บทที่ 1012 พี่น้องร่วมใจ
เขาเหลือบตามองหยางหยาง และก็เห็นว่าหยางหยางกำลังมองมาอย่างกังวลอยู่ เด็กคนนี้มันจริงๆเลย ทำเรื่องถูกอยู่ดีๆ แต่กลับแสดงท่าทางออกมาอย่างกับตัวเองทำผิด คอยดูสิคราวหน้าจะจำมั้ยที่สอนน่ะ และก็จะคอยดูด้วยว่าตอนดีใจจะพูดพร่อยๆอีกไหม
แต่แม้ว่าเขาจะคิดมากแบบนี้ สุดท้ายก็ยังพยักหน้าให้แม่ “วันนี้เป็นโชคดีที่มีหยางหยางจริงๆ ไม่งั้นผมก็ไม่รู้จริงๆว่าจะทำยังไง”
เมื่อได้รับการยืนยันจากเฉิงเฉิง กู้ฮอนถึงเพิ่งจะเชื่อในตัวหยางหยาง แต่ท่าทางของหยางหยางก่อนหน้านี้ เธอก็มองอยู่ในสายตาตลอด
แต่ตอนนี้เธออยากรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเฉิงเฉิงถึงจะถูกรุมตีโดยไม่มีเหตุผล
***
กู้ฮอนถามจ้าวจิงอี้เสร็จแล้วก็ถามเฉิงเฉิงอีกครั้ง เพื่อจะยืนยันว่าเรื่องในวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหยางหยางแต่อย่างใด ไม่ใช่เพราะว่าความเป็นแฝดของพวกเขา ที่ตอนแรกตั้งใจจะมีเรื่องกับหยางหยาง แต่สุดท้ายก็หาเรื่องผิดคน
ถ้าเป็นอย่างนั้นอย่างนั้นล่ะก็ อนาคตของหยางหยางต่อจากนี้ก็จบแล้ว
แต่คำตอบที่เธอได้รับก็ทำให้เธอเบาใจลงไปมาก แถมยังพอใจในตัวหยางหยางด้วย ความจริงเมื่อเธอรู้ว่าลั่วเฉียวสอนหยางหยางต่อยตี เธอยังแอบรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่า เมื่อลูกชายต่อยเป็นแล้ว จะใช้ทักษะนี้หาเรื่องไปทั่ว
เขารังแกคนอ่อนแอ และรังแกคนอื่น เธอไม่ต้องการจะเห็นแบบนั้น เธอหวังว่าลูกของเธอทุกคนจะเป็นคนเที่ยงธรรม
เขาอาจไปหาเรื่องคนอื่นโดยที่ดูกำลังตัวเอง เมื่อได้รับบาดเจ็บแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่อยากเห็นเหมือนกัน ใจของพ่อแม่ทุกคน ไม่มีใครอยากจะเห็นลูกตัวเองได้รับอันตรายใดๆทั้งนั้น
แต่ตอนนั้นลั่วเฉียวก็ความมั่นใจกับเธอว่า ต้องเชื่อว่าเด็กๆจะสามารถควบคุมตัวเอง โดยเฉพาะตอนที่สอนเรื่องต่างๆให้พวกเขา
ความสามารถที่ยิ่งใหญ่ก็หมายถึงความรับผิดชอบที่มากขึ้น ในทางเดียวกันถ้าตัวเองทำผิด ผลของการกระทำก็ใหญ่ด้วยเช่นกัน
กู้ฮอนหันตัวไปมองหยางหยาง “มานี่สิ”
แม้หยางหยางจะรู้ว่าเฉิงเฉิงกับจ้าวจิงอี้ไม่ได้ขายตัวเอง แต่ในใจของเขาก็ยังแอบกลัว เพราะคำพูดพวกนั้น ตอนเกิดเรื่อง เขาก็พูดเกินไปจริงๆ
เมื่อได้ยินแม่เรียกตัวเอง เขาจึงทำได้แค่ก้มหน้าลง ราวกับเด็กที่ทำความผิด แล้วเดินไปตรงหน้าของกู้ฮอน
เมื่อเห็นว่าลูกชายเดินมาแล้ว สีหน้าของกู้ฮอนก็แย้มยิ้มออกมา “ลูกรัก วันนี้ลูกทำถูกแล้ว แม่ภูมิใจในตัวลูกนะ”
ตอนแรกหยางหยางยังก้มหน้าลงอยู่ แต่เมื่อได้ยินแม่พูด เขาก็รีบเงยหน้าขึ้นมามองเธอทันที “แม่ แม่พูดจริงหรอ เรื่องที่ผมทำวันนี้มันถูกหรอ”
กู้ฮอนพยักหน้า “ใช่สิ ลูกกับเฉิงเฉิงเป็นพี่น้องกัน แถมยังเป็นเพื่อนสนิทของจ้าวจิงอี้อีก ตอนที่พวกเขาได้รับอันตราย แล้วเรากล้าแสดงตัวออกมา แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกนั้นดีมาก สำหรับแม่ แม่หวังให้พวกลูกสามัคคีกัน”
ที่เธอพูดอย่างนี้ มีอยู่สองความหมาย
อย่างแรก คือความหมายผิวเผิน และอย่างที่สองคือ เธอได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตระกูลเป่หมิงมาตลอดหลายปี จากการที่อยู่กับเป่หมิงโม่
ตระกูลเป่หมิงมีชื่อเสียงอย่างมากในเมือง A แต่สิ่งที่ทำให้คุณท่านเป่หมิงยังเป็นกังวลก่อนจากไปก็คือ เป่หมิงเฟยหย่วน เป่หมิงโม่ และเป่หมิงยัน สามคนพี่น้อง
ความอัปยศของตระกูลเป่หมิงคือ สามคนพี่น้องนี้ไม่ลงรอยกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่าง เป่หมิงเฟยหย่วน และเป่หมิงโม่
แน่นอน เหตุผลที่ทำให้พวกเขาไม่ลงรอยกันนั้นก็มีอีกหนึ่งเรื่องใหญ่ นั่นก็คือปัญหาในอดีตของคุณท่าน
ดังนั้น จนถึงตอนนี้ ตระกูลเป่หมิงได้เปิดเผยอย่างคลุมเครือว่ามีปัญหาซ่อนอยู่ภายในแล้ว ผู้อำนวยการโกว ถังเทียนจื๋อ และยังมีหลี่เชิน
สรุปก็คือ คนในครอบครัวไม่ข่มเหงคนนอก
ในสายตาของตัวเอง ก็รู้สึกว่าเป็นตัวอย่างของชีวิต ดังนั้นกู้ฮอนจึงให้ความสนใจกับลูกทั้งสามของตัวเองมาก ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพราะบนโลกใบนี้ ไม่มีใครที่จะเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันแบบนี้อีกแล้ว ต่อไปพวกเขาจะเป็นญาติคนเดียวของกันและกัน โดยเฉพาะเมื่อในวันหนึ่ง เธอกับเป่หมิงโม่จะต้องตายจากไป ความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี้ก็จะสามารถรักษาชีวิตพวกเขาในอนาคตได้
***
ความสามัคคีของลูกๆ ทำให้กู้ฮอนพอใจมาก แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นแม่ที่ดีมากนัก แต่เธอก็มีมุมมองหนึ่งที่ถูกต้องมาก
ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่มักมีลูกคนเดียว ความคิดแบบพี่น้องจึงหายไป จึงทำให้ความรักกันในครอบครัวขาดหายไปด้วย
ไหนๆพระเจ้าก็ประทานลูกมาให้เธอถึงสามคนแล้ว ไม่ว่าในอนาคตพวกเขาจะเป็นยังไง อย่างน้อยพวกเขาก็จะอยู่บนโลกใบนี้อย่างไม่โดดเดี่ยว
เมื่อเห็นเด็กๆ เธอก็อดนึกถึงเป่หมิงโม่ไม่ได้ ตอนนี้เหลือเวลาไม่มากสำหรับพวกเขาแล้ว แต่ทางหยินปู้ฝันก็ยังคงไม่ได้รับข่าวอะไร
รวมถึงเสี่ยวเฉินที่โล่ฮานดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่ ก็ยังอยู่ในอาการโคม่า และไม่รู้ว่าจะดีขึ้นวันไหน
ดังนั้นข่าวที่เธอได้รับทั้งหมด จึงเป็นข่าวที่ไม่เป็นผลดีต่อเป่หมิงโม่ ไม่เพียงแค่นั้น ตำแหน่งของตนในบริษัทเป่หมิงก็กำลังสั่นคลอนเช่นกัน
พรุ่งนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการของบริษัทเป่หมิงอย่างเป็นทางการ และจะพูดคุยกันในหัวข้ออนาคตของบริษัทเป่หมิง และปัญหาส่วนตัวของประธานบริษัท
คนที่วิตกกังวลเช่นเดียวกับกู้ฮอนก็คือเป่หมิงยี่เฟิง หลังจากที่เขาทำสำเร็จและได้รับสัญญาภายใต้ความสงบนั้น เขารู้สึกว่า ก่อนหน้านี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ผู้อำนวยการโกวเป็นผู้ที่น่าสงสัยที่สุด
เมื่อก่อนผู้อำนวยการโกวสงสัยเขามาตลอด แต่หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเขาอย่างกะทันหันจากหน้ามือเป็นหลังมือ อย่างไม่น่าเชื่อ
ถ้าจะเห็นแก่การที่เขาเคารพและชื่นชมต่อตระกูลเป่หมิง ก็ไม่มากพอที่จะทำให้เขาเปลี่ยนท่าทีไปมากขนาดนี้
เป็นไปได้อย่างเดียวเท่านั้นนั่นก็คือ คนที่อยู่เบื้องหลังของเขาต้องการให้เขาทำอย่างนี้
แต่เขาไม่รู้จักใครที่มีอำนาจสูงกว่าผู้อำนวยการโกวเลย
ก่อนจะมีการประชุมผู้ถือหุ้น ก็ดูเหมือนว่าเขาจะนึกไม่ออกว่าสรุปแล้วเรื่องนี้มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ แต่เขาก็ไม่อยากจะปล่อยให้มันผ่านไป
ไม่ว่าจะยังไงครั้งนี้ก็ถือว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณแล้ว แถมการแข่งขันในครั้งนี้มีก็ความสำคัญต่อตนเองมาก
นอกจากนี้เขายังมีความคิดอย่างหนึ่งที่น่ากลัว มีใครบางคนจะใช้สิ่งนี้เป็นภัยคุกคามต่อตัวเขา รอจนกระทั่งตัวเองได้เป็นประธานของบริษัทเป่หมิง เขาคนนั้นก็จะดำเนินการในขั้นต่อไปทันที
ตอนนี้แค่ถังเทียนจื๋อคนเดียว ก็ทำให้เขาวุ่นวายมากพอแล้ว ถ้ามีใครอีกหนึ่งคนขึ้นมาล่ะก็ เขาคงจะกลายเป็นแค่หุ่นเชิดจริงๆ
แม้ว่าเขาจะมีอำนาจ ก็จะถูกคนอื่นมองข้ามไป
การคัดเลือกในวันพรุ่งนี้เขาจะทำยังไงดี
*
บริษัทเป่หมิงถูกสร้างขึ้นมาโดยเป่หมิงเจิ้งเทียน และมีความเจริญรุ่งเรืองหลังจากที่เป่หมิงโม่บริหารมาเป็นเวลาหลายปี ตอนนี้จึงเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการก่อสร้าง
การแต่งตั้ง และถอดถอนประธานบริษัท จึงเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาโดยตลอด
แม้ว่าเป่หมิงโม่ จะมอบตำแหน่งประธานบริษัทให้กู้ฮอนเป็นการส่วนตัว โดยไม่ปรึกษาใคร แต่ภายนอกบริษัทเป่หมิง ก็มีความคิดเห็นต่างๆไม่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเป่หมิงโม่ และกู้ฮอน
สิ่งนี้มีผลกระทบในด้านลบต่อบริษัทเป่หมิงไม่น้อย
ดังนั้น หลังจากที่เป่หมิงยี่เฟิงได้รับสัญญาจากรัฐบาลแล้ว การประชุมอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการจึงถูกจัดขึ้นอีกครั้ง เพื่อจัดตั้งประธานบริษัทเป่หมิงอย่างโปร่งใส และโจ่งแจ้ง
นี่ถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของบริษัทเป่หมิง
***
การประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกประธานบริษัท ของบริษัทเป่หมิงจะมีขึ้นหนึ่งวัน ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดีของเป่หมิงโม่ ก่อนที่จะมีการลังเลเกี่ยวกับข่าวลั่วที่หลุดออกมา ผู้อำนวยการอาวุโสของบริษัทเป่หมิงก็ได้เลือกว่าจะจัดในวันนี้
แน่นอนว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่หลายรายของบริษัทเป่หมิง และประธานคนปัจจุบันอย่างกู้ฮอนก็เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
เดิมทีกู้ฮอนไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วม เนื่องจากเธอไม่ใช่ผู้ถือหุ้นของบริษัทเป่หมิง
เป่หมิงโม่ข้ามขั้นตอนอย่างเป็นทางการไป และแต่งตั้งกู้ฮอนเป็นประธานโดยตรง แม้จะไม่เป็นไปตามขั้นตอน แต่ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
แต่เพราะว่าบริษัทเป่หมิง เป็นบริษัทของตระกูลเป่หมิง ดังนั้นบางขั้นตอนจึงไม่จำเป็น
และในตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดเรื่องกับเป่หมิงโม่ พวกเขาแค่คิดว่ากู้ฮอนเป็นประธานบริษัทในนาม โดยมีเป่หมิงโม่ เป็นเบื้องหลังอยู่
ตอนนี้กำลังเกิดปัญหาครั้งใหญ่เมื่อเป่หมิงโม่ อาจจะเข้าคุก นั่นก็หมายความว่ากู้ฮอนจะไม่มีใครคุ้มครองอีก และในตอนที่เธอได้ดำรงตำแหน่งนั้น เธอก็ได้เสนอโครงการ Modern city ทำให้บริษัทเป่หมิงประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ เธออยู่ในบริษัทเป่หมิงไม่ได้อีกต่อไป อย่างน้อยเธอก็ต้องยอมสละตำแหน่งประธานบริษัท
ยังคงเป็นห้องประชุมที่คุ้นเคย แต่ภายในกลับมีคนนั่งอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น น่าจะมีไม่ถึงสิบคน
“คุณนายกู้คุณชายเป่หมิง วันนี้ที่มีการประชุมคณะกรรมการกัน คาดว่าพวกคุณน่าจะรู้เกี่ยวกับจุดประสงค์ดีอยู่แล้ว ไม่นานมานี้ บริษัทเป่หมิงของเราเกิดปัญหาใหญ่อยู่สองอย่าง อย่างแรกคือการตัดสินใจส่วนตัวของคุณกู้ที่นำบริษัทเป่หมิงถอนตัวออกจากการประมูลของรัฐบาล ทำให้บริษัทเป่หมิงพลาดโอกาสที่ดีในการสร้างภาพลักษณ์ และสร้างกำไร แถมคุณกู้ก็ไม่ได้อธิบายเรื่องนี้แก่คณะกรรมการแต่อย่างใด จนทำให้เกิดการร้องเรียนขึ้นภายในบริษัทเป่หมิง ไม่ทราบว่าคุณกู้จะอธิบายเรื่องนี้ให้กับเราได้อย่างไร”
กู้ฮอนนั่งฟังอย่างสงบที่ที่นั่งประจำตำแหน่งของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆส่ายหัว “เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจที่ฉันทำโดยไม่ได้รับอนุญาต และฉันยินดีที่จะยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับบริษัทเป่หมิง แต่สำหรับเหตุผลนั้น ฉันไม่สามารถพูดได้”
เป่หมิงยี่เฟิงรู้สึกแปลกใจมาก คาดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่แก้ตัวใดๆเกี่ยวกับการกระทำของเธอ เธอน่าจะรู้ดีว่า นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้เธอสามารถดำรงตำแหน่งประธานบริษัทต่อไปได้ แล้วเธอจะปล่อยมันไปง่ายๆอย่างนี้หรือ
จากการที่รู้จักเธอมาหลายปี เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับการคุมขังของเป่หมิงมู่แน่
“กู้ฮอน อ่อไม่ใช่สิ ท่านประธานกู้ ตอนนั้นคุณคิดอะไรอยู่กันแน่ ถ้าไม่มากเกินไปก็พูดออกมาเถอะ คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็มีแต่คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ” เป่หมิงยี่เฟิงพูด
“ตอนนี้เขาหวังดีกับกู้ฮอนจริงๆ แม้ว่าเขาจะหวังว่าตัวเองจะได้นั่งตำแหน่งประธานบริษัท แต่เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนแล้ว เขาก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่า เบื้องหลังมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่