บทที่ 1037 สายตาอันแหลมคม
เธอไม่รอให้แอนนิพูดอะไร ก็รีบยื่นมือไปคว้ามือของเธอมาจับเอาไว้ ส่งเสียงกรีดร้องด้วยท่าทางทำอะไรไม่ถูก “แอนนิ มือเธอเป็นอะไรน่ะ เมื่อครู่นี้ทิ่มโดนใช่หรือไม่!”
แผนการนี้กระทั่งแอนนิก็คิดไม่ถึง เธอออกแรงดึงมือกลับมาอย่างตื่นตระหนก “ไม่ ฉันไม่ได้รับบาดเจ็บนะ”
เพียงแต่ว่าคำอธิบายข้อเท็จจริงของเธอที่ดังขึ้นในหูของหยินปู้ฝันนั้นกลายเป็น ที่นี่ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง อยากปกปิดแต่กลายเป็นการเปิดให้ทุกคนรู้แทน
เขารีบวางสิ่งของที่อยู่ในมือแล้วเดินอ้อมบาร์มาถึงข้างแอนนิ “มือของคุณเป็นอะไรไปหรือ ให้ผมดูหน่อย ถ้าหากว่าเอาของที่ทิ่มเข้าไปออกมาไม่ได้ล่ะก็ จะติดเชื้อได้ง่ายๆนะ”
เขาพูดแล้วรีบคว้ามือของเธอมา พลิกไปพลิกมาดูอย่างละเอียด “ตรงไหนที่โดนทิ่มกัน”
“ฮ่าๆ……” หยินปู้ฝัน นายถูกหลอกแล้ว!
เห็นท่าทางเคร่งเครียดที่หยินปู้ฝันแสดงออกมาแล้ว กู้ฮอนก็แสร้งทำต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ
ในตอนนี้ ใบหน้าของแอนนิแดงมีสีแดงระเรื่อแล้ว เธอรีบดึงมือกลับมาจากมือของหยินปู้ฝัน “ฉันไปดูอุปกรณ์ในห้องครัวก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
เธอพูด พลางวิ่งไปทางห้องครัวด้านหลังโดยไม่หันหน้ากลับมา
“เฮ้ แอนนิอย่าวิ่งสิ ของใช้ประจำวันในห้องครัวพวกนั้นมีอะไรน่าดูกัน” แม้ว่ากู้ฮอนจะพูดอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้หยุดยั้งแอนนิ จนกระทั่งเงาร่างของเธอหายไป
“กู้ฮอน พวกเธอเล่นอะไรกันเนี่ย ทำไมเมื่อครู่นี้ฉันถึงไม่เห็นว่ามือของเธอได้รับบาดเจ็บอะไร” หยินปู้ฝันที่ไม่รู้เรื่องยังคงสับสนกับเรื่องนี้อยู่
กู้ฮอนมองเขา พลางถอนหายใจ “หยินปู้ฝัน ฉันไม่รู้จริงๆว่านายแกล้งโง่ หรือว่าโง่จริงๆกันแน่ ฉันยังเข้าใจแล้วเลย นายก็สารภาพกับฉันมาซะดีๆ”
“สารภาพอะไรหรือ”
กู้ฮอนชี้นิ้วไปทางเขาอย่างจนปัญญา “ยังจะมาแกล้งทำไขสือกับฉันตรงนี้อีกใช่หรือไม่ นายสารภาพความจริงมาซะดีๆ สนใจแอนนิของพวกเราใช่ไหม”
***
“นี่……” เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของกู้ฮอน หยินปู้ฝันก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่ออยู่บ้าง
เมื่อเห็นท่าทีหลบสายตาของเขาเล็กน้อย กู้ฮอนก็หาคำตอบที่ตัวเองต้องการได้แล้ว “นายไม่ต้องแสร้งทำแล้ว แม้ว่าฉันจะไม่ได้มีสายตาแหลมคมเหมือนกับเป่หมิงโม่ขนาดที่สามารถมองเห็นว่าในใจของผู้อื่นคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่สำหรับความคิดของนาย ฉันก็ยังเดาออกได้อยู่หลายส่วน”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เธอก็ใช้ข้อศอกถองไปที่หยินปู้ฝันเบาๆ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มลึกลับ ทั้งยังจงใจกดเสียงต่ำลงเล็กน้อย “พูดมาเถอะ สนใจแอนนิใช่หรือไม่ ถ้าหากว่าใช่ล่ะ รีบเคลื่อนไหวเร็วเข้า แม้ว่าเธอจะผ่านชีวิตแต่งงานมาช่วงเวลาสั้นๆ แต่ว่าการปฏิบัติตัวและความสามารถของเธอ พวกเราล้วนเห็นประจักษ์ชัดเจนต่อสายตาว่า เป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง ถ้าหากว่านายไม่ได้คิดแบบนั้น ก็อย่าทำเรื่องที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดได้ง่ายๆ จนทำให้ผู้อื่นเสียเวลาเลย”
หยินปู้ฝันเห็นว่าการแสดงนี้ของตัวเองถูกเปิดโปงเร็วขนาดนี้ ก็รู้สึกยกมือเกาศีรษะอย่างเขินอายเล็กน้อย “ทักษะการแสดงของฉันแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ถึงได้ถูกเธอพบเร็วขนาดนี้”
“ทักษะการแสดงของนายน่ะ…..ถือว่าใช้ได้สำหรับคนแบบแอนนิ แต่ถ้าเผชิญหน้ากับฉันที่เป็น นักแสดงเก่า ก็กลายเป็นเปิดเผยความจริงแล้ว ไม่ใช่แย่ธรรมดานะ พูดมาเถอะ นายเริ่มใจเต้นกับผู้อื่นตั้งแต่เมื่อไรกัน” ตอนนี้กู้ฮอนไม่มีใจจะไปเช็ดถูสิ่งของ สำหรับเธอแล้วเรื่องนี้สำคัญกว่าเล็กน้อย
ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของตัวเอง ถ้าหากว่าพวกเขาสามารถคู่กันได้ล่ะก็ อย่างนั้นก็เป็นเรื่องที่งดงามเรื่องหนึ่ง
หยินปู้ฝันลากเก้าอี้มานั่ง “ที่จริงแล้วก็เป็นเรื่องในช่วงนี้”
“ความรู้สึกชั่ววูบหรือ” กู้ฮอนพูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างกะทันหัน
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ ที่พูดว่าเป็นเรื่องในช่วงนี้ ที่จริงแล้วก็เป็นความตั้งใจมาเดือนสองเดือนแล้ว”
“เดือนสองเดือนนิเอง วันนี้เพิ่งจะเริ่มดำเนินการ มองไม่ออกเลยจริงๆว่านายจะอดทนเก็บไว้ได้เก่งขนาดนี้ พูดมาเถอะ นายคิดอย่างไรกันแน่ แรงจูงใจที่ทำให้นายยื่นกรงเล็บปีศาจอันชั่วร้ายไปที่แอนนิคืออะไรกันแน่” กู้ฮอนแสดงท่าทางเหมือนกับไต่สวนออกมา
หยินปู้ฝันกลอกตามองบนใส่เธอ “ทำไม เธอต้องการให้ฉันยอมรับผิดเพราะทนถูกทรมานไม่ไหวหรือ ที่จริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าพูดไม่ได้ นี่ไม่ใช่เพราะว่าแม่ของฉัน ผู้ชราอย่างเธออยากอุ้มหลานแล้ว”
“อ่อ ที่เธอก็เป็นแบบนี้นี่เอง แต่นายคงจะไม่สนใจแอนนิขึ้นมา เพียงแค่เพราะว่าคุณป้าอยากอุ้มหลานหรอกนะ” ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่าย กู้ฮอนรู้สึกว่าตัวเองมีหน้าที่ต้องเตือนหยินปู้ฝันสักหน่อย
“ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับเธอเดี๋ยวนี้ แน่นอนว่าต้องทำความรู้จักกันเป็นระยะเวลาหนึ่งก่อน ดูความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายแล้วค่อยตัดสินใจอีกที สำหรับฉัน วันนี้ก็แค่หาข้ออ้างที่จะไปมาหาสู่กับเธออย่างหนึ่ง แต่ในเวลาไม่นาน ก็ถูกเธอรู้ทันแล้ว ทั้งยังทำให้ตกอยู่ในสภาพอันน่ากระอักกระอ่วนแบบตอนนี้ด้วย……”
หยินปู้ฝันพูดแล้วก็รู้สึกว่าเคียดแค้นชิงชังอยู่บ้าง
“ไอ้หยา ขอโทษด้วยจริงๆ ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่รู้ว่านายวางแผนแบบนี้ ฉันก็ทำเพื่อแอนนินะ ไม่อาจยอมให้เธอถูกหลอกโดยคนเลวได้อย่างง่ายดาย” กู้ฮอนก็รู้ว่าตัวเองเหมือนจะสร้างเรื่องแล้ว ทำลายแผนของหยินปู้ฝันไป
“ใครเป็นคนเลว ใครเป็นคนเลวกัน ฉันเป็นทนายความที่มีหน้าที่กำจัดคนชั่วมาโดยตลอดนะ” หยินปู้ฝันพูด พลางตบลงบนอกที่ถือได้ว่ากว้างของตัวเอง
กู้ฮอนมองเขา เบะปากอย่างรังเกียจ “ยังจะกำจัดคนชั่ว นายสารภาพมาอย่างซื่อสัตย์เถอะ นายเป็นผู้กำกับบทละครในวันนี้ใช่หรือไม่”
***
“ละครอะไรหรือ เธอพูดให้ชัดเจนหน่อย ฉันไม่ค่อยเข้าใจ” หยินปู้ฝันมองกู้ฮอนด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
“นายยังจะมาแสดงต่อหน้าฉันอีก แน่นอนว่าละครที่นายกับเป่หมิงโม่สองคนทยอยกันมารับพวกเราในวันนี้ไง นายกับเขาปรึกษากันเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ในเมื่อหยินปู้ฝันยอมรับแล้วว่ามีใจให้กับแอนนิ
อย่างนั้นเธอก็ไม่เชื่อคำพูดที่เป่หมิงโม่พูดตอนอยู่บนรถพวกนั้น ด้านในจะต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่นอน
“อย่าวางแผนหลอกฉันเลย ไม่ว่าอะไรเขาล้วนบอกฉันหมดแล้ว” กู้ฮอนเอ่ยเสริมอีกประโยคหนึ่งในตอนท้าย
หยินปู้ฝันตอนนี้ก็ทำได้เพียงแค่ถ้าไม่ทำก็ไม่ทำ พอได้ทำก็ทำถึงที่สุดโดยไม่ยอมฟังอีร่าค่าอีรมใดๆ “ฉันรู้แล้วว่าเขาผ่านด่านสาวงามอย่างเธอไปไม่ได้ ในเมื่อเขาล้วนพูดหมดแล้ว อย่างนั้นฉันก็พูดด้วยแล้วกัน เรื่องวันนี้น่ะ แม้ว่าเขาจะวางแผน แต่วัตถุประสงค์หลักก็คือเติมเต็มความปรารถนาของฉัน เฮ้ เธออย่าสร้างความลำบากใจให้เขาล่ะ”
กู้ฮอนพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พูดได้ง่ายๆ เด็กที่ซื่อสัตย์ถึงจะเป็นเด็กดีน่ารัก” เธอพูด เหลือบตามองไปด้านบนโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าจะพูดอย่างนี้ แต่ในใจของเธอก็เริ่มก่นด่าเป่หมิงโม่ที่อยู่ชั้นบนแล้ว เจ้าคนสมควรโดนมีดตัดเฉือนพันหมื่นครั้ง เกือบจะถูกเขาหลอกแล้ว สันดอนขุดได้ สันดานขุดไม่ได้จริงๆ ความสามารถในเรื่องวางแผนกับผู้อื่นก้าวหน้าขึ้นไปอีกแล้ว
“ฮัดเช้ย…..” เป่หมิงโม่ที่นั่งอ่านเอกสารอยู่หน้าโต๊ะทำงาน จู่ๆก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่คืบคลานเข้ามายังร่างกาย ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะจามออกมาครั้งหนึ่ง
ตอนนี้เป็นฤดูหนาว นอกจากนี้ในห้องทำงานยังเปิดฮีตเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง ระดับความร้อนนั้น แม้ว่าจะสวมเสื้อและกางเกงขาสั้นก็ไม่เป็นหวัด
เขารู้ที่ไหนว่า แม่ของลูกกำลังก่นด่าตัวเองอยู่ที่ด้านล่างของอาคาร
“กู้ฮอน เธอว่าตอนนี้จะทำอย่างไรดี เรื่องล้วนเปิดเผยออกมาแล้ว ฉันเห็นว่าเธอเหมือนกับจะไม่พอใจฉันนะ”
ใครเป็นผูก คนนั้นก็ต้องเป็นคนแก้ หยินปู้ฝันยังคงตัดสินใจให้กู้ฮอนเป็นคนจัดเรื่องนี้ให้เรียบร้อย เป็นการดีที่สุด เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของแอนนิ ฟังคำของเธอมากที่สุดแล้ว
กู้ฮอนขมวดคิ้ว “เรื่องนี้น่ะ……หยินปู้ฝัน นายก็อย่าเพิ่งรีบร้อนเกินไป ในเมื่อฉันทำให้แผนการของนายวุ่นวายแล้ว อย่างนั้นไม่สู้ปล่อยมือจากหม้อที่แตกแล้วเถอะ ในเมื่อมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ฉันจะไปทำงานของแอนนิแล้วโอเคไหม เพียงแต่ว่านายก็อย่าโอบกอดความหวังอะไรไว้มากเกินไปล่ะ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงที่เคยเจ็บมาก่อนครั้งหนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ อาจจะต้องการเวลาในการปรับตัวสักหน่อย”
“ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว” ในที่สุดหยินปู้ฝันก็โล่งใจได้
ในตอนนี้เองที่ประตูร้านเปิดออก เป่หมิงโม่เดินเข้ามาจากด้านนอก “ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว ไม่สู้พวกเรา……” เขาพูด พลางเหลือบไปเห็นหยินปู้ฝัน “นายยังไม่ไปอีกหรือ ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่างนั้นพวกเราก็ออกไปทานข้าวด้วยกันเถอะ”
กู้ฮอนเห็นสีหน้าท่าทางจริงจังของเป่หมิงโม่แล้วก็มีโทสะ วันนี้เขากล้าที่จะใช้สีหน้าท่าทางแบบเดียวกันมาหลอกตัวเองครั้งหนึ่ง
เธอแสร้งยิ้ม พลางเอ่ยว่า “ที่แท้ประธานเป่หมิงก็จะเลี้ยงข้าวพวกเรานี่เอง พวกเราเปิดแค่ร้านอาหารเล็กๆร้านหนึ่ง เอื้อมไม่ถึงหรอก ทานอาหารจานด่วนก็พอถูไถไปได้”
เอ่ยจบ เธอก็หน้าตึง หมุนตัวเดินไปห้องครัวด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เป่หมิงโม่คิดไม่ถึงว่ากู้ฮอนจะปฏิบัติกับตัวเองแบบนี้ ถ้าหากว่าเหมือนกับเหตุการณ์ในช่วงเช้าตรู่แบบนี้ ควรจะรับปากอย่างอารมณ์ดีถึงจะถูก
“เธอเป็นอะไรไปน่ะ เหมือนกับกินดินปืนเข้าไปอย่างนั้นแหละ ใครไปทำให้พวกเธอโกรธใช่หรือไม่” เขาเอ่ยถามหยินปู้ฝัน
เมื่อเห็นว่าเป่หมิงโม่มาแล้ว การไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ถูกเก็บเอาไว้ในท้องของหยินปู้ฝันก็มีที่ระบายแล้ว “นายก็จริงๆเลย บอกฉันว่าอย่าเล่าแผนการของพวกเราให้กู้ฮอนฟัง ทำไมพอขึ้นรถก็ยกธงขาวยอมแพ้แล้วล่ะ”
***
เป่หมิงโม่มองหยินปู้ฝันด้วยใบหน้าผู้บริสุทธิ์อีกครั้ง “ยกธงขาวยอมแพ้อะไรกัน นายอย่ามาระบายความโกรธลงที่ฉันนะ ฉันไม่ยอมรับข้อกล่าวหานี้หรอกนะ”
“ก่อนหน้านี้พวกเราคุยกันว่าอย่างไร ไม่ให้นายบอกเธอไม่ใช่หรือ”
เป่หมิงโม่พยักหน้า “ใช่แล้ว มีปัญหาอะไรหรือ”
“อะไรกู้ฮอนล้วนรู้หมดแล้ว ทั้งยังเปิดโปงฉันต่อหน้าแอนนิด้วย ก่อนที่นายจะมาเมื่อกี้นี้ เธอพูดกับฉันเองเลยว่า นายบอกเธอ แอนนิได้ยินแล้วก็วิ่งหนีไปที่ห้องครัวด้านหลังแล้ว ไม่รู้ว่าเธอจะมองฉันอย่างไร โชคดีที่ภายหลังฉันฝากให้กู้ฮอนพูดคุยกับเธอดีๆ ลดผลกระทบที่ไม่ดีให้น้อยลง”
เห็นท่าทางตีอกชกหัวของหยินปู้ฝันแล้ว เป่หมิงโม่ที่มือสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาดี
“นายว่าฉันเป็นคนที่พูดแล้ว ไม่รักษาคำพูดหรือ”
ประโยคที่เอ่ยถามนี้ทำให้หยินปู้ฝันชะงักค้าง “นายปฏิบัติกับคนอื่นแบบนี้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกู้ฮอนแล้ว นายก็ไม่มีภูมิคุ้มกันนี้”
เป่หมิงโม่ถูกประโยคนี้ของเขา ทำให้ไม่มีโทสะแล้ว “เสียดายที่นายเป็นทนายความ เธอหลอกถามนาย นายกลับฟังไม่ออกหรือ พวกนายที่เป็นทนายความชอบใช้ลูกไม้นี้บ่อยๆไม่ใช่หรือ ไม่ผิด เธอถามฉันตอนอยู่บนรถ เพียงแต่ว่าฉันยืนกรานกระต่ายขาเดียว ปฏิเสธตลอด”
เขาพูดแล้ว ก็มองหยินปู้ฝันที่งงงวยอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก พลางถอนหายใจ “ประโยคนั้นพูดไม่ผิดเลยจริงๆ ไม่กลัวคู่ต่อสู้ที่เก่งกาจเหมือนกับเทพเจ้า แต่กลัวเพื่อนร่วมทีมที่โง่เหมือนหมู นายจัดการเรื่องนี้เองก็แล้วกัน”
*
ในตอนนั้น กู้ฮอนก็มาถึงห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง เธอเห็นแอนนิกำลังแสร้งทำเป็นยุ่งอย่างไร้จุดหมาย
“แอนนิ เธอหยุดก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ” เธอพูด เดินไปถึงข้างกายแอนนิ หยิบของที่อยู่มือเธอวางไว้อีกด้าน
“ฉันรู้ว่าเรื่องวันนี้สะเทือนใจเธอแล้ว เพียงแต่ว่า หยินปู้ฝันไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรต่อเธอจริงๆ เมื่อครู่ฉันถามเขาแล้ว เขาอยากจะสานสัมพันธ์กับเธอจริงๆ ดังนั้นเธออย่าได้เกิดความรู้สึกห่างเหินอะไรกับเขาเลย หยินปู้ฝันคนนี้ เธอก็ไม่ได้ไปมาหาสู้กับเขาน้อยนะ เธอว่า เขาปฏิบัติตัวเป็นอย่างไร”
แอนนิก้มหน้า ใบหน้ายังคงมีริ้วแดงอยู่ “ฉัน ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเขาปฏิบัติไม่ดีนิ