บทที่ 975 มีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ
ตอนแรกก็คือจะมาหาเป่หมิงโม่เพื่อช่วยคิดหาวิธีบีบบังคับเป่หมิงยี่เฟิง แต่ว่าความหวังยิ่งสูงความผิดหวังก็ยิ่งเยอะ
*
ทางด้านนี้ เป่หมิงยี่เฟิงกำลังขับรถของตัวเองอยู่และฮัมเพลงไป เป่หมิงเฟยหย่วนและหลันเนี่ยนที่นั่งอยู่เบาะหลังมองลูกชายด้วยสายตาที่มีแววเป็นกังวลแฝงอยู่
สายตาแบบนี้ ทำไมเป่หมิงยี่เฟิงถึงจะสังเกตไม่เห็น เขากวาดตามองกระจกมองหลังทีหนึ่งแล้วพูดว่า “พ่อกับแม่นี่เป็นอะไรกัน หรือว่าไม่ดีใจกับผมด้วยเหรอ ผมว่าอีกไม่นานบริษัทเป่หมิงก็ต้องกลับมาอยู่ในมือของพวกเราใหม่อีกครั้งแน่นอน”
สำหรับคำพูดของลูกชาย ไม่ว่าจะเป็นเป่หมิงเฟยหย่วนหรือว่าหลันเนี่ยน พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรสักนิด เพราะไม่ว่ายังไงพวกเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้หักหลังตระกูลเป่หมิง
อีกบริษัทหนึ่งแย่งความรุ่งเรืองชักนำจิตใจผู้คน ถึงแม้มองไปแล้วสุดท้ายผลประโยชน์ก็ยังคงเป็นของบริษัทเป่หมิง แต่ว่าความรู้สึกมันได้เปลี่ยนไปแล้ว
“ยี่เฟิง ที่แกทำแบบนี้เรารู้สึกไม่ค่อยเห็นด้วย และสำคัญ แกมั่นใจมากขนาดนี้เลยเหรอว่าแกจะชนะการประมูลได้? ไม่ใช่ตอนนี้ให้คำมั่นสัญญาเต็มปากเต็มคำ แต่พอถึงสุดท้ายกลายเป็นจบไม่สวยนะ” เป่หมิงเฟยหย่วนก็ยังคงคิดเผื่อไปอีกหลายก้าว สำหรับเรื่องนี่แล้วในใจของเขานั้นไม่มีความมั่นใจเลย
เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มอ่อน ๆ ขึ้น “พ่อ พ่อวางใจเถอะ ในเมื่อผมพูดไปแล้ว ก็ต้องมีความมั่นใจแน่นอน พ่อไม่เห็นสถานการณ์ของวันนี้เหรอ พนักงานของบริษัทเป่หมิงเริ่มโอนเอียงมาทางผมกันแล้ว”
“คำพูดนี้ถึงจะไม่ปลอม แต่แกก็ไม่เคยคิดเลยเหรอว่าข้างหลังกู้ฮอนยังมีอารองของแกอยู่ ถึงแม้ช่วงสองวันมานี้จะไม่เห็นเขา แต่ว่าเรื่องใหญ่อย่างวันนี้ เขาจะต้องรู้แน่ ๆ และที่สำคัญยังต้องยื่นมือออกมายุ่งเกี่ยวด้วยแน่ ๆ ฉันว่าที่กู้ฮอนปฏิเสธการประกวดราคาของรัฐตั้งแต่แรก ก็น่าจะมีเขาสนับสนุนอยู่ด้วย ไม่งั้น เธอก็คงจะไม่มองธุรกิจใหญ่ขนาดนี้ตาละห้อยแล้วไม่ทำหรอก” ตอนนี้เวลานี้เป่หมิงเฟยหย่วนก็ยังคงเป็นห่วงกังวลต่อเป่หมิงยี่เฟิงอยู่มากมาย
เป่หมิงยี่เฟิงก็รู้ถึงความเป็นห่วงของบิดา “พ่อ พ่ออย่ามัวแต่มีชีวิตอยู่ในเงาของอารองได้ไหม ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถยิ่งใหญ่ขนาดไหน ไม่ว่ายังไงก็เป็นแค่คนหนึ่งคนเท่านั้นเอง แต่ว่าที่เรานี้มีกันตั้งสามคน และพูดอีกอย่าง ตอนนี้เขาไม่อยู่ และที่สำคัญเรื่องของวันนี้มันเป็นตะปูตอกเข้าไปในกระดานแล้ว ถึงแม้พรุ่งนี้เขาจะปรากฏตัวออกมา ก็คงสายเกินไปแล้วอยู่ดี”
สิ่งที่เป่หมิงเฟยหย่วนกังวลที่สุดก็คืออารมณ์ร้อนของคนวัยรุ่นแบบนี้ของลูกชาย เขาถอนหายใจทีหนึ่ง “ยี่เฟิงอ่า เรากับบ้านอารองของแก ไม่ใช่เทียบว่าใครคนเยอะแล้วจะเหนือกว่านะ แกก็ไม่ลองคิดดูเขาสามารถแบกรับบริษัทเป่หมิงมาคนเดียวได้ตั้งหลายปี นี่ไม่มีความสามารถสักนิดนี่ทำไม่ได้เลยนะ พ่อว่าแกระวังไว้หน่อยก็ดี ในเมื่อเรื่องของวันนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว งั้นทางเดินต่อไปแต่ละก้าวระวังไว้หน่อยก็ดีเข้าใจไหม”
เป่หมิงยี่เฟิงเริ่มเบื่อหน่ายกับท่าทีมัวแต่ช่วยให้ผู้อื่นยิ่งใหญ่จนกลับทำให้อนาคตตัวเองดับลงแบบนี้ของพ่อเขา “พอเถอะ ในเมื่อเรื่องนี้ผมเป็นคนก่อขึ้นมาเอง งั้นผมก็จะรับผิดชอบจนถึงที่สุด เรื่องอื่น ๆ พ่อก็ไม่ต้องมายุ่งแล้ว”
***
วันที่สอง เป่หมิงยี่เฟิงก็เริ่มลงมือเตรียมหนังสือเสนอราคาเพื่อยื่นประกวดราคากับรัฐแล้ว นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาเข้าร่วมกับเรื่องราวแบบนี้ เพราะฉะนั้นก็เลยดูมีตื่นเต้นเล็กน้อย
เขาเกือบจะใช้ทุกอย่างที่เรียนมาทุ่มเทไปบนหนังสือประมูลฉบับนี้แล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าต้องมีหัวเรือใหญ่ในธุรกิจมากมายมาเข้าร่วมด้วยอยู่แล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคงถือว่ามีแรงที่เหมือนลูกวัวแรกเกิดนี้
และนี่ก็อาจจะเป็นเพราะเขาได้รับการชื่นชมและยอมรับจากบริษัทเจียเม้าในตอนแรก ถึงทำให้เขามีความมั่นใจมากขนาดนี้
ทางด้านเป่หมิงยี่เฟิง หลังจากผ่านเรื่องราวของเมื่อวานแล้ว ก็ทำให้รวบรวมจิตใจพนักงานของบริษัทเป่หมิงไปบางส่วน และในเวลาเดียวกันก็เกิดข่าวลือที่ส่งผลทางด้านลบต่อกู้ฮอนออกมาไม่น้อย
ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้ ฉิงฮัวเหมือนกับจะนั่งไม่ติดแล้ว เขาขอร้องให้กู้ฮอนอนุญาตให้ตัวเองเดินหน้าข่มเรื่องราวพวกนี้เอาไว้ ในธุรกิจหนึ่ง โดยเฉพาะธุรกิจที่ยิ่งใหญ่แบบบริษัทเป่หมิงนี้ ถ้าจิตใจผู้คนสลายหรือเปลี่ยนไปนั้น งั้นก็คงจะเดินไปสู่อันตรายทีละก้าวทีละก้าวแล้ว
ฉิงฮัวอยู่ข้างกายเป่หมิงโม่มาหลายปีขนาดนี้ ย่อมรู้เหตุผลนี้ลึกซึ้งดี
แต่ว่า ปฏิกิริยาของกู้ฮอนนั้นกลับทำให้รู้สึกเหลือเชื่อ เธอถึงขนาดปล่อยปะละเลยไม่สนใจเลยเหรอ? นี่มันถ้าเทียบกับท่าทีของเธอเมื่อวานแล้วนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงมากจริง ๆ
หรือว่าหลังจากผ่านเรื่องราวเมื่อวานมาแล้ว เธอก็เริ่มประชดประชันตัวเองแล้วเหรอ?
ฉิงฮัวนั้นไม่อยากจะเห็นสถานการณ์อย่างนี้เลยจริง ๆ ความรู้สึกที่เขามีต่อบริษัทเป่หมิงนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าเป่หมิงโม่หรือคนในบ้านเป่หมิงยี่เฟิงสักเท่าไหร่ ถึงแม้จะเป็นแค่ผู้ช่วยที่คอยติดตามคนหนึ่งเท่านั้นก็ตาม
หลังจากที่ฉิงฮัวคอยตามถามกู้ฮอนซ้ำไปซ้ำมาถึงสาเหตุแล้ว เธอก็เลยตัดสินใจเล่าเรื่องที่เธอไปเยี่ยมเป่หมิงโม่เมื่อวานอีกให้ฉิงฮัวฟังไปอย่างละเอียดรอบหนึ่ง
ฉิงฮัวถึงได้ยอมรับการเผชิญหน้ากับความจริงแบบนี้อย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่
“ฉิงฮัว” กู้ฮอนพูดต่อไป “ฉันว่าในเมื่อเรื่องมันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว งั้นเราก็อย่าเพิ่มเรื่องปวดหัวให้กับสิ่งนี้อีกเลย ฉันรู้สึกว่าน่ายังมีเรื่องที่สำคัญกว่ารอเราไปทำอยู่”
ฉิงฮัวถอนหายใจยาว ๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่กู้ฮอน “คุณหนู มีเรื่องอะไรรับสั่งมาได้เลยครับ”
“คดีของเป่หมิงโม่นี้มันยืดเยื้อมาอย่างนี้ตลอด พูดอย่างจริงจังแล้วก็เพราะว่าผู้อำนวยการโกวคนนั้นและ……”พอพูดมาถึงตรงนี้ กู้ฮอนก็สะดุดไปครู่หนึ่ง
เธอไม่อยากเอ่ยถึงชื่อของหลี่เชิน
“พวกเขานั้นกำลังยื้อเวลาการไต่สวนของเป่หมิงโม่ออกไป เพราะฉะนั้นเราต้องมาคิดหาวิธีทำให้เรื่องเรื่องนี้เดินหน้าให้เร็วที่สุด ไม่เพียงเท่านี้ เรายังไม่อาจโดนผลกระทบแบบนี้แล้วอยู่เฉย ๆ รอโดนตีอยู่อย่างนี้ เราจะต้องคิดหาวิธีรื้อเรื่องเก่า ๆ ของผู้อำนวยการโกวคนนี้ออกมาด้วย ในเมื่อเขาสามารถทำเรื่องอย่างนั้นในวันนั้นออกมาได้ งั้นก็แสดงว่าเมื่อก่อนเขาก็น่าจะเคยทำมาไม่น้อย น่าจะมีผู้เสียหายอยู่ไม่น้อย ขอแค่เราสามารถตามหาพวกเขาออกมาได้ แล้วพามาร่วมเป็นพยานพร้อมกัน โอกาสชนะก็จะมีมากขึ้นไม่น้อย”
ฉิงฮัวพยักหน้า เขาก็เห็นด้วยว่านี่เป็นวิธีที่ดี ขอแค่สามารถช่วยเจ้านายออกมาได้ งั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นใต้สายตาพวกนี้ก็จะมีทางออกที่ราบรื่นแล้ว
ในสายตาของเขาก็มีความหวังปรากฏขึ้นมาทันที คนทั้งตัวก็กระฉับกระเฉงขึ้นมาเยอะ “คุณหนู คุณหนูว่าเราต้องทำยังไงบ้าง?”
สำหรับเรื่องนี้ กู้ฮอนก็แค่มีแค่ความคิดริเริ่มเท่านั้น แต่ว่าพอถึงเวลาปฏิบัติจริงนั้นก็มีความยากลำบากอยู่ไม่น้อย อย่างเช่นตอนนี้ ถึงแม้บริษัทเป่หมิงจะกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว แต่ก็ยังต้องการคนคนหนึ่งมาดำเนินงานต่อไป
“ฉิงฮัว เวลาที่นายอยู่ในบริษัทเป่หมิงมาก็นานแล้ว ฉันเตรียมจะเลื่อนขั้นให้อำนาจนายมารับผิดชอบเรื่องเล็ก ๆ ใหญ่ ๆ ทั้งหมดของบริษัทเป่หมิง แล้วฉันก็ปลีกตัวไปลองตรวจสอบดูว่าจะมีข้อมูลหรือคนที่จะมาเป็นพยานได้ไหม”กู้ฮอนรู้สึกว่าเรื่องนี้ถ้าตัวเองออกหน้าด้วยตัวเองจะดีกว่า
***
สำหรับความจริงที่กู้ฮอนไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแล้วนั้น เธอก็ทำได้แค่น้อมรับความคิดเห็นของเป่หมิงโม่ ปล่อยไปตามธรรมชาติละกัน และเธอก็ไม่อยากจะอยู่ดูการแสดงที่เหมือนโชว์ของเป่หมิงยี่เฟิงที่บริษัทเป่หมิงอีกด้วย
เธอเลือกเดินออกไป ในช่วงเวลาแบบนี้ เพื่อไปหาคนคนหนึ่งหรือวิธีที่จะสามารถทำให้เป่หมิงโม่พ้นผิดถึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
***
หยินปู้ฝันเห็นกู้ฮอนเดินเข้ามา ก็รีบร้อนวางงานในมือลง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มขึ้น “ฮวน ทำไมวันนี้ถึงว่างมาหาผมถึงที่นี่ได้?”
“นายอย่าถามฉันเลย มีเรื่องวุ่นวายใจทุกรูปแบบ ทางด้านนายคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?” กู้ฮอนนี้พอโดนถามขึ้นมาก็ทำให้เธอนึกถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมาอีก พอนึกถึงแล้วก็หัวโตขึ้นมาเลย
พอเห็นเธอเปลี่ยนเรื่องคุย เขาก็รู้แล้วว่าตอนที่เธออยู่บริษัทเป่หมิงจะต้องเจอเข้ากับปัญหาวุ่นวายใจอะไรขึ้นมาแน่ ๆ ก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่ออีก
หยินปู้ฝันแบมือออก “ตอนนี้ที่ผมยังไม่มีข้อมูลอะไรสักนิด คนคนนั้นที่ชื่อ ‘เสี่ยวเฉิน’ เหมือนกับระเหยไปจากโลกมนุษย์แล้วยังไงอย่างงั้น แต่ว่าเมื่อเช้าเพิ่งจะได้รับข่าวมาว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะโดนผู้อำนวยการโกวเอาตัวไปซ่อนไว้แล้ว สำหรับเหตุผลเป็นเพราะอะไรนั้น คุณกับผมต่างก็น่าจะรู้ดี คิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่มันก็ชั่วร้ายพอสมควรเลย ได้แต่หวังว่ามันคงจะไม่โดนปิดปากซะก่อนก็พอ ผมสืบที่อยู่ของพ่อแม่มันได้แล้ว ผมว่าตอนบ่ายจะไปถามไถ่สักหน่อย หวังว่าเจ้าหมอนั่นก่อนจะออกจากบ้านไปคงจะบอกข้อมูลอะไรไว้กับคนแก่บ้างนะ”
“งั้นเราไปด้วยกันดีกว่า” กู้ฮอนนั้นกลับคิดว่าความหวังแม้แต่น้อยนิดก็เอามาเป็นความหวังร้อยทั้งร้อยได้
“ทางด้านนั้นของเธอไม่มีเรื่องอะไรแล้วเหรอ?” หยินปู้ฝันเห็นเธอพูดได้อย่างสบาย ๆ อย่างนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัยขึ้นมา ตามหลักนิสัยของเธอแล้ว ไม่มีทางที่จะปล่อยงานที่บริษัทเป่หมิงทิ้งไว้เฉย ๆ แล้วมาตามตัวเองไปทำการค้นหาอย่างไม่มีเป้าหมายแบบนี้หรอก
“ทางนั้น……ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันเอาเรื่องที่จะต้องทำมอบให้ฉิงฮัวหมดแล้ว ช่วงสองวันนี้ฉันต้องการออกไปผ่อนคลายให้ปลอดโปร่งหน่อย” สีหน้าบนหน้าของกู้ฮอนดูสับสนวุ่นวายมากนัก ในคำพูดก็แฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้าบางส่วน
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็ดีเลย วันนี้ผมดูออกว่าอารมณ์ของคุณไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จะต้องเจอเรื่องอะไรมาแน่ ถ้าหากรู้สึกสะดวกใจแล้วละก็ ระหว่างทางสามารถเล่าให้ผมฟังได้นะ” หยินปู้ฝันพูดแล้วก็เงยหน้ามองนาฬิกา จากนั้นก็ปิดเอกสารที่เปิดทิ้งไว้บนโต๊ะ “งั้นเราก็ออกเดินทางกันตอนนี้เลยดีกว่า”
“นายยังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ในมือไม่ใช่เหรอ?” กู้ฮอนไม่อยากเป็นเพราะตัวเองแล้วทำให้งานของคนอื่นต้องมาเสียเวลาอีก
“ผมเหรอ?” หยินปู้ฝันยิ้มขึ้นอ่อน ๆ แล้วแบมือออกทั้งสองข้าง “ที่นี่ของผมไม่มีเรื่องอะไรให้ทำตั้งนานแล้ว ตั้งแต่รับเรื่องคดีของเป่หมิงโม่มา ลูกค้าที่เข้ามาก็น้อยลงไปทุกวัน และถึงแม้จะมีลูกค้าที่ตกลงจะร่วมงานกันแล้ว ก็ยังมายกเลิกไปกะทันหันอีก ผมว่านะ จะต้องเป็นเพราะฝีมือคนพวกนั้นแน่”
พอกู้ฮอนได้ยิน ก็ยังรู้สึกผิดในใจขึ้นมานิดหน่อย “ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ตั้งแต่สำนักงานทนายความเปิดกิจการมา ก็ไม่เคยได้พักผ่อนดี ๆ มาก่อนเลย ครั้งนี้ก็คิดซะว่าได้หยุดงานละกัน คุณอย่าเอามาใส่ใจเลย เรื่องของเป่หมิงโม่ผมเต็มใจรับทำเอง และที่สำคัญระหว่างเรายังมีความสัมพันธ์ฉันญาติอยู่อีกชั้นด้วย”
หยินปู้ฝันพูดอย่างผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเอง ดูแล้วไม่มีผลกระทบอะไรต่อเขาเลย
บอกว่าไปก็ไป หยินปู้ฝันพากู้ฮอนไปที่ซูเปอร์มาเก็ตก่อนเพื่อซื้อของเตรียมไว้กินระหว่างทางที่เดินทางแล้วเอาไปไว้ในรถของตัวเอง
ในเมื่อทั้งสองออกเดินทางไปด้วยกัน ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขับรถไปสองคันแล้ว มีหยินปู้ฝันเป็นคนขับรถนั้นกู้ฮอนสามารถวางใจได้เป็นร้อยครั้งแล้ว
***
หยินปู้ฝันกับกู้ฮอนเข้ามานั่งในรถ แล้วก็คาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย
กู้ฮอนหันหน้าไปมองหยินปู้ฝันทีหนึ่ง “เป้าหมายของเราอยู่ที่ไหนเหรอ?”
หยินปู้ฝันยกมือขึ้นมาชี้ไปทางให้หัวรถ “เมืองC ที่บังเอิญมากที่สุดคือ ผู้อำนวยการโกวคนนั้นเพิ่งโดนย้ายมาจากเมืองนั้นพอดี ไม่แน่การไปครั้งนี้เราอาจจะเก็บเกี่ยวอะไรได้อย่างคาดไม่ถึงก็ได้”
พอพูดจบ เขาก็เหมือนกับนักแข่งรถที่มีทักษะการขับขี่ที่ชำนาญมากคนหนึ่ง ปลดเบรก เหยียบคันเร่ง เปลี่ยนเกียร์……ทั้งหมดเป็นการกระทำที่ทำได้ลื่นไหลมาก ทำครั้งเดียวก็เสร็จเรียบร้อย
ระยะห่างระหว่างเมือง Aและ เมืองCเป็นแค่ระยะทางประมาณห้าร้อยกว่ากิโลเมตร แค่หนึ่งวันก็สามารถเดินทางไปกลับมาได้แล้ว แต่ว่าครั้งนี้ที่พวกเขาไปนั้นคือต้องไปทำธุระ บวกกับกู้ฮอนตัดสินใจกะทันหันว่าจะลองไปสืบถามเรื่องของผู้อำนวยการโกวกับเพื่อนร่วมสายธุรกิจในท้องที่ด้วย
รถวิ่งอย่างรวดเร็วอยู่บนทางด่วน
หยินปู้ฝันนั้นไม่เหมือนพวก ‘ลูกคนรวย’ที่ขอแค่ได้ขับรถสปอร์ตแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองแซ่อะไรแล้วพวกนั้น เขายังคงรักษาความเร็วตามมาตรฐานอยู่อย่างเข้มงวด
และเวลาเดียวกันที่ข้าง ๆ พวกเขาก็สามารถเห็นได้ถึงรถคันหนึ่งที่ขับผ่านพวกเขาไปราวกับบินได้ จากนั้นก็สะบัดพวกเขาไว้ข้างหลังไกล