บทที่ 1066 เติมเต็มความฝัน
เด็กน้อยทั้งสามถือของขวัญของตนและวิ่งเข้าห้องไป ที่กำลังเดินตามมาข้างหลังสุดคือเป่หมิงโม่และกู้ฮอน
“คุณลุงโม้”
“พ่อบุญธรรม”
“เมอรี่คริสต์มาส”
เรื่องของตระกูลเป่หมิง ทำให้โม้จิ่งเฉิงเป็นกังวลเรื่องของเป่หมิงโม่กับกู้ฮอนอยู่ตลอด กลัวว่าเพราะเรื่องนี้จะทำให้พวกเขาไม่สบายใจ
แต่พอมาเห็นวันนี้ ก็ทำให้เขาวางใจลงได้บ้าง
“พวกเธอสองคนรีบเข้ามาเถอะ ฉันกับแม่ของเธอกำลังคิดถึงพวกเธออยู่พอดีเลย เหอๆ ”
เมื่อได้พบลูกชาย หลานของตนและกู้ฮอน ไม่ต้องพูดเลยว่าหวีหรูเจี๋ยจะดีใจแค่ไหน เธอไม่รู้ว่าเฝ้ารอวันเวลาแบบนี้มากี่ปีแล้ว
***
ทุกคนต่างนั่งลง หลังจากที่เด็กน้อยได้มอบของขวัญของตนออกไป ก็วิ่งออกไปเล่นที่ห้องอื่นกัน
นี่จึงเป็นโอกาสที่ผู้ใหญ่ทั้งสี่คนได้นั่งคุยกัน
“โม่ กู้ฮอน ขอบคุณที่พวกเธอมาเยี่ยมฉันนะ” ทันใดนั้นในใจของหวีหรูเจี๋ยก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
“ป้าหรูเจี๋ยคะ ป้าพูดอะไรแอปเปิลนี่กะทันหัน หรือว่าพวกเด็กๆ อย่างเราจะมาเยี่ยมพวกป้าไม่ได้เหรอคะ ปกติยุ่งๆ เลยไม่มีโอกาส นี่เป็นวันเทศกาลถ้าไม่มาก็ฟังไม่ขึ้นแล้วค่ะ”
กู้ฮอนรู้ว่าในเวลานี้เป่หมิงโม่คงพูดคำแบบนี้ไม่ออก ก็เลยอาสาพูดแทนเอง
“พวกเรารู้ว่าในช่วงเวลานี้พวกเธอเจอกับปัญหา พวกเราก็เป็นห่างพวกเธอมากๆ ” โม้จิ่งเฉิงพูดพลางถอนหายใจ: “คิดไม่ถึงว่าเหล่าเป่หมิงลำบากลำบนมาทั้งชีวิต เมื่อเขาจากไปจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้”
“เหล่าโม้ ดูคุณสิ ตอนนี้เป็นงานเทศกาลนะ คุณจะพูดถึงเรื่องเศร้าๆ แบบนี้ขึ้นมาทำไมเล่า” หวีหรูเจี๋ยว่า
เป่หมิงโม่หัวเราเบาๆ : “แม่ ไม่เป็นไรหรอก ผมจะคิดหาวิธีจัดการกับปัญหานี้ได้ครับ ผมเห็นว่าพวกแม่วันนี้พวกแม่ไม่มีตารางอื่นแล้ว เอางี้มั้ยครับอีกแป๊บนึงหนึ่งพวกเราจะพาพวกท่านสองคนไปพักที่อยู่พวกเราสักระยะนึง”
คำพูดประโยคนี้ของเขา ทำเอาน้ำตาของหวีหรูเจี๋ยที่พยายามามกลั้นแล้วกลั้นอีกได้ไหลลงมา
เธอเคย เธอเคยคิดว่าเป่หมิงโม่จะไม่มีทางให้อภัยในสิ่งที่เธอเคยทำ คิดไม่ถึงว่าเขาจะให้อภัย อย่างวันนี้ที่ได้มาเจอกับเขา และได้พูดคุยกันอย่างเป็นมิตรทำให้เธอพอใจเป็นอย่างมาก
คิดไม่ถึง ว่าลูกชายจะเป็นคนออกปากพูดชวนเธอมาอยู่ด้วยกัน
ไม่มีใครเข้าใจลูกชายได้มากกว่าคนเป็นแม่ อารมณ์ของเป่หมิงโม่หวีหรูเจี๋ยนั้นรู้ดีที่สุด ที่เขาพูดแบบนี้ออกมา มันเกินกว่าที่เธอคาดเอาไว้มาก
อีกอย่าง ในช่วงระยะนี้เธอก็รู้สึกได้ว่า เป่หมิงโม่กำลังเปลี่ยนทีละน้อย เปลี่ยนไปเป็นไม่ค่อยเย็นชาเหมือนเมื่อก่อน เปลี่ยนเป็นคนที่มีความรู้สึก
โม้จิ่งเฉิงพยักหน้าพลางมองไปที่เป่หมิงโม่: “เด็กดี นายรู้มั้ย ว่าแม่ของนายรอคำคำนี้มากี่ปี ในใจของวิดีโอรู้สึกผิดกับนายมาตลอด ตอนนี้เห็นพวกนายสองคนแม่ลูกดีกัน ฉันก็รู้สึกยินดีมากๆ รู้สึกดีใจแทนพวกนายด้วยจริงๆ ต่อไปต้องกตัญญูให้มากๆ นะ ที่เธอต้องเจอมาทั้งหมดมันไม่ง่ายเลย”
“ลุงโม้ ลุงวางใจเถอะครับ ลงดูแลแม่ผมมาตั้งหลายปีลำบากลุงแล้ว ผมจะไม่อกตัญญูกับพวกท่านแน่ๆ ครับ”
โม้จิ่งเฉิงยื่นมือออกไปชกไหล่เป่หมิงโม่หนึ่งที: “ได้ ฉันจะคอยดูนะ ฮ่าๆ ”
หวีหรูเจี๋ยกับกู้ฮอนอยู่ข้างๆ ก็ขำ: “ผู้ชายนี่อยู่ด้วยกันก็มักจะออกมือคริสต์มาส ถ้าไม่ใช่ชกสักหมัดก็คือเตะสักที”
หลังจากที่พวกเป่หมิงโม่รับหวีหรูเจี๋ยกับโม้จิ่งเฉิงกับบ้านที่ปานซาน ก็ปานเข้าไปบ่ายแล้ว
ที่จริงกะว่าจะไปเยี่ยมแอนนิ ลั่วเฉี่ยวและก็คนตระกูลเป่หมิง แต่ตอนนี้เห็นทีจะมีเวลาไม่มากแล้ว
แบบนี้แล้ว เป่หมิงโม่จึงตัดสินใจ เชิญพวกเขามารวมกันที่นี่อย่างกะทันหัน มาจัดงานวันคริสต์มาสด้วยกันให้สนุกสุดเหวี่ยง
จากนั้น กู้ฮอนก็รับหน้าที่โทรหาลั่วเฉียวกับแอนนิ บอกพวกเธอว่าหลังจากทำธุระของตัวเองเสร็จต้องมาที่นี่ แน่นอนว่าสุภาพบุรุษอีกสองท่าน:ฉิงฮัวกับหยินปู้ฝันก็จะขาดไปไม่ได้
นอกจากนั้น ก็ยังบอกอีกว่าให้ชวนแม่ของหยินปู้ฝันมาร่วมงานอีกด้วย
เธอคิดมาอย่างดีแล้ว ว่าถ้าหวีหรูเจี๋ยเห็นอย่างนั้นคงพอใจมากๆ
***
สำหรับทั้งสี่คนที่ยังอยู่ในบ้านใหญ่ตระกูลเป่หมิงตอนนี้ หากไม่มีข้อผิดพลาดอะไรในตอนนี้ คนที่แออัดกันอยู่ตรงประตูตอนนี้น่าจะซาลงไปแล้ว
ถึงแม้เรื่องของตระกูลเป่หมิงจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจในเมืองA แต่ก็คงไม่มีใครจะมายืนรอหน้าประตูบ้านได้ตลอด24ชั่วโมงเพื่อเรื่องนี้หรอก ยืนรออยู่ตรงนั้นที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีคนตระกูลเป่หมิงโผล่หน้าออกมาให้ถ่ายรูป
อีกอย่างถ่ายได้แล้วยังไง ก็ถ่ายได้แค่รูป พวกเขาพูดอะไรคิดอะไรอยู่ใครจะไปรู้
มันไม่เหมือนกับดาราแบบนั้น ขอแค่ถ่ายรูปติดใครอยู่กับใคร ไม่สนใจว่าเรื่องมันจะเป็นอะไร ขอแค่มีรูปหรือวิดีโอพวกนั้น ก็สามารถเอาไปเขียนข่าว มั่วๆ ซั่วๆ ได้แล้ว อีกอย่างแบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ใครตาย
เป่หมิงโม่โทรหาเป่หมิงเฟยหย่วน: “เมื่อวานฉันไม่ได้กลับบ้าน สถานการณ์ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง?”
ครอบครัวของเป่หมิงเฟยหย่วนและเป่หมิงยัน พวกเขาก็ยังคงเป็นกังวลเรื่องของตระกูลเป่หมิง แม้ว่ามันจะเป็นวันคริสต์มาสแล้ว
แผนที่เคยวางไว้ว่าจะออกไปท่องเที่ยวก็ต้องมาถูกยกเลิกเพราะเรื่องนี้
เขามองไปทางคนอื่นๆ ที่กำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขกครึกครื้น “สถานการณ์ถือว่าโอเคอยู่ แต่แค่ตอนนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้เลย ฝั่งนายสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? เมื่อวานตอนที่ฉันเห็นนายออกไป นักข่าวพวกนั้นก็ล้อมนายอยู่”
“ฉันโอเค พวกเขานอกจากถ่ายรูปและแพร่ออกไป ก็ไม่มีผลกระทบอะไรต่อเรื่องของฉัน วันนี้เป็นวันคริสต์มาสแล้ว พวกนายไม่ต้องเอาเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ ถ้าหากมีคำแนะนำอะไรดีๆ ก็ไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อนทำตอนนี้ ตอนนี้ฉันคาดว่านอกบ้านคงไม่มีนักข่าวแล้วแหละ พวกนายทุกคนมาปาร์ตี้ที่นี่เถอะ พักผ่อนกันหน่อย วันนี้เป็นวันปาร์ตี้สำหรับครอบครัวนะ ที่อยู่ฉันคือ……”
เป่หมิงเฟยหย่วนใช้ปากกาจดลงอย่างไว: “โอเค เดี๋ยวฉันไปถามพวกเขาก่อน”
“ไม่ต้องถามแล้ว พวกนายทุกคนต้องมา ถ้าหากไม่มาต่อไปก็ไม่ต้องเจอกันแล้ว” พอเป่หมิงโม่พูดจบก็วางสายทันที
ขณะนั้น กู้ฮอนก็เดินมาอยู่ที่ข้างเขา แล้วยื่นแอปเปิลที่เพิ่งล้างเสร็จให้กับเขา: “ทำไมต้องโหดขนาดนั้น เป็นเราที่เชิญพวกเขามา ทำไมนายเปลี่ยนโหมดได้ขนาดนี้?”
เป่หมิงโม่รับแอปเปิลมากัดลงไปหนึ่งคำ
ช่างกรอบและหวานจริงๆ
“เธอกับพวกเขาเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน อารมณ์ของพวกเขาเป็นยังไงฉันนั้นรู้ดีที่สุด ถ้าหากไม่เป็นแบบนี้ พวกเขาก็มักจะหาคำแก้ตัวสารพัดมาพูด มันจะดีกว่าหากคิดหาวิธีให้พวกเขาคิดคำแก้ตัวไม่ออก แบบนี้ จะไม่ดีกว่าเหรอถ้าสั่งให้พวกเขามาที่นี่ แล้วทางเธอล่ะบอกไปเป็นยังไงบ้าง?”
เป่หมิงโม่ถามพลางเคี้ยวเนื้อแอปเปิลอย่างละเอียด
ท่าทีกู้ฮอนดูสบายกว่า: “ฉันไม่เหมือนนายที่ใช้แต่ไม้แข็ง แอนนิ ลั่วเฉียว หลังจากที่พวกเธอได้รับโทรศัพท์ก็เตรียมตัวมากันแล้ว”
พูดจบ เธอก็ก้มหน้าดูเวลา: “ฉันต้องไปเตรียมงานแล้ว เชิญคนอื่นเขามาที่นี่คงจะให้เขามาเป็นทั้งแขกและคนช่วยงานไม่ได้นะ นายไปอยู่เป็นเพื่อนป้าหรูเจี๋ยกับพ่อบุตรธรรมเถอะ”
เป่หมิงโม่มองเธอหันหลังเดินไป ก็อารมณ์ดี เธอคิดว่าที่นี่เป็นบ้านแล้วสินะ มีออลายเซ็นเป็นนายหญิงอยู่ด้วย
กลับมาที่ห้องรับแขก เห็นเด็กๆ ทั้งสามคนกำลังล้อมอยู่ข้างกายผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน
หยางหยางทำเกินไปนิดที่ปีนขึ้นไปนั่งบนขาของโม้จิ่งเฉิง: “คุณปู่โม้ ปู่ช่วยเล่าเรื่องเมื่อก่อนที่ปู่เคยอยู่ที่เมืองซาบาห์ให้ผมฟังหน่อยสิฮะ”
***
โม้จิ่งเฉิงหัวเราะพลางมองไปที่เขา: “เรื่องพวกนั้นมีอะไรน่าเล่ากัน ตอนนี้เธอยังเด็ก เรื่องเมื่อตอนนั้นเธอคงยังไม่เข้าใจ”
หยางหยางผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่อยากยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้: “มีอะไรที่ผมเข้าใจไม่ได้ฮะ มันไม่เหมือนกับในทีวี《กู๋หว่าไจ๋ มังกรฟัดโลก》หรอกเหรอ? เสียสละเพื่อพี่น้องอะไรแบบนั้น”
“นั่นมันไม่ใช่แค่นั้น ที่แสดงในทีวีพวกนั้นมันปลอมทั้งนั้น ในความเป็นจริงนั้นสถานการณ์มันซับซ้อนกว่านั้นมาก แถมยังอันตรายกว่ามากด้วย ตอนนั้นมันเป็นเพราะว่าปู่ถูกบังคับเลยไม่มีทางเลือกจึงจำเป็นต้องเลือกทางนั้น เป็นทางที่ย้อนกลับไม่ได้ พวกหลานๆ โตไปก็อย่าเลียนแบบปู่ ไม่งั้นจะจะเสียใจไปทั้งชีวิต”
โม้จิ่งเฉิ่งพูดอย่างถูกจังหวะ คนที่เดินออกมาจากสภาพแวดล้อมนั้น ไม่อยากจะกลับไปในที่เดิมนั้นจริงๆ ถึงแม้ว่าในสายตาของคนอื่นมันจะดูสวยงามไร้ที่ติ
“หยาง ลงมา อย่าไปกวนคุณปู่โม้” เป่หมิงโม่ตำหนิไปหนึ่งคำ
เมื่อหยางหยางเห็นว่าพ่อมาแล้ว จึงรีบลงจากขาของโม้จิ่งเฉิงครึกครื้น ถึงแม้อารมณ์ของคุณพ่อในตอนนี้จะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนไม่น้อย แต่ก็ยังคงเข้มงวดอยู่เหมือนเดิม
“ไม่เป็นไร เด็กๆ ก็งี้แหละ ซนนิดหน่อยไม่มีอะไรหรอก” ในเด็กทั้งสามคนนี้ หยางหยางก็เป็นหลานที่เขาชอบกว่าใครเพื่อน
“โม่ วันนี้พวกพี่น้องๆ เขาจะมามั้ย?” หวีหรูเจี๋ยถาม
เป่หมิงโม่พยักหน้า: “พวกเขาทั้งครอบครัวและเจ้าสามก็มาครับ”
“อ่อ งั้นดีเลย โม่ ที่ดูรุ่นพวกแม่ๆ มีสักวันนึงก็คงต้องไป ยังไงลูกก็ยังเป็นคนแซ่เป่หมิง ถึงแม้จะไม่เหมือนแม่ แต่ถึงยังไงในตัวลูกก็มีเลือดตระกูลเป่หมิงไหลเวียนอยู่ โดยเฉพาะน้องสามของลูก อย่าเอาความผิดของแม่เขาไปลงที่เขา ต้องรักเข้าไว้รู้มั้ย”
สำหรับคนเป็นแม่ ก็ต้องคิดเผื่ออนาคตของลูกๆ ไม่ว่าลูกๆ จะโตขนาดไหนก็ยังคงเป็นห่วงอยู่
เป่หมิงโม่พยักหน้า: “แม่ แม่ไม่ต้องพูดแล้ว ผมไม่สร้างปัญหาให้เจ้าสามหรอกครับ อีกอย่าง ได้โปรดอย่าพูดเรื่องที่ทำให้คนอื่นเสียใจอีกแล้วได้มั้ยครับ สักวันก็ต้องไปอะไรพวกนั้น ผมหวังว่าแม่กับลุงโม้จะมีอายุยืนยาว ครึ่งชีวิตที่ผ่านมาไม่ค่อยได้พบเจอความสุข แต่ว่าต่อไปผมอยากจะให้ทุกๆ วันแม่มีความสุข ที่นี่มีผมและก็หลานๆ อยู่เป็นเพื่อนแม่นะครับ”
“โอเค โอเค แม่ฟังลูกนะ”
“อาสามจะมาเหรอ!” ทันใดนั้น แววตาของหยางหยางก็เปล่งประกาย
“พ่อฮะ พี่ยี่เฟิงจะมากับคุณลุงด้วยใช่มั้ยฮะ?” เฉิงเฉิงถาม
เป่หมิงโม่พยักหน้า: “อื้ม พวกเขามากันหมด พวกเราจะผ่านวันคริสต์มาสไปด้วยกันอย่างสนุกสนาน”
“งั้นดีมากๆ เลยฮะ ผมไม่ได้เจอเขานานมากเลย”
พูดถึงเป่หมิงยี่เฟิง ก็ถือได้ว่าเขาเป็นไอดอลของเฉิงเฉิงได้เลย ที่เฉิงเฉิงเรียนเก่งแบบนี้ เหตุผลบางส่วนก็เป็นเพราะเขาเอาเป่หมิงยี่เฟิงมาเป็นแบบอย่าง
ถึงแม้ระยะห่างอายุของพวกเขาจะไม่น้อย แต่เป่หมิงยี่เฟิงก็ไม่เคยแสดงความไม่พอใจอะไร แถมยังชอบเขามากๆ อีกด้วย
ในตอนนี้เป่หมิงยี่เฟิงไม่ค่อยจะชอบเป่หมิงโม่ แต่ก็รักและเอ็นดูลูกพี่ลูกน้องมาเขามากๆ มันมักจะมีความรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นโชคชะตา