บทที่ 1048 รีบร้อนจากไป
เป่หมิงเฟยหย่วนมองดูหนังสือโอนหุ้น สองมือสั่นเทาและไม่สามารถควบคุมน้ำตาไม่ให้ไหลได้อีกต่อไป หลันเนี่ยนที่อยู่ข้างๆใช้มือปิดปากอย่างรวดเร็วและน้ำตาก็ร่วงหล่น
พวกเขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงฉากเหตุการณ์ที่เป่หมิงโม่ถูกจับตัวไปและถูกขับไล่ออกจากตระกูลเป่หมิง มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้พวกเขาไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
คิดไม่ถึงเลยว่า วันนี้สิ่งที่ถูกกระชากไปวันนั้นจะกลับคืนมาสู่มือของพวกเขา
“อารองคุณ…” เป่หมิงยี่เฟิงดูเหมือนจะไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เขาได้เห็นตรงหน้า
เป่หมิงโม่มองดูพวกเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ : “บ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง ยินดีต้อนรับพวกคุณกลับไปด้วยเช่นกัน”
*
“อาจารย์ครับ ผมกำลังอยู่งานเลี้ยง” ในเวลานี้ ถังเทียนจื๋อกำลังถือโทรศัพท์และมองไปยังคนของตระกูลเป่หมิง
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนเหล่านี้กำลังพูดอะไร แต่มองดูแล้วดูเหมือนพวกเขาจะเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างมาก
ตนเองนั้นเคยแทรกซึมเข้าไปภายในของพวกเขาได้อย่างราบรื่น เป็นเพราะว่าตอนนั้นพวกเขาไม่กลมเกลียวกัน ถึงขั้นต่อตาฟันต่อฟันใส่กัน
แต่ว่าตอนนี้เหมือนมีสัญญาณไม่ดีต่อถังเทียนจื๋อ เขาจะต้องรีบโทรหาหลี่เชิน เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินการขั้นต่อไป
เขาไม่อยากเห็นคนของตระกูลเป่หมิงบิดรวมเข้าด้วยกันจนเป็นเชือกที่แข็งแรง แล้วที่เขาได้ปรับใช้มาทั้งหมดหายไปจนไม่เหลืออะไร
***
ถังเทียนจื๋อฟังโทรศัพท์ หลี่เชินที่อยู่ในสายกำลังพูดถึงการปรับแผนการขั้นต่อไป
เขาฟังไปด้วยและพยักหน้าซ้ำๆ
ในขณะที่มองไปยังเป่หมิงโม่และคนอื่นๆที่อยู่ในระยะไกล สายตาก็ปรากฏแสงคมปลาบ
*
จากนั้นสีหน้าของเขาก็เกิดความประหลาดใจเล็กน้อย : “อาจารย์ครับ ข่าวนี้เชื่อถือได้จริงเหรอครับ? อืม อืม เพราะเป็นเช่นนี้ ผมคิดว่าโอกาสชนะของพวกเราเปลี่ยนเป็นเพิ่มมากขึ้นแล้ว เดิมทีผมกังวลว่าเป่หมิงโม่จะเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่แต่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาไม่มีค่าพอที่จะเอ่ยถึงแล้ว”
พูดแล้วก็ปรากฏรอยยิ้มจางๆอีกครั้ง
*
บ่ายวันนี้ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับบริษัทเป่หมิงหรือสองพี่น้องตระกูลเป่หมิง ทั้งหมดล้วนทำให้พวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต
แน่นอนว่ามันสร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งเมืองAและอาณาเขตขนาดใหญ่อยู่ไม่น้อย
ตอนกลางคืน เป่หมิงโม่ไม่ได้พากู้ฮอนไปรับเด็กๆ ที่นั่งข้างกายเขาไม่มีแม้แต่เงาของกู้ฮอน
รถยนต์สองคันรีบร้อนออกจากลานจอดรถของโรงแรมแมนดารินก่อนที่งานเลี้ยงค็อกเทลจะจบลง
และได้ขับห้อตะบึงไปยังทิศทางบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง
ในขณะที่ท้องฟ้าเพิ่งจะมืดลง รถทั้งสองคันได้จอดอยู่ที่ภายในลานหน้าบ้านใหญ่ของตระกูลเป่หมิง
การมาถึงอย่างกะทันหันของลูกชายคนโตและลูกชายคนรองของตระกูลเป่หมิง ทำให้คนรับใช้ต่างคาดไม่ถึง
คนเหล่านี้ไม่ได้กลับมาที่บ้านเก่านานแล้ว ที่นี่มีเพียงเป่หมิงยันที่จะมาพักอาศัยเป็นระยะเท่านั้นเอง
ความต้องการคนรับใช้ของเขามีไม่มาก ดังนั้นงานของพวกคนรับใช้จึงเบากว่าเมื่อก่อนมาก
“คุณชายใหญ่ คุณชายรอง คุณนายไหญ่ คุณชายยี่เฟิง…” พวกเขารีบทำความเคารพไปทางเป่หมิงเฟยหย่วนและเป่หมิงโม่อย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันเหล่าคนรับใช้ก็มองเห็นว่ามีหลายคนที่มีสีหน้าไม่ปกติ แม้แต่ใบหน้าของเป่หมิงยี่เฟิงและหลันเนี่ยนที่เวลาปกติจะเป็นผู้ดีจัดสีหน้าก็ดูเปลี่ยนไปด้วย
ดูเหมือนจะมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น
หลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนลงจากรถแล้ว ก็ไม่ได้อยู่ในสนามแต่รีบเข้าไปในวิลล่า
“เจ้าสามล่ะ?” เมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่น เป่หมิงเฟยหย่วนถามคนรับใช้ที่เดินตามเข้ามา
“ช่วงนี้คุณชายสามไม่ได้กลับบ้านมาสองวันแล้วค่ะ” คนรับใช้ตอบอย่างรวดเร็ว
“เธอโทรหาเขาบอกให้กลับมาตอนนี้เลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องกลับ” เป่หมิงโม่สั่ง
“ค่ะ ได้ค่ะคุณชายรอง” คนรับใช้มองไปที่ใบหน้าเย็นชาของเป่หมิงโม่ ก็เกิดอาการขนลุกไปทั้งตัว
พวกเขาไม่ได้เห็นการปรากฏตัวเช่นนี้ของเป่หมิงโม่มาสักระยะแล้ว พอได้เห็นแล้วก็ตกใจทันที
แต่ท่าทางของหลันเนี่ยนที่มีต่อคนรับใช้นั้นยังนับดีกว่า อย่างน้อยน้ำเสียงของเธอก็นุ่มนวลกว่า : “ตรงนี้ไม่มีงานของพวกเธอแล้ว ไปเตรียมอาหารเถอะ”
หลังจากที่เหล่าคนรับใช้ได้ฟัง ต่างพากันถอยออกไปราวกับว่าพวกเขาได้รับการนิรโทษกรรม
เป่หมิงเฟยหย่วน เป่หมิงยี่เฟิง ทั้งสี่คน เดินผ่านห้องนั่งเล่น แล้วตรงเข้าไปในห้องหนังสือของพ่อ จากนั้นก็ปิดประตูอย่างแน่นหนา
*
เป่หมิงโม่และเป่หมิงยี่เฟิงออกจากงานเลี้ยงค็อกเทลพร้อมกัน กู้ฮอนที่อยู่ท่ามกลางสายตาเฝ้าดูของทุกคนนั้นหวาดกลัว ฉิงฮัวจึงรีบออกจากโรงแรมแมนดาริน
ก่อนออกเดินทาง เธอหันไปจ้องเขม็งมองดูถังเทียนจื๋อที่ยังคงยืนอยู่ในงาน
งานเลี้ยงค็อกเทลในวันนี้สำหรับพวกเขา ควรจะเป็นงานเลี้ยงที่มีความสุขงานหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้มองเห็นสองพี่น้องตระกูลเป่หมิงคืนดีกันอีกครั้ง
แต่คิดไม่ถึงว่า ในเวลาเช่นนี้กลับเกิดเรื่องที่ทำให้ทุกคนต้องรู้สึกช็อค
แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้กู้ฮอนเกลียดถังเทียนจื๋อและหลี่เชินมากยิ่งขึ้นไปอีก
ทำไมพวกเขาถึงยังไม่ยอมวางมือนะ…
***
พวกเด็กนั่งอยู่หลังรถอย่างเงียบๆ พวกเขาไม่ได้หัวเราะพูดคุยหรือแม้แต่จะต่อสู้กันเหมือนเคย
เพราะว่าในตอนที่พวกเขาขึ้นรถมาก็รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของแม่นั้นผิดไปจากเดิม ถึงแม้ว่าพวกเขาจะประหลาดใจกับชุดแสนสวยงามของแม่ที่ไม่มีเวลาเปลี่ยนก็ตาม
ฉิงฮัวขับรถและกู้ฮอนนั่งอยู่ที่ตำแหน่งข้างคนขับ
เธอยังคงเงียบมาตลอดทาง ถึงแม้ว่าพวกเด็กๆจะทักทายเธอตอนที่ขึ้นรถ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ยิน ไม่มีการตอบสนองใดๆทั้งสิ้น
เฉิงเฉิงมองไปที่หยางหยาง หยางหยางมองไปที่จิ่วจิ่ว จิ่วจิ่วมองกลับไปที่เฉิงเฉิงอีกครั้ง เด็กน้อยทั้งสามคนแอบกระซิบกระซาบกันอยู่ที่ด้านหลัง
“วันนี้หม่าม้าเป็นอาไยเหยอ? เมื่อวานยังดูถุงกระดาษอย่างมีความสุขอยู่เลย หรือว่าคุณพ่อทำให้หม่าม้าไม่มีความสุข? คุณพ่อแย่จริงๆ ต่อไปจะไม่สนใจแล้ว” จิ่วจิ่วพูดพร้อมกับขมวดคิ้วและเบะปาก
ดูเหมือนว่าเธอจะโกรธพ่อของเธอแล้วจริงๆ
“น้องสาวเนี่ย เธอนี่ไม่มีมาตรฐานเลยนะ เมื่อวานเธอยังใส่เสื้อผ้าที่พ่อซื้อให้มาอวดต่อหน้าพวกเราอยู่เลย”
หยางหยางวิจารณ์จิ่วจิ่วอย่างไม่ปราณี ดูแล้วเหมือนกับจะร้องขอความเป็นธรรมให้กับพ่อ
“พวกเธอสองคนพูดน้อยๆหน่อย ตอนนี้แม่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าพวกเธอสองคนอยากจะยั่วให้แม่โกรธใช่ไหม?” เฉิงเฉิงยับยั้งพวกเขาทั้งคู่
เฉิงเฉิงยังยืนหยัดอยู่ในจุดยืนที่เป็นกลาง ถึงแม้ว่าเขาไม่รู้ว่าวันนี้พ่อกับแม่สุดท้ายแล้วไปทำอะไรกันแน่ แต่ที่เขาสามารถมั่นใจได้ก็คือระหว่างพวกเขาสองคนจะไม่ทะเลาะกันหรือโกรธกันเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
เขารู้สึกอย่างนี้จริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเฉิงเฉิงผู้มีความละเอียดรอบคอบได้ค้นพบว่า ไม่เพียงแต่แม่ที่อารมณ์ไม่ดี แม้แต่ฉิงฮัวเองก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าตอนที่เผชิญกับตนเองและน้องชายน้องสาวน้ำเสียงจะอ่อนโยนก็ตาม
แต่ว่าตรงหว่างคิ้วยังคงเผยให้เห็นอารมณ์ที่ตกต่ำ แม้กระทั่งมีส่วนผสมของความเศร้าอยู่ด้วย
ดูเหมือนว่าวันนี้จะต้องเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้จะต้องไม่ใช่เรื่องเล็กด้วย บางทีที่วันนี้พ่อไม่ได้มารับพวกเขาพร้อมกับแม่ อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย
เพียงแต่มันน่าเสียดายที่เขายังเด็กเกินไป ไม่มีวิธีที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของพวกเขาได้เลย ไม่ต้องพูดถึงการช่วยแก้ปัญหาหรอก
*
ในตอนที่เป่หมิงโม่ให้คนรับใช้แจ้งให้เป่หมิงยันกลับมา เป่หมิงยันกำลังนั่งอยู่บนเรือยอร์ชสีขาวกลางทะเล
บนเรือมีเขาเพียงคนเดียว ที่ท้ายเรือมีเบ็ดตกปลาตั้งไว้
เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็ก มีร่มกันแดดอยู่ด้านหลัง ดวงตาที่สวมแว่นกันแดดจ้องเขม็งอยู่ที่ของสีแดงที่ลอยอยู่บนคลื่นเล็กๆในทะเล
ที่จริงแล้วเขาไม่จำเป็นต้องจ้องมอง เนื่องจากมีกระดิ่งสองอันผูกติดที่ปลายคันเบ็ด ถ้าหากปลามาติดเบ็ด กระดิ่งนั้นก็จะเกิดเสียง
เหตุผลที่เขาต้องทำเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะในสถานการณ์ที่ต้องใช้ใจจดจ่อถึงจะไม่ฟุ้งซ่านคิดเรื่องอื่น
ยกตัวอย่างเช่นทุกครั้ง ทุกครั้งที่ไปเยี่ยมแม่ เธอจะเล่าเรื่องแย่ๆของหวีหรูเจี๋ยและลู่ลู่ให้ตนเองฟัง
น้ำเสียงนั้นดูเหมือนจะวางตัวเองไว้ในตำแหน่งของผู้ถูกทำร้ายอย่างสมบูรณ์ เธอไม่คิดเลยว่าทั้งหมดที่ตัวเองทำเป็นความผิด
เป่หมิงยันไม่ใช่คนที่จะเชื่อคำหลอกลวงอย่างแน่นอน และในเวลาเดียวกันกับที่รู้สึกเศร้าใจกับสถานการณ์ของแม่ในตอนนี้ ยังรู้สึกเสียใจต่อสิ่งหล่านี้ที่เธอทำด้วย
พูดจากมุมมองหนึ่ง เจียงฮุ่ยซินเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารคนหนึ่งนะ
***
ผู้หญิงที่น่าสงสาร…
แต่ผู้หญิงที่น่าสงสารเช่นนี้ กลับลงมือทำในสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกรังเกียจ
เป่หมิงยันไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรถึงจะดีเมื่อเผชิญหน้ากับเธอ
ด้วยอารมณ์เช่นนี้จะเอาอารมณ์ที่ไหนมารับงาน เขาให้ตัวแทนของเขาถอนตัวจากคำเชิญของงานภาพยนตร์หลายเรื่อง และรายการวาไรตี้หลายรายการที่ได้รับเชิญ
ในบรรดารายการเหล่านี้มีรายการเรียลลิตี้ที่ค่อนข้างได้รับความนิยมทั้งทางอินเตอร์เนตและทางทีวี ยกตัวอย่างเช่น “running boy” แล้วยังมี “ภารกิจยากสุด”เป็นต้น
เขาในตอนนี้นอกเหนือจากการไปเยี่ยมแม่เป็นบางครั้งแล้ว ก็เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่บนเรือลำนี้ อยู่ห่างจากฝูงชน แล้ววางตัวเองไว้บนทะเลที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
ให้ลมทะเลอันนุ่มนวลและคลื่นเล็กๆพัดพาความหดหู่ใจของเขาออกไป
“กริ๊งกริ๊งกริ๊ง…”
เสียงกระดิ่งของคันเบ็ดตกปลาดังขึ้น นี่คือปลามาติดเบ็ดแล้ว
เป่หมิงยันเงยหน้าขึ้นมองทุ่นสีแดงที่อยู่ไกลออกไปอันนั้น มันจมเข้าไปในทะเลอย่างสมบูรณ์แล้ว แล้วคันเบ็ดก็ถูกปลาที่อยู่ในน้ำใช้แรงดึงจนเป็นเส้นโค้ง
ประมาณการได้เลยว่าปลาตัวนี้จะต้องมีขนาดใหญ่แน่นอน เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าคันเบ็ด สองมือใช้แรงจับเสาไว้แน่น จากนั้นจึงถอดมันออกมาจากที่ยึด
แล้วทดสอบพละกำลังของตัวเองด้วยการแข่งขันกับปลาในทะเล
มองดูแขนที่เป็นสีบรอนซ์เพราะบ่มแดด เส้นเลือดหนาออกมาลนกล้ามเนื้อแข็งแรงจนเห็นได้อย่างชัดเจน เขากัดฟันแน่น แล้วเอนไปด้านหลังเล็กน้อย เท้าข้างหนึ่งยกขึ้นเหยียบลงไปบนกาบเรือ
ส่วนเอวถูกกดด้วยแขนทั้งสองข้าง ตัวล้มไปด้านหลังอย่างแรง จากนั้นจึงเดินหน้าต่อ ในเวลานี้ใช้มือข้างเดียวหมุนรอกตกปลาเพื่อเก็บสายเบ็ดอย่างรวดเร็ว
จากนั้นทำซ้ำที่เพิ่งทำเมื่อกี้นี้
หลงัจากที่ทำซ้ำหลายๆครั้ง ได้ปรากฏผลออกมาแล้ว ในทะเลเริ่มปรากฏฟองคลื่น มันคือการแสดงถึงการต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดของปลาด้านล่าง
ในขณะนี้เองบนหน้าของเป่หมิงยันปรากฏรอยยิ้มแห่งชัยชนะ แล้วตอนนี้โทรศัพท์บนตัวของเขาดังขึ้น
เดิมทีเขาคิดว่าจะไม่รับสาย
เพราะคาดการณ์ไว้ว่าจะต้องเป็นตัวแทนของตัวเองมาอีกอย่างแน่นอน เขาทนไม่ได้กับวิธีการไม้แข็งจะฆ่ากันให้ตายจากสถานีโทรทัศน์และผู้กำกับเหล่านั้น แล้วจากนั้นก็จะมาเจรจากับตนเอง
แต่หลังจากโทรศัพท์ดังไปแล้วหนึ่งรอบ ก็ดังอีกเป็นรอบที่สอง…
เป่หมิงยันย่นคิ้วเล็กน้อย มีธุระที่ยิ่งใหญ่แบบไหนกันถึงโทรมาแบบต่อเนื่องไม่หยุดเนี่ย
ในที่สุดเขาก็หยิบมือถือออกจากกระเป๋า แต่มืออีกข้างของเขายังไม่คลายจากคันเบ็ด
“เฮ้…นี่มันเรื่องอะไรกัน เร่งอะไรนักหนา…”
“เป่หมิง คุณชายสามเป่หมิงคุณอยู่ที่ไหนคะ รีบกลับมาเร็วๆเถอะค่ะ คุณชายใหญ่เป่หมิงและคุณชายรองเป่หมิงแล้วก็ยังมีคุณชายยี่เฟิงพวกเขากลับมากันหมดแล้วนะคะคุณชายใหญ่บอกให้ฉันบอกคุณให้กลับบ้านเก่าค่ะ”
คนรับใช้พูดอย่างเกรงกลัว