บทที่ 996 แต่ละคนก็มีความเจ็บปวดใจของตัวเอง
เช่นเดียวกันกับโล่ฮานที่ไม่อยากให้เธอมองตัวเองเป็นอริแบบนี้ หลังจากที่การอธิบายไม่ได้ผล สุดท้ายแล้วจึงหยิบเอกสารที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อของตัวเองอย่างลึกลับออกมาใบหนึ่ง “คุณกู้ นี่คือบัตรของผมครับ” เขาพูดพลางยื่นสมุดสีแดงเล่มเล็กๆให้กับกู้ฮอน
กู้ฮอนรับสมุดเล่มนั้นมาด้วยความสงสัย เมื่อเปิดออกดูด้านในก็คือบัตรใบหนึ่ง บนบัตรมีรูปของโล่ฮาน ด้านล่างของรูปคือรหัสและชื่อแซ่ของเขา
ด้านล่างชื่อคือตำแหน่งของเขา หัวหน้าทีมการต่อต้านการทุจริต
เธออดสูดลมหายใจลึกไม่ได้เมื่ออ่านถึงตรงนี้ มิน่าล่ะ ไม่ว่าอะไรเขาก็รู้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่ว่าสำหรับเรื่องของผู้อำนวยการโกวน่าจะไม่มีใครเคยรายงานเขานะ ทำไมถึงได้ถูกพวกโล่ฮานจับตามองเข้าให้กัน
นี่เป็นเครื่องหมายคำถามตัวโตๆที่อยู่ภายในสมองของเธอ
เพียงแต่นี่ถือว่าเป็นการมอบยาสงบใจให้กู้ฮอนกินเม็ดหนึ่ง อย่างน้อยโล่ฮานก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่าไม่ได้ยืนอยู่คนละฝ่ายกับตัวเอง และก็หมายความว่าคืนวันที่เป่หมิงโม่จะได้รับอิสระอีกครั้งนั้นจะเกิดขึ้นในไม่ช้าแล้ว
“คุณโล่ คืนให้คุณค่ะ” เธอยื่นสมุดเล่มเล็กคืนกลับไป
โล่ฮานรับบัตรของตัวเองแล้วเก็บเข้าไปในกระเป๋าเสื้อใหม่อีกครั้ง “คุณกู้ ไม่ว่าก่อนหน้านี้ระหว่างพวกเราจะเข้าใจผิดอะไรต่อกัน ผมคิดว่าหลังจากที่คุณดูสิ่งนี้ไปแล้วก็ไม่น่าจะมีความหมายอะไรแล้วนะครับ เพียงแต่ผมอยากจะขอร้องคุณเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือคุณต้องรักษาความลับเกี่ยวกับสถานะของผมกับคนภายนอก”
กู้ฮอนพยักหน้า “คุณวางใจเถอะ ใช่แล้ว ลั่วเฉียวรู้ไหมคะ”
“เธอก็ไม่รู้ครับ ตอนนี้เธออาจจะคิดว่าพี่ชายของตัวเองเป็นบุคคลลึกลับคนหนึ่ง หรือจะพูดได้ว่าเป็นพวกบุคคลว่างงานประเภทนั้น ถึงอย่างไรก็ไม่สำคัญอยู่แล้ว พวกเราสองพี่น้องไม่เคยพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้ ดังนั้นคุณก็ช่วยปิดเป็นความลับกับเธอด้วยนะครับ ขอร้องล่ะ”
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าคุณจะทำอาชีพนี้ ถ้าอย่างนั้นตอนแรกที่เป็นครูสอนพิเศษให้กับหยางหยางก็เพื่อที่จะปิดบังสถานะนี้หรือคะ เฮ้อ ฉันอยากจะสัมภาษณ์คุณสักหน่อยว่า ทำงานแบบนี้ตื่นเต้นเหมือนกับทำงานสายลับแบบนั้นไหมคะ”
***
โล่ฮานยิ้มบางๆมองไปที่กู้ฮอน “ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ลึกลับขนาดนั้นนะครับ ผมแก้ไขให้คุณสักหน่อย ตอนนี้ล้วนเรียกว่า สายลับ ไม่ใช่ เจ้าหน้าที่สอดแนมแล้วครับ คำศัพท์ที่คุณใช้นี้ทำให้ผมที่ได้ฟังนั้นรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง จะพูดอย่างไรดีนะ เปรียบเทียบระหว่างพวกเรากับสายลับ ยังคงด้อยกว่าขั้นหนึ่ง พวกเขารับผิดชอบในส่วนของต่างประเทศ ส่วนพวกเรารับผิดชอบภายในประเทศครับ”
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ให้คุณเห็นเรื่องขบขันแล้ว คุณเริ่มมีสถานะนี้ตั้งแต่เมื่อไรหรือคะ” ความอยากรู้อยากเห็นของกู้ฮอนไม่ได้ลดน้อยลงแม้แต่นิดเดียว ยากที่จะได้พบกับบุคคลที่เต็มไปด้วยความลึกลับแบบนี้ อย่างนั้นก็ต้องเติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นสักหน่อย
ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่สะสมความรู้เหล่านี้ก็เพื่อเติมสีสันให้กับหนังสือเล่มใหม่ของตัวเอง
โล่ฮานดื่มน้ำผลไม้ผสมโยเกิร์ตสูตรพิเศษหรือจะเรียกว่าโยเกิร์ตรสน้ำผลไม้ “เรื่องที่ผมทำหน้าที่นี้เป็นเรื่องนานแล้ว ถึงตอนนี้ไม่ใช่แค่น้องสาวของผม แต่กระทั่งคุณพ่อคุณแม่ของผมก็ยังไม่รู้ ผู้ชราทั้งสองจนถึงตอนนี้ยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องอาชีพการงานที่ลอยไปลอยมาของผมอยู่ แต่ว่าไม่มีหนทางแล้วนิครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณเปิดเผยสถานะของคุณกับฉันทำไมคะ ไม่กลัวว่าฉันจะเปิดเผยออกไปหรือ” ตอนนี้กู้ฮอนยิ่งมีเรื่องประหลาดใจมากกว่าเดิม เพราะว่าตัวเองก็ถือเป็นคนนอกคนหนึ่ง
คนคนหนึ่งที่ไม่ยอมบอกแม้กระทั่งคนในครอบครัวกลับมาบอกตัวเองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย นั้นทำให้ผู้อื่นรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้างจริงๆ
“เพราะผมมองออกว่า คุณเป็นคนดีมีเมตตา เดิมผมก็กังวลว่าจะบอกคุณดีหรือไม่ แต่สัญชาตญาณบอกว่าได้” โล่ฮานไม่ได้มองกู้ฮอน สายตาของเขาจ้องมองไปที่นอกบานหน้าต่างตั้งแต่ต้นจนจบ แววตาเป็นประกายเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
แม้ว่าจะขาดความเย็นเยียบแบบเป่หมิงโม่ไปเล็กน้อย แต่กลับมีความจริงใจหลายส่วน
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า คนที่ทำอาชีพนี้แบบพวกคุณจะเชื่อสัญชาตญาณด้วย ฉันมักจะคิดว่าพวกคุณแต่ละคนล้วนเป็นคนเที่ยงธรรมที่ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น ไม่ว่าอะไรก็ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับ หลักฐานถึงจะเป็นเพียงสิ่งที่พวกคุณเชื่อ” แน่นอนว่าสิ่งที่เธอพูดถึงนั้นล้วนเห็นมาจากในโทรทัศน์
ในบางเรื่องของพวกเขาก็คล้ายคลึงกับสถานะทนายความของตัวเองอยู่บ้าง หลักฐานเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือมากที่สุด
“คุณกู้ ดูท่าว่าการปรากฏตัวของผมจะทำให้คุณมีมุมมองใหม่ต่ออาชีพการงานของพวกเรา เพียงแต่ผมก็ดีใจที่เป็นเช่นนั้น ทำอาชีพแบบพวกเรานั้นก็เหมือนกับคนที่มีสองหน้า โดยเฉพาะที่ต้องปิดบังสถานะของตัวเอง สำหรับเพื่อนๆ ครอบครัวไปจนถึงคนรัก ลูก…….บางครั้งก็เป็นเรื่องที่เจ็บปวดเรื่องหนึ่ง”
โล่ฮานเอ่ยพูดความในใจของตัวเองออกมาอย่างเชื่องช้า นานแล้วที่เขาไม่ได้พูดออกมาโดยไม่ต้องกังวลถึงอะไรแม้แต่น้อยเหมือนในตอนนี้
ในจุดนี้กู้ฮอนก็เหมือนกับว่าจะรู้สึกเหมือนกัน “ใช่แล้วค่ะ ความรู้สึกที่มีความลับซ่อนเอาไว้ในใจนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้คนทรมานจริงๆ”
โล่ฮานที่พูดความในใจออกมาเสร็จแล้วก็เหมือนว่าจะสามารถถอนหายใจได้อย่างโล่งอก ชั่วขณะก็รู้สึกว่าผ่อนคลายลงไม่น้อย เขาหันหน้ากลับไปมองกู้ฮอนอีกครั้ง “ดูเหมือนว่าพวกเราจะพูดนอกประเด็นนะครับ ทำไมถึงได้กลายเป็นคุณถามผมได้กัน”
กู้ฮอนที่วางความข้องใจที่มีต่อโล่ฮานทั้งหมดแล้วยิ้มบางๆ “คุณโล่ อย่างนั้นต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ ไม่ว่าจะเป็นฉันที่เป็นนักเขียน หรือว่าฉันที่เป็นทนายความล้วนมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก”
โล่ฮานพยักหน้า “เป็นอย่างนั้นจริงๆครับ เอาเถอะ อย่างนั้นพวกเราสองคนสามารถกลับไปสู่หัวข้อก่อนหน้านี้ได้แล้วใช่ไหมครับ ถ้าหากว่าคุณรู้สึกว่าสะดวกใจจะพูดล่ะก็”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ที่จริงแล้วเรื่องนี้ถูกเก็บอยู่ในใจฉันมาเป็นระยะเวลานานมากแล้ว อีกทั้งระหว่างที่เกิดเรื่องและการพบเจอกับเรื่องราวต่างๆล้วนทำให้ฉันรู้สึกว่าไร้หนทางฟ้องร้องอยู่บ้าง”
***
กู้ฮอนที่รู้สถานะที่แท้จริงของโล่ฮานแล้วก็วางความระมัดระวังในใจตอนแรกลง เอ่ยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนั้น รวมถึงเรื่องที่เป่หมิงโม่ถลำลึกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วย โดยไม่มีการปิดบังอะไรแม้แต่น้อยให้เขาฟัง
มีเรื่องราวบางส่วนที่โล่ฮานเข้าใจแล้ว ไม่แตกต่างจากที่เธอพูด และในภายหลังที่เป่หมิงโม่โดนลากเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้นทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“คุณกู้ครับ พูดโดยไม่ปิดบังคุณนะ ผมได้จับจ้องผู้อำนวยการโกวคนนี้ภายใต้โอกาสที่บังเอิญเป็นอย่างมาก ตอนที่เขาเคยอยู่เมือง C ก็มีข่าวลือเกี่ยวกับเขาในหมู่ผู้คนไม่น้อย คุณก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีลม ไหนเลยจะมีคลื่น แต่ว่าประชาชนไม่ร้องทุกข์ หน่วยงานที่รับผิดชอบก็ไม่สืบสวน ดังนั้นผมจึงไม่มีวิธีแล้วเช่นกัน”
“อย่างนั้นคุณหาฉันพบได้อย่างไรกันคะ” แรกเริ่มกู้ฮอนอยากจะทราบเรื่องนี้ให้แน่ชัด ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องค่อนข้างขายหน้าสำหรับภาครัฐ ดังนั้นจึงถูกปิดบังเอาไว้แล้ว นอกจากบุคคลที่เกี่ยวข้องและศาลแล้วก็ไม่มีคนอื่นที่ทราบชัดเจนอีก
“คุณลืมสถานะของผมไปแล้วหรือครับ” โล่ฮานเอ่ย ตบไปที่อกของตัวเอง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาเก็บเอกสารหลักฐานพอดี
กู้ฮอนพยักหน้า “ฉันเกือบจะลืมไปแล้วค่ะ แน่นอนว่าคุณก็ต้องมีวิธีการของตัวคุณเอง”
“อย่างนั้นคุณตั้งใจจะทำอย่างไรในขั้นต่อไปครับ” โล่ฮานอยากจะฟังความคิดของกู้ฮอนเป็นอย่างมาก
“เฮ้อ……” กู้ฮอนถอนหายใจ แสดงสีหน้าจนปัญญาออกมา “แม้ว่าฉันจะเป็นพยานแต่ก็สามารถพูดได้ว่าเป็นผู้เคราะห์ร้ายด้วย แต่กลับไม่มีกำลังจะไปต่อสู้กับเขา คุณไม่เห็นหรือคะ เพื่อเรื่องนี้ เป่หมิงโม่ถูกพวกเขาเพิ่มข้อกล่าวหาจับขังไปแล้ว ฉันอยากจะหาทนายความแต่ก็เหมือนว่าแทบจะไม่มีใครรับทำคดีความนี้เลย มีเพียงแค่หยินปู้ฝันที่เป็นเพื่อนสนิทของฉันออกแรงสนับสนุนช่วยเหลือ”
“หยินปู้ฝันเป็นตัวแทนทนายทางฝั่งพวกคุณหรือ” นี่ทำให้โล่ฮานประหลาดใจเล็กน้อย เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาก็พยักหน้ายอมรับ “นี่ก็เหมือนกับสไตล์การทำงานของเขา ไม่หวาดกลัวต่ออำนาจ และสามารถก้าวออกมาเผชิญกับปัญหาเบื้องหน้าอย่างกล้าหาญ พ่อของผมมองเขาไม่ผิดเลยจริงๆ เพียงแต่ผมคิดไม่ถึงว่า เขาที่เป็นผู้อำนวยการคนหนึ่งกลับสามารถทำให้ทนายความทุกคนปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือกับพวกคุณ เขาทำไม่ได้อย่างแน่นอน น่าจะมีคนอื่นๆให้การสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง”
กู้ฮอนพยักหน้า “คุณพูดไม่ผิดเลย มีคนให้การสนับสนุนเขาจริงๆ” เธอพูดตรงนี้แล้วในใจก็เกิดความรู้สึกสับสนวุ่นวายเล็กน้อย
เพราะไม่ว่าจะพูดอย่างไร หลี่เชินก็เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดตัวเอง แม้ว่าไม่พอใจต่อการกระทำและวิธีการมากมายของเขาทั้งหมด แต่ครอบครัวที่เลือดข้นกว่าน้ำนั้นก็ยังคงซึมผ่านเข้ามาในใจของเธอเล็กน้อย
โล่ฮานคิ้วขมวดเป็นปม “ดูท่าว่าผมต้องเปลี่ยนทิศทางการตรวจสอบสักหน่อยแล้ว ถ้าหากว่าไม่จับตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเขาออกมา เรื่องนี้ก็ดูท่าจะไม่มีผลลัพธ์ คุณกู้ ขอบคุณที่ให้ข้อมูลกับผมนะครับ ผมจะคิดหาวิธีตรวจสอบต่อไป และฝากคุณบอกกับคุณเป่หมิงด้วยว่า ความไม่เป็นธรรมทั้งหมดที่เขาได้รับนั้น ผมจะเรียกคืนความยุติธรรมกลับมาให้ครับ”
“ขอบคุณที่คุณให้การสนับสนุนพวกเราในตอนที่ลำบากที่สุดค่ะ” กู้ฮอนอยากจะพูดถึงหลี่เชินมาก แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็อดทนเอาไว้ไม่พูด
เธอตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าควรจะหาโอกาสพบกับเขาอีกครั้ง นี่เป็นการให้โอกาสครั้งสุดท้ายแก่เขา ถ้าหากว่าเขายังคงดื้อดึงไม่ยอมรับล่ะก็ เธอก็เลือกที่จะบอกเรื่องนี้กับโล่ฮาน
โล่ฮานมองนาฬิกาของตัวเอง “คุณกู้ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้พวกเราแต่ละคนยังมีเรื่องที่ต้องไปทำอีก”
กู้ฮอนพยักหน้า “ค่ะ คุณโล่ พวกผู้อำนวยการโกวนั้นเจ้าเล่ห์มาก คุณต้องระวังทุกฝีก้าวนะคะ”
***
หลังจากที่กู้ฮอนได้ผ่านการสนทนาพูดคุยกันเป็นระยะเวลาสั้นๆกับโล่ฮานแล้ว เธอที่มีอาการนอนไม่หลับรบกวนมาตลอดก็เหมือนได้กินยาสงบใจเม็ดหนึ่งหลับยาวจนถึงฟ้าสว่าง
เช้าตรู่ บ้านพักที่เดิมก็ค่อนข้างครึกครื้นอยู่แล้วเปลี่ยนเป็นครึกครื้นยิ่งกว่าเดิม วันนี้เป็นวันที่ลั่วเฉียวจะกลับบ้าน
ตอนที่เธอลงมาด้านล่าง นอกจากตัวเอง คนอื่นๆล้วนอยู่ที่นี่แล้ว และแต่ละคนล้วนแต่งตัวเรียบร้อย เตรียมทานอาหารแล้ว กระทั่งหยางหยางที่ต้องถูกหิ้วขึ้นจากเตียงอย่างเสียมิได้ทุกวัน ในตอนนี้ก็นั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารด้วยท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
“วันนี้พวกเธอล้วนตื่นเช้ากันจัง ลั่วเฉียว พวกเธอไม่ต้องไปเช้าขนาดนี้ก็ได้นะ”
“ทำไมจะไม่ต้องล่ะ วันนี้ลุงฮัวจะเข้าประตูบ้านพวกเราเป็นครั้งแรกนะ แม้ว่าพ่อแม่ของฉันจะไม่ขาดเหลืออะไร แต่ก็ไม่อาจให้ลูกเขยไปมือเปล่าได้ ซื้อของอร่อยๆไปปลอบให้พวกเขาอารมณ์ดีสักหน่อย ไม่อย่างนั้นหูของฉันคงไม่สงบเงียบไปอีกหลายวันเลย” ในอ้อมแขนของลั่วเฉียวอุ้มลูกน้อยอยู่ คราวนี้กำลังป้อนนมแม่ให้เขาทาน
“แค่กๆ……” โล่ฮานในตอนนี้ก็ไอแห้งๆสองสามครั้ง แสดงมากความเป็นพี่ใหญ่ถลึงตาดุน้องสาวว่า “อะไรที่เรียกว่าโอ๋ให้อารมณ์ดีกัน เธอกลับบ้านไปก็พบพ่อแม่ก็เพื่อปลอบพวกเขาเล่นๆหรือ เป็นเธอที่ทำผิด ควรจะกลับไปยอมรับความผิดกับผู้ชราทั้งสองต่างหาก”
ลั่วเฉียวเหมือนกับเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง หลังจากที่ถูกดุแล้วก็มองไปที่พี่ชายพลางย่นคอ จากนั้นก็แลบลิ้นออกมาอย่างซุกซน “รู้แล้วพี่ใหญ่ เฮ้อ พี่ก็อย่าดุหนูบ่อยจะได้ไหมคะ พ่อแม่พวกเราเป็นกังวลก็ไม่ใช่เรื่องโกหก แต่ว่าพี่ก็ไม่ได้ทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วงน้อยเลยนะ”
“พี่ทำไมกัน” สีหน้าโล่ฮานเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา “เธออย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ตอนนี้คุยปัญหาของเธออยู่ พี่อยากให้เธอมีท่าทีเรียบร้อย ดีร้ายอย่างไรตอนนี้ก็เป็นแม่คนแล้ว ทำไมยังทำตัวเหมือนเด็กๆอยู่อีก”