บทที่ 992 อานุภาพของแม่
นอกจากนั้น ตอนนี้ก็ยังมีลูกเป็นเครื่องรางป้องกันตัว ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นแก่เจ้าเด็กน้อยคนนี้ ปฏิบัติกับตัวเองอย่างใจกว้างอยู่บ้าง
ในเวลาเดียวกันฉิงฮัวก็เตรียมใจให้พร้อม คนที่ต้องเจอในตอนนี้คือพี่ชายของภรรยา มีเรื่องราวมากมายที่ตัวเองจำเป็นต้องสื่อสารกับเขา
ตัวเองไม่ได้ไปพูดกับผู้ชราก็แต่งกับผู้อื่นไปแล้ว ส่วนลูกนั้นก็ให้กำเนิดอย่างเงียบๆ อย่างไรตอนนี้ก็ต้องมีคำอธิบายให้กับบ้านพ่อแม่ฝ่ายหญิงบ้างแล้ว และยังต้องแสดงความจริงใจและท่าทีอีกเล็กน้อยเพื่อให้ผู้อื่นวางใจได้
***
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เดิมบรรยากาศที่ผ่อนคลายก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
“หม่ามี๊ ไม่ใช่คุณพ่อปู้ฝันหรือคะ อย่างนั้นเป็นใครกันคะ” จิ่วจิ่วกอดคุณแม่ แสดงความสนอกสนใจต่อผู้มาเยือน แต่เนื่องจากเด็กๆนั้นมีความรู้สึกไวติดตัวมาแต่กำเนิด เธอรู้สึกได้อย่างเลือนรางว่า ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ คุณป้าเฉียวเฉียวหรือว่าคุณลุงหัวฟู อารมณ์ของพวกเขามองดูแล้วตึงเครียดเล็กน้อย
สิ่งเหล่านี้ล้วนสัมผัสได้จากคำพูดของคุณป้าลั่วเฉียวและรอยยิ้มบนใบหน้าที่เลือนหายไปของพวกเขา
“เป็นคุณครูสอนพิเศษของหยางหยาง และก็เป็นพี่ชายของคุณป้าเฉียวเฉียวด้วย” กู้ฮอนบอกกับทารกน้อยคร่าวๆ
“อ่อ……” จิ่วจิ่วพยักหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็เอ่ยถามกะทันหันขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “หม่ามี๊ คุณครูสอนพิเศษคืออะไรคะ แตกต่างจากคุณครูในโรงเรียนหรือคะ”
ชั่วขณะหนึ่งรวมไปถึงกู้ฮอนที่ปรากฏรอยเส้นเลือดปูดขึ้นมาหลายเส้น หลายปีมานี้จิ่วจิ่วใช้ชีวิตอยู่ในบ้านมาโดยตลอด แม้ว่าจะอยู่กับแอนนิ นั่นก็ไม่ได้ต่างจากบ้านเท่าไร
ไม่เคยได้เข้าไปเยือนสถานที่อย่างโรงเรียนอนุบาล ดังนั้นจึงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับอาชีพนี้มากจริงๆ
“คุณครูสอนพิเศษและคุณครูในโรงเรียนล้วนสอนวิชาความรู้ให้กับพวกเรา ไม่มีความแตกต่างอะไร เพียงแต่ว่าคุณครูสอนพิเศษจะสอนหนังสือให้กับพวกเราที่บ้าน ส่วนคุณครูที่โรงเรียนนั้น จำเป็นต้องให้พวกเราไปที่โรงเรียนถึงจะสามารถพบเจอได้” เฉิงเฉิงอธิบายให้น้องสาวฟัง
“อ๋อ ที่แท้พี่หยางหยางก็ยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ นอกจากเรียนที่โรงเรียนแล้ว ยังเรียนพิเศษที่บ้านอีก” จิ่วจิ่วตาโต พยักหน้าเหมือนกับว่าเข้าใจขึ้นมาได้ในฉับพลัน
จากนั้นก็หันหน้าไปมองกู้ฮอน “หม่ามี๊ รอหนูเข้าเรียนแล้ว หม่ามี๊หาคุณครูสอนพิเศษให้หนูหน่อยนะคะ”
“เอ่อ…..” กู้ฮอนไม่รู้จริงๆว่าควรจะตอบคำถามนี้ว่าอย่างไร ไม่อาจจะบอกกับจิ่วจิ่วได้ว่าที่เชิญคุณครูสอนพิเศษมาให้หยางหยางก็เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ช่วงเวลาหนึ่งเขาเรียนได้ไม่ดีถึงได้เชิญมา
เธอจึงตอบอย่างขอไปทีว่า “ถึงเวลารอลูกเข้าเรียนแล้วค่อยว่ากันนะ”
ตอนที่พวกเธอพูดคุยกัน หยางหยางก็พาโล่ฮานมาปรากฏตัวที่หน้าของรับแขกแล้ว
“แม่ครับ ครูโล่มาล่ะ…….”
โล่ฮานยิ้มบางๆให้กับกู้ฮอนและพยักหน้าให้กับแอนนิที่อยู่ไม่ไกล
กู้ฮอนและแอนนิก็พยักหน้าตอบกลับเช่นกัน “คุณครูโล่มาแล้ว รีบนั่งเถอะค่ะ…….” แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่บ้านของกู้ฮอน แต่ว่าทุกคนกลับให้เธอเป็นผู้ปกครองของครอบครัวใหญ่นี้โดยไม่ได้นัดหมาย
แม้ว่าเธอจะไม่อยากอยู่ในบทบาทนี้ แบบนี้จะไม่กลายเป็นการบุกรุกครอบครองบ้านผู้อื่นโดยพลการหรือ ผู้อื่นให้ที่พักอาศัยที่ปลอดภัยกับพวกเธอแม่ลูกก็ไม่เลวแล้ว
*
“ไม่ต้องเกรงใจ ผมนั่งตรงนี้ก็ได้ครับ” โล่ฮานพูดพลางลากเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างมาตัวหนึ่งแล้วนั่งลง
ในฐานะที่เป็นพี่ชายของฝ่ายผู้หญิง จะพูดอย่างไรก็สามารถทำตัวสบายๆได้เล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นกู้ฮอนหรือแอนนิก็ไม่อาจไม่ถ่อมตัวหรือไม่ยอมรับได้
นับตั้งแต่โล่ฮานเดินเข้ามา บรรยากาศรอบตัวก็เหมือนว่าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย กู้ฮอนมองออกว่า การมาอย่างกะทันหันของเขาในครั้งนี้จะต้องไม่ใช่เป็นการมาเยี่ยมหยางหยางโดยเฉพาะอย่างแน่นอน แต่ว่ามีวัตถุประสงค์อื่นๆ
“เฉิงเฉิง ลูกกับหยางหยางพาน้องสาวขึ้นไปเล่นที่ด้านบนเถอะ พวกเราผู้ใหญ่จะพูดคุยกันที่นี่” กู้ฮอนเรียกเฉิงเฉิง
“แม่ครับ ผมกับครูโล่ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว ผมก็อยากจะ……ผมว่าพาน้องสาวไปกับเฉิงเฉิงดีกว่า” หยางหยางเห็นคุณแม่ถลึงตาใส่ตัวเอง คำพูดที่มาถึงริมฝีปากแล้วก็ต้องกลืนลงไป
***
ตอนที่หยางหยางจะไปนั้นก็ยังเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าโล่ฮานเป็นพิเศษ “ครูโล่ อีกครู่หนึ่งผมค่อยแลกเปลี่ยนความรู้กับครูนะครับ”
“OK ไม่มีปัญหา พวกหนูไปกันเถอะ” โล่ฮานยิ้ม ตบไปที่ไหล่เล็กของเขา
เมื่อเด็กๆไปแล้ว ตอนนี้ภายในห้องรับแขกก็เหลือผู้ใหญ่อยู่ห้าคน
“คุณโล่คะ ในฐานะที่ฉันเป็นแม่ของหยางหยาง ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณคุณที่ก่อนหน้านี้ทุ่มเทสุดกำลังเพื่ออบรมสั่งสอบเขา ผลการเรียนของเขาถึงได้ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก” เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่อยู่ในสภาวะหยุดชะงัก กู้ฮอนก็เป็นคนแรกที่เอ่ยปาก
“คุณกู้พูดเกินไปแล้ว หยางหยางเด็กคนนี้ฉลาดมาก แต่ว่าเขาไม่เหมือนกับเฉิงเฉิง ร่าเริงสดใสโดยนิสัย ถ้าหากว่าใช้วิธีที่ผิด เขาจะเกิดการต่อต้านเอาได้ง่ายอย่างแน่นอน ผมก็เพียงแค่เลือกวิธีการที่เขายอมรับได้ง่ายเท่านั้นเอง ที่เหลือล้วนเป็นความพยายามของตัวเขาเอง”
โล่ฮานพูดจาถ่อมตนเป็นอย่างมาก ทั้งยังไม่ยอมให้คุณงามความดีกับตัวเองเลย
“คุณโล่เกรงใจไปแล้ว”
หลังจากที่กู้ฮอนและโล่ฮานทักทายกันอย่างสุภาพพอเป็นพิธีไปแล้ว สถานการณ์ก็เข้าสู่สภาวะหยุดชะงักอีกครั้ง
นี่ต้องทำอย่างไรถึงจะดี…….
กู้ฮอนก้มหน้าคิ้วขมวด พยายามครุ่นคิดว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
“อุแว้……อุแว้…..” ในตอนนี้เองที่ลูกของลั่วเฉียวและฉิงฮัวร้องไห้ขึ้นมา เดิมเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมาเลย
ลั่วเฉียวรีบปลอบเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนเบาๆ จากนั้นก็ก้มหน้าพูดว่า “ขอโทษด้วย เด็กนี่น่าจะหิวแล้ว ฉันจะขึ้นไปให้นมเขา” เธอพูดแล้วก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
คนอื่นมองไม่ออก แต่ว่าแอนนินั้นสามารถมองออก คิดไม่ถึงเลยว่าลั่วเฉียวจะอาศัยเด็กคนนี้แอบชิ่งหนีไป ช่างทำให้เด็กลำบากจริงๆ
รอยยิ้มบนใบหน้าโล่ฮานเลือนหายไปแล้ว สายตามองส่งน้องสาวตัวเองเดินจากไป
“คุณโล่ ผมรู้ว่าคุณมาในครั้งนี้ก็เพื่อเรื่องของลั่วเฉียว ตอนนี้ก็ไม่มีคนนอกอะไรแล้ว ไม่สู้ทุกคนล้วนพูดกันตรงๆดีกว่า”
ตอนนี้ฉิงฮัวก็อดทนไม่ไหวแล้ว ในฐานะลูกผู้ชายคนหนึ่ง ตัวเองจำเป็นยืดอกก้าวออกมาข้างหน้าในตอนที่ภรรยากำลังลำบาก
“ฉิงฮัว ทำไมคุณถึงยังเรียกเขาว่าคุณโล่อีก ควรจะเรียกเขาว่าพี่ชายถึงจะถูก” กู้ฮอนอาศัยบทสนทนานี้เอ่ยพูด เธอก็คิดเช่นเดียวกันว่า ในเมื่อโล่ฮานพุ่งเป้ามาที่ลั่วเฉียว แน่นอนว่าต้องเป็นเพราะเรื่องที่เธอแต่งงานจนถึงคลอดลูก โดยที่ไม่ได้ติดต่อกลับไปที่บ้านภรรยาเลย คนจากทางบ้านภรรยาก็มาแล้ว ในใจก็อดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่มากก็น้อย
ลากความสัมพันธ์ของพวกเขาให้ใกล้ชิดกันเล็กน้อย แบบนี้หลังจากกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เรื่องที่กระอักกระอ่วนยากจะแก้ไขอย่างไร ก็แก้ไขได้ง่ายขึ้นแล้ว
ฉิงฮัวมองไปที่โล่ฮาน อ้าปากจะพูดแต่สุดท้ายก็ไม่ได้เรียกคำว่า ‘พี่ชาย’ ออกมา นี่ทำให้แอนนิและกู้ฮอนที่อยู่ด้านข้างร้อนใจขึ้นมา
โล่ฮานมองไปที่ฉิงฮัว “อย่าเพิ่งรีบร้อนเรียก แก้ไขเรื่องที่ผมมาที่นี่ให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน”
เขามองไปที่กู้ฮอนและแอนนิ “ขอบคุณคุณทั้งสองคนมากที่ดูแลน้องสาวของผมในช่วงระยะเวลานี้ “ผมโล่ฮานรู้สึกซาบซึ้งอย่างหาที่สุดมิได้
“นี่มันคำพูดอะไรกันคะ……พวกเราล้วนเป็นเพื่อนสนิทกัน ไม่ถึงขั้นช่วยเหลืออะไรหรอกค่ะ” แอนนิรีบโบกมือให้โล่ฮาน
“คำพูดขอบคุณจะต้องพูด พวกเราตระกูลโล่ไม่เคยติดค้างน้ำใจใคร” โล่ฮานตอบกลับด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแข็ง ฟังดูแล้วอารมณ์ไม่ค่อยจะดีเท่าไร
ถัดมาเขาก็หันหน้าไปพูดกับฉิงฮัวต่อว่า “เรื่องแต่งงานของคุณกับน้องสาวผมนั้น ไม่ได้รับการยอมรับจากคุณพ่อคุณแม่ของผม ไม่เพียงแต่เท่านั้นพวกคุณยังให้กำเนิดลูกอีก กลายเป็นเพิ่มความผิดเข้าไปอีก”
ฉิงฮัวเห็นว่าน้ำเสียงของเขาหาเรื่องขนาดนี้ ในใจก็รู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องนี้เหนือความคาดหมาย
***
“พี่…….โล่ คุณมาที่นี่มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ครับ ถ้าหากว่ามาถามหาความผิด คาดโทษผมกับลั่วเฉียวแล้วล่ะก็ ตอนนี้ผมมีอำนาจเป็นตัวแทนเธอในการพูดขอโทษคุณพ่อคุณแม่ของคุณกับลั่วเฉียวอย่างจริงจัง อีกทั้งพวกเราจะหาช่วงเวลาที่เหมาะสมไปขอให้ผู้ชราทั้งสองยกโทษให้”
ในตอนนี้ฉิงฮัวก็แสดงความน่าเกรงขามของฝ่ายชายออกมาบ้าง จะอย่างไรน้องสาวผู้อื่นก็แต่งให้กับตัวเองแล้ว ถอยหลังหมื่นก้าว ผู้อื่นก็ถือว่าแต่งให้กับผู้ที่ต่ำต้อยกว่า
ใบหน้าโล่ฮานในตอนนี้ไร้ความรู้สึก เขาโบกมือใส่ฉิงฮัว “คุณฉิง ไม่ว่าคุณจะเรียกผมอย่างไร ผมก็ไม่รับปากหรอกครับ อย่างไรก็ตาม ผมก็พูดกับพวกคุณชัดเจนแล้วว่า ที่ผมมาในครั้งนี้คือการรับน้องสาวผมกลับไป”
“แบบนี้ไม่ค่อยดีนะครับ ตอนนี้ลั่วเฉียวอยู่ในช่วงพักฟื้น แบกรับอาการเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางไกลไม่ไหว ผมว่ารอสุขภาพเธอ…….”
“นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของผม คุณที่เป็นคนนอกมีสิทธิ์อะไรมายุ่งด้วยหรือ” คำพูดของโล่ฮานแฝงไปด้วยกลิ่นอายแห่งโทสะ
กู้ฮอนที่นั่งอยู่ด้านข้างก็รู้สึกประหลาดใจ ก่อนหน้านี้เหมือนจะได้ยินลั่วเฉียวเคยพูดว่าพี่ชายของเธอรู้เรื่องที่เธอแต่งงานแล้ว ทำไมวันนี้ที่มาถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไป180องศาแบบนี้กัน
ฉิงฮัวที่ถูกตัดบทพูดและถูกเรียกว่าคนนอก ในตอนนี้ก็พยายามกดโทสะของตัวเองเอาไว้
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นคนในครอบครัวของลั่วเฉียว ถ้าหากว่าทะเลาะกันใหญ่โต เกรงว่าไม่ว่าใครก็ล้วนเสียหน้า อีกทั้งลั่วเฉียวที่ถูกหนีบอยู่ตรงกลางก็จะลำบากใจด้วย
“คุณโล่ครับ ผมกับลั่วเฉียวแต่งงานกันอย่างถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตามพวกเราสองคนก็ล้วนมีความรู้สึกที่ดีต่อกันทั้งสองฝ่าย แม้ว่าคุณจะเป็นพี่ชายของเธอ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของพวกเรา การที่พวกเราแต่งงานและให้กำเนิดบุตรล้วนไม่เคยบอกกับคุณพ่อคุณแม่ นี่เป็นเรื่องที่พวกเราทำผิดไป ผมก็พูดไปแล้วว่าจะหาเวลาที่เหมาะสม พวกเราสองคนจะพาลูกไปยอมรับผิดกับพวกเขา ทำไมคุณต้องบีบบังคับผู้อื่นด้วยล่ะครับ”
สิ้นเสียงของฉิงฮัว ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ลั่วเฉียวยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องรับแขก อ้อมแขนของเธอในตอนนี้ไม่มีลูกน้อยอยู่แล้ว คาดว่าน่าจะหลับไปบนเปลแล้ว
“ใช่แล้วค่ะพี่ พี่ทำเกินไปแล้วนะคะ หนูแอบแต่งงาน แอบคลอดลูกก็เป็นเพราะกลัวว่าคุณพ่อคุณแม่จะรับไม่ได้ไม่ใช่หรือ เดิมเรื่องนี้สามารถค่อยๆบอกพวกเขาได้ ให้พวกเขาได้เตรียมใจเอาไว้แล้วถึงจะไปได้”
แอนนิเห็นสถานการณ์แล้ว เรื่องราวในครอบครัวของผู้อื่น ตัวเองก็ไม่ต้องเข้าไปร่วมด้วยอีก “ฉันจะไปดูเด็ก กู้ฮอน เธอจะไปไหม”
กู้ฮอนก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่นี่แล้วอึดอัดจริงๆ ในเมื่อแอนนิหาข้ออ้างให้ตัวเองแล้ว อย่างนั้นก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีก
“โอเค ฉันก็จะไปดูด้วยแล้วก็เลยไปดูเด็กๆทั้งสามคนนั้นด้วยเลย” กู้ฮอนพูดพลางลุกขึ้นเตรียมจะเดินตามแอนนิไป
ตอนนี้เองที่ลั่วเฉียวเอ่ยขึ้นมาว่า “กู้ฮอน เธออยู่ที่นี่ก่อน เธอมาตัดสินความเป็นธรรมให้กับพวกเรา ไม่เห็นใจผู้อื่นบ้างเลยหรืออย่างไร”
“นี่……” กู้ฮอนในตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ มีอย่างที่ไหนกันที่ในครอบครัวทะเลาะกันแล้วให้คนนอกมาตัดสินแบบนี้ ทำได้ดีทุกคนล้วนดีอกดีใจ แต่ถ้าเกิดทำไมดีขึ้นมา อย่างนั้นตัวเองจะไม่กลายเป็นคนผิดหรอกหรือ
แต่ในเมื่อลั่วเฉียวเอ่ยออกมาแล้ว อย่างนั้นตัวเองจะไม่พูดอะไรเลยสักเล็กน้อยก็ไม่ได้
เฮ้อ……กู้ฮอนแอบพร่ำบ่นในใจเงียบๆ
เธอรอให้แอนนิจากไปก่อน จากนั้นก็สูดลมหายใจลึกมองไปที่การเผชิญหน้าของทั้งสองฝ่ายที่เป็นครอบครัวเดียวกัน
“คุณโล่ ลั่วเฉียวและฉิงฮัว พวกคุณใจเย็นลงมาหน่อยได้ไหมคะ ทุกคนล้วนมีโทสะ ปัญหาก็ไม่สามารถแก้ไขได้”