บทที่ 1035 หยินปู้ฝันผู้ลึกลับ
มีคนบอกไว้ว่า การระลึกถึงความทรงจำในอดีตบ่อยๆนั้นเป็นการแสดงออกถึงการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เพราะว่าได้ผ่านการทบทวนการกระทำทั้งหมดของตัวเองแล้ว ดังนั้นจึงเพิ่มการยืนยันในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ แก้ไขเรื่องราวที่ทำผิดพลาดไปได้ทันการณ์ หลีกเลี่ยงไม่ให้ความผิดพลาดเช่นเดียวกันนี้ในภายหลัง
ผู้ชายเป็นผู้ใหญ่ช้ากว่าผู้หญิงเล็กน้อย กระทั่งผ่านไปกว่าครึ่งชีวิตแล้ว ก็ยังเหมือนกับเฒ่าทารกคนหนึ่ง
แม้ว่าเป่หมิงโม่จะไม่ได้เกินจริงขนาดนั้น
แต่ในบางด้าน จิตใจของเขาก็ยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ นี่ถึงทำให้เขาจมอยู่ในการแก้แค้นและความเจ็บปวดในวัยเด็กก่อนหน้านี้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
*
ตอนนี้เองที่โทรศัพท์มือถือของเป่หมิงโม่ดังขึ้น นี่คือหยินปู้ฝันที่อยู่ในรถปอร์เช่ด้านหน้าคันนั้นโทรมา
“เปิดโทรศัพท์ในรถเถอะ เจ้าเด็กนั่นโทรมาก็ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรหรอก” เป่หมิงโม่พูด
กู้ฮอนยื่นมือไปกดปุ่มรับสายที่อยู่บนแผงควบคุม
“ฮัลโหล นายคงไม่ได้ทำหยางหยาง เด็กนั่นลำบากใจบนรถหรอกนะ เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร” ชั่วขณะที่ภายในรถมีเสียงของหยินปู้ฝันลอยออกมา
“ไม่มี หยินปู้ฝัน นายโทรศัพท์มาก็เพื่อถามเรื่องนี้หรือ” กู้ฮอนเอ่ยปากพูด
“ฮิฮิ พ่อปู้ฝัน คิดไม่ถึงเลยว่าพ่อจะกังวลเรื่องของผมมากขนาดนี้ ขอบคุณนะครับ คุณพ่อก็ดีกับพวกเราอยู่นะ” หยางหยางยื่นหน้ามาใกล้ช่องว่างระหว่างเบาะที่นั่งด้านหน้า พลางเอ่ยพูด
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว แน่นอนว่าฉันไม่ได้โทรศัพท์มาเพื่อเรื่องนี้ ฉันกับแอนนิคงไม่ไปโรงเรียนกับพวกเธอแล้ว ปากทางถนนด้านหน้านี้จะหักรถไปร้านอาหารแล้ว”
กู้ฮอนพยักหน้า “โอเค นายก็ขับรถระวังๆหน่อยนะ อีกครู่พวกเราจะเข้าไปหลังจากส่งเด็กๆเสร็จ”
หลังจากวางสายโทรศัพท์แล้ว รถปอร์เช่คันนั้นก็เปิดไฟเลี้ยวขึ้น เลี้ยวไปในทางแยกแล้ว
*
“ลูกๆ วันนี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็น พวกลูกต้องระวัง อย่าอยู่ข้างนอกนานเกินไป โดยเฉพาะหยางหยาง อย่าเล่นปาหิมะอะไรนั่นกับเด็กๆพวกนั้น ถึงตอนนั้นเป็นหวัดขึ้นมา แม่จะไม่สนใจลูกนะ”
กู้ฮอนนั่งยองๆพูดกับลูกๆสามคนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน
“แม่วางใจเถอะครับ พวกผมเชื่อฟังมากนะ” หยางหยางตบที่อกของตัวเอง
กู้ฮอนกลอกตามองบนใส่เขาครั้งหนึ่ง “วางใจ ถ้าหากว่าลูกสามารถให้แม่วางใจได้ก็ดีน่ะสิ แปดส่วนรอพวกเราจากไปแล้ว ลูกก็ลืมคำพูดพวกนี้ไปไกลสุดขอบฟ้าแล้ว”
เธอพูด พลางหันไปเอ่ยกับเฉิงเฉิงว่า “ลูกเป็นพี่ชาย มีหน้าที่ดูแลน้องชายและน้องสาวให้ดี ตอนที่ลูกมีเวลาว่างก็ไปดูหยางหยาง ถ้าหากว่าเขาไม่เชื่อฟังล่ะก็ โทรศัพท์มาหาแม่ รอจนกลับบ้านแล้ว แม่จะจัดการกับเขา”
เฉิงเฉิงพยักหน้า
สุดท้าย เธอก็ดึงมือเล็กๆของจิ่วจิ่ว เธอทำให้กู้ฮอนอาลัยอาวรณ์มากที่สุด ถึงอย่างไรเธอยังเด็กขนาดนี้ก็ต้องใช้ชีวิตรวมกับผู้อื่นแล้ว
ตอนที่พี่ชายทั้งสองคนของเธอโตขนาดนี้ ยังไม่เคยจากบ้านไปเลย
“ทารกน้อย เชื่อฟังคำพูดของคุณครูนะลูก ระวังความปลอดภัยด้วย ถ้าหากว่ามีเรื่องอะไรที่แก้ไขไม่ได้ จะต้องบอกกับคุณครู รู้หรือไม่”
***
จิ่วจิ่วพยักหน้า หัวเราะฮาฮา “หม่ามี๊วางใจเถอะค่ะ จิ่วจิ่วจะเป็นเด็กดีเชื่อฟังค่ะ”
เป่หมิงโม่ยืนอยู่ที่ข้างรถ มองกู้ฮอนเอ่ยคำลากับลูกๆทั้งสามคน ที่จริงแล้วเขาก็อยากพูดกับลูกๆสักสองสามประโยค แต่เขารู้สึกว่าคำพูดที่เป็นห่วงนั้น คุณแม่ของพวกเขาพูดมากพอแล้ว
ดังนั้นมีเพียงแค่ตอนที่เด็กโบกมือลามาให้ตัวเอง เขาก็โบกมือกลับไปให้พวกเขา
*
เมื่อออกจากโรงเรียน เป่หมิงโม่ก็พากู้ฮอนไปยังอาคารใหม่ของสำนักงานใหญ่บริษัทGT
ตอนนี้บนรถเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคน
“ตอนนี้ร้านอาหารของแอนนิเป็นอย่างไรบ้าง ผมเห็นว่ากำลังตกแต่งอยู่ น่าจะเปิดร้านได้ในไม่ช้าแล้วสินะ” เป่หมิงโม่มองถนนที่อยู่เบื้องหน้า ขับรถช้ากว่าแต่ก่อนมาก
กู้ฮอนพยักหน้า “ตกแต่งไปได้พอสมควรแล้ว พวกเรามีกำหนดเปิดร้านในวันคริสต์มาสอีฟ คุณคิดว่าเป็นอย่างไร”
“วันคริสต์มาสอีฟหรือ” เป่หมิงโม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “วันนี้จะว่าดีก็ดี เพียงแต่ว่าพวกคุณเตรียมตัวที่จะเปิดร้านตลอดคืนในวันนั้นหรือ”
“เปิดร้านทั้งคืนหรือ จุดนี้พวกเราไม่เคยคิดถึงเลย เพียงแต่เมื่อคุณพูดแบบนี้ ก็เป็นการเตือนฉันแล้ว อีกครู่ฉันจะไปปรึกษากับแอนนิว่าจะทำแบบนี้หรือไม่ คืนวันนั้นน่าจะมีคนมาทานอาหารไม่น้อยเลย” กู้ฮอนพูด หยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋าตัวเอง จากนั้นก็จดบันทึกลงบนนั้น
“วันนี้คุณพบอะไรที่ไม่ปกติบ้างหรือไม่” กู้ฮอนที่ก้มหน้าจดบันทึกก็เอ่ยออกมาประโยคหนึ่งอย่างกะทันหัน
“มีอะไรไม่ปกติหรือ” เป่หมิงโม่ไม่เข้าใจว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร
“จู่ๆวันนี้ที่หยินปู้ฝันมาหาพวกเราที่นี่ไงล่ะ แน่นอนว่าที่คุณมาก็ผิดปกติมาก” เธอพูด พลางเก็บสมุดโน้ตเข้าไปในกระเป๋า
“เขาก็คือเขา ผมก็คือผม ที่ผมมาคุณก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ มาส่งคุณกับเด็กๆไปเรียน หิมะตกหนักขนาดนี้ ทักษะการขับรถของคุณตอนที่ไม่มีหิมะยังไม่ถึงขั้น ลองพูดมาดูว่า หยินปู้ฝัน เจ้าเด็กนั่นมีอะไรผิดปกติกัน”
กู้ฮอนนวดหน้าผาก พลางครุ่นคิด “คุณมาด้วยเหตุผลนี้ แล้วเหตุผลที่เขามาจะง่ายๆเหมือนกับคุณหรือไม่”
“ซับซ้อนหรือ”
กู้ฮอนมองเป่หมิงโม่อย่างจนปัญญาครั้งหนึ่ง “คุณน่ะ IQ ไม่ต้องพูดถึง พวกเราหลายคนรวมกันก็ยังวางแผนสู้คุณไม่ได้ แต่ว่า EQ น่ะ…..” เอ่ยถึงตรงนี้แล้วก็ส่ายหน้า
“ไม่มีใครด่าคนอ้อมไปอ้อมมาแบบนี้อย่างคุณนะ”
“คุณก็ไม่ลองคิดดูบ้างล่ะ รถคันนั้นของหยินปู้ฝันนั้นเล็กจนน่าสงสาร จะสามารถบรรทุกพวกเราห้าคนได้อย่างไรกัน เห็นได้ชัดว่าเขามาเพื่อคนคนหนึ่ง”
“เพื่อใครกัน คุณหรือ”
“บอกว่าคุณโง่ คุณก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งในทันที”
หน้าผากของเป่หมิงโม่มีเส้นเอ็นปูดขึ้นมา “ประโยคนี้ฟังแล้วคุ้นหู ดูเหมือนว่าผมจะเคยพูดกับคุณมาก่อน”
“ฉันน่ะเรียกว่าใช้วิธีการของผู้อื่นมาทำร้ายตัวเขาเอง แน่นอนว่าไม่สามารถเป็นฉันได้ ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว เป็นเพียงแค่เพื่อนที่สนิทกันมากเท่านั้น นอกจากนี้คุณลองคิดดูนะ ปกติแล้วฉันกับแอนนิสองคน บวกกับเด็กๆอีกสามคนล้วนออกเดินทางพร้อมกัน รถคันนั้นของเขาคงจะไม่พาบางส่วนไป แล้วทิ้งบางส่วนเอาไว้หรอกนะ”
กู้ฮอนเอ่ยถึงตรงนี้ ก็รีบหันหน้ากลับไปหรี่ตามองเป่หมิงโม่ “พวกคุณไม่ได้ปรึกษากันเรียบร้อยว่าจะมาบ้านพวกเราในวันนี้หรือ”
เป่หมิงโม่ไม่มองเธอแม้แต่แวบเดียว “แน่นอนว่าไม่ หรือว่าคุณเห็นผมเป็นคนน่าเบื่อขนาดนี้เลยหรือ”
ประโยคนี้ของเขาทำให้กู้ฮอนนิ่งเงียบไป “อย่างนั้นฉันคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจเลย ทำไมวันนี้พวกคุณถึงได้บังเอิญมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ก่อนและหลังกันนิดเดียว หรือว่าหยินปู้ฝัน เจ้าหมอนั่น นอกจากจะเป็นทนายความแล้ว ยังเสี่ยงทายทำนายเป็นด้วยกัน เขาเพียงแค่นับนิ้วก็รู้ว่าวันนี้หิมะตก อีกทั้งยังรู้ว่าคุณจะมาด้วยหรือ”
***
สำหรับกู้ฮอนที่คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจนั้น ในส่วนลึกของหัวใจเป่หมิงโม่ก็ยังคงรู้อยู่บ้าง
ที่จริงแล้วเธอไม่ได้ทายผิด
เรื่องที่เกิดในเช้าวันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเรื่องหนึ่งเหมือนกับที่เล่ามาตลอด
แต่เป็นเรื่องที่มีเป่หมิงโม่และหยินปู้ฝัน ลูกพี่ลูกน้องสองคนนี้ร่วมมือกันแสดงออกมาตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องหนึ่ง
แน่นอนว่า ผู้ที่วางแผนสถานการณ์หลักๆนี้เป็นหยินปู้ฝัน เป่หมิงโม่เพียงแค่ให้ความร่วมมือกับเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
สาเหตุแรกที่ให้ความร่วมมือก็เป็นเพราะว่า เขารู้สึกเห็นใจลูกพี่ลูกน้องคนนี้อยู่บ้าง นอกจากนี้ก็ยังได้รับการฝากฝังจากคุณป้าและการเร่งรัดจากคุณแม่ของตัวเองมาตลอดด้วย
หลายเดือนที่ได้รับอิสรภาพกลับมาใหม่อีกครั้งนั้น ผู้ชราทั้งสองคนล้วนแอบเอาหลักการมาทำให้เขาเข้าใจ เอ่ยถึงความรู้สึกให้เขาตื้นตันใจในภารกิจที่พี่ชายควรจะทำอย่างเงียบๆ ช่วยเหลือหยินปู้ฝันหาคู่ครองคนหนึ่ง
เรื่องนี้นั้นทำให้เป่หมิงโม่ลำบากใจอยู่บ้าง เขาไม่กังวลใจและกระตือรือร้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากนี้ ตอนนี้ผู้ชราทั้งสองก็เป็นฝ่ายยินยอมเอง แต่อีกฝ่ายไม่ได้เห็นด้วยเลย
ในฐานะที่หยินปู้ฝันเป็นผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่ได้มีความต้องการอะไรในด้านนี้
นี่ไม่ใช่พูดว่าสุ่มคว้าผู้หญิงมาคนหนึ่ง เพียงแค่ขังพวกเขาเอาไว้ในห้องเดียวกันแล้วจะสามารถแก้ปัญหาใดๆได้
ดังนั้น เขาจึงรับปากผู้ชราทั้งสองคนอย่างเต็มปากเต็มคำมาโดยตลอด ส่วนท่าทีของหยินปู้ฝันนั้นเขาไม่ได้สนใจ
ในที่สุด ช่วงหนึ่งอาทิตย์นี้ เป่หมิงโม่ก็รอจนถึงโอกาสหนึ่ง ในที่สุดหยินปู้ฝันก็เป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาตัวเอง
หลังจากที่โยนการล้อเล่นระหว่างพี่น้องทิ้งไปแล้ว ในที่สุดก็เข้าสู่ประเด็นหลัก
หยินปู้ฝันที่เผชิญหน้ากับเป่หมิงโม่ก็ไม่ได้พูดจาอ้อมค้อมอะไรเท่าไร “ฮัลโหล ช่วยฉันเรื่องหนึ่งสิ”
“ช่วยเหลือหรือ” เป่หมิงโม่เลิกคิ้วเล็กน้อย “นี่ไม่เหมือนสไตล์ของนายเลย เพียงแต่ว่า ก็ได้ เรื่องอะไรล่ะ”
“ช่วยฉันนัดคนคนหนึ่งออกมาเป็นอย่างไร”
“ใคร”
“แอนนิ”
หรือว่าเจ้าเด็กนี่จะเก็บเอาไว้ไม่อยู่แล้ว…..เป่หมิงโม่ครุ่นคิดเงียบๆ “ทำไมถึงมาหาฉัน เรื่องนี้ไปหากู้ฮอนจะไม่เหมาะสมมากกว่าหรือ ฉันได้ยินมาว่าช่วงเวลานี้เธอล้วนช่วยแอนนิจัดการเรื่องร้านอาหารด้วยกันตลอด”
หยินปู้ฝันที่อยู่อีกฟากของโทรศัพท์ก็ลังเลเล็กน้อย เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วเขาก็ยังเน้นย้ำครั้งแล้วครั้งเล่าว่าอย่าบอกกู้ฮอน
“ไม่เคยพบเคยเห็นคนที่อยากนัดคนคนหนึ่งแต่ต้องอ้อมโลกขนาดนี้เหมือนกับนาย ล้วนเป็นคนคุ้นเคยกัน จะต้องกังวลอะไรมากมายขนาดนั้น ต้นกล้าแห่งความรักผลิบานในใจนายแล้วใช่ไหม” ในที่สุดเป่หมิงโม่ก็ทนไม่ไหว ถามออกมาประโยคหนึ่ง
“เรื่องนี้…..สรุปว่านายช่วยฉันก็พอแล้ว”
“ได้ ฉันจะดูว่าช่วงสองสามวันนี้ว่างหรือไม่ จะพูดกับนายแทนแอนนิสักหน่อยนะ เพียงแต่นายจะต้องเตรียมความคิดให้พร้อมอย่างเต็มที่ ผู้อื่นมาตามนัดหมายเพื่อนายเลยนะ”
“รู้แล้วๆ” หยินปู้ฝันเอ่ยจบแล้วก็วางสายโทรศัพท์ไป
หลายวันมานี้ ขอเพียงแค่เป่หมิงโม่มีเวลาว่างจากการทำงาน ก็จะครุ่นคิดว่าจะช่วยเหลือหยินปู้ฝันอย่างไร ต้องไม่ให้กู้ฮอนรู้ และต้องแจ้งให้แอนนิทราบ
เป็นเรื่องที่ยุ่งยากเรื่องหนึ่งจริงๆ
จนกระทั่งวันนี้ตอนเช้า ถือได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีงามโอกาสหนึ่ง เป่หมิงโม่มองเกล็ดหิมะที่โปรยปรายทั่วท้องฟ้า แผนการหนึ่งก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหล หยินปู้ฝันใช่ไหม ถ้าหากว่านายไม่อยากพลาดโอกาสดีๆไปล่ะก็ รีบขับรถไปบ้านฉิงฮัวเดี๋ยวนี้”
หยินปู้ฝันที่ยังอยู่ในความฝันนั้นยังไม่รู้สึกตัวในตอนแรก “ไปตอนนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเขาล้วนอยู่ที่บ้านหรอกหรือ”
“ส่วนที่เหลือนายไม่ต้องสนใจ เพียงแค่รีบขับรถไปก็พอแล้ว เรื่องที่เหลือรอนายไปถึงแล้วก็จะเข้าใจได้เอง”
***
แผนการลับๆนี้ของเป่หมิงโม่และหยินปู้ฝัน ขอเพียงแค่พวกเขาไม่พูด ก็จะกลายเป็นความลับหนึ่งไป
ส่วนสำหรับกู้ฮอนนั้น เธอดูเหมือนว่าจะยังขบคิดไม่เข้าใจ
เป่หมิงโม่ที่กำลังขับรถก็เหลือบมองกู้ฮอนที่คิ้วขมวดเป็นปมแวบหนึ่ง พลางแอบหัวเราะกับตัวเองเงียบๆ
“คุณทำอะไรน่ะ เรื่องปกติมากเรื่องหนึ่ง ทำไมถึงทำให้คุณคิดซับซ้อนขนาดนี้”
คนคนหนึ่งควรจะรู้จักเชื่อคำเตือนของผู้อื่น ไม่สามารถดื้อดึงไปกับความคิดของตัวเองได้ กู้ฮอนคิดแล้วก็ใช่ ทำไมตัวเองจะต้องกังวลใจไร้สาระแบบนี้ด้วย
เพียงแต่ว่า ไม่กังวลใจในเรื่องนี้ อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เธอกังวลใจยิ่งกว่าก็ผุดขึ้นมา “โม่ นับตั้งแต่ที่คุณขึ้นเป็นประธานบริษัทGT แล้ว ก็ไม่เคยคิดเป็นห่วงเรื่องบริษัทเป่หมิงบ้างหรือ”
เป่หมิงโม่ที่ได้ยินชื่อ บริษัทเป่หมิง อีกครั้ง ก็ใจกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย มันคือสิ่งที่ติดตามเขาผ่านช่วงเวลาวัยเด็ก วัยรุ่น……
ความรุ่งโรจน์ ความแค้น ความไม่ลงรอยกัน…..หลากหลายองค์ประกอบรวมกันเป็นชื่อนี้
“คุณพูดถึงชื่อนี้กับผมทำไมกัน”
กู้ฮอนนั้นตะลึงค้างไปแล้ว ในใจของเธอนึกมาตลอดว่า แม้เป่หมิงโม่จะพูดปาวๆว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทเป่หมิงแล้ว แต่ในใจของเขาก็ยังคงมีความรู้สึกบางอย่างอยู่