เทพปีศาจผงาดฟ้า – ตอนที่ 104

ตอนที่ 104

ตอนที่ 104 รางวัล

“เจ้าบอกท่านลุงเท็นช่ากับเทอร่าเรื่องนี้แล้วหรือยัง? หรือเจ้าบอกกับข้าเป็นคนแรก?” เซี่ยจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยถาม

“ข้ายังมิได้บอกกับพวกเขาทั้งคู่เลย แต่ข้าควรต้องไปร่ำลาพวกเขาเช่นกัน อีกอย่างข้าเองก็เหลือเวลาไม่มากนัก..” หลงเฉินเอ่ยตอบเซี่ยพร้อมกับลุกขึ้นยืน

“ข้าจะไปกับท่านด้วย!”

เซี่ยยิ้มให้กับหลงเฉินเล็กน้อย และลุกขึ้นยืนเช่นกัน แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดหลงเฉินจึงรู้สึกว่ารอยยิ้มของนางในครั้งนี้ แตกต่างจากรอยยิ้มสดใสเป็นปกติที่เขาเคยพบเห็น

“เอ่อ.. เจ้าช่วยเดินนำข้าไปจะได้หรือไม่?! ข้ามิรู้ว่าประตูทางออกบ้านของเจ้าอยู่ที่ใด?” หลงเฉินยิ้มกว้างในขณะที่จ้องมองไปที่ประตูห้องตรงหน้า

“ได้สิ!” เซี่ยเดินนำออกไปโดยมีหลงเฉินเดินตามหลัง

ไม่นานนัก.. ทั้งคู่ก็เดินมาถึงคฤหาสน์ของเท็นช่า

เวลานี้ เท็นช่ากำลังนั่งอยู่ในห้องและเขียนอะไรบางอย่างอยู่ ส่วนเทอร่าก็กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ข้างๆ..

“เทอร่า.. นึกไม่ถึงว่าเจ้าจักเป็นผู้ที่ชื่นชอบ และรักการอ่านเช่นนี้!”

ทันทีที่เซี่ยกับหลงเฉินเดินเข้าไปด้านใน หลงเฉินก็เป็นฝ่ายเอ่ยเย้าแหย่เทอร่า..

ทั้งเทอร่าและเท็นช่ารีบลุกขึ้นด้วยสีหน้าตกอกตกใจ ในขณะเดียวกันก็รีบเอ่ยทักทายหลงเฉิน..

“นั่งลงเถิด! ข้ามิต้องการรบกวนเวลาของพวกเจ้านานนัก ข้ามาที่นี่เพื่อร่ำลาพวกเจ้าทั้งสองเท่านั้น หลังจากข้ากลับไปแล้วก็มิรู้ว่าเมื่อใดจึงจักมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก ข้าอยากจะมาขอบคุณพวกเจ้าที่ดูแลข้าเป็นอย่างดีตลอดเวลาที่ข้าอยู่ที่นี่!” หลงเฉินเอ่ยขอบคุณด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“เอ่อ.. ช่างเหมือนกับเมื่อครั้งที่ท่านปรมาจารย์เทียนเฉินปรากฏตัวมิมีผิด หลังจากที่เขาช่วยโลกใบนี้ไว้ได้ ก็จากไปเยี่ยงนี้เช่นกัน มนุษย์คือเทพเจ้าผู้ปกปักษ์รักษาโลกใบนี้งั้นรึ? พวกท่านมักปรากฏตัวขึ้นทุกครั้งที่พวกเราตกอยู่ในอันตราย หลังจากปกป้องพวกเราจากหายนะแล้ว พวกท่านก็จากไป..”

เท็นช่าจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงบางเบา..

“ข้าหาใช่เทพเจ้าแต่อย่างใดไม่ แต่ข้าดีใจที่ได้ช่วยทุกคนให้ปลอดภัย.. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า!”

หลงเฉินเอ่ยตอบเสียงเบาจนแทบมิได้ยิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประโยคสุดท้าย เมื่อเขานึกถึงรองหัวหน้าซูขึ้นมา เขาเหลือบมองหน้าเซี่ย แต่พบว่าสีหน้าของนางกลับยังคงนิ่งเป็นปกติ และดูเหมือนนางจะมิได้ยินคำพูดของเขา

“ท่านอยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อยมิได้รึ?” เทอร่าจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยถามออกไป

“ช่างน่าเสียดายยิ่งที่ข้ามิอาจทำเช่นนั้นได้! แต่ไม่แน่ว่าในวันข้างหน้าพวกเราอาจมีโอกาสได้พบกันอีกครั้งก็เป็นได้!” หลงเฉินจ้องมองเทอร่าพร้อมกับเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“เวลานี้ภารกิจของข้าได้สิ้นสุดลงแล้ว ได้เวลาที่ข้าต้องไปจากที่นี่แล้ว ลาก่อนทุกๆคน!” หลงเฉินเอ่ยร่ำลาทุกคนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วหันหลังเดินจากไปทันที

“เดี๋ยวก่อน!!”

เสียงร้องตะโกนดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หลงเฉินต้องหยุดชะงักระหว่างทาง หลงเฉินหันกลับไปมอง และพบว่าเซี่ยกำลังวิ่งตรงมาหาตนเอง

“มีอะไรงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามเพียงแค่สั้นๆ

“ข้า.. ข้ามิรู้ว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่?! คือ.. ข้าไปกับท่านด้วยจะได้หรือไม่?” เซี่ยเอ่ยถามเสียงเบา

หลงเฉินจ้องมองเซี่ยครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยกับนางว่า..

“อภัยที่ข้ามิอาจพาเจ้าไปด้วยได้แม้ข้าจักต้องการที่จะทำเช่นนั้นก็ตาม สถานที่ที่ข้าจักไปนั้น มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่เข้าได้!”

“อ่อ.. อภัยที่ข้าขอในสิ่งที่ไม่สมควร!” นางเอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะแก้เก้อ และพยายามที่่จะเหม่อมองไปทางอื่นแทน

หลงเฉินจ้องมองเซี่ยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลัง และเดินออกจากคฤหาสน์ของเท็นช่าไปทันที

“ปีกมารสวรรค์!”

หลังจากที่ออกมาจากบ้านของเท็นช่าแล้ว หลงเฉินก็ใช้วรยุทธของตนสร้างปีกมารสวรรค์ทั้งสองข้างขึ้นที่แผ่นหลัง เขาหันหลังกลับไปมองอีกครั้งก่อนจะบินขึ้นไปในห้วงอากาศ และหายลับไปกับขอบฟ้า

“สองสามวันสุดท้ายดูเหมือนจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปมาก..” เท็นช่าพึมพำกับตนเองเมื่อเห็นหลงเฉินบินจากไป

“ท่านพ่อ.. ท่านว่ามนุษย์หายไปที่ใดหลังจากที่ช่วยพวกเราไว้ได้?” เทอร่าหันไปถามเท็นช่า

“ใครจะไปรู้ได้.. ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะมาจากอีกโลกหนึ่ง เพื่อมาช่วยพวกเราโดยเฉพาะ!” เท็นช่าจ้องมองไปยังทิศทางที่หลงเฉินหายไป พร้อมกับเอ่ยตอบเทอร่า

“ข้าหวังว่าพวกเราจักได้พบกันอีกครั้ง!” เซี่ยพึมพำเสียงเบาก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านของตนเอง

……..

หลงเฉินบินไปเรื่อยๆ และจู่ๆ ประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา เขาจึงรีบบินเข้าไปในประตูบานนั้นทันที

“กลับมาที่นี่อีกงั้นรึ?”

หลงเฉินพึมพำกับตัวเองเมื่อพบว่าตนเองกลับมายังเจดีย์สืบสายโลหิตของตนอีกครั้ง..

“ซุน!! เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ข้าผ่านการทดสอบแล้ว แต่เหตุใดจึงมิส่งข้ากลับไปยังโลกจริง?” หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองไปที่กำแพง

“มาที่นี่น่ะถูกต้องแล้ว! เจ้ามิต้องการมาที่นี่งั้นรึ?” ซุนปรากฏตัวขึ้นข้างกายหลงเฉิน พร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของเขาในขณะที่เอ่ยถาม

“เพราะเหตุใด?!” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยความงุนงง

“ก็กลับมารับรางวัลอย่างไรเล่า! ข้าเคยบอกกับเจ้าแล้วอย่างไรว่า หลังจากที่ผ่านการทดสอบแล้ว เจ้าจะได้รับรางวัล..” ซุนเอ่ยตอบพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง

“จริงด้วย! แล้วไหนล่ะรางวัล?” หลงเฉินนึกขึ้นได้ และรีบเอ่ยถามออกไปด้วยความตื่นเต้น

“เข้าไปในห้องที่อยู่ตรงหน้าเจ้า!” ซุนตอบยิ้มๆ

“ห้องนั้นรึ? นั่นมันประตูเข้าสู่โลกทดสอบมิใช่รึ? นี่เจ้าจะหลอกข้าหรืออย่างไร?” หลงเฉินเอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองซุนด้วยความระแวง

“หากเจ้าคิดว่าข้าโกหก ก็มิต้องเข้าไปก็ได้ หามีผู้ใดบังคับให้เจ้าเข้าไปไม่!” ซุนทำแก้มป่องในขณะที่เอ่ยตอบ

“ตกลงๆๆ ข้าเชื่อเจ้าแล้วแม่สาวน้อยของข้า!” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ พร้อมกับเอื้อมมือออกไปหยิกแก้มของซุนเบาๆ

“นี่เจ้า!!!”

ใบหน้าของซุนแดงก่ำด้วยความโกรธ และร้องตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ยังไม่ทันที่ซุนจะได้กล่าวอันใดต่อ หลงเฉินก็เดินเข้าประตูไปแล้ว ส่วนซุนก็หายตัวตามเข้าไปด้านในด้วยเช่นกัน

“ใครว่าข้าเป็นแม่สาวน้อยของเจ้ากัน?!! ข้าแก่กว่าบรรพบุรุษของเจ้าเสียอีก!! เจ้ากล้าดีเช่นใดจึงกล่าววาจาเยี่ยงนี้กับข้า!!”

ซุนร้องตะโกนโวยวายเสียงดัง พร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน และทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจ

“ข้าผิดไปแล้ว! เจ้าเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว มีคำล่าวว่าผู้มีปัญญาย่อมมิถือสาผู้ที่เด็กกว่า เจ้าเคยได้ยินหรือไม่? ข้าว่าเจ้าคงจะไม่ถือสาข้าหรอกกระมัง?”

หลงเฉินจ้องมองซุนพร้อมกับเอ่ยขอโทษ และยิ้มกว้างให้นาง..

“อืมม.. เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง!!ข้าคือผู้มีปัญญา ข้าย่อมไม่ถือสา และอภัยให้แก่เจ้า!” ซุนพยักหน้าหงึกๆ และเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าภูมิอกภูมิใจ..

“เอาล่ะ.. บอกเรื่องรางวัลให้ข้ารู้ได้แล้ว!” หลงเฉินเอ่ยกับซุน

“เจ้าเห็นชั้นวางตำราตรงหน้าเจ้าหรือไม่? ที่นั่นมีวรยุทธต่อสู้อยู่มากมาย เจ้าสามารถเลือกมาได้เพียงแค่หนึ่งเท่านั้น ในหน้าแรกของคัมภีร์แต่ละเล่มจะมีรายละเอียดสรุปสั้นๆ หลังจากที่เจ้าตัดสินใจเลือกคัมภีร์เล่มใดแล้ว รายละเอียดของวรยุทธที่อยู่ในภัมภีร์นั้น จักถูกถ่ายเทไปอยู่ในความทรงจำของเจ้า เมื่อกลับไปยังโลกจริง เจ้าก็จะสามารถฝึกปรือต่อไปได้..

ซุนจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับอธิบายให้เขาฟัง..

“ภายในเจดีย์สืบสายโลหิตนนี้ มีวรยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ด้วยหรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถาม

“ย่อมต้องมีแน่.. แต่เจ้าเพิ่งจะผ่านการทดสอบครั้งแรกเท่านั้น จึงได้รับวรยุทธต่อสู้ระดับต่ำสุดของเจดีย์สืบสายโลหิตไป แต่วรยุทธระดับต่ำสุดภายในเจดีย์สืบสายโลหิตนี้ ก็เทียบเท่ากับวรยุทธระดับสมบัติในโลกของเจ้า” ซุนเอ่ยตอบหลงเฉิน

“การทดสอบครั้งแรกงั้นรึ?! นี่ย่อมหมายความว่าจักต้องมีการทดสอบในขั้นต่อไปอีกสินะ?” หลงเฉินเอ่ยถาม

“ถูกต้อง! และการทดสอบในขั้นต่อๆไป ก็จะแตกต่างจากครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง!” ซุนเอ่ยตอบหลงเฉิน

“การทดสอบครั้งต่อไปจักเริ่มขึ้นเมื่อใด?” หลงเฉินเหลือบมองซุนพร้อมกับเอ่ยถาม

“เมื่อโลหิตในกายของเจ้าเปลี่ยนแปลงถึงยี่สิบส่วนแล้ว หลังจากที่เจ้าผ่านการทดสอบครั้งแรกได้ โลหิตในกายของเจ้าจักถูกปลดล็อค และเมื่อใดที่โลหิตในกายเปลี่ยนแปลงถึงยี่สิบส่วน การทดสอบครั้งที่สองจึงจักเริ่มต้นขึ้น” ซุนอธิบายให้หลงเฉินฟัง..

“ช่างเถิด!! เรื่องนั้นไว้ค่อยคิดทีหลัง ตอนนี้เลือกวรยุทธต่อสู้ที่เหมาะกับข้าก่อนจะดีกว่า!”

หลงเฉินพึมพำกับตัวเอง จากนั้นจึงเดินตรงเข้าไปที่ชั้นหนังสือตรงหน้าพร้อมกับกวาดสายตามอง

เทพปีศาจผงาดฟ้า

เทพปีศาจผงาดฟ้า

Status: Ongoing

เทพปีศาจผงาดฟ้า เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท