บทที่ 1077 กลับบ้านไปเยี่ยมบ่อยๆ
โล่ฮานพยักหน้า: “เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไปแล้ว ทำให้คุณลำบากใจจริงๆ แล้วฮอน ข้อมูลของคุณนั้นมีค่ามากกับพวกเรา เมื่อทางด้านของถังเทียนจื๋อเป็นแบบนี้ ผมว่าคุณไม่ต้องเกี่ยวข้องกับการสืบหาบุคคลที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นแล้ว วันนี้คุณได้กระตุ้นให้เขาระวังตัว หากต้องการหาข้อมูลจากปากของเขาก็ยิ่งยากไปอีก ผมไม่ต้องการให้คุณลำบากใจอีก”
ฮอนส่ายหัว: “ไม่เป็นไร แม้ว่าถังเทียนจื๋อจะกัดฟันสนิทไม่พูดอะไร ฉันคิดว่านั่นเป็นเพียงอุบายที่เขาไว้จัดการกับคุณ โล่ฮาน ฉันควรขอโทษคุณที่นี่ด้วย
“ขอโทษ? ผมไม่เข้าใจคุณหมายถึงอะไร”
เธอหมุนแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชา: “ที่ฉันปิดบังคุณก่อนหน้านี้ อันที่จริงฉันรู้มาตลอดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคนนั้นคือใคร”
“คุณรู้?” สิ่งนี้ทำให้โล่ฮานแปลกใจมาก
“คนที่อยู่เบื้องหลังเขาชื่อหลี่เชิน ส่วนสาเหตุที่ฉันปิดบังก่อนหน้านี้ นั่งเพราะเขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดฉัน”
“พ่อผู้ให้กำเนิด! หลี่เชิน…” ดูเหมือนว่าโล่ฮานคงต้องระวังตัวให้มากขึ้นแล้วจริงๆ
เมื่อพูดถึงหลี่เชิน เขาก็คิดได้อย่างรวดเร็ว ว่ามีบุคคลนี้แน่นอน เขาหายไปหายมา ทำตัวถ่อมตน ไม่เคยปรากฏตัวในที่สาธารณะต่างๆ
แต่แบบนี้ เขากลับมีชื่อเสียงมาก เห็นเป็นคนที่สามารถทำอะไรได้มากมายในอนาคต
จริงๆ แล้วเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของกู้ฮอน และยังเป็นคนใหญ่คนโตที่อยู่เบื้องหลังของถังเทียนจื๋อ…เหมือนว่าจะเชื่อมโยงได้ค่อนข้างยาก
“ฮอน ผมรู้ว่าคุณไม่โกหก แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย”
กู้ฮอนยิ้มอย่างขมขื่น: “แม้ว่าฉันจะรู้สึกได้อย่างคลุมเครือว่าเขาน่าจะไม่ใช่บุคคลเล็กๆ แต่การที่สามารถทำให้ผู้อำนวยการโกวเป็นสุนัขเชื่องได้ ต้องมีตำแหน่งที่สูงใช่ย่อย บวกกับที่เขาเป็นพ่อของฉัน ดังนั้นฉันเลย….ตอนแรกคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงที่ผู้อำนวยการโกว แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทำเกินไป ด้วยวิธีการบางอย่าง ตอนนี้บริษัทเป่หมิงอยู่ในมือของถังเทียนจื๋อแล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกผิดต่อคนของตระกูลเป่หมิง”
เมื่อโล่ฮานได้สิ่งที่เธอพูด ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงแค่คดีพิเศษเล็กน้อย กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวเบื้องหลัง
“ฮอน เป็นไปได้คุณช่วยบอกให้ผมอีกรอบได้ไหม? สิ่งเหล่านี้น่าจะช่วยให้เราสามารถทำงานในครั้งต่อไปได้”
กู้ฮอนพยักหน้า เรื่องมาถึงวันนี้ สิ่งที่เธอทำได้ก็คือบอกความจริงที่ตัวเองรู้ให้เขาฟัง
***
โล่ฮานฟังกู้ฮอนอย่างตั้งใจ และจดบันทึกไปด้วย นี่คือความคับแค้นใจมากว่า20ปี
ดังนั้น เขาก็ค่อยๆ เรียบเรียงแรงจูงใจของหลี่เชิน
เมื่อกู้ฮอนพูดจบ เขาแทบจะจดบันทึกเสร็จในเวลาเดียวกัน
“ฮอน ขอบคุณที่ให้ข้อมูลที่มีค่าเช่นนี้กับเรา เราจะดำเนินการตรวจสอบตามสิ่งที่คุณให้ผมมา วันนี้และอนาคตหากมีเรื่องอะไร ผมหวังว่าคุณจะสามารถให้ความร่วมมือกับเราได้”
“ได้ ไม่มีปัญหา อย่างไรฉันก็เป็นคนทำงานด้านกฎหมายเหมือนกัน ฉันรู้สึกละอายใจกับความเห็นแก่ตัวของตัวเองก่อนหน้า”
ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ใครไม่เคยเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะเมื่อญาติของเราเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผมชื่นชมคุณและความกล้าหาญของคุณมาก เอาล่ะ ผมจะไม่อยู่นานกว่านี้แล้ว” โล่ฮานพูด แล้วเก็บของของตัวเองเตรียมออกเดินทาง
“โล่ฮาน ได้ยินเฉียวเฉียวบอกว่า หลังจากครั้งนั้นที่คุณกลับบ้าน จนถึงตอนนี้เป็นเวลาสามเดือนกว่าแล้วที่คุณไม่ได้กลับบ้าน ฉันคิดว่าคุณควรหาเวลากลับไปเยี่ยมคนแก่ ฉันเพิ่งตระหนักได้หลังจากประสบหลายสิ่งหลายอย่าง ว่าคนในครองครัวเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตแล้ว โดยเฉพาะตัวเองไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถอยู่กับตัวเองได้อีกกี่ปี มันสำคัญยิ่งกว่า”
เมื่อเห็นสายตาที่จริงจังของกู้ฮอน โล่ฮานก็พยักหน้าด้วยความรู้สึกที่สัมผัสถึง: “ฮอน คุณพูดถูก เราควรกลับไปเยี่ยมคนแก่สองคน ฉันจะกลับไปเร็วๆ นี้”
กู้ฮอนมองเขาแล้วยิ้มเล็กน้อย: “มีบ้านรู้สึกดีจริงๆ ฉันอิจฉาพวกคุณจริง”
“อิจฉาพวกผม? คุณไม่สมควรอิจฉาเหรอ? มีลูกที่น่ารักสามคน และผมดูออกว่าเป่หมิงโม่ห่วงคุณมาก แม้ว่าครอบครัวขอพวกคุณทั้งสองจะเคยมีเรื่องบาดหมางกัน แต่เมื่อกี้ผมได้ยินที่คุณพูดแล้ว น่าจะเป็นความเข้าใจผิดกันมานานหลายปี แม้ว่าพ่อของคุณจะไม่มีวันลืม ระหว่างคุณกับเป่หมิงโม่ไม่น่าจะมีเรื่องให้ต้องเข้าใจผิดกันอีก”
“ขอบคุณ บางเรื่องฉันยังต้องเอาเก็บไปคิดให้ดี”
*
เป่หมิงโม่นั่งอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง หลังจากทำงานมาทั้งวัน เขาหยิบจดหมายโอนหุ้นขึ้นมาอีกครั้ง
ในตำแหน่งหุ้นส่วน โม้จิ่งเฉิงได้เซ็นชื่อของตัวเองแล้ว และยังประทับตราแล้ว ตอนนี้เพียงแค่หุ้นอีกอีกคนเซ็นชื่อตัวเอง กล่าวได้ว่า ได้ทำข้อตกลงนี้สำเร็จแล้ว
เขาต้องการกู้บริษัทเป่หมิกลับคืนมามาก แต่กลับไม่เซ็นชื่อของตัวเองเป็นเวลานาน
เวลานี่ ประตูห้องทำงานเปิดออก กู้ฮอนเดินเข้ามา: “ทำไมคุณยังนั่งอยู่ตรงนี้?” พูดแล้ว เธอก็เห็นเอกสารฉบับนั้นที่อยู่ในมือของเขา “คุณคิดว่ามันมีปัญหาเหรอ?”
เป่หมิงโม่เห็นว่าเธอมาแล้ว จึงวางของในมือลง: “ไม่ใช่ ของสิ่งนี้ไม่มีปัญหาเลยสักนิด แต่ฉันมักรู้สึกว่าหากแค่ยอมรับมัน ก็เหมือนเป็นหนี้เขา ฉันไม่ชอบความรู้สึกเป็นหนี้คนอื่น”
สำหรับคำอธิบายของเขา กู้ฮอนเข้าใจดี ผู้ชายคนนี้ก็เป็นแบบนี้แหล่ะหยิ่ง แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนไปหลายๆ ด้าน แต่นิสัยเย่อหยิ่งมาจากกระดูกข้างใน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยน
“ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว บริษัทเป่หมิงเป็นธุรกิจของตระกูลของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องเอามาเป็นความรับผิดชอบของคุณ ใช่แล้ว วันนี้ฉันหาถังเทียนจื๋อ คุณรู้ไหมว่าฉันได้รู้ข่าวอะไรมาจากเขาไหม?”
***
เมื่อเป่หมิงโม่ได้ยินชื่อนี้ สายตาของเขาก็มีไฟลุกโชน
เธอไม่ควรเอ่ยชื่อนี้ในเวลานี้ เพราะมันจะทำให้เขาโกรธ
แน่นอนว่ากู้ฮอนรู้ แต่เธอต้องพูดถึง เพราะเธอคิดว่าเป่หมิงโม่ควรตัดสินใจบางอย่าง เช่นการกู้คืนบริษัทเป่หมิง
เมื่อเห็นเขาในลักษณะนี้ เธอกลับแสร้งทำเป็นเฉยเมยและพูดว่า: “เขาเตรียมตกแต่งบริษัทเป่หมิงใหม่ ทั้งบนและล่างอย่างละเอียด สถานที่เริ่มลงมีด ก็คือห้องทำงานของประธาน ฉันคิดว่า คุณน่าจะคุ้นเคยที่นั่นดี คุ้นเคยดีจนหลับตาก็เดินไม่ผิด”
แน่นอน สิ่งที่กู้ฮอนพูดเมื่อกี้ มีเพียงประโยคสุดท้ายที่เป็นความจริง
เป่หมิงโม่หงุดหงิดกับสิ่งที่เธอพูด กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุกเล็กน้อย
บริษัทเป่หมิงสำหรับตระกูลเป่หมิง เป็นสิ่งที่พิเศษต่อเขา แม้แต่อิฐชิ้นหนึ่งก็มีเรื่องราวของมันเอง
เขารีบเก็บข้าวของของตัวเอง นำสมุดข้อตกลงฉบับนั้นกำลังจะออกไปข้างนอก
“นี่ คุณจะไปไหน ยังไม่ได้ไปรับลูกเลย เรื่องของบริษัทเป่หมิง วันนี้คนอื่นๆ เขาเลิกงานกันหมดแล้ว…”
*
“คิดไม่ถึงว่าคุณจะกังวลขนาดนี้ ก่อนหน้านี้บริษัทเป่หมิงมีปัญหาคุณก็ยังนิ่งเหมือนภูเขาไท่ไม่ใช่เหรอ” ระหว่างทางไปรับลูก กู้ฮอนขับรถ เหลือบมองเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ข้างคนขับ
“นั่นเป็นเพราะฉันสามารถเอาบริษัทเป่หมิงกลับมาได้อย่างแน่นอน ปล่อยให้เขาอยู่ที่นั่นเหมือนสุนัขเฝ้าบ้านกี่วัน แต่ไม่ได้หมายความว่าอยู่ข้างในเขาจะสามารถทำทุกอย่างตามอำเภอใจได้”
“ดูสักสองสามวัน? สุนัขเฝ้าบ้าน…” กู้ฮอนอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วยิ้ม: “ฉันคิดว่าสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไปคือคุณไม่ยอมเสียสละศักดิ์ศรีของคุณ ตอนนี้ฉันถามคุณหนึ่งอย่าง หากพ่อบุญธรรมไม่ให้สิ่งนี้กับคุณ ตอนที่คุณได้ยินว่าถังเทียนจื๋อจะ ‘ศัลยกรรม’ บริษัทเป่หมิงทั้งบนและล่าง คุณจะทำยังไง? ฉันคิดว่าคุณคงไม่มีวิธีที่จะได้รับอำนาจสูงสุดจากความยุติธรรมหรอก”
…
แน่นอน กู้ฮอนพูดไม่ผิดเลยสักนิด เป่หมิงโม่ยอมรับว่าความมั่นใจของตัวเองมาจากสิ่งที่อยู่ในมือ
เขาอยากหัวเราะเยาะตัวเอง ที่ตอนนี้จำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เพื่อสร้างร่างกายและจิตใจให้แข็งแกร่ง
กู้ฮอนก็จะหยุดเช่นกัน เธอเห็นอารมณ์ของเป่หมิงโม่ในตอนนี้ ก็รู้ว่ามันเป็นจุดที่เจ็บปวด ในเวลานี้ ก็ไม่ไปกระตุ้นเขาแล้ว
*
หลังอาหารค่ำ กู้ฮอนเหลือบมองเป่หมิงโม่ แล้วมองโม้จิ่งเฉิง คิดว่าเดี๋ยวพวกเขาต้องมีอะไรจะพูด
เธอมองลูกทั้งสามคน ด้วยใบหน้ายิ้ม: “เด็กๆ แม่ไปช่วยทำการบ้านให้ดีไหม?”
ตอนนี้วิลล่าปานซาน กลับมาสงบอีกครั้งหลังเมื่อวาน
แอนนิและครอบครัวของฉิงฮัวกลับไปวิลล่าปิ่นฮอนเป่หย่วนแล้ว
ตอนนี้พูดคุยธุระจะสะดวกกว่า โดยเฉพาะหลังจากกู้ฮอนพาเด็กทั้งสามคนขึ้นไปชั้นบนแล้ว
ในห้องนั่งเล่น มีเพียงเป่หมิงโม่ โม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยสามคน
พวกเขานั่งเรียบเป็นแถวบนโซฟา ทีวีตรงหน้ายังเปิดช่องข่าวทิ้งไว้ เพียงแต่ปรับเสียงให้เบามาก
ทั้งสามคนใจไม่ได้ดูทีวี โดยเฉพาะเป่หมิงโม่ เขาไม่รู้ควรเปิดปากยังไง
ในที่สุด เขาก็พูดออกมาคำหนึ่ง: “ขอบคุณ”
“ขอบคุณอะไร?” แม้ว่าโม้จิ่งเฉิงจะรู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยังนิ่งเฉย
“วันนี้ผมไปธนาคารกับฮอน ได้ของที่คุณให้”
***
เป่หมิงโม่พูด แล้วหยิบจดหมายโอนหุ้นออกมาวางไว้บนโต๊ะน้ำชา
โม้จิ่งเฉิงเหลือบมอง: “เล่มนั้นควรเป็นของนายอยู่แล้ว ฉันก็แค่คืนมันให้เจ้าของก็เท่านั้น ส่วนนายจะจัดการยังไง ฉันไม่สนใจ แต่สิ่งที่ฉันจะต้องบอกนายก็คือ: “ไม่ว่าจะเลือกทางไหน แม่ของนายก็จะสนับสนุนนาย”
เป่หมิงโม่พยักหน้า: “วางใจเถอะ เรื่องนี้ผมต้องจัดการให้ดี”
หวีหรูเจี๋ยมองลูกชาย เธอรู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเขาเป็นยังไง เธอทำได้แต่สนับสนุนไม่มีอย่าอื่นนอกจากนี้แล้ว
เรื่องที่เกิดขึ้นกับบริษัทเป่หมิง และโม้จิ่งเฉิงยังถือหุ้นส่วนส่วนหนึ่งของบริษัทเป่หมิง เธอเพิ่งรู้ได้ไม่นาน
ลูกชายมีความกดดันมาก ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบาก และคู่แข่งที่เขาต้องเผชิญ ล้วนส่งผลต่อหัวใจของเธอ
*
เริ่มดึกมากขึ้น มองขึ้นไปท้องฟ้ามืดกว่าวันไหนๆ ดวงจันทร์ถูกเมฆหนาปกคลุม
นี่เป็นช่วงเวลาที่มืดที่สุด และยังบ่งบอกว่าความมืดกำลังจะผ่านไป
วันรุ่งขึ้น เป่หมิงโม่ไม่ได้ขับรถไปบริษัทGTทำงาน
เนื่องจากโม้จิ่งเฉิงตัดสินใจว่าจะไม่ดำรงตำแหน่งประธาน และจะพยายามมาเต็มที่เพื่อจะแก้ไขเรื่องของบริษัทเป่หมิง