บทที่ 999 ความสงสัยหวาดระแวง
แม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาค่อนข้างสั้น แต่ก็ยังมีความทรงจำที่ยากจะทำลายช่วงหนึ่ง นี่อาจจะเป็นความทรงจำแรกในชีวิตที่เธอรักและหวงแหนมากที่สุด
เธอเชื่อมั่นอย่างสุดซึ่งว่า นี่ไม่ใช่ความทรงจำสุดท้าย เธอยังคงจะมีความทรงจำที่รักและหวงแหนอีกมากมาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองควรจะทำเรื่องเรื่องหนึ่ง แม้ว่าเรื่องนี้สำหรับเธอ จะไม่ได้ยินยอมสมัครใจขนาดนั้น แต่เห็นแก่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดเล็กน้อยนั้น เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไปพบหลี่เชินอีกครั้ง
ยังคงไปบ้านพักหลังนั้นในครั้งที่แล้วหรือ พวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่ที่นั่นในเวลานี้ ถ้าอย่างนั้นต้องไปหาเขาที่ไหนถึงจะดี……
หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยครู่หนึ่ง ก็คิดได้ว่าตอนนี้มีเพียงคนคนเดียวที่สามารถรู้ร่องรอยของเขาได้ เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์กดเบอร์ต่อสายไป
***
นับจากถังเทียนจื๋อถูกเป่หมิงยี่เฟิงระบายโทสะใส่ไปครู่หนึ่งแล้ว ก็ยังถือว่าไว้หน้าเขา เข้าและเลิกงานค่อนข้างตรงเวลา
นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขาถูกพลังของเป่หมิงยี่เฟิงกดดันจนต้องทำตาม ถ้าหากคิดว่าเป็นแบบนี้ล่ะก็ เขาจะรู้สึกเพียงแค่ว่านี่เป็นความอัปยศอดสูต่อตัวเองอย่างหนึ่ง
สาเหตุที่เขาทำแบบนี้ ก็เป็นเพราะว่าเป่หมิงยี่เฟิงเข้าร่วมการเปิดประมูลModern cityแล้ว
ตอนนี้เขาต้องอยู่ข้างกายเป่หมิงยี่เฟิง จับตามองการกระทำของเขาแต่ละอย่างอย่างใกล้ชิด พูดความจริงเลยว่า เขาไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเป่หมิงยี่เฟิงมากนัก
เหตุผลง่ายมาก แม้ว่าเป่หมิงยี่เฟิงจะมีความสามารถอยู่บ้างเล็กน้อย โครงการก่อสร้างของบริษัทเจียเม้า ก็อาศัยโชคของเขาเล็กน้อย แต่ว่าครั้งนี้ กลับยิ่งใหญ่ไม่เหมือนกับครั้งก่อน คนที่ต้องเผชิญหน้าด้วยนั้นเป็นถึงยอดฝีมือในวงการมากมาย
สุ่มเลือกมาคนหนึ่ง ล้วนทำงานหนักในวงการธุรกิจนี้มา20-30ปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์หรือว่าสิ่งที่เคยพบผ่านล้วนสามารถสะบัดเป่หมิงยี่เฟิงทิ้งห่างไปได้หลายช่วงถนน
ตอนเลิกงานในช่วงพักกลางวัน เป่หมิงยี่เฟิงออกจากห้องทำงานไปแล้ว นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่เขาจะทำน้อยมาก เพียงแต่ว่าถังเทียนจื๋อไม่จำเป็นต้องจับตามองดูการกระทำทุกอย่างของเขาตลอดเวลา
จนกระทั่งหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง เป่หมิงยี่เฟิงก็กลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง
เขาสังเกตเห็นว่าอารมณ์ของเป่หมิงยี่เฟิงนั้นดิ่งลงต่ำยิ่งกว่าตอนที่ออกไปไม่น้อย แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเรื่องอะไร แต่เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะถาม
ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ถึงช่วงเวลาสำคัญ ถ้าหากว่าเรื่องในครั้งนี้สำเร็จแล้ว เป้าหมายของพวกเขาก็สามารถบรรลุผลได้ ส่วนเป่หมิงยี่เฟิงนั้น……
ตอนนี้เองที่เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย กู้ฮอนกลับเป็นฝ่ายโทรศัพท์หาตัวเอง
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ต่อหน้าเป่หมิงยี่เฟิง แม้จะไม่รู้ว่ากู้ฮอนเรียกหาตัวเองทำไม แต่ก็ยังจงใจเอ่ยเสียงดังขึ้นสองระดับ “ประธานกู้ คุณโทรหาผมมีเรื่องอะไรหรือครับ”
เป่หมิงยี่เฟิงที่กำลังหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตได้ยินแล้ว เม้าท์ในมือก็หยุดชะงักครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ตอนกลางวัน กู้ฮอนบอกกับตัวเองว่าอยู่ให้ห่างจากถังเทียนจื๋อหน่อย แต่เมื่อหันกลับมามอง ไม่ถึงครึ่งวัน เธอก็โทรศัพท์หาเขาแล้ว
นี่ทำให้เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่บ้าง เธอจะทำอะไรกันแน่
ดวงตาของเป่หมิงยี่เฟิงจับจ้องหน้าจอแสดงผล แต่สมองของเขาเริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็วแล้ว หรือว่านี่เป็นการยุให้รำ ตำให้รั่วกันนะ สร้างช่องว่างระหว่างเขากับถังเทียนจื๋อ หรือจะใช้วิธีการดึงมาเป็นพวกเพื่อใช้เอง ส่วนที่เหลือเอาไว้ก็จะโดดเดี่ยวอีกครั้ง
แบบนี้ เดิมสถานการณ์ที่ไม่เป็นผลดีต่อกู้ฮอนก็จะพลิกกลับมา เธอจะสามารถนั่งอย่างมั่นคงอยู่บนตำแหน่งตรงนั้น
ช่างเป็นการเดินหมากที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ เพียงแต่วิธีการแบบนี้นั้น เธอไม่น่าจะคิดออกมาได้ เป่หมิงยี่เฟิงนั้นรู้จักนิสัยของกู้ฮอนชัดเจนแจ่มแจ้ง เธอไม่ชื่นชอบการใช้อุบายแม้แต่น้อย
อย่างนั้นคนที่ออกอุบายนี้ให้กับเธอ น่าจะเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง จะต้องเป็นเป่หมิงโม่อย่างแน่นอน
“ตอนนี้ผมอยู่ที่บริษัทเป่หมิง ครับ ผมจะรีบไป” ถังเทียนจื๋อตกปากรับคำ แต่สายตาของเขากลับไม่ได้ละจากเป่หมิงยี่เฟิงแม้แต่ครู่หนึ่ง
เพียงแต่ตอนนี้สมองของเป่หมิงยี่เฟิงวุ่นวายเล็กน้อย จึงไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้
ถังเทียนจื๋อมองท่าทางของเป่หมิงยี่เฟิงแล้วก็หัวเราะขบขันเงียบๆ หลังจากเขาวางโทรศัพท์แล้ว ก็จงใจเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานของเป่หมิงยี่เฟิง เคาะโต๊ะเขาเบาๆ “หัวหน้าเป่หมิง ประธานกู้เรียกหาผมมีธุระเล็กน้อย จำเป็นต้องขึ้นไปสักหน่อย”
เมื่อได้ยินเสียงเคาะโต๊ะดังขึ้น เป่หมิงยี่เฟิงถึงจะฟื้นคืนสติกลับมา อำพรางสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติของตัวเองแล้ว “ในเมื่อประธานกู้เรียกหาคุณ คุณก็รีบขึ้นไปเถอะ”
***
ถังเทียนจื๋อออกจากห้องทำงานของเป่หมิงยี่เฟิงแล้ว ก็ไปถึงหน้าประตูห้องของกู้ฮอนอย่างรวดเร็ว ตอนที่เธอได้รับโทรศัพท์จากกู้ฮอนก็มีความรู้สึกคล้ายคลึงกับเป่หมิงยี่เฟิงมาก ล้วนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นับตั้งแต่คราวที่แล้วที่เขาใช้ประโยชน์จากหยางหยางเพื่อโกหกเธอมาพบที่บ้านของอาจารย์โดยไม่ได้รับอนุญาต เขาก็รู้สึกว่าการพูดคุยสื่อสารอย่างปกติในจุดสุดท้ายนั้นหมดลงแล้ว
อาจจะหลังจากวันนั้น ความรู้สึกที่เธอมีต่อตัวเองมีเพียงแค่คนที่มีความแค้นได้พบกันเพียงเท่านั้น
เขาจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อยอยู่หน้าประตูเล็กน้อย พยายามที่จะทำให้เรียบร้อยมากที่สุด จากนั้นก็ยกมือเคาะประตูเบาๆ
“ก๊อกๆๆ…….”
ประตูไม่ได้เปิดออก
เมื่อเคาะอีกครั้งเบาๆ ก็ยังคงไม่เปิดออก
ถังเทียนจื๋อหัวเราะเยาะตัวเองเล็กน้อย เพียงเขาสามารถยืนยันได้ว่า กู้ฮอนคงไม่เบื่อจนกระทั่งใช้วิธีการแบบนี้มาแก้แค้นตัวเอง
เพียงแต่ หลังจากที่เขาลองเคาะประตูเป็นครั้งที่สามแล้ว ในที่สุดด้านในก็มีการตอบรับ “เข้ามาเถอะ”
“แกร๊ก” เสียงกลอนประตูดังกังวาน
ถังเทียนจื๋อยกมือจับลูกบิดประตู ผลักประตูเข้าไปเบาๆ
การเผชิญหน้ากับกู้ฮอน เขารู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นจริงจังมากเกินไป สาเหตุหลักก็เป็นเพราะว่าตัวเองไม่ใช่คนที่สามารถแสดงสีหน้ามึนตึงได้ตามสะดวก
ถ้าหากว่าเขาแสดงสีหน้ามึนตึงขึ้นมาจริงๆ อย่างนั้นก็อธิบายได้ว่าเตรียมตัวที่จะต่อสู้เรียบร้อยแล้ว
“ประธานกู้พวกเราไม่ได้พบกันนานมากแล้วจริงๆ จากสีหน้าของคุณ ดูแย่กว่าครั้งที่แล้วที่ได้พบกับคุณเล็กน้อย เพียงแต่ว่ายังคงงดงามเช่นเคย” ถังเทียนจื๋อเอ่ยพูด เดินมาถึงหน้าโซฟาที่ใช้ต้อนรับแขก และก็ไม่ได้สนใจว่าเธอจะให้ตัวเองนั่งหรือไม่ ก็ตัดสินใจนั่งลงด้วยตัวเองแล้ว
กู้ฮอนมองถังเทียนจื๋อ ในใจก็มีโทสะต่อเขามากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เพียงแต่ว่า อย่าตีคนยิ้ม ถึงอย่างไรตอนนี้ตัวเองก็มีเรื่องที่จำเป็นต้องถามเขา
ดังนั้น เธอจึงกดโทสะของตัวเอง เพียงแต่ไม่ได้ใช้ใบหน้าที่มีรอยยิ้มให้กับเขา “คุณถังดูแล้วจะมีชีวิตชีวายิ่งกว่าครั้งที่แล้ว น่าจะมีเรื่องน่ายินดีไม่หยุดสินะ”
“ที่ไหนกันๆ ผมก็เป็นเพียงแค่คนที่ถูกใช้ให้ไปทำธุระแทนที่หน้าประตูคุณชายน้อยของตระกูลเป่หมิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง” เขาพูดพลางมองไปรอบด้าน ดูเหมือนว่าจะพบกับอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม “เอ๋ ทำไมวันนี้ถึงไม่เห็นผู้ช่วยฉินกัน”
“วันนี้เขาลา”
“ฮ่าๆ นี่เป็นเรื่องที่ยากจะเกิดจริงๆ ก่อนที่ผมจะมาที่บริษัทเป่หมิง ก็ได้ยินมาว่าผู้ช่วยฉินเป็นพนักงานตัวอย่างอันดับหนึ่งของบริษัทเป่หมิง ยุ่งวุ่นวายมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ในที่สุดก็เริ่มมีความคิดความอ่านแล้ว” ถังเทียนจื๋อสามารถรู้สึกได้ว่ากู้ฮอนมีทัศนคติต่อตัวเองมากมาย อย่างไรก็ตามในตอนนี้ก็ไม่ชื่นชอบตัวเองมากเท่าไร
ดังนั้นตัวเองจึงจำเป็นต้องหาหัวข้อสนทนามาพูดคุย ถือเสียว่าเป็นวิธีการคลี่คลายความกระอักกระอ่วนในสถานการณ์
เขาดีดรางลูกคิดของตัวเอง กู้ฮอนก็กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าตัวเองควรจะตอบเขาอย่างไร ควรจะหาเหตุผลที่เหมาะสมมาข้อหนึ่งหรือ
เพียงแต่ ถึงตอนท้าย ก็ยังคงเป็นถังเทียนจื๋อที่ดึงหัวข้อสนทนาเข้าสู่ประเด็น “ประธานกู้ ผมรู้ว่าคุณเป็นคนที่ยุ่งมาก เรื่องมากมายทั้งบริษัทจำเป็นต้องมีคุณมาควบคุม วันนี้ผู้ช่วยฉินก็ลาหยุด คาดว่าวันนี้คุณคงค่อนข้างยุ่ง ผมน่ะ จะไม่ทำให้คุณเสียเวลามากเกินไป จึงอยากจะถามว่า คุณเรียกผมมามีเรื่องอะไรหรือ”
คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า ถังเทียนจื๋อจะมีความอดทนน้อยกว่าตัวเอง เพียงแต่แบบนี้ก็ดี ตัวเองไม่ต้องสิ้นเปลืองสมอง
กู้ฮอนคิดถึงตรงนี้แล้ว ก็นั่งตัวตรงขึ้น ยังคงมองเขาด้วยใบหน้ามึนตึง ค่อยๆเอ่ยพูดประโยคหนึ่ง “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
***
“เขาหรือ” พูดความจริงว่า ในคราวแรกถังเทียนจื๋อยังไม่ทันรู้สึกตัว จึงถามกลับไปอย่างสงสัยหนึ่งประโยค
เพียงแต่หลังจากเขาเอ่ยออกไปแล้ว ก็เข้าใจได้ในทันทีว่ากู้ฮอนอาจจะถามว่าเป่หมิงยี่เฟิงอยู่ที่ไหน
ตอนนี้ระหว่างพวกเขาถือได้ว่าตาต่อตา ฟันต่อฟันแล้ว ในฐานะคนที่รังเกียจ แน่นอนว่าไม่จำเป็นจะต้องเอ่ยชื่อ อย่างไรตัวเองก็ทำงานเพื่อเขาในนามไม่ใช่หรือ
“อ่อ! ประธานกู้น่าจะถามถึงคุณชายน้อยตระกูลเป่หมิงสินะครับ” ถังเทียนจื๋อแสดงท่าทางเข้าใจขึ้นมาในทันที “ตอนนี้เขาทำงานอยู่ในแผนกออกแบบครับ ที่แท้คุณก็อยากจะหาเขานี่เอง ผมจะกลับไปเรียกเขาเดี๋ยวนี้”
ได้ยินคำตอบของเขาแล้ว กู้ฮอนก็อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ ดูท่าทางของเขาแล้ว ไม่รู้จริงๆว่าเขาไม่รู้ความหมายของตัวเองจริงๆ หรือว่าจงใจแสร้งทำเป็นไม่รู้ให้ตัวเองดูกันแน่
ช่างมันเถอะ ตัวเองก็ไม่มีเวลาและอารมณ์จะมาเล่นเกมส์ทายปริศนากับเขามากขนาดนั้น “คุณถัง คุณอาจจะลืมไปแล้วว่า คุณมีเจ้านายสองคน คนหนึ่งก็คือเป่หมิงยี่เฟิงในตอนนี้ อีกคนหนึ่ง…….” เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เธอก็หยุดชะงักเล็กน้อย เพราะเธอไม่อยากจะเอ่ยพูดชื่อของหลี่เชินจริงๆ “ตอนนี้ฉันอยากจะถามว่า ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
ถังเทียนจื๋อเห็นเธอพูดเปิดบทสนทนาแล้ว ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาในทันที ดูท่ากู้ฮอนต้องการหาอาจารย์ของตัวเอง
สองพ่อลูกนี่จริงๆเลย ตอนแรกก็มีเรื่องขัดแย้งกันเล็กๆน้อย ถัดมาความสัมพันธ์ก็ถือว่าคืนดีกันเล็กน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ว่าช่วงเวลาดีๆนั้นอยู่ไม่นาน หลังจากที่คุณแม่ของเธอเสียชีวิตไป ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็กลับเข้าสู่สภาวะชะงักงันอีกครั้ง และสภาวะชะงักงันนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้
เพราะตอนนี้พวกเขายืนอยู่คนละฝ่าย บวกกับเรื่องราวในครั้งนั้น……
คาดไม่ถึงเลยจริงๆว่า เธอจะเป็นฝ่ายถามที่อยู่ของอาจารย์ในตอนนี้
ถังเทียนจื๋อไม่ใช่คนที่ชั่วร้ายจริงๆคนหนึ่ง เขายังคงมีอารมณ์ความรู้สึกและความปรารถนาอย่างปุถุชนอยู่ พูดความจริง เขาหวังอย่างจริงใจว่าอาจารย์และกู้ฮอน พวกเขาสองคนพ่อลูกสามารถเปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตรได้
“ประธานกู้ คุณถามถึงอาจารย์สินะครับ คุณอยากจะพบกับเขาตอนนี้ ผมจะโทรศัพท์หาเขาเดี๋ยวนี้”
กู้ฮอนไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่พยักหน้าให้กับเขาเล็กน้อย
ถังเทียนจื๋อรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาอาจารย์ของตัวเอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็วางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็พูดกับเธอว่า “อาจารย์ยังอยู่สถานที่เดิมที่พบกับคุณในครั้งที่แล้ว ช่วงหลายวันนี้ล้วนอยู่ ถ้าหากว่าคุณต้องการจะไปล่ะก็ สามารถแจ้งผมได้ตลอดเวลา ผมสามารถนำทางคุณไปได้”
“อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณแล้ว ฉันจำเส้นทางได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง”
“อ่อ” ถังเทียนจื๋อพยักหน้า “อย่างนั้นประธานกู้ คุณยังมีเรื่องอะไรที่ต้องการถามผมอีกหรือไม่”
กู้ฮอนเบนสายตาออกจากร่างเขาอีกครั้ง หันหน้ากลับไปมองจอแสดงผลคอมพิวเตอร์ “ไม่มีแล้ว คุณไปทำงานของคุณเถอะ”
“ครับ ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้” ถังเทียนจื๋อมองออกว่า ตอนนี้กู้ฮอนไม่ยินยอมที่จะสนทนากับตัวเองแม้แต่น้อย สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวเองที่หาเรื่องใส่ตัวเอง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปทางประตู