บทที่ 971 อย่าเชื่อใจใครง่าย ๆ
“จากไปแล้ว?” ฉิงฮัวรู้สึกแปลกใจขึ้นมา เรื่องของเจ้านายเขาเข้าใจดี พวกเขาไม่ใช่คนแบบว่าอะไรก็ช่างมันเถอะแล้วยอมแพ้ไปง่าย ๆ พวกเขาจะต้องกัดไม่ปล่อยแน่ ฉะนั้น เขาจึงเข้าใจคำว่า ‘จากไปแล้ว’เป็นถังเทียนจื๋อส่งคนไปย้ายพวกเขาไปที่อื่นแล้ว
เขากำหมัดแน่นขึ้น แล้วเดินไปตรงหน้าถังเทียนจื๋อ “ฉันจะบอกกับนายนะ ปล่อยพวกเขาออกมาซะดี ๆ ถ้าไม่อย่างงั้น ก็อย่าหาว่าฉันไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนร่วมงานล่ะ”
พอได้ยินเสียงกระดูกข้อต่อที่มาจากตัวฉิงฮัวดังขึ้น ถังเทียนจื๋อก็รู้แล้วว่าเขากำลังข่มขู่ตัวเองอยู่ เพียงแต่ว่าสำหรับเขาคนที่กล้าต่อกรกับเป่หมิงโม่อย่างเขาแล้ว จะมานับภาษาอะไรกับการข่มขู่อันน้อยนิดแบบนี้
***
ถังเทียนจื๋อมองท่าทางโกรธจัดของฉิงฮัวแล้วก็ขำน้อย ๆ “ทำไม ถ้าฉันจะบอกว่าพวกเธอโดนฉันย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วละก็ นายก็จะเตรียมต่อสู้กับฉันสักยกเหรอ?”
“ก็มีความเป็นไปได้สูง……” ฉิงฮัวก็ไม่เกรงใจ เหมือนกับว่าเขาได้เตรียมพร้อมแล้วที่จะสู้กับถังเทียนจื๋อสักยก
“น่าเสียดายมากจริง ๆ ดูท่าวันนี้เราคงจะไม่ได้สู้กันแล้ว ก่อนหน้าที่นายจะมาถึง พวกเธอได้ขับรถออกไปเองแล้ว นายนี่ก็ไม่มีโชคเลยจริง ๆ แค่ไม่กี่วินาทีสั้น ๆ ก็ไม่ได้พบหน้ากันอีก” ถังเทียนจื๋อไม่ได้กลัวฉิงฮัว แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้เขายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ก็เลยไม่อยากเสียเวลามากมายไปบนตัวคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ฉิงฮัวมองไปที่เขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ที่นายพูดมันเป็นเรื่องจริงเหรอ? คุณหนูพาคุณชายน้อยหยางหยางออกไปเองแล้วเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ว่างมากขนาดมาหลอกนายเล่นหรอกนะ แต่ว่าถ้าหากนายอยากจะสู้กับฉันสักยกแล้วละก็ ทางที่ดีที่สุดไว้นัดกันใหม่ดีกว่า แล้วฉันจะสู้เป็นเพื่อนนายจนสุดแน่” ถังเทียนจื๋อพูดจบก็หมุนตัวเดินไปทางคฤหาสน์แล้ว
*
ระหว่างทางกลับไป หยางหยางนั่งอยู่บนที่นั่งเหมือนกับลูกบอลที่ลมรั่วออกหมดแล้ว ที่ข้างกายเขาคือกระรอกน้อยที่ถังเทียนจื๋อมอบให้กับเขา มันกำลังกระโดดโรดเต้นไปมาไม่ยอมหยุด
เมื่อกี้โดนแม่ดุไปชุดหนึ่ง ทำให้ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาหยอกล้อเล่นกับเพื่อนใหม่ของเขาแล้ว
ภายในรถก็เลยกลายเป็นเงียบสงบ
และในเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ของกู้ฮอนก็ดังขึ้น
“ฮัลโล มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
นี่เป็นสายของฉิงฮัวโทรเข้ามา หลัก ๆ คืออยากจะตรวจสอบความปลอดภัยของสองแม่ลูกให้แน่ใจ “คุณหนู พวกคุณกลับมาแล้วใช่ไหมครับ?”
“ใช่ อยู่ระหว่างทางกำลังกลับ” หลังจากกู้ฮอนตอบไปแล้วประโยคหนึ่ง ก็ลองถามต่ออีกประโยคว่า “จากที่ยี่เฟิง นายสืบได้เรื่องอะไรบ้างหรือเปล่า?”
“อืม ที่สามารถแน่ใจได้ก็คือ คุณชายยี่เฟิงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตอนนี้ผมอยู่ข้างหลังพวกคุณและกำลังรีบตามคุณไป เมื่อกี้ผมก็เพิ่งกลับมาจากที่ที่พวกคุณไป เพราะกลัวว่าพวกคุณจะเป็นอันตราย เพราะฉะนั้นผมก็เลยตัดสินใจตามออกมาด้วยตัวเอง”
“ขอบคุณมากฉิงฮัว งั้นเดี๋ยวเราเจอกันที่ห้องทำงานเลยละกัน ตอนนี้ฉันจะส่งหยางหยางกลับไปที่โรงเรียนก่อน” กู้ฮอนพูดจบแล้วก็วางสายไป
สายตาของเธอกวาดมองหยางหยางทีหนึ่ง “หนูกำลังคิดอะไรอยู่ หนูรู้ไหมว่าเรื่องแบบวันนี้มันอันตรายมากนะ”
หยางหยางเงยหน้าขึ้นมองไปที่แม่ “จะมีอันตรายที่ไหนกัน คุณอาบิวตี้ก็ไม่ใช่คนร้ายสักหน่อย”
เฮ้อ ดูท่าคำสั่งสอนที่ตัวเองพูดไปเมื่อกี้ ไม่ได้โดนเขาฟังเข้าไปเลยสักนิด
“แม่อยากจะบอกหนูว่า ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนร้าย ตอนนี้หนูยังเป็นเด็กยังแยกแยะไม่ออก และที่สำคัญ ถึงจะเป็นคนรู้จัก ถ้าเขาคิดอยากจะพาหนูไป ก่อนจะไปก็ต้องบอกเฉิงเฉิงก่อน หรือว่าต้องโทรบอกแม่ หรือฉิงฮัว แอนนาหรือว่าลั่วเฉียวก็ได้ ถ้าตอนที่พวกเรายังไม่อนุญาตแล้วละก็ จะไปกับคนอื่นไม่ได้นะรู้ไหม”
“งั้นโทรหาพ่อไม่ได้เหรอ? แล้วอีกอย่าง วันนี้ผมกะจะบอกเฉิงเฉิงแล้ว แต่ว่าผมหาตัวเขาไม่เจอ และอีกอย่างอาบิวตี้บอกว่าแม่ไม่สบายอยากจะให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อน ก็เพราะว่าผมเป็นห่วงแม่ถึงได้ออกไปกับเขา แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะพาผมไปที่เมื่อกี้ แต่ว่าที่ตรงนั้นก็ถือว่าสนุกดีนะ”
ในใจกู้ฮอนเข้าใจว่าลูกเป็นหว่งตัวเอง ถึงแม้ในใจจะรู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อย แต่ว่าก็ต้องสั่งสอนต่อไป
ไม่งั้น ครั้งนี้ถือว่าบังเอิญโชคดีไป ที่จุดประสงค์หลักของถังเทียนจื๋อคือแค่อยากจะหลอกล่อให้ตัวเองไปเท่านั้น แล้วถ้าหากเป็นคนอื่นที่มีเจตนาอย่างอื่นมาใช้วิธีแบบนี้เหมือนกันขึ้นมา งั้นก็คงจะไม่โชคดีแบบนี้แล้ว
***
กู้ฮอนขับรถส่งหยางหยางกลับไปที่โรงเรียนแล้ว แต่ในรถของเธอยังเหลือแขกตัวเล็กที่มาใหม่ตัวนั้น… กระรอกน้อย
เพื่อไม่ให้มันไปกระทบการเรียนของลูกชายเข้า เธอก็ทำได้แค่พามันกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเองด้วย ผ่านไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ฉิงฮัวก็กลับมาถึงอย่างรีบร้อน ในตอนที่เขาเห็นกู้ฮอนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานอย่างปลอดภัยดีแล้วนั้น เขาถึงได้หายใจโล่งออกมาได้จริง ๆ
เรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นข้อผิดพลาดเล็ก ๆ ที่แทรกเข้ามาเท่านั้น และไม่โดนทั้งสองคนยกขึ้นมาพูดอีก หน้าที่การงานก็ยังคงต้องเดินหน้าต่อไป
จนกระทั่งเมื่อใกล้เวลาเลิกงาน ความเงียบสงบแบบนี้ก็โดนทำลายลงในที่สุด
กู้ฮอนกับฉิงฮัวต่างก็กำลังยุ่งอยู่กับหน้าที่การงานในมือของตัวเอง จนกระทั่งจังหวะแบบนี้โดนเสียงโทรศัพท์ภายในตรงหน้าโต๊ะของฉิงฮัวทำลายลงไป
เพื่อหลีกเลี่ยงการส่งผลกระทบต่อกู้ฮอน เขาจึงรีบรับโทรศัพท์ขึ้นทันที “มีเรื่องอะไร? หือ? ได้ ผมจะรีบลงไปดูเดี๋ยวนี้” พูดแล้วเขาก็รีบวางสายลง “คุณหนู ข้างล่างมีเรื่องนิดหน่อย ผมลงไปจัดการสักครู่นะครับ” พูดจบ เขาก็ไม่รอคำตอบจากเธอ แล้วก็รีบร้อนออกไปเลย
นี่เป็นฉิงฮัวที่กู้ฮอนเห็นได้ไม่บ่อยนัก ที่จริงตอนที่เขารับโทรศัพท์เสร็จและจะออกไปนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเขามีความผิดปกติบ้างแล้ว
เพียงแต่ว่าเธอก็ไม่สะดวกถาม ถ้าหากว่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังต้องให้ประธานมาจัดการด้วยตัวเองอีกละก็ งั้นก็คงจะต้องเหนื่อยตายกันพอดี
กลับสู่สภาพแวดล้อมเงียบสงบอีกครั้ง แต่ว่าจิตใจของกู้ฮอนนั้นกลับไม่สามารถสงบลงได้อีกแล้ว เธอมองกรงเล็ก ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า กระรอกน้อยที่อยู่ข้างในกระโดดไปมาไม่หยุดหย่อน ดูมีท่าทางตื่นตระหนก
พอเห็นมันก็ทำให้นึกถึงคฤหาสน์ที่แขวนป้าย66ไว้ ระเบียงนั้นที่พูดได้ว่าเป็นอุโมงค์แห่งกาลเวลา รูปถ่ายขาวดำใบเล็กใบใหญ่ที่นับไม่ถ้วนเหล่านั้น แต่ละใบค่อย ๆ กระจ่างขึ้นในหัวสมองเธออีกครั้ง
สุดท้าย ความคิดของเธอก็มาหยุดลงตรงคำพูดช่วงที่สนทนากับหลี่เชิน ศัตรูอยู่ตรงหน้าแล้ว ถึงแม้เธอจะเคยพูดแล้วว่าจะไม่ยอมรับเขาเป็นพ่อของตัวเอง คำพูดถึงจะพูดไปแบบนี้ แต่ว่ามันจะสามารถเป็นแบบอย่างนั้นไปจริง ๆ ได้ยังไงกัน
แต่ว่าสิ่งที่มั่นใจได้ก็คือ เขาไม่มีทางปล่อยเป่หมิงโม่ไปง่าย ๆ แน่ ถ้าหากจะช่วยเขาออกมาแล้วละก็ เหมือนจะมีแค่วิธีเดียว นั่นก็คือสู้กับหลี่เชินแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน แต่ว่าสำหรับจะสู้กันยังไงนั้น ก็ต้องมาลงมือกับผู้อำนวยการโกวคนนั้นก่อน คนที่เป็นถึงผู้อำนวยการคนนั้น สามารถแน่ใจได้แล้วว่าไม่ได้เป็นสิ่งดีอะไร
ต่อจากนั้น ในสมองของเธอก็มีแผนการกับแบบแผนอย่างหนึ่งโผล่เข้ามา ขอแค่เดินต่อไปทีละก้าวทีละก้าว ก็จะต้องถึงเป้าหมายได้อย่างแน่นอน แต่ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วละก็ มันจะต้องกระตุ้นให้อำนาจสั่นคลอนสักครั้งแน่ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือโลกธุรกิจ ก็จะมีผลกระทบไม่น้อยทั้งนั้น
ในที่สุด หลังจากที่เธอคิดวิเคราะห์คำนวณอย่างดีแล้ว ก็ตัดสินใจว่าน่าจะลองไปเสี่ยงดูสักครั้ง
หลังจากที่กู้ฮอนเพิ่งจะคิดเสร็จว่าต่อไปควรจะทำยังไงนั้น อยู่ ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก และฉิงฮัวก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ “คุณหนู แย่แล้ว ข้างล่างเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นแล้ว”
“อะไรนะ!” เธอรีบลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ “นายพูดให้ชัดเจนกว่านี้หน่อย ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ฝ่ายขนส่ง ฝ่ายการเงิน ฝ่ายอาคาร ฝ่ายออกแบบ……มีคนมากมายกำลังโวยวายว่าจะประท้วงหยุดงานไม่ทำแล้ว หนึ่งในนั้นยังมีพวกหัวหน้าบางคนด้วยครับ” บนหน้าผากของฉิงฮัวมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย ดูออกว่าเมื่อกี้ที่เขาลงไปก็เพื่ออยากจะลองไปจัดการเรื่องเรื่องนี้ดู แต่ว่าไม่เกิดผลประโยชน์ใด ๆ และที่สำคัญเรื่องนี้ยังมีความเสี่ยงว่ายิ่งอยู่จะยิ่งใหญ่โตขึ้นอีก
ตกลงวันนี้มันวันอะไรกัน มีแต่เรื่องที่ทำให้คนปวดหัวเข้ามาเรื่องแล้วเรื่องเล่า และที่สำคัญแต่ละเรื่องก็ยิ่งรุนแรงกว่าร้ายแรงกว่าเรื่องเก่าอีกด้วย
***
กู้ฮอนบอกฉิงฮัวว่าอย่าเพิ่งรีบร้อน นั่งลงแล้วค่อย ๆ พูดว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น
ผลปรากฏว่าพอเธอฟังจบแล้วก็ต้องตกใจอย่างมาก
นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่ว่าเป็นเรื่องที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว และคนที่อยู่เบื้องหลังก็คือติงฉางชิ่งคนที่โดนเธอไล่ออกไปกลางที่ประชุม
อยู่ในบริษัทเป่หมิงโม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือบุคคลที่มีตำแหน่งสำคัญทั้งบนทั้งล่าง ล้วนมีคนที่เชื่อถือและสนิทสนมกับเขาอยู่ไม่น้อย แล้วครั้งนี้พอเขาโดนกู้ฮอนไล่ออกจากบริษัทเป่หมิง ก็เลยรู้สึกอับอายไม่น้อย เขาเคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้ซะที่ไหนกัน
พอความโกรธมันพุ่งขึ้นมาแล้วผ่านไปไม่ได้ เขาที่จากไปไม่นานก็โทรบอกพรรคพวกพวกนั้นของเขา ให้พวกเขาก่อเรื่องบางอย่างขึ้นมา
ติงฉางชิ่งเป็นถึงคนเก่าคนแก่ของบริษัทเป่หมิง พอเอ่ยคำสั่งหนึ่งออกไป ก็แน่นอนว่าต้องมีคนมากมายตอบรับแน่ ไม่ได้เป็นเพราะอะไร แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นดีเห็นงามกับผู้หญิงที่ชื่อกู้ฮอนมาก่อน
ตั้งนานมาแล้วที่เธอกับเป่หมิงโม่เกี่ยวพันกันมา แม้กระทั่งครั้งนี้ที่เธอสามารถขึ้นมาดำรงตำแหน่งได้สำเร็จก็เป็นผลมาจากการที่เธอคอยเป่าลมอยู่ข้างหมอน ทำให้เป่หมิงโม่ผู้ที่มีสติและซื่อตรงมาตลอดยังต้องลุ่มหลงเข้าไป จนทำให้ยินยอมพร้อมใจสองมือประคองมอบกิจการของตระกูลใหญ่โตขนาดนี้ให้กับเธอด้วยความเต็มใจ แต่เขานั้นกลับไปเป็นแค่ผู้ช่วยที่คอยติดตามต๊อกต๋อยคนหนึ่ง
เธอกับต๋าจี๋ได้มีเครื่องหมายเท่าเทียมกันแล้ว
เรื่องราวข้างหลังเหล่านี้ กู้ฮอนจะไปรู้เรื่องได้ยังไง แม้แต่ฉิงฮัวเองก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวเช่นกัน
มองแล้ว ถ้าจะทำให้เรื่องราวเหล่านี้สงบลงได้ ก่อนอื่นก็ต้องให้เหล่าหัวหน้าฝ่ายต่าง ๆ ที่โวยวายเข้ามาเจรจากันก่อน ดูว่าจะมีทางทำให้เรื่องราวสงบลงได้บ้างไหม
ฝ่ายออกแบบ ฝ่ายวิศวกรรม และฝ่ายบัญชี……ในสมองของกู้ฮอนกะพริบชื่อของสามแผนกนี้ขึ้นมาอยู่ไม่ขาด ในใจเธอเข้าใจดีว่าสิ่งที่เธอต้องเผชิญหน้านั้นก็คือคนของครอบครัวเป่หมิงยี่เฟิงทั้งครอบครัว
“ฉิงฮัว ในเหล่าคนที่กำลังโวยวายอยู่นี้ เห็นพวกเป่หมิงยี่เฟิงบ้างไหม?
ฉิงฮัวขมวดคิ้วคิดไปสักครู่ จากนั้นก็ส่ายหัว “คุณหนู ตอนที่ผมลงไปนั้นไม่เห็นพวกเขาเลยครับ”
ในเมื่อไม่เห็นพวกเขา ก็แสดงว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็เหมือนเรื่องที่ถังเทียนจื๋อพาหยางหยางไปนั้น พวกเขาก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน
และแน่นอนยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ พวกเขาแค่คอยยืนอยู่เบื้องหลัง รอจนถึงเวลาเหมาะสมแล้วค่อยโผล่หน้าออกมา
ไม่ว่ายังไง ตอนนี้จะต้องพูดคุยกับพวกเขาดี ๆ ใช้สิทธิ์ในความที่พวกเขาเป็นคนของตระกูลเป่หมิง เกียรติภูมิแบบนี้อาจจะสามารถข่มเรื่องวุ่นวายครั้งนี้ไปได้
“นายไปเชิญครอบครัวเป่หมิงเฟยหย่วนทั้งครอบครัวมาหาฉันที่นี่ ฉันมีเรื่องจะคุยกับพวกเขา” กู้ฮอนสั่งกำชับ
ฉิงฮัวเข้าใจจุดประสงค์ของกู้ฮอนขึ้นมาทันที เขาขมวดคิ้วขึ้นน้อย ๆ “คุณหนู แบบนี้จะดีเหรอ ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมมาล่ะจะทำยังไงครับ หรือว่าถ้าพวกเขาไม่ยอมให้ความร่วมมือ……”
“ตอนนี้ไม่มีถ้าหากเยอะขนาดนั้นแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้พวกเขามาหาฉันที่นี่ให้ได้”
ฉิงฮัวพยักหน้าเข้าใจ แล้วก็หมุนตัวเดินออกไป
กู้ฮอนเดินวนไปมาหลายรอบอย่างร้อนใจในห้องทำงาน นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอร้อนรนขนาดนี้ และแน่นอน นี่ก็เป็นความยุ่งยากที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ที่เธอขึ้นมาดำรงตำแหน่งหรือพูดอีกอย่างคือตั้งแต่เธอเข้ามาสัมผัสกับตระกูลเป่หมิง
ฉิงฮัวไม่กล้ารีรอ รีบกลับมาถึงห้องทำงานของเป่หมิงยี่เฟิงอีกครั้ง มาทันพอดีกับที่เป่หมิงยี่เฟิงกำลังเตรียมตัวเก็บข้าวของจะเลิกงานกลับบ้านพอดี
เขาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นฉิงฮัวยืนอยู่ตรงหน้าเขา “ทำไมนายถึงมาอีกแล้ว? ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ เมื่อกี้พอนายออกไปฉันก็รีบโทรศัพท์หาถังเทียนจื๋อทันทีเลย แต่ว่าทางเขานั้นก็ปิดเครื่องไปแล้ว ตอนนี้ฉันก็จนปัญญาแล้วจริง ๆ”