บทที่ 1023 ไม่ใช่อาหารของเธอ
ช่ายซินซินพยักหน้า “OK ไม่มีปัญหาค่ะ พวกคุณมีอะไรก็ถามมาได้ไม่ยั้งเลย” เธอนั่งอยู่ที่คอกพยาน ดูแล้วช่างผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเอง เหมือนอย่างกับนั่งอยู่ในบ้านของตัวเองยังไงอย่างงั้น
***
ช่างเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่การกระทำกับบุคลิกภายนอกไม่เข้ากันเลยสักนิด
ผู้พิพากษาถอนหายใจแล้วก็เริ่มต้นการพิจารณาคดีที่ยังไม่เสร็จสิ้นต่อไป
“ในเมื่อคุณช่ายคนนี้ยืนยันคำแล้วคำเล่าว่าจะมาเป็นพยานที่นี่ ถ้างั้นตอนนี้ทนายทั้งสองฝ่ายก็สามารถเดินหน้าถามคำถามกับอีกฝ่ายได้แล้ว”
ผู้อำนวยการโกวนั้นรู้แล้วว่าหยินปู้ฝันเคยไปหาช่ายซินซินมาแล้ว แน่นอนก็จะต้องหวาดกลัวอยู่แล้วว่า ถ้าไม่หวาดกลัวแล้วละก็ เขาก็คงไม่ต้องลงมือกับเธอหรอก
ตอนนี้คนเขามานั่งอย่างปลอดภัยไม่มีเรื่องอะไรอยู่ที่คอกพยานแล้ว อย่างนี้เขาก็ต้องซวยแล้วนะซิ
สำหรับปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ของเขา แน่นอนว่าทนายของเขานั้นกลับไม่รู้เลยว่าตกลงมันเพราะอะไรกัน แต่ว่าจากประสบการณ์ที่มากมายหลายปีนี้มาดูแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นคนที่ส่งผลไม่ดีต่อผู้อำนวยการโกวแน่ ๆ
สำหรับไม่ดียังไงนั้น อันนี้ก็ไม่ชัดเจนแล้ว ตอนนี้เธออยู่ที่คอกพยาน นี่ก็หมายความว่าเธอก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของเป่หมิงโม่งั้นเหรอ?
แต่ว่าตอนแรกที่ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้นั้น ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีคนคนนี้อยู่ที่คฤหาสน์ของเกาะหูซินในวันนั้นด้วย
ไม่เพียงแค่คนที่เป็นโจทก์เท่านั้นที่ในใจมีผีและกำลังคิดฟุ้งซ่าน แม้แต่คนที่เป็นจำเลยอย่างเป่หมิงโม่ เขาก็ยังรู้สึกว่ามีอะไรแปลก ๆ บ้าง
เขาทำกระทั่งคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นอีกครั้ง และในทุกช่วงจังหวะของเหตุการณ์สามารถพูดได้เลยว่าไม่เคยเจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน เขาสามารถมั่นใจได้ในส่วนนี้
แต่ว่าเธอพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่ามาเป็นพยาน ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เขาหันหน้าไปมองทางหยินปู้ฝันและกู้ฮอนที่อยู่ไม่ไกลด้วยความสงสัย
และก็ต้องแปลกใจที่พบว่าพวกเขาสองคน ที่เมื่อกี้ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความกังวล แต่ตอนนี้กลับพบว่ามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างแล้ว
“คุณทนายทั้งสอง พวกคุณใครจะเริ่มต้นถามก่อนดีคะ? ฉันไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่นานเกินไปนะคะ” ตอนนี้ช่ายซินซินรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาบ้างเล็กน้อย เธอก้มหน้าลงและดูนาฬิกา
การปรากฏตัวของเธอนั้นทำให้ศาลทั้งศาลที่เข้มงวด ดูเป็นเหมือนกับอย่างกับร้านสระผมไปยังไงอย่างงั้น
ทนายฝ่ายโจทก์ที่ในเวลานี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรกันขึ้น ถึงแม้จะรีบทำความเข้าใจสถานการณ์กับผู้อำนวยการโกวตอนนี้ แต่เวลาที่สั้นขนาดนี้ยังไงก็ไม่ทันอยู่ดี
สถานการณ์ตรงหน้าแบบนี้ ก็คงจะต้องมอบสิทธิ์ในการเริ่มต้นถามก่อนให้กับอีกฝ่ายแล้ว
หยินปู้ฝันลุกขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว “ดูแล้วการปรากฏตัวกะทันหันของคุณช่ายท่านนี้ เหมือนจะทำให้อีกฝ่ายไม่รู้จะทำตัวยังไงดีแล้วนะครับ ในฐานะที่ผมเป็นฝ่ายจำเลย ผมก็จะขอเป็นอาสาสมัครถามคำถามพยานก่อนสักไม่กี่คำถามนะครับ และก็ถือว่าเป็นการโยนอิฐเพื่อให้ได้หยก นอกเหนือจากนี้ ก็จะได้ให้ทนายฝ่ายตรงข้ามกับลูกความของเขาได้ปรึกษาหารือแผนการกันให้ดีซะก่อนด้วยนะครับ”
คำพูดนี้ของเขาฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามีคุณธรรมสูงส่ง แต่จริง ๆ แล้วกลับตบหน้าฝ่ายตรงข้ามได้อย่างแรงทีหนึ่งเลย
เขาพูดแล้วก็มาถึงตรงหน้าช่ายซินซิน “คุณชื่อช่ายซินซิน และทำงานอยู่ที่หย่วนหยางกรุ๊ปในเมืองCใช่ไหมครับ?”
ในบรรดาคนมากมายในศาลนี้ สามารถพูดได้ว่าคนที่ช่ายซินซินยินดีที่จะพบมากที่สุดคือหยินปู้ฝันนี่แหละ ถึงแม้ที่แท่นจำเลยนั้นยังมีเป่หมิงโม่อยู่อีกคนหนึ่ง
แต่ว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่ง คนที่เป็น ‘หญ้าที่มีเจ้าของ’แล้วอย่างเป่หมิงโม่ และเจ้าของคนนั้นก็แน่นอนว่าต้องเป็นกู้ฮอนอยู่แล้ว
ถึงแม้เธอดูแล้วเหมือนจะเป็นผู้หญิงที่ง่าย ๆ คนหนึ่ง แต่ว่าในใจเธอนั้นชัดเจนมาก ว่าเป้าหมายและเรื่องที่กังวลทั้งหมดของตัวเองนั้นคืออะไร
เป่หมิงโม่ถึงแม้จะเป็นผู้ชายที่มีเงินทองมากมายคนหนึ่ง แต่ว่าเริ่มตั้งแต่วินาทีที่ช่ายซินซินเข้ามา เธอก็ได้แอบสังเกตเขาแล้ว
ภาพของเขาที่ตรึงใจมากที่สุดก็คือ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอยู่ตลอด ถึงแม้จะพูดไม่ได้รู้สึกรังเกียจ แต่ว่าก็ไม่ใช่ความรู้สึกชอบแน่นอน และต่อจากนั้น สายตาของเขาก็คอยมองไปทางกู้ฮอนที่ไม่ไกลอยู่ตลอด
ใจของเขานั้นมีคนครอบครองไปแล้ว นี่ไม่ใช่อาหารของเธอ
***
ช่ายซินซินจ้องมองหยินปู้ฝัน และพยักหน้าโดยที่รอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ลดน้อยลงเลย “ยังจะถามคำถามไร้สาระพวกนี้อีกทำไม มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ฉันพูดไปแล้วว่าฉันไม่ชอบบรรยากาศของที่นี่ แต่ละคนหน้าตาขึงขัง อย่างกับเข้ามาสู่ประตูนรกแล้วยังไงอย่างงั้น”
“เอ่อ……” พอคำพูดนี้ถูกพูดออกไป บนหน้าผากของคนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดก็มีเส้นดำโผล่ออกมา โดยเฉพาะผู้พิพากษาหลิว
ในใจของเขา ที่แห่งนี้เป็นที่ที่มีเกียรติและมีความศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง ทำไมถึงได้โดนผู้หญิงแบบนี้เอาไปเปรียบเทียบว่าเป็นประตูนรกไปได้
งั้นแล้วตัวเองเป็นใครล่ะ? ยมทูตขาวดำที่คอยเก็บเกี่ยววิญญาณเหรอ หรือว่าเป็นยมบาลพิพากษาที่หนวดเครารุงรังเต็มหน้างั้นเหรอ?
“แค่ก แค่ก……” เขากระแอมไอเบา ๆ สองคำ “ที่นี่เป็นศาล พยานช่วยสำรวมหน่อย”
“OKได้ค่ะ ขอโทษด้วยค่ะท่านผู้พิพากษา ฉันก็แค่เปรียบเทียบบรรยากาศไปเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะรวมคุณเข้าไปด้วย คุณวางใจเถอะ คุณหน้าตาดูเป็นคนดีมีเมตตา ไม่เหมือนกับยมบาลพิพากษาที่หน้าดำหนวดเครารุงรังเลยสักนิด” ช่ายซินซินหันหน้าไปให้ตรงกับผู้พิพากษาหลิวแล้วก็มีหน้าตายิ้มแย้ม
นี่มันช่างทำให้คนแก่คนนี้รู้สึกเบื่อหน่ายจริง ๆ แล้ว
ช่ายซินซินหันหน้ากลับมา ให้ตรงกับหยินปู้ฝันอย่างซุกซน แล้วก็แลบลิ้นให้อย่างซุกซนเหมือนอย่างกับเด็กสาวน้อย
หยินปู้ฝันก็เหมือนกับผู้พิพากษา ที่ทั้งหน้าไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว
แต่ว่า คำถามของตัวเองก็ยังต้องถามต่อไปอยู่ดี “ไม่ทราบว่าคุณช่าย คุณกับผู้อำนวยการโกวมีความสัมพันธ์ยังไงกันครับ”
“มีความสัมพันธ์เป็นคนรักค่ะ” คำตอบนี้ของช่ายซินซินตอบออกมาได้อย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมา
และในเวลาเดียวกัน ก็ทำให้คนอื่น ๆ นอกเหนือจากตัวผู้อำนวยการโกว หยินปู้ฝันกับกู้ฮอนแล้ว ต่างก็ตกใจกันไม่ว่าจะมากหรือน้อยทั้งนั้น
หยินปู้ฝันพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “คุณช่าย ในเมื่อคุณเป็นคนรักของผู้อำนวยการโกว คุณจะสามารถประเมินค่าตัวผู้อำนวยการโกวคนนี้หน่อยได้ไหมครับ?
“ผมขอคัดค้านครับ! คำถามของทนายฝ่ายจำเลยไม่มีความเกี่ยวข้องกับตัวคดีนี้เลยครับ” ในที่สุดทนายฝ่ายโจทก์ก็อดทนไม่ไหวแล้ว เขาเข้าใจแล้วว่าตอนนี้หยินปู้ฝันกำลังจะต่อสู้ด้วยความมีค่าของคนแล้ว
พอเผชิญหน้ากับการคัดค้าน หยินปู้ฝันก็รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ท่านผู้พิพากษาครับ คำถามของผมนั้นมีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้เป็นอย่างมาก เพราะว่าเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้น มันต้องมีเหตุถึงจะมีผล และคำถามของผมนั้นก็คือ ‘เหตุ’ ครับ”
ผู้พิพากษาหลิวพยักหน้า “การคัดค้านไม่มีผล แต่ว่าก็ต้องขอให้ทนายฝ่ายจำเลยระมัดระวังนิดหนึ่งนะครับ คำถามต้องกระชับได้ใจความ เป็นความจริงและตรงกับคดีด้วย”
หยินปู้ฝันพยักหน้ากับช่ายซินซิน “คุณสามารถพูดต่อได้แล้วครับ”
ช่ายซินซินก้มหน้าลงแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันรู้จักผู้อำนวยการโกว เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากในหน้าที่การงาน สำหรับเอาการทำงานด้านนี้ของเขามาพูดแล้ว แน่นอนว่าเหมาะสมกับเขามาก……”
คำพูดประโยคนี้ทำให้หยินปู้ฝันรู้สึกแปลกใจมากจริง ๆ เมื่อกี้เธอกับผู้อำนวยการโกวป่วนกันได้อย่างเมามันขนาดนั้น เขายังคิดว่าเธอจะว่าเขาเสีย ๆ หาย ๆ ซะอีก คิดไม่ถึงว่าพอเริ่มต้นมาเธอกลับพูดประโยคแบบนี้ออกมา
ไม่เพียงแค่หยินปู้ฝันเท่านั้น แม้แต่ผู้อำนวยการโกวเองก็ยังรู้สึกประหลาดใจ ตอนนี้เขาเริ่มมีเหงื่อเย็น ๆ ซึมออกมาแล้ว คำพูดนี้ก็เหมือนกับว่าได้เพิ่มแสงวงแหวนไว้บนหัวของเขาแล้วยังไงอย่างงั้น
ตกลงผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหนกันแน่ ชื่นชมต่อหน้าแล้วทิ่มแทงลับหลังเหรอ? หรือทิ่มแทงต่อหน้าแล้วชื่นชมลับหลัง?
มันทำให้คนเดาไม่ถูกเลยจริง ๆ
แต่ว่า คำพูดต่อมานั้นก็ช่างไม่เหมือนกันแล้ว “ถึงแม้เขาจะเป็นที่ยอมรับในด้านการทำงาน แต่ว่าชีวิตส่วนตัวของเขานั้นกลับเละตุ้มเป๊ะ ฉันรู้ ว่าระหว่างที่เขาอยู่กับฉัน ก็ยังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ใสสะอาดกับผู้หญิงคนอื่นอีกด้วย”
“งั้นทำไมคุณถึงยังต้องเต็มใจเป็นคนรักของเขาอีกล่ะ?” หยินปู้ฝันถามคำถามขึ้น คำถามประโยคนี้ไม่ได้เป็นกลลวงอะไร แต่กลับเป็นคำถามที่ถามออกมาจากใจจริง เขาอยากจะรู้จริง ๆ ว่า เธอเดินมาถึงจุดจุดนี้ได้ยังไง
*
คนที่มีความคิดแบบนี้เหมือนกับหยินปู้ฝัน ก็ยังมีกู้ฮอนอีกหนึ่งคน
ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน และถึงแม้ก่อนหน้านั้นภาพประทับใจที่เธอมีต่อช่ายซินซินนั้นจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ว่าเธอก็มีความสนใจอยากจะรู้เหมือนกันว่า ตกลงผู้หญิงคนหนึ่งเพื่ออะไรทำไมถึงได้เต็มใจตกต่ำ เสียสละตัวเองให้กับผู้ชายที่ไม่ได้เป็นคนดีอะไรเท่าไหร่เลย
ก็อย่างที่เขาว่าทุกบ้านย่อมมีคัมภีร์ที่อ่านยากอยู่เล่มหนึ่ง แล้วคัมภีร์ที่อ่านยากเล่มนั้นของช่ายซินซินตกลงมันเป็นยังไงกัน……
ช่ายซินซินพอเผชิญหน้ากับปัญหานี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางหายไป เธอเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น ความทรงจำช่วงนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่เธออยากจะลืมมาตลอด แต่มันกลับกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีทางสลัดออกไปได้
“หย่วนหยางกรุ๊ปของเราอยู่ที่เมืองCก็เป็นเหมือนกับบริษัทเป่หมิง ที่อยู่ในท้องที่เปรียบเสมือนเป็นดั่งลูกพี่หัวมังกรก็ว่าได้ แต่ว่าเราไม่มีทางเทียบกับบริษัทเป่หมิงกรุปได้หรอก พวกเขานอกจากจะมีชื่อเสียงในท้องที่แล้ว ถึงจะเป็นทั่วประเทศ หรือกระทั่งทั่วโลกก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว แต่พวกเรา พูดว่าเป็นหัวมังกร แต่จริง ๆ แล้วความสามารถเพียงพอเป็นแค่ ‘งูเจ้าที่’ที่มีบทบาทเล็ก ๆ เท่านั้น และแน่นอน ก่อนที่เราจะมาอยู่ถึงตำแหน่งนี้ได้ ก็เป็นเหมือนกับบริษัททั่วไป ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร และในช่วงเวลานั้นผู้อำนวยการโกวก็ได้มาเป็นหัวหน้ารับผิดชอบด้านงานวิศวกรรมในเมืองCของเราแล้ว
ผู้พิพากษาหลิวฟังเธอพูดมาชุดใหญ่ขนาดนี้ พูดจริง ๆ แล้วเขาเริ่มจะไม่มีความอดทนแล้วนะ “พยานช่วยพูดใจความสำคัญด้วยครับ”
หยินปู้ฝันกังวลว่าคำพูดแบบนี้ของผู้พิพากษาจะทำให้เธอมีอารมณ์อะไรแปรปรวนขึ้นมา จึงรีบร้อนพูดอย่างอ่อนโยนกับเธอว่า “คุณช่ายเวลาของเรามีจำนวนจำกัดมาก เพราะฉะนั้น…..”
ช่ายซินซินพยักหน้าอย่างช้า ๆ แล้วพูดต่อว่า “ในช่วงเวลานั้นความสามารถในการทำงานของผู้อำนวยการโกวก็โด่งดังมากแล้ว ถ้าหากว่าอยากจะก้าวหน้ามากกว่าบริษัทเล็กทั้งหลายนั้น ฉันว่าในใจทุกคนก็ต้องเข้าใจอยู่แล้ว ภายใต้ความสามารถที่ไม่เพียงพอนั้น ก็ต้องเลือกเดินทางอ้อมแล้ว และพอดีกับที่ในสถานการณ์บังเอิญทำให้เรารู้‘ความชอบ’พิเศษของผู้อำนวยการโกวเข้า และแล้วเราก็เริ่มหาคนมาคิดวิธีติดต่อกับเขาจนได้ แล้วหลังจากนั้นเพื่อ‘ความชอบ’อันนั้นของเขา พวกเราก็เคยส่งผู้หญิงไปให้เขาไม่ใช่แค่สิบกว่าคน จนถึงสุดท้าย เขาก็มาถูกใจฉันเข้า”
“และแล้วคุณก็กลายเป็นคนรักของผู้อำนวยการโกวงั้นเหรอ?” หยินปู้ฝันถามเสริมขึ้น
ช่ายซินซินเธอไม่ได้พูดอะไรต่ออีก ได้แต่เพียงพยักหน้าเท่านั้น
ตอนที่หยินปู้ฝันมองไปที่เธอ ก็สังเกตเห็นในดวงตาเธอ เริ่มมีอะไรกะพริบ ๆ อยู่แล้ว น่าจะเป็นน้ำตา
“คุณทนายฝ่ายตรงข้าม ฟังคุณช่ายพูดมาชุดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ทำไมผมถึงฟังไม่ออกว่ามันมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เลย? และผมสงสัยว่านี่พวกคุณกำลังทำลายชื่อเสียงของลูกความผมอยู่ เพื่อทำจุดประสงค์ที่จะลดโทษของจำเลยประสบความสำเร็จ” ทนายฝ่ายโจทก์ฟังมาถึงตรงนี้ ก็อดทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว
เมื่อกี้ในตอนที่ช่ายซินซินกำลังเล่าเรื่องอยู่นั้น เขาก็ได้เดินหน้าพูดคุยเสียงเบากับผู้อำนวยการโกวแล้ว สำหรับเรื่องที่เธอพูดมานั้น ผู้อำนวยการโกวก็ได้ยอมรับเสียงเบาแล้ว
พอมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจำเป็นจะต้องคิดหาวิธีให้ผู้พิพากษายกเลิกสิทธิ์ในการเป็นพยานของช่ายซินซิน ไม่งั้นก็ยากที่จะคิดได้จริง ๆ ว่าเธอจะพูดอะไรออกมาอีก
“ท่านผู้พิพากษาครับ พอฟังมาถึงขนาดนี้แล้ว หรือว่าคุณยังฟังอะไรไม่ออกอีกเหรอครับ? ‘ความชอบ’ของผู้อำนวยการโกวท่านนี้นั้น ยังทำให้ผมรู้สึกตกตะลึงอย่างขีดสุดเลย และเพราะว่า‘ความชอบ’แบบนี้ของเขา พอหลังจากที่เขามาอยู่เมืองAได้ไม่นานนั้น ก็เป็นเหตุทำให้เกิดคดีนี้ขึ้นมา เขาอยากจะเสียมารยาทกับคุณกู้พยานของผม แล้วหลังจากที่จำเลยรู้ว่าผู้อำนวยการโกวเป็นคนแบบนี้เข้าโดยบังเอิญ เขาก็รีบร้อนอยากจะช่วยพยานให้หลบหนีออกจากปากเสือ และด้วยเวลาที่คับขันเขาถึงได้เสี่ยงอันตรายฝ่าด่านตรวจเข้าไป และสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะโจทก์ แต่ตอนนี้วินาทีนี้โจทก์กลับกลายเป็น‘คนชั่วร้องทุกข์ก่อน’ เรื่องราวก็ได้กระจ่างหมดแล้ว เชิญท่านตัดสินคดีได้แล้วครับ