บทที่ 1038 พูดสักประโยคสิ
“ในเมื่อเธอคิดว่าเขาปฏิบัติตัวใช้ได้ อย่างนั้นทำไมถึงไม่ให้โอกาสเขาสักครั้งหนึ่งล่ะ แน่นอนว่า นี่ก็เป็นการให้โอกาสตัวเธอเองครั้งหนึ่งเช่นกัน ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่าเธอจะมีความสามารถมากแค่ไหน แต่ก็มีตอนที่จำเป็นต้องมีผู้ชายคนหนึ่งมาสนับสนุนไม่ใช่หรือ พูดความจริงนะ ฉันเห็นเธอเปิดร้านร้านนี้ เส้นทางในอนาคตก็ค่อนข้างจะลำบาก”
“ฮอน สิ่งที่เธอพูดมานี้ ในใจของฉันล้วนรู้ดี แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ได้เตรียมใจให้พร้อมเลย ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็เคยหย่ามาก่อน อะไรก็ไม่มี ร้านแห่งนี้ก็เป็นพวกเธอที่ช่วยจัดการให้ฉัน ส่วนเขาน่ะ เป็นทนายความใหญ่ มีฐานะ มีชื่อเสียงและบารมี ถ้าหากว่าคบกับผู้หญิงอย่างฉันสักคนหนึ่ง ก็จะถูกผู้คนเย้ยหยันเอาได้”
แอนนิพูดไปพูดมา นัยน์ตาก็แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะเคยอยู่ที่เมืองซาบาห์ แต่ภายในจิตใจของเธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่หัวโบราณอยู่มาก
เธอไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองต่อสิ่งที่เธอผ่านมา รวมถึงฐานะทางครอบครัวด้วย
สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้นับตั้งแต่ที่เธอหย่า ก็ไม่มีเพศชายคนไหนที่ใกล้ชิดกับเธอมากเกินไปกว่าเพื่อนเลยสักคน
กู้ฮอนเห็นท่าทางของเธอแล้ว ก็ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาจากในกระเป๋าแล้วส่งให้เธอ “แอนนิ จิตใจของเธอ ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ฉันเข้าใจเธอได้เป็นอย่างดี แต่ฉันคิดว่า เธอไม่ควรจะนำความล้มเหลวในอดีต มาหยุดยั้งความสุขที่เธอสามารถจะมีมันได้ในอนาคต”
***
กู้ฮอนตบไหล่แอนนิเบาๆ “เธอเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน ฉันไม่หวังว่าคืนวันในอนาคต เธอจะยังใช้ชีวิตคนเดียวแบบนี้ เธอมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขที่เป็นของเธอถึงจะถูก”
แอนนิเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างช้าๆมา โดยเฉพาะความจริงใจและความคาดหวังที่เห็นได้จากนัยน์ตาของกู้ฮอน “ขอบคุณเธอนะฮอน เพียงแต่สำหรับเรื่องนี้จะให้ฉันคิดดูสักหน่อยได้ไหม โดยเฉพาะสถานการณ์ในตอนนี้ ฉันอยากจะทำเรื่องที่อยู่ตรงหน้านี้ให้เสร็จก่อน…..”
“โอเค สิ่งที่เธอคิดนั้น ฉันเข้าใจทั้งหมด สำหรับเรื่องนี้นั้น พวกเรา ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปกดดันอะไรเธอ”
“ขอบคุณเธอนะ ฮอน”
กู้ฮอนลูบท้องของตัวเอง “เมื่อครู่นี้ฉันยังบ่นหยินปู้ฝัน เจ้าหมอนั่นไปรอบหนึ่ง ไม่สามารถทำเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดแบบนี้จนทำให้ผู้อื่นตกใจได้ จากนั้นก็รีบวิ่งมาหาเธอที่นี่ กลัวว่าหัวใจที่บอบบางของเธอจะรับไม่ไหว ยุ่งเสียจนท้องของฉันหิวแล้วจริงๆ พวกเราออกไปทานข้าวกันเถอะ”
เธอพูดพลางดึงมือของแอนนิอย่างต้องการจะเดินออกไป
เพียงแต่ว่า แอนนิกลับไม่มีท่าทีจะขยับเขยื้อน
“ทำไมหรือ แม้ว่าเขาจะอยู่ข้างนอก แต่ก็ไม่ใช่เสือตัวใหญ่ มีอะไรน่ากลัวกัน ไปเถอะๆ……..” กู้ฮอนหัวเราะฮาฮา ฝืนลากแอนนิออกไปด้านนอก
แอนนิก็แสร้งทำเป็นท่าทางไม่อยากเดินตามกู้ฮอนออกไป ทั้งที่ในใจก็ยินยอม
“โอ้! พวกคุณออกมาแล้ว” เป่หมิงโม่ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ มองไปที่กู้ฮอนและแอนนิ จากความรู้สึกบนใบหน้าของพวกเธอสามารถเดาได้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องครัวทางด้านหลัง
กู้ฮอนลากแอนนิเดินไปถึงด้านหน้าชายหนุ่มทั้งสองคน ท่าทางเหมือนกับผู้ใหญ่ตำหนิเด็กน้อย “พวกคุณสองคนนี่จริงๆเลย ทำเรื่องที่สามารถเปิดเผยได้อย่างยุติธรรมให้กลายเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมไปได้ คุณดูสิว่าทำให้แอนนิของพวกเราเป็นแบบไหนแล้ว จะต้องขอโทษเธอด้วยรู้หรือไม่”
เป่หมิงโม่นั้นเป็นผู้ชายที่หยิ่งยโสคนหนึ่ง เขาไม่เอ่ยคำขอโทษใครง่ายๆ นอกจากจากนั้น ในเรื่องนี้ อย่างมากตัวเองก็เป็นแค่…….
จะพูดอย่างไรดีล่ะ กุนซือหัวหมา คนที่คอยเสนอความคิดชั่วร้ายให้ผู้อื่นหรือ สายลับหรือ ดูเหมือนว่าล้วนจะไม่ใช่
สำหรับหยินปู้ฝันนั้น ตั้งแต่ที่แอนนิวิ่งเข้าไปห้องครัวทางด้านหลัง ในใจของเขาก็เริ่มที่จะหงุดหงิดไม่สบายใจ กลัวว่าการกระทำของตัวเองจะทำร้ายเธอ
เขามองไปที่แอนนิด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด พลางเอ่ยว่า “แอนนิ ขอโทษด้วยจริงๆ โปรดให้อภัยต่อความบ้าบิ่นและบุ่มบ่ามเลินเล่อของผมด้วย เพียงแต่สิ่งที่ผมไม่ได้หลอกคุณตั้งแต่ต้นจนจบก็คือ ผมชอบคุณจากใจจริงๆ ดังนั้นจึงหวังว่า คุณจะสามารถให้โอกาสผมครั้งหนึ่ง ผมก็จะไม่บีบบังคับคุณ หลังจากที่คุณครุ่นคิดพิจารณาเสร็จแล้วค่อยให้คำตอบผมดีไหม”
เอ่ยจบแล้ว ก็เห็นว่าแอนนิก้มหน้าตลอด มองไม่ออกว่าเธอในตอนนี้มีสีหน้าความรู้สึกอย่างไรกันแน่
กู้ฮอนกลับรู้สึกว่าคำพูดเหล่านี้ของหยินปู้ฝันนั้นค่อนข้างน่าเชื่อถือ เธอหันหน้ากลับไปพูดกับแอนนิว่า “คำพูดเมื่อครู่นี้ของหยินปู้ฝัน เธอล้วนได้ยินหมดแล้ว ฉันน่ะ เมื่อครู่ก็พูดกับเธอในห้องครัวทางด้านหลังไปไม่น้อย ตอนนี้มากน้อยอย่างไรเธอก็ตอบอะไรเขาสักคำสิ”
ในตอนนี้ ดวงตาทั้งหกข้างล้วนมองไปทางแอนนิ
เพียงแต่ว่าผ่านไปนานแล้วเธอก็ไม่เอ่ยพูดอะไร จนกระทั่งสุดท้ายเธอก็พยักหน้าเบาๆ
“เฮ้อ นี่ก็ถูกแล้ว ไม่ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็กลับไปคิดให้ดีๆเสียก่อน” กู้ฮอนนั้นสามารถโล่งใจได้แล้ว
พูดความจริง ถ้าหากว่าเธอสามารถได้เห็นหยินปู้ฝันอยู่ด้วยกันกับแอนนิได้ล่ะก็ จะรู้สึกดีใจแทนพวกเขาสองคนจากใจจริง
“ในเมื่อเรื่องของพวกเขาก็จบลงเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คุณผู้หญิง คุณผู้ชายทั้งหลายสามารถออกไปทานข้าวกันได้แล้วใช่ไหม” ในที่สุดเป่หมิงโม่ก็เอ่ยพูด
***
เอ่ยถึงเรื่องทานข้าว กู้ฮอนก็รีบพยักหน้า เมื่อครู่นี้เธอเพิ่งจะพูดกับแอนนิไปว่าหิว “อาหารมื้อนี้ให้เป่หมิงโม่เลี้ยงแล้วกัน”
“ให้เลี้ยงนั้นไม่มีปัญหา แต่ผมอยากรู้ว่าทำไมต้องผม ไม่ควรจะเป็นเขาหรอกหรือ” เป่หมิงโม่เอ่ยด้วยสีหน้าผู้บริสุทธิ์
ยื่นนิ้วชี้ไปทางหยินปู้ฝัน
ที่จริงตอนที่เขาลงมาเรียกพวกเขาไปทานข้าว ก็เตรียมตัวเรื่องเลี้ยงข้าวแล้ว แต่เมื่อลงมาก็เผชิญหน้ากับเรื่องไม่คาดฝันนี้
“เพราะว่าคุณผิดเรื่องที่รู้เรื่องแล้วไม่บอก ถ้าหากว่าคุณบอกพวกเราเรื่องแผนการของหยินปู้ฝันแต่เนิ่นๆ ก็คงไม่วุ่นวายจนกลายเป็นแบบนี้” กู้ฮอนพูด
“หรือว่าผมจะเป็นคนดีก็เป็นไม่ได้กัน”
กู้ฮอนพยักหน้าอย่างมั่นใจ “ไม่ผิด คุณมันเป็นพวกที่ทำเลว นี่ก็คือโชคชะตา”
ตอนนี้ ยังคงเป็นหยินปู้ฝันที่เอ่ยต่อ “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ล้วนเป็นฉันที่คิดได้ไม่รอบคอบจึงทำให้เกิดขึ้น เป่หมิงโม่ก็แค่ถูกฉันลากเข้ามาเกี่ยวด้วย ข้าวมื้อนี้ ฉันเลี้ยงเอง”
“ใช่แล้ว นี่ถึงเรียกว่าพูดได้รู้ผิดชอบชั่วดี อาศัยประโยคนี้ หลังจากนี้มีเรื่องอะไร ฉันจะช่วยนาย” เป่หมิงโม่พูดพลางหมุนตัว เตรียมเดินออกไป
กู้ฮอนกลอกตามองบนใส่พวกเขาสองคน “ช่วยอะไรกัน ยังคิดที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยมกับพวกเราอีกหรือ จะบอกพวกคุณให้นะว่า ไม่มีทาง!”
“เมื่อครู่นี้ ฉันซื้ออาหารจานด่วนมา ฉันไม่ไปแล้วกัน” ในที่สุดแอนนิที่ไม่เอ่ยพูดอะไรมาตลอดก็เปิดปากพูด
“พวกนั้นรอกลับบ้านคืนนี้ค่อยทานก็ได้ มื้อกลางวันวันนี้ต้องให้เจ้าหมอนั่นสองคนไถ่โทษสักหน่อย” กู้ฮอนพูด ดึงแอนนิเดินไปข้างนอก
“ฉันรู้จักร้านอาหารที่ไม่เลวร้านหนึ่ง พวกเราไปทานกันที่นั่น พวกเธอก็สามารถดูอาหารและรสชาติของพวกเขาได้ด้วย” หยินปู้ฝันพูดแล้วรีบเดินนำหน้าพวกเธอขึ้นไปเปิดประตู
วันที่หิมะตกหนัก เป่หมิงโม่ขับรถของเขา พาทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่หยินปู้ฝันพูดถึงร้านนั้น
*
ชายชราคนหนึ่งยืนคาบกล้องยาสูบอยู่ที่หน้าต่าง เผชิญหน้ากับเกล็ดหิมะที่บินว่อนโปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง
เขามีใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่กลับเหมือนกับว่ากำลังจมอยู่ในความคิดอย่างไรอย่างนั้น
“อาจารย์ครับ อาหารเที่ยงเสร็จแล้ว”
ถังเทียนจื๋อยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องหนังสือ เอ่ยเสียงเบา
“อืม รู้แล้ว”
หลี่เชินหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะที่อยู่ด้านหน้า เคาะกล้องยาสูบกับที่เขี่ยบุหรี่เบาๆ
จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องอาหารกับถังเทียนจื๋อ
มองห้องอาหารที่ว่างเปล่า โต๊ะอาหารเบื้องหน้าที่สามารถนั่งได้ถึงสิบกว่าคน แต่กลับมีคนนั่งเพียงแค่สองคน
ก็รู้สึกเงียบเหงาอยู่บ้างจริงๆ
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น บนโต๊ะอาหารก็ยังมีอาหารอร่อยมากมาย
หลี่เชินยื่นตะเกียบออกไปหนีบผักมาใส่ในชามตัวเองเล็กน้อย
“ตอนนี้สถานการณ์ในบริษัทเป่หมิงเป็นอย่างไรบ้าง นับตั้งแต่เจ้าเด็กนั่นออกมาแล้ว ก็ไม่ได้ยินนายเอ่ยถึงเลย”
“อาจารย์ สถานการณ์ของบริษัทเป่หมิงจะพูดอย่างไรดี ทั้งหมดยังเป็นเช่นเดิม เหมือนกับตอนที่เป่หมิงยี่เฟิงเข้ารับช่วงต่อ เพียงแต่ว่าในภายหลัง เขาได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงบุคลากรครั้งหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วล้วนเปลี่ยนคนของเป่หมิงโม่ทั้งหมดทิ้ง เหลือเพียงแค่ฉิงฮัวคนเดียว”
หลี่เชินทานอาหารคำหนึ่ง “เขาไม่ใช่ผู้ช่วยของเจ้าเด็กนั่นหรือ ทำไมถึงปล่อยเขาเอาไว้ ทั้งยังปล่อยเอาไว้ใกล้ตัวอีกด้วยหรือ”
“เรื่องนี้ผมก็ไม่ชัดเจนครับ เพียงแต่ว่าเรื่องที่เกี่ยวกับอำนาจ ฉิงฮัวล้วนไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง เขารับผิดชอบเพียงแค่เรื่องทั้งหมดของบริษัทเป่หมิงและบริษัทGT เท่านั้น การที่เป่หมิงยี่เฟิงไม่แตะเขา อาจจะเป็นเพราะสาเหตุทางด้านนี้ครับ”
“บริษัทGT……โม้จิ่งเฉิง…….หวีหรูเจี๋ย…..” หลี่เชินเอ่ยพูดชื่อสองสามชื่อเบาๆ นัยน์ตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
แน่นอนว่าถังเทียนจื๋อเข้าใจว่าอาจารย์ของเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่กับบริษัทGT นั้น ตัวเองนั้นไม่มีความสามารถมากพอจริงๆ
***
ถังเทียนจื๋อทานข้าวไปสองคำ จากนั้นก็วางตะเกียบลง “อาจารย์ เป่หมิงโม่กลายเป็นตัวแทนประธานบริษัทพวกเขา…..ผมก็เพิ่งจะได้ยินข่าวมาในช่วงนี้ ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับนานขนาดนี้”
“นายพูดว่าอะไรนะ! เดิมคิดว่าเจ้าเด็กนั่นถูกโจมตีจนตกลงไปในก้นหุบเขาแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขายังจะมีความสามารถในการปีนขึ้นมาได้อีก” หลี่เชินตบตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างแรง
ถังเทียนจื๋อเห็นท่าทางเคร่งเครียดของเขา “อาจารย์ โปรดอย่ามีโทสะเลยครับ ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็ไล่เขาออกไปจากบริษัทเป่หมิงแล้ว อย่างนั้นเรื่องในส่วนที่เหลือก็ทำได้ง่ายมากขึ้นแล้ว แม้ว่าจะรอจนเขาอยากจะหวนกลับไปบริษัทเป่หมิงก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
“หึ……..” หลี่เชินส่งเสียงหนักออกมา “เรื่องของเขาก็ยื้อมาใกล้จะครึ่งปีแล้ว ก็ควรจะรีบจัดการสักหน่อยแล้ว ฉันไม่อยากให้เรื่องราวยืดเยื้อออกไปแล้วมีอุปสรรคเกิดขึ้น
“ทราบแล้วครับอาจารย์ ผมจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ผมจะให้เป่หมิงโม่ได้เห็นกับตาว่าบริษัทเป่หมิงหายไปอย่างไร” ถังเทียนจื๋อเอ่ย มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะออกมา
*
“อาหารที่นี่รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง สามารถให้พวกเธอเรียนรู้จากมันได้ไหม” หลังจากหลายคนทานอิ่มแล้ว ก็กลับเข้ามาในรถของเป่หมิงโม่อีกครั้ง
กู้ฮอนขมวดคิ้ว นึกย้อนกลับไปเมื่อครู่ “อาหารหลากหลายชนิด รสชาติก็ใช้ได้ แต่ไม่ถึงขั้นทำให้คนจดจำรสชาติได้ แอนนิ เธอว่าไง”
“ฉันเห็นด้วยกับที่ฮอนพูดนะ นี่ก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับฉัน ดูท่าพวกเราจำเป็นจะต้องสามารถสร้างเมนูแนะนำที่มีชื่อเสียงด้วย ตอนนี้การแข่งขันกันในวงการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มนั้นดุเดือดมากพอแล้ว แม้ว่าจะมีตำแหน่งร้านที่ดี แต่ถ้าอาหารรสชาติธรรมดาก็ยืนหยัดอยู่ได้ไม่นาน”
พวกเรากลับมาถึงหน้าร้านอาหารอีกครั้ง
เป่หมิงโม่ปิดประตูรถ มองไปที่พวกเขาสามคน “ผมขึ้นไปทำงานก่อนนะ” เขาพูด พลางหมุนตัวเดินเข้าไปในลิฟต์โดยสาร
หยินปู้ฝันมองสุภาพสตรีทั้งสองคน โดยเฉพาะแอนนิ
นับตั้งแต่ที่แผ่นกระดาษบางๆถูกเจาะแล้ว พวกเขาก็ยังไม่ได้พูดคุยกันสักประโยค
มือทั้งสองข้างของเขาสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกง คิดอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายแล้วก็กลายเป็นแค่ประโยคเดียว “ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าฉันไม่ได้ไปสำนักงานมาครึ่งวันแล้ว ฉันต้องกลับไปดูสักหน่อย พวกเธอก็ทำเรื่องที่ไม่หนักหนาไปก่อน มีเรื่องอะไรที่ต้องออกแรงก็โทรหาฉันได้เลย”
กู้ฮอนมองเขายิ้มๆ “ฉันรู้ว่าในสมองนายคิดอะไรอยู่ รู้แล้วๆ ฉันจะต้องดูแลแอนนิให้ดีอย่างแน่นอน นายก็วางใจเถอะ”
“ฮอน เธอพูดอะไรน่ะ” ใบหน้าของแอนนิแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง
หยินปู้ฝันหมุนตัวกลับไปยังรถของเขา และจากไปอย่างรวดเร็ว
*