส้นทางที่เคยผ่านมา ฉันว่านายก็ไม่มีหนทางแล้ว”
“เฮ้ ผู้หญิงอย่างเธอกลายเป็นคนยอดเยี่ยมขนาดนี้แล้ว ดูท่าเป่หมิงเอ้อ เจ้าหมอนั่นปกติจะสอนวิธีการในการทำร้ายคนอื่นให้เธอไม่น้อยเลย”
หลังจากหยอกล้อกันไปชั่วครู่แล้ว กู้ฮอนก็เก็บรอยยิ้ม “เฮ้อ พูดเรื่องจริงจังกับนายนะ ตอนนี้นายได้ข้อมูลจากฉันกับเป่หมิงโม่ทั้งสองคนแล้ว นายรู้สึกว่าเทียบกับการวิเคราะห์เมื่อวานนี้ ตอนนี้มีโอกาสชนะเท่าไรกัน”
หยินปู้ฝันยกนิ้วชี้ขึ้นมานิ้วหนึ่ง
“10 เปอร์เซ็นต์หรือ! ไม่น่าจะน้อยขนาดนั้นนะ”
หยินปู้ฝันโยกนิ้วไปมา “ไม่ใช่ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่กระทั่ง 10 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่มี ฉันล้วนบอกกับเธอแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนว่าคดีความนี้มีคนสร้างความยุ่งยากให้กับเป่หมิงโม่ ถ้าหากว่าหาคนคนนั้นพบก็อาจจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้เล็กน้อย”
ประโยคนี้ของหยินปู้ฝันทำให้กู้ฮอนนึกออกในทันที “อ่อ ฉันนี่โง่จริงๆ ฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้นายฟังเลย ฉันรู้แล้วว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง”
“ใครกัน” หยินปู้ฝันมีท่าทีกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันที
“ถังเทียนจื้อ ยังมี……..” กู้ฮอนเอ่ยถึงตรงนี้แล้วก็หยุดพูดไป
นี่ทำให้หยินปู้ฝันร้อนใจเป็นอย่างมาก “กู้ฮอน ถึงขนาดนี้แล้วยังจะอุบอะไรเอาไว้อีก”
กู้ฮอนไม่อยากเอ่ยชื่อนั้นจริงๆ ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นบิดาของตัวเอง แต่เป็นเพราะเดิมเธอรู้สึกไม่พอใจเขา
แต่ก็เลี่ยงไม่ได้เพราะหยินปู้ฝันเอ่ยถาม สุดท้ายแล้วก็ฝืนเอ่ยชื่อนั้นออกมาจากปาก “หลี่เชิน”
“หลี่เชินหรือ” หยินปู้ฝันรู้สึกประหลาดใจ เขารู้ว่าหลี่เชินเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดกู้ฮอน เรื่องนี้กลับมีเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“คุณพ่อของเธอ……อ่อ หลี่เชิน เขาจะควบคุมคดีความนี้ได้อย่างไรกัน เธอรู้ฐานะที่แท้จริงของเขาหรือไม่” หยินปู้ฝันรู้ว่าหลี่เชินต่างหากที่เป็นบุคคลสำคัญของเรื่องนี้ ถ้าหากว่าสามารถหาทางบุกทะลวงได้เจอจากตรงนี้ล่ะก็ อย่างนั้นเรื่องทั้งหมดนี้ก็สามารถถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
กู้ฮอนส่ายหน้า “ เรื่องเกี่ยวกับเขานั้น ฉันสามารถใช้คำว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยมาอธิบายได้ เพราะฉันไม่รู้สึกว่าเขาคู่ควรที่จะเป็นพ่อของฉัน”
***
เรื่องราวชัดเจนแล้ว เพราะมีหลี่เชินเข้ามาเกี่ยวข้อง คดีความของเป่หมิงโม่จึงถูกหยุดชะงักเอาไว้
สำหรับการกระทำทั้งหมดของหลี่เชินผู้เป็นบิดาให้กำเนิดกู้ฮอนนี้ กู้ฮอนสามารถพูดได้ว่าไม่มีความรู้สึกอะไรให้กับเขา ดังนั้นในเรื่องปัญหาของเป่หมิงโม่นี้ เธอเลือกที่จะยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา
หยินปู้ฝันนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือทั้งคู่ประสานกันอยู่ใต้คาง “ปัญหาสำคัญในตอนนี้ก็คือไม่รู้ว่าฐานะที่แท้จริงของคุณพ่อเธอ……..เอ่อ หลี่เชินเป็นใครกันแน่ พวกเราอาจจะดำเนินการสืบหาได้ แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ใหญ่โตคนหนึ่ง แต่ก็สามารถมองข้ามเขาไป เพื่อมองหาทางออกได้ บางทีคดีของเป่หมิงโม่อาจจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ เพียงแต่ว่า………”
กู้ฮอนมองหยินปู้ฝันที่หยุดพูดไป เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมหรือ มีความยากหรือ”
หยินปู้ฝันพยักหน้า “ยากเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น กระทั่งฐานะที่แท้จริงของหลี่เชินก็ยากที่จะตรวจสอบได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลังจากตรวจสอบพบแล้ว จะข้ามขั้นตอนอย่างปัญหาในการขอความช่วยเหลือได้อย่างไร เกรงว่าคดีความนี้จะถูกเขาตอกตะปูลงไปแล้ว ( อุปมาว่าเป็นเรื่องราวที่ตัดสินใจลงไปแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว)”
ดูท่าว่าจะเป็นเรื่องตึงมือเรื่องหนึ่งจริงๆ เพิ่งจะมองเห็นความหวังอยู่รำไรเมื่อครู่ก็ถูกแสงที่มีอยู่ปิดเอาไว้แล้ว
“ใช่แล้ว มีคนคนหนึ่งที่พวกเราล้วนละเลยไป หาเขาให้พบเพื่อมาเป็นพยาน ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีความหวังอยู่บ้าง”
หลังจากทั้งสองคนเงียบไปชั่วครู่ เงาของคนคนหนึ่งก็พาดผ่านเข้ามาในสมองของกู้ฮอน
“เป็นใครกัน” หยินปู้ฝันอยู่ในสภาวะชะงักงันก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ตอนนี้ทุกความคิดล้วนอาจจะกลายเป็นหนทางในการบุกทะลวงออกไปอย่างคาดไม่ถึงก็ได้
พวกเขาในตอนนี้เป็นฝ่ายถูกกระทำมากพอแล้ว ดังนั้นไม่ควรจะโยนความหวังเล็กๆน้อยๆทิ้งไป
“ตอนที่ฉันไปเกาะหูซินในวันนั้น นอกจากผู้อำนวยการโกวที่อยู่ภายในบ้านพักแล้วก็ยังมีชายหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งอยู่ด้วย ( ปากแหลมแก้มตอบเหมือนลิง หมายถึงคนที่หน้าตาอัปลักษณ์) เขาน่าจะเป็นเลขาหรือไม่ก็ผู้ช่วย เหมือนกับว่าฉันจะยินผู้อำนวยการโกวเรียกเขาว่า เสี่ยวเฉิน”
หยินปู้ฝันขมวดคิ้ว ยื่นมือไปหยิบปากกาบนโต๊ะมาวาดตารางความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลออกมาภาพหนึ่ง เสี่ยวเฉินคนนี้น่าจะเป็นบุคคลระดับล่างที่สุดคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลกระทบหรือประโยชน์อะไรต่อคดีความนี้
“ฉันคิดว่า ในเมื่อผู้อำนวยการโกวกล้าทำเรื่องพวกนี้ตามอำเภอใจโดยไม่เกรงกลัวใคร นั่นก็อธิบายได้อย่างชัดเจนว่าคนคนนี้น่าจะเป็นคนสนิทของเขา ในเมื่อเป็นคนสนิท อย่างนั้นเขาก็อาจจะเข้าใจสถานการณ์ภายในมากกว่า”
ประโยคนี้ของกู้ฮอนถือได้ว่าปลุกคนให้ตื่นจากฝัน
“ไอ้หยา ดูสมองฉันสิ ทำไมถึงไม่ได้จัดการปัญหาสำคัญนี้ออกมากัน” หยินปู้ฝันใช้ด้ามปากกาเคาะศีรษะของตัวเองอย่างหงุดหงิด
จากนั้นก็ใช้สายตาชื่นชมเป็นอย่างมากมองไปทางกู้ฮอน “ดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่เธอติดตามฉันก็ไม่ได้เสียเปล่า ระดับการสังเกตการณ์และการวิเคราะห์มีความก้าวหน้าแล้ว”
ได้ยินหยินปู้ฝันชื่นชมตัวเองแล้วกู้ฮอนก็ไม่ได้มีท่าทางดีอกดีใจอะไร อย่างไรในตอนนี้ก็ยังไม่ใช่เวลาจะมามีความสุข
ดูท่าภารกิจแรกในตอนนี้คือต้องหาผู้ติดตามคนนี้ออกมาให้ได้ก่อน สำหรับเรื่องราวในภายหลังรอหาพบก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ควรจะไปหาเสี่ยวเฉินคนนี้ที่ไหนกัน แม้จะมีคำพูดที่พูดว่า คางคกสามขานั้นหาไม่ง่าย แต่มนุษย์สองขานั้นหาได้ง่ายเต็มไปหมด การจะหาคนคนนี้ให้เจอท่ามกลางฝูงชนนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย
หยินปู้ฝันคิดว่าในเมื่อเขาเป็นผู้ติดตามของผู้อำนวยการโกว อย่างนั้นเขาก็ควรจะทำงานอยู่ที่หน่วยงานราชการ ไม่สู้ฝากคนที่นั่นช่วยสืบให้หน่อย
แน่นอนว่าภารกิจการสืบข่าวเกี่ยวกับผู้ติดตามที่ชื่อว่าเสี่ยวเฉินคนนี้ตกเป็นหน้าที่ของหยินปู้ฝันไปโดยปริยาย เพราะตอนนี้มีเพียงแค่เขาที่เป็นคนแปลกหน้าต่อเป้าหมาย การเข้าใกล้เขาก็จะง่ายหน่อย
จนถึงตอนนี้กู้ฮอนก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถช่วยได้อีก เรื่องที่เหลือทั้งหมดล้วนต้องอาศัยหยินปู้ฝันทำให้สำเร็จ
แบบนี้ก็ดี เธอสามารถเอาเวลาและกำลังวังชาไปลงกับการทำงานและการใช้ชีวิตได้แล้ว ใครๆก็ล้วนไม่ใช่คนที่มีความสามารถรอบด้าน ล้วนมีกำลังจำกัด กระทั่งเป่หมิงโม่ในตอนแรกที่มีฉิงฮัวเป็นผู้ช่วยในการจัดการเรื่องต่างๆถึงได้ดูเหมือนว่าทำเรื่องอะไรก็อยู่ในสถานะที่สามารถวางแผนการจัดการเรื่องราวได้
แต่ว่ากู้ฮอนนั้นไม่เหมือนกับเขา ตอนนี้เธอต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวมากเกินไป คดีความของเป่หมิงโม่ ลูกๆที่บ้าน บริษัทเป่หมิง…