เดิมพันรักยัยตัวแสบ – เดิมพันรักยัยตัวแสบ – บทที่ 1016 ความทรงจำเป็นดาบสองคม

เดิมพันรักยัยตัวแสบ - บทที่ 1016 ความทรงจำเป็นดาบสองคม

บทที่ 1016 ความทรงจำเป็นดาบสองคม

ดึกขนาดนี้แล้วพวกเขาสองคนออกมาทำอะไรกัน ดูเหมือนว่าเป่หมิงยี่เฟิงเพิ่งจะมาส่งเขาที่นี่

ถังเทียนจื๋อกินเหล้าแล้ว งั้นก็แสดงว่าเป่หมิงยี่เฟิงก็กินเหล้าด้วยอย่างแน่นอน

เป็นไปได้ไหมว่า พวกเขาเพิ่งจะเฉลิมฉลอง ที่ในที่สุดพวกเขาก็ได้ตำแหน่งประธานบริษัทเป่หมิงมา

พวกเขามันสุดๆไปเลยจริงๆ

ตอนแรกกู้ฮอนตั้งใจจะรีบขับรถออกไปจากที่นี่ เพราะในวันนั้นเธอได้พูดในสิ่งที่เธออยากพูดต่อเป่หมิงยี่เฟิงหมดแล้ว

เธอบอกให้เขาอยู่ห่างๆถังเทียนจื๋อ แต่หลังจากนั้นล่ะ เธอกลับเห็นว่าเขายังคงไปกินเหล้าด้วยกัน และลงมาจากรถของเป่หมิงยี่เฟิงด้วยอาการเมามาย

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะผูกใจไว้ด้วยกันแล้ว

“ก๊อกๆๆ….”

ขณะที่กู้ฮอนยังตกอยู่ในภวังค์อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงเคาะดังมาจากหน้าต่างด้านข้างของเธอ

หรือว่าเธอจอดรถผิดกฎ นี่เป็นสิ่งแรกที่เธอคิด แต่แค่ครู่เดียวเธอก็รู้ว่าที่ที่เธอจอดรถเป็นพื้นที่จอดรถ เมื่อเธอหันหน้าไปมองเธอก็ได้เจอกับคนที่ไม่อยากเจอมากที่สุด

เธอเห็นเป่หมิงยี่เฟิงกำลังยืนอยู่ด้านนอกรถ

“ท่านประธานเป่หมิงมีเรื่องอะไรรึเปล่า ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับตระกูลเป่หมิงละก็ พรุ่งนี้คุณค่อยโทรหาฉันก็ได้ แต่ฉันว่า ก่อนที่ฉันจะออกมา ฉันได้จัดการงานเสร็จหมดแล้วนะ“ กู้ฮอนไม่ได้เปิดประตูรถ เธอเพียงแค่ลดกระจกลงมานิดหน่อยเท่านั้น

“ไม่ใช่เรื่องงาน เมื่อกี้ผมหยุดรถอยู่ตรงนี้แล้วเห็นว่ารถคุณก็อยู่ตรงนี้ด้วยเหมือนกัน ผมก็เลยมาทักทายน่ะ”

เป่หมิงยี่เฟิงพูดแล้วโน้มตัวลงมามองเข้าไปในรถผ่านกระจกรถ “ทำไมตอนนี้คุณยังไม่กินข้าวอีกหรอ”

กู้ฮอนรีบวางกล่องโอเด้งไว้บนคอนโซลหน้ารถ

“อืม ฉันออกมาทำธุระนิดหน่อยน่ะ พอจะกลับบ้านรู้สึกหิวก็เลยหาของกินแถวนี้ คุณเป็นยังไงบ้างพอได้เลื่อนตำแหน่งเป็นประธานบริษัทแล้วคงจะฉลองมาใช่ไหมล่ะ กลิ่นเหล้าออกจากตัวคุณหึ่งเลย”

เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มแล้วส่ายหน้า “กู้ฮอน คุณรอผมแปปนึงได้ไหม” พูดแล้วเขาก็ไม่รอให้เธอตอบรับหรือปฎิเสธ รีบวิ่งกลับไปทางร้านสะดวกซื้อที่กู้ฮอนเพิ่งซื้อโอเด้งมา เพื่อไปซื้อของตัวเองมาเหมือนกัน

ผ่านไปครู่เดียวในมือของเขาก็มีโอเด้งอุ่นๆ เขาเดินไปทางข้างรถอีกฝั่งหนึ่ง จากนั้นจึงเคาะกระจกรถเพื่อส่งสัญญาณว่าเขาจะเข้าไป

กู้ฮอนถอนหายใจออกมา ตอนแรกเธอไม่ได้ตั้งใจจะคุยกับเขา แต่เหมือนว่าเธอจะสลัดเขาไม่หลุดแล้ว เธอจึงได้แต่กดปลดล็อคประตูรถ

เป่หมิงยี่เฟิงขึ้นรถมาแล้ว ประโยคแรกที่เขาพูดคือ “จริงๆแล้วตอนเย็นผมก็ไม่กินของพวกนี้ แต่พอเห็นคุณกินแล้วผมก็รู้สึกหิวขึ้นมา คุณไม่ว่าไรใช่ไหม ถ้าผมก็จะนั่งกินในนี้เหมือนกัน”

***

กู้ฮอนหันหน้าไปมองเขา แล้วแสดงสีหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก “คุณขึ้นมาแล้วหนิ แล้วยังจะอธิบายเพื่ออะไรกัน”

“มันเพิ่งออกมาจากหม้อ ร้อนมากจริงๆ” เป่หมิงยี่เฟิงค่อยๆวางถ้วยโอเด้งของเขาไว้ที่คอนโซลหน้ารถเหมือนกัน

กลิ่นของโอเด้งแพร่ไปทั่วรถอย่างรวดเร็ว

กลิ่นมันหอมมาก ทำให้คนที่ได้กลิ่นถึงกลับอยากกินมันทั้งหมดลงไปในท้อง อาจจะเป็นเพราะว่าในรถมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน พร้อมกับอาหารร้อนๆถึงสองกล่องในรถ

กู้ฮอนรู้สึกว่าอากาศในรถร้อนขึ้นมาทันที

“คุณไม่ว่าไรใช่ไหม ถ้าฉันจะเปิดหน้าต่างหน่อย”

กู้ฮอนไม่ได้เปิดกระจกรถสองข้าง แต่เธอเปิดซันรูฟข้างบนแทน

ทันใดนั้นอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกก็พัดเข้ามา ทำให้ทั้งคู่รู้สึกสบาย และหายใจสะดวกขึ้น

จากตอนแรกที่กระจกด้านหน้าถูกความร้อน จนทำให้มีความมัวจางๆ แต่เมื่อได้รับอากาศบริสุทธิ์ก็ทำให้สามารถมองเห็นรถของเป่หมิงยี่เฟิงที่จอดอยู่ข้างหน้าได้ชัดขึ้น

เป่หมิงยี่เฟิงหันไปมองรอบๆ

ไม่ใช่กู้ฮอนที่รู้สึกเสียใจ และอึดอัดอยู่ในรถคันนี้ แต่เป็นเขา

“วันนี้คุณโอเคไหม จริงๆแล้วที่พวกเขาตัดสินใจทำแบบนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการให้เป็น ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ…”

กู้ฮอนพยักหน้า “เรื่องนี้คุณไม่ต้องอธิบายแล้ว ฉันเข้าใจดี บริษัทเป่หมิงไม่ต้องการผู้บริหารที่ไร้ประสิทธิภาพอย่างฉัน ถ้าให้ฉันอยู่ต่อไปมันอาจจะทำลายคุณปู่ของคุณ และคุณอาสองของคุณอย่างแน่นอน อย่างนี้ก็ดีแล้วฉันรู้สึกโล่งใจเหมือนกัน”

“คุณคิดอย่างนี้ผมก็สบายใจ ตอนแรกที่คุณออกไป ผมคิดว่าคุณจะโมโห หรืออะไรซะอีก ที่อยู่ดีๆก็โดนให้ออกจากตำแหน่ง มันรู้สึกน่าอัปยศจริงๆ แถมยังต้องให้คุณยินยอมด้วยตัวเองอีก”

กู้ฮอนหันหน้าไปทางซ้ายของหน้าต่าง เธอไม่ได้อยากจะเห็นสภาพการจราจรข้างนอก หรือแสงสีจากบาร์ข้างทางแต่อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอไม่ได้อยากจะเห็นคู่หนุ่มสาวที่เดินจับมือกันไปตามถนนเลยสักนิด

“โอ้ มันใกล้เย็นแล้ว” เป่หมิงยี่เฟิงรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยากพูดอะไรกับเขา เขาจึงเรียกเธอให้มากินของแทน

ทั้งสองคนต่างคนต่างกินของตัวเอง

รสชาติอาหารในปากช่างหอมหวาน แต่ในใจกลับขมขื่น

เป่หมิงยี่เฟิงหยิบลูกชิ้นปลาขึ้นมา ใบหน้าของเขาแสดงถึงความบริสุทธิ์ ที่เห็นได้เฉพาะตอนอยู่ในมหาวิทยาลัย “กู้ฮอนฉันเห็นอันนี้แล้วคิดถึงตอนที่พวกเรากินของพวกนี้ด้วยกัน และอันนี้ก็เป็นอันที่เธอชอบที่สุด เธอบอกว่ามันหอมมาก และอร่อยสุดๆ”

เขาพูดและอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองของกู้ฮอน แต่เขากลับไม่เห็นสิ่งที่เธอชอบกินอยู่ในถ้วยของเธอ

“คนเราเมื่อโตขึ้นก็มักมีการเปลี่ยนแปลง ของที่ชอบก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน อาจจะมีบางอย่างที่ชอบต่อไป และอาจจะมีบางอย่างที่ไม่ชอบแล้ว เพราะว่าเห็นสิ่งใหม่ๆที่ดึงดูดความสนใจไป และในส่วนลึกของความทรงจำแม้ว่าในช่วงนั้นจะมีความสุข แต่ค่าของมันก็คือเมื่อยิ่งคิดถึงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น ดังนั้นฉันจึงเลือกที่จะลืม และละทิ้งไม่ให้เหลือแม้แต่เรื่องเดียว”

กู้ฮอนหยิบไม้ขึ้นมา แล้วจิ้มไปที่ลูกชิ้น “ตอนนี้ฉันชอบอันนี้แล้ว”

“เปาะแปะๆ”

ข้างนอกรถ ฝนเริ่มตกลงมา

เป่หมิงยี่เฟิงรีบวางอาหารของตนไว้ที่คอนโซลรถเหมือนเดิม จากนั้นก็เอื้อมมือไปกดปุ่มปิดซันรูฟ

***

ระหว่างที่หลังคารถเริ่มปิดลง ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ

เสียงน้ำที่ตกกระทบโดนหน้าต่างรถก็ดังขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน

รถบนถนนค่อยๆลดความเร็วลง หนุ่มสาวที่เดินจับมือกันก็ยิ้มและหัวเราะ หลบอยู่ตามมุมต่างๆกับคนรักของตน หรือบางคนก็รีบวิ่งเข้าไปในบาร์

ความมืดในรถ ทำให้เป่หมิงยี่เฟิงรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย เขาเอื้อมมือไปเปิดประตูรถเพื่อจะลงรถไป

“คุณอยู่ในนี้ก่อนดีกว่า รอให้ฝนหยุดก่อนค่อยออกไปก็ไม่สาย” กู้ฮอนก้มหน้ากิน พร้อมพูดไปด้วย

เป่หมิงยี่เฟิงหันหน้าไปมองเธอ จากนั้นก็ปิดประตูอีกครั้ง

“คุณไม่ว่าไรใช่ไหม ถ้าผมจะฟังเพลง ตอนที่ฝนตกผมชอบฟังเพลง”

กู้ฮอนพยักหน้า “หลายปีแล้ว คุณยังไม่เปลี่ยนนิสัยนี้ของคุณอีกหรอ”

เป่หมิงยี่เฟิงยิ้มเบาๆ “นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่ฉันไม่ได้เปลี่ยนไป การฟังมันทำให้ฉันสามารถลืมเรื่องที่ซับซ้อนตรงหน้าไปได้” จากนั้นเขาก็หมุนปุ่มเปิดเพลง

“ใครสนใจความฝันของคุณกัน ใครบอกว่าเข้าใจความคิดของคุณ แล้วใครล่ะที่รู้สึกซาบซึ้งในตัวของคุณ…”

เป่หมิงยี่เฟิงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “โอ้ อันนี้เป็นเพลงของ ฟิชลอง ชื่อถาม ไม่ได้ฟังเพลงนี้มานานแล้ว”

เขาพูดพร้อมทั้งฮัมเพลงเบาๆไปตามทำนองเพลง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป่หมิงยี่เฟิงมีความสามารถในดนตรีจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่ได้แต่งเพลง แต่เวลาที่เขาร้องเพลงขึ้นมาก็มีเสน่ห์ไม่น้อย

ระหว่างเรียนพวกเขามักจะไปร้องคาราโอเกะบ่อยๆ ทุกครั้งที่พวกเขาเข้าไปอยู่ในโลกของดนตรี ก็จะรู้สึกมีความสุข และสงบเสมอ

“คุณยังคงร้องเพลงได้ดีเหมือนเดิม” ในตอนนั้นกู้ฮอนหยุดมือลง ราวกับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเพลงๆนี้

“เธอพูดเกินไปแล้ว” ทันใดนั้นเป่หมิงยี่เฟิงก็ดูท่าจะจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้น “ได้ยินมาว่าคุณอาสองจะได้รับการพิพากษาพรุ่งนี้หรอ”

กู้ฮอนได้ฟังแล้วก็วางอาหารที่ยังกินไม่หมดไว้หน้าคอนโซลรถ

เธอหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมุมปาก ท่าทางที่เพิ่งจะแสดงความสุขออกมาเบาๆนั้นกลับมาเป็นสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้ง

“ใช่ พรุ่งนี้แล้ว”

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เกิดอะไรขึ้นกับเขาทำไมถึงได้เป็นอย่างนี้” สีหน้าของเป่หมิงยี่เฟิงก็ไม่ได้ดีไปกว่ากู้ฮอนสักเท่าไหร่

ยังไงพวกเขาก็เป็นคนในตระกูลเป่หมิงเหมือนกัน ตอนที่อยู่บ้านจะทะเลาะกันยังไงก็ได้ แต่ถ้าหนึ่งในนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ความสมดุลก็จะสูญเสียไป ทำให้เขาต้องเป็นคนที่ออกมาเป็นคนแรก

ในใจของกู้ฮอนนั้นเข้าใจดี เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเป้หมิงยี่เฟิงเลย ดังนั้นเธอก็ไม่อยากให้เขาสอดมือเข้ามายุ่ง

เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะว่าความสัมพันธ์นี้นั้นมีความซับซ้อน และคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็มีไม่น้อย แถมตอนนี้เป็นเป่หมิงยี่เฟิงเพิ่งจะได้รับสัญญาจากผู้อำนวยการโกวมา และนี่เป็นสิ่งที่เธอต้องการแต่หามาไม่ได้

เมื่อมีสัญญานี้ บริษัทเป่หมิงก็จะได้เป็นพี่ใหญ่ในวงการต่อไป จากในมุมนี้ ก็ถือว่าสามารถปกป้องสิ่งที่คุณท่านเป่หมิงและเป่หมิงโม่สร้างขึ้นมาได้

เธอรู้จักนิสัยของเขาดี ถ้าเขารู้จักความจริง เขาต้องไปเอาคืนผู้อำนวยการโกวแน่ หรือถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าเขาถามอะไรขึ้นมา ก็คงทำให้ผู้อำนวยการโกวรำคาญใจไม่น้อย

คนคนนี้สามารถทำได้ทุกอย่าง ถ้าเป่หมิงยี่เฟิงทำอะไรไม่ดีออกไป ก็อาจมีจุดจบเหมือนเป่หมิงโม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ แล้วตระกูลเป่หมิงจะทำยังไง

***

กู้ฮอนตัดสินใจแล้วไหนๆเรื่องนี้ก็ดำเนินมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็อย่าทำให้มันต้องวุ่นวายไปกว่านี้อีกเลย

“สำหรับเรื่องนี้ฉันขอเตือนว่า นายอย่าถามอีกต่อไปเลย ถึงแม้ว่านายจะถามฉันก็ไม่สามารถบอกอะไรมากกว่านี้ได้ ตอนนี้นายเป็นผู้บริหารของบริษัทเป่หมิง ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องการนาย นายรู้ไหม”

กู้ฮอนพูดพร้อมหันหน้าไปมองนอกกระจกรถ ที่ตอนนี้ท้องฟ้าทั้งหมดปกคลุมไปด้วยสีดำ และมีแสงพาดผ่านเป็นระยะๆ ฝนข้างนอกหยุดตกแล้ว

นี่เป็นการหยุดแค่ชั่วคราว เพราะแสงของฟ้าผ่านั้นแสดงให้เห็นว่า จะมีฝนตกหนักขึ้นอีกระรอก

“ฉันจะกลับบ้านแล้ว” กู้ฮอนพูด

“อืม” เป่หมิงยี่เฟิงก็เห็นว่าฝนข้างนอกหยุดตกแล้ว และเขาก็รู้ว่ากู้ฮอนไม่อยากคุยกับเขาต่อแล้ว จึงได้รีบไล่เขาลงจากรถ

ยังดีที่ตอนอยู่ในรถเขากินอิ่มแล้ว

เขาเปิดประตูรถ และเอาของเหลือที่เขากินเสร็จแล้วลงรถมาด้วย

“คุณดื่มมาขับรถก็ช้าหน่อยล่ะ” กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะเตือนเขาอีกหนึ่งประโยค

เดิมพันรักยัยตัวแสบ

เดิมพันรักยัยตัวแสบ

Status: Ongoing

เธอเป็นหญิงสาวที่มีความลำบาก ตกลงเป็นแม่อุ้มบุญ เขาเป็น ประธานใหญ่ เธออ่อนโยนและน่ารัก เขาโหดร้ายและเย็นชา.

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท