บทที่ 1069 พบหน้า
กู้ฮอนว่าหลี่เชินจบ ก็เปลี่ยนไปเริ่มแซะถังเทียนจื๋อ: “ถ้าหากนายดีต่อเขาอย่างจริงใจ ก็คงไม่ทำกับเขาแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการช่วยศัตรูเลย นายทำแบบนี้มันทำร้ายเขารู้บ้างมั้ย!ฉันไม่สนว่าเมื่อก่อนนายกับเป่หมิงโม่มีความแค้นฝั่งแน่นขนาดไหน หลังจากทำร้ายกันขนาดนี้ ยังไม่พออีกหรือไง?”
เป่หมิงโม่ยื่นอยู่ข้างๆ กู้ฮอน คำพูดของเธอทุกคำมันเข้าไปในใจของเขา ทำพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะพูดออกมาได้
สำหรับความสับสนถูกผิด มีกี่คนบนโลกที่สามารถทำให้มันชัดเจน? คนส่วนมาก มักจะติดอยู่ในนั้น เหมือนมีปีศาจมาคอยปิดตาเขาเอาไว้
มันไม่ง่ายที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกู้ฮอน ในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนนี้ ยังเลือกความถูกต้องไม่ใช่เลือกคน
ถังเทียนจื๋อนั่งอยู่ในรถ ในมือถือโทรศัพท์ ฟังถึงตรงนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ จนกระทั่งปลายสายไม่มีเสียงดัง
เขาก็คือคนที่ถูกปีศาจบังตาไว้ เขากับหลี่เชินก็เหมือนกัน ในหัวนอกจากเรื่องแก้แค้น ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้ว
ตอนนี้เขาเป็นแค่เนื้อและเลือด
“กู้ฮอน ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง ฉันก็หวังว่าเธอจะไปพบกับเจ้านายสักครั้ง ถ้าหากสิ่งที่เธอพูดนั้นมีเหตุผล งั้น เธอก็ยิ่งควรไปพบเขานะ ไม่งั้นเหตุผลต่างๆ ที่เธอพูดมาก็แค่พูดให้คนอื่นฟังแค่นั้น พูดอย่างทำอย่าง แบบนี้มันค่อนข้าง……”
คำพูดนี้ ต้องการตอกกลับกู้ฮอน
ก็จริง ที่ตัวเองมีเหตุผลไม่น้อย พูดเรื่องมนุษยธรรมได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่สำหรับหลี่เชิน ทางสายเลือดแล้ว เขาเป็นพ่อแท้ๆ ของตน เมื่อพูดถึงศีลธรรม ตัวเธอเองก็ไปพบเขาน้อยมากๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการอยู่เป็นเพื่อนเขาเลย
ถึงแม้เขาจะมีความผิด แต่นั่นก็เป็นอีกเรื่อง
มันไม่ได้เป็นวิธีที่แตกต่างกัน มันเป็นตรรกะที่สร้างขึ้นในความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน
สถานะพ่อกับลูกสาว มันไม่มีเหตุผลเลย และไม่มีความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกันด้วย
ในจุดนี้ ดูเหมือนว่าถังเทียนจื๋อจะทำหน้าที่นี้ได้มากกว่าลูกสาวของเขา หรืออาจจะถึงขั้น ‘ยอมพลีชีพให้เจ้านาย’ เลยก็ว่าได้
ไม่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นมีเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน
กู้ฮอนกำโทรศัพท์ในมืออย่างแน่น แล้วเงียบไปอยู่ครู่
ต่อหน้าสถานการณ์อย่างนี้ ในใจของเธอสับสนมากๆ
“รถของฉันจอดอยู่ข้างหน้าหมู่บ้านของเธอ” ถังเทียนจื๋อพูดเสริมอีกหนึ่งประโยค: “ฉันมาที่นี่ไม่ได้มาบังคับ หรือมาเชิญ เธอสามารถวางใจและไปกับฉันได้ และฉันก็สัญญาจะเคารพในการตัดสินใจหากเธอจะออกมา ฉันสามารถส่งเธอกลับมาที่นี่ได้ทุกเมื่อ”
“ไม่ต้อง นายไปเถอะ ถ้าจะไปฉันไปเอง ไม่ต้องให้นายมาเสียเวลา ถ้าหากนายว่างมากล่ะก็ ควรจะให้เขา และก็ตัวนายเองคิดสักนิดนะว่าจะเอายังไงกับชีวิตที่เหลืออยู่” กู้ฮอนพูดจบก็ตัดสายทิ้ง
มีเสียงหัวเราะดังเข้ามาในห้องนั่งเล่น จากห้องอาหารที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
***
กู้ฮอนคว้ากระเป๋าของตัวเองแล้วเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
เธอยืนอยู่ข้างรถของเธอ ขณะที่ยื่นมือออกไปเปิดประตูแล้วเข้าไปนั่งในรถ เป่หมิงโม่ก็รีบออกมาจากห้อง
เขายืนอยู่หน้ารถ: “เธอตั้งใจจะไปจริงๆ เหรอ? ดึกแล้ว ถ้าหากจะไปพรุ่งนี้ค่อยไปดีกว่า อีกอย่างตอนนี้ยังมีแขกอยู่ตั้งเยอะ มีคนตั้งเยอะมาที่นี่ก็เพราะเธอนะ”
กู้ฮอนมองไปที่เขา: “งั้นนายขอโทษพวกเขาแทนฉันด้วยแล้วกัน วันนี้ฉันต้องไป แต่ว่านายวางใจเถอะฉันจะรีบกลับมา” ร่างเล็กๆ ของเธอนั่งลงในรถพลางพูด
ถึงยังไงเป่หมิงโม่ก็ไม่วางใจให้เธอไปคนเดียว: “เธอรอก่อน ฉันจะไปกับเธอ” เขาพูดพลาง หันเดินไปทางรถของตัวเอง
“นายไม่ต้องไปหรอก อีกอย่างไปแล้วยิ่งทำให้เรื่องมันยุ่งมากไปกว่าเดิม นายอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนพวกเขาและลูกแทนฉันเถอะนะ” กู้ฮอนพูดจบ ก็สตาร์ทรถ จากนั้นก็ขับรถออกไปจากบ้านปานซาน
เป่หมิงโม่เห็นเธอขับรถออกไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกไม่วางใจ เขาหันกลับเข้ามาในห้อง
“พ่อฮะ คุณแม่ ทำไมแม่ไม่มาล่ะฮะ?” เฉิงเฉิงมองเขาพลางถาม
“นั่นสิ เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” หวีหรูเจี๋ยถามอย่างเป็นห่วง: “ถ้าหากมี ก็ให้เธอระบายออกมา อย่าเก็บไว้คนเดียว พวกเราเยอะขนาดนี้ ไม่เชื่อว่าจะช่วยเธอไม่ได้”
เป่หมิงโม่เดินมาอยู่ข้างๆ คนเป็นแม่ อารมณ์บนใบหน้าดูนิ่งๆ เขายิ้มออกมาเบาๆ : “แม่ ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่แม่คิดหรอกครับ จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่ามีของที่ลืมซื้อ ก็เลยออกไปซื้อนะครับ วางใจเถอะครับ”
“แม่จะวางใจได้ยังไง เธอเป็นลูกสะใภ้ที่ดีที่สุด ตอนนี้ข้างนอกก็มืดแล้วให้ผู้หญิงออกไปตัวคนเดียว รีบตามเธอไปเลยนะ ถึงจะไม่ต้องการให้ลูกช่วย แต่ไปอยู่เป็นเพื่อนเธอก็ยังดี ลูกโง่นี่ ผู้หญิงต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนด้วยมากๆ ลูกวางใจที่นี่เถอะ พวกเราโอเค”
ที่จริง เป่หมิงโม่กำลังลังเลว่าจะตามกู้ฮอนไปดีมั้ย ไปพบหลี่เชินด้วยกัน ถึงแม้เขาจะโกหกแม่ แต่ว่าคำพูดที่แม่พูดเมื่อกี้ทำให้เขาตัดสินใจได้
เขาพยักหน้า: “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” เขาพูดพลาง เงยหน้ามองทุกคนที่นั่งอยู่: “อยู่ที่นี่ก็คือบ้านของทุกคน จะกินจะใช้อะไรก็ไม่ต้องเกรงใจนะ ฉันออกไปแป๊บนึงเดี๋ยวกลับมา”
เขาพูดพลาง หันหลังเดินออกไป เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขับรถตามออกไป
*
กู้ฮอนขับรถออกมาจากบ้านที่ปานซาน เธอไม่ได้ขับรถตรงไปที่บ้านของหลี่เชิน แต่ขับอ้อมไปที่ใกล้ๆ ‘ปิ่นฮอนเป่หยวน’
ถังเทียนจื๋อไม่ได้โกหกจริงๆ เห็นเขาจอดรถออดี้คันสีขาวอยู่ไม่ไกล
เธอจอดรถและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร: “ทำไมนายยังอยู่ที่นี่ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าจะไปเดี๋ยวฉันไปเอง”
เธอพูดพลางกะพริบไฟหน้ารถใส่รถของถังเทียนจื๋อไปสองครั้ง
ไม่นานถังเทียนจื๋อก็สังเกตเห็นเธอ มันทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ ตอนแรกคิดว่าถ้าหากกู้ฮอนจะออกมา รถจะต้องขับออกมาจากด้านใน ไม่คิดว่าเธออยู่ด้านนอกแล้ว
“ทำไมเธอถึง……ฉันนึกว่าเธอจะออกมาจากในนี้”
“นายไม่ต้องสนใจ หรือว่าฉันจะไปไหนต้องรายงานนายด้วยเหรอ เอาล่ะ ฉันออกมาแล้ว งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
ถังเทียนจื๋อสตาร์ทรถ ยังไงเขาก็ออกมาแล้ว ตัวเขาก็ไม่ต้องสนใจอะไรให้มากความ ไม่งั้น ก็คงจะเสียเวลาไปหลายเรื่อง
***
รถทั้งสองคันขับด้วยความเร็วข้างหน้าหนึ่งคันข้างหลังหนึ่งคัน ขับไปในทางเดียวกัน
แต่ไม่ว่ากู้ฮอน หรือว่าถังเทียนจือ ก็คงคิดไม่ถึงว่าข้างหลังพวกเขา ยังมีรถอีกคัน ถึงแม้จะขับห่างออกไป แต่ก็ไปในทิศทางเดียวกันกับพวกเขา
นั่นก็คือรถของเป่หมิงโม่ เขาไม่ได้ขับรถคันที่ขับประจำ แต่เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน รถBMWรุ่นใหม่i8
ยังไม่ทันได้ออกตลาด ตอนที่กำลังจะออกรถคันนี้ก็เข้าตาเขาแล้ว
ถึงแม้มันจะเป็นรถไฮบริด แต่มันก็ไม่ได้แย่ไปกว่ารถปกติ โดยเฉพาะขับในเมือง มันจะไม่มีปัญหาหากไม่ได้ขับรถในระยะไกล
เขาตั้งใจทิ้งระยะห่างกับพวกเขา ก็เหมือนกับการเปลี่ยนรถให้พวกเขาไม่สังเกตเห็นตัวเขา
แม้แต่ที่ถังเทียนจื๋อมาโผล่ที่หน้า ‘ปิ่นฮอนเป่หยวน’ เขาก็เดาออกแล้ว
แต่ว่านั่นก็ยังไงก็ได้ เป้าหมายของเขาก็คือแอบปกป้องกู้ฮอนไม่ให้เกิดเรื่องอันตรายอะไรขึ้นกับเธอ
ตกกลางคืน ถังเทียนจื๋อกับกู้ฮอนก็มาถึงหน้าบ้านของหลี่เชิน แต่เป่หมิงโม่รอให้พวกเขาเข้าไปก่อน แล้วค่อยเอารถเข้าไปจอดในมุมอับ และปิดไฟหน้ารถ
กู้ฮอนมาแล้ว นี่เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์และแปลกใจของหลี่เชิน
ที่จริงแล้วเขาไม่รู้ว่าถังเทียนจื๋อไปทำอะไร แต่หลังจากที่เห็นกู้ฮอนเดินตามเขาเข้ามา ก็ถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน มันทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออก แม้แต่วันนี้ วันเทศกาล เธอดูที่นี่ก็ยังคงเงียบเหงา แต่ว่าก็ไม่เป็นไรหรอก หลายปีที่ผ่านมาก็ผ่านมาแบบนี้ เหอๆ ” หลี่เชินจงใจทำว่าตนไม่เป็นอะไร ต่อหน้าลูกสาวของตน
เขาไม่อยากให้เธอเห็นด้านที่เขาโดดเดี่ยว
ถึงเขาจะพยายามามพูดแบบนี้ แต่กู้ฮอนก็ยังคงเห็นความโดดเดี่ยวในตาของเขาอยู่
เธอไม่ได้พูดอะไร และหันหลังเดินออกไปจากบ้าน กลับไปหยิบกระเช้าผลไม้จากท้ายรถของตน แล้วกลับมาข้างหน้าหลี่เชิน แล้ววางมันลงบนโต๊ะ: “วันนี้เป็นวันเทศกาล ฉันเห็นว่าไม่รู้จะให้อะไร ของพวกนี้คุณก็รับๆ ไว้เถอะ อยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็โยนทิ้งไปไม่เป็นไร”
หลี่เชินมองไปที่กระเช้าผลไม้ แล้วก็ยิ้มออกมา: “ลูกสาวให้ ฉันจะทิ้งมันลงได้ยังไง วันนี้ที่เธอมาเยี่ยมฉันมันทำให้ฉันดีใจมากๆ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้ว่าส่วนใหญ่เป็นการยุยงของเขาเอง”
“เจ้านาย ขอโทษด้วยครับ ผมเห็นว่าวันนี้เป็นงานเทศกาล เพราะงั้นก็เลย……” ถังเทียนจื๋อรีบพูดแก้ตัว
กู้ฮอนก้มหน้ามองดูนาฬิกา: “มาก็มาแล้ว เจอก็เจอแล้ว สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปแล้ว ฉันก็ไม่ขออยู่ต่อและ ลูกๆ กำลังรอฉันอยู่” กู้ฮอนพูด พลางหันหลังเดินออกไป
“กู้ฮอน เธอไม่อยากคุยกับเจ้านายอีกสักหน่อยเหรอ?” ถังเทียนจื๋อขวางทางของกู้ฮอน
“ทำไม จะขว้างฉันไว้ไม่ให้ฉันไปหรือไง?” กู้ฮอนชักสีหน้าจ้องเขาเขม็ง: “เมื่อกี้ฉันพูดแล้วไม่ใช่เหรอ สิ่งที่ควรพูด สิ่งที่ควรทำก็ทำหมดแล้ว ถ้าหากไม่ให้ฉันไป แบบนี้มีหน้ามาพูดอะไรอีก”
“กู้ฮอน ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ที่จริงแล้วเจ้านายมีเรื่องจะคุยกับเธออีกหน่อย แต่เวลาเจอกัน นอกจากจะพูดแซะกันก็ไม่เคยพูดจากันดีๆ บ้างเลย……”
ถังเทียนจื๋อไม่ทันพูดจบ ก็โดนกู้ฮอนขัด: “หยุดเดี๋ยวนี้ อย่ามาพูดกับฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้”
***
กู้ฮอนมองไปที่หลี่เชิน แล้วมองไปที่ถังเทียนจื๋อ: “อย่าเอาเรื่องพวกนี้มาโยนไว้ที่ฉัน เป็นพวกคุณที่ไม่ยอมปล่อยวาง คอยหาแต่ปัญหาเพราะงั้นฉันถึงปฏิบัติกับพวกคุณแบบนี้ ฉันไม่ได้มาที่นี่วันนี้เพื่อพูดคุยกับพวกคุณ และก็ไม่ได้มาเยี่ยม บอกว่าฉันทำหน้าที่ลูกสาวได้ไม่ดี คุณก็ทำหน้าที่ได้ไม่ดีเหมือนกันแหละ เพราะงั้นในจุดนี้ก็ถือว่าเท่าเทียมกันแล้วกัน”
“อีกอย่าง” เธอพูด พลางชี้ไปที่ถังเทียนจื๋อ: “เรื่องไร้สาระที่เขาทำตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ ส่วนมากเป็นเรื่องที่คุณตั้งใจใช่มั้ย อย่าคิดว่าตอนนี้ฉันไม่หลักฐานอะไรนะ ทางที่ดีคุณควรจะหยุดมันซะ เรื่องตระกูลเป่หมิงให้มันสิ้นสุดที่ตรงนี้ เอาอะไรของเขามาก็คืนเขาไป ไม่งั้นหากวันหนึ่งเมื่อหอกทั้งหมดชี้มาที่คุณ อย่ามาโทษฉันว่าฉันไม่เคยพูดเตือนคุณ