บทที่ 1088 ฟังคำแนะนำและกินอิ่ม
ไม่มีการตอบกลับ
“หรือว่าที่นี่มีวิวสวยๆ ที่ฉันไม่เคยเห็น?” เขาพูดพลางเอนตัวลง สายตามองไปในทิศทางเดียวกันกับเธอ
หน้าของพวกเขาใกล้กันมาก จนรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่าย
เขาได้กลิ่นหมอจากผอมของเธอ นี้คือกลิ่นที่เขาชอบที่สุด
และเธอได้กลิ่นเย็นสบายเบาๆ ทำให้สดชื่น
“หลายวันมานี้เธอไม่ยอมกินข้าว เพราะต้องการลดน้ำหนักใช่ไหม? ไม่รู้หรือ นักวิทยาศาสตร์บอกว่าผู้หญิงต้องอวบๆ หน่อยถึงจะดีที่สุด”
เห็นเธอไม่ตอบอะไร เป่หมิงโม่จึงเริ่มพูดอยู่คนเดียว
“มีบางเรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง : ในที่สุดหยินปู้ฝันและแอนนิตกลงคบกันแล้ว แต่ฉันคิดว่าเด็กคนนี้ทำอะไรช้าไปหน่อย ผ่านมาตั้งนานแล้วเพิ่งจะได้แค่นี้ ฉันว่าคุณป้าน่าจะอยากอุ้มหลานแล้ว สงสัยต้องรออีกหลายปี…หรือว่าคุณไปช่วยพูดกับแอนนิหน่อย พอดีๆ ก็พอแล้วไม่ต้องนานมาก เพราะเธอก็ไม่ใช่สาวแรกรุ่นแล้ว”
เสียงของเป่หมิงโม่เหมือนยุงที่บินวนอยู่ข้างหูเธอไม่หยุด ส่งเสียงหึ่งๆไปทั่ว ทำให้เธอขมวดคิ้วขึ้นมานิดหน่อย
“คุณกลายเป็นพ่อพระตั้งแต่เมื่อไหร่ เงียบหน่อยไม่ได้รึไงกัน” ในที่สุดกู้ฮอนก็ยอมพูดแล้ว
แค่ยอมพูดก็ดีแล้ว แผนขั้นแรกของเป่หมิงโม่สำเร็จ
ความจริงแล้ว ให้เขาพูดเรื่องในครอบครัวตัวเขาเองก็ปวดหัวไม่น้อย เรื่องนี้ไม่เหมาะกับนิสัยตัวเองเลย
แต่เพื่อกู้ฮอนจะทำยังไงได้
***
โลกนี้ทุกสิ่งเติบโตและยับยั้งกันเองเสมอ ขณะที่เป่หมิงโม่กำลังหยุดกู้ฮอน เวลาเดียวกันนั้นเขาเองก็ถูกกู้ฮอนหยุดไว้
เป่หมิงโม่จ้องมองกู้ฮอน 3 วันมานี้เธอผอมลงไม่น้อย โดยเฉพาะใบหน้าของเธอ ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดใจ
กู้ฮอนกลับไม่ชินที่เขามองเธอด้วยสายตาแบบนั้น
เธอขมวดคิ้ว : “ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ไม่อยากกินอะไรเลย รบกวนคุณช่วยเอาซุปออกไปหน่อย”
เป่หมิงโม่ไม่ขยับ เหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย
“คุณไม่ได้ยินรึไง เมื่อกี้ยังพูดเป็นน้ำไหลไฟดับอยู่เลย ตอนนี้ทำไงก็ไม่ชนะแล้วใช่ไหม ตอนนี้ฉันไม่ค่อยมีความอดทนอะไรนัก” ความหงุดหงิดเกิดขึ้นในใจเธอชั่วขณะ
ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกว่าอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด ทั้งที่รู้ว่าเขาทำทั้งหมดก็เพื่อเธอ
“ฉันกำลังคิดว่าจะโทรไปที่สวนสัตว์ดีไหม ในเมื่อดินน้ำที่นี่ดีจนน่าแปลกใจ ขนาดที่สามารถเลี้ยงหมีแพนด้าได้1ตัว ฉันรู้ว่าหลายวันมานี้เธอมีเรื่องให้คิดเยอะ คนรอบตัวหายไป2คนใน1ปี เป็นใครก็รับไม่ไหว ต่อให้หลี่เชินได้รับโทษตามสมควร แต่เขาก็คือพ่อแท้ๆ ของเธอ ยังคงมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่ คุณคิดว่าเพราะคุณที่ทำให้เขาต้องขึ้นศาล แต่คุณรู้ไหมเรื่องนี้ฉันชื่นชมคุณมาก”
กู้ฮอนได้ฟังถึงตรงนี้ ก็มองเขาด้วยความตกใจ
“ใช่ คุณได้ยินไม่ผิด ฉันชื่นชมคุณไม่ใช่การเยาะเย้ย”
เธอดูออก เขาพูดออกมาอย่างจริงใจ
“ความรักในครอบครัวและกฎหมายเป็นเรื่องที่เลือกได้ยากมาก แต่คุณทำได้ ไม่สบายใจมา3วันแล้ว ถึงเวลาเรียกความสดใสแล้ว โดยเฉพาะเด็กๆกำลังมองดูคุณอยู่ หลายวันมานี้ที่คุณอารมณ์เสีย พวกเองก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับด้วย”
เป่หมิงโม่พูดพลางยื่นถ้วยซุปที่ยกมาไปตรงหน้ากู้ฮอน : “ดื่มซุปก่อน ค่อยลงไปด้านล่าง พวกเขาอยากเห็นคุณแบบเมื่อก่อน”
ถึงจะเป็นคำพูดง่ายๆ แต่ทุกคำตอกย้ำลงไปในใจของเธอ
เรื่องราวดำเนินมาถึงตอนนี้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเดินต่อไป ตอนนั้นที่ตัวเองยินดีจะพบกับโล่ฮาน ก็เตรียมใจไว้แล้วไม่ใช่รึไง
ลูกๆ ต่างหากคือส่วนสำคัญที่สุดของเธอ เพื่อพวกเขาแล้วควรมีกำลังใจกลับมาอีกครั้ง
ตอนนี้เป่หมิงโม่ยื่นช้อนไปที่ปากของเธอ : “กินหน่อย เอาเรื่องที่ไม่สบายใจทั้งหมดออกไปจากหัว”
*
เป่หมิงโม่ขึ้นไปก็นานแล้ว หวีหรูเจี๋ยที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกยังคงไม่สบายใจอยู่
โม้จิ่งเฉิงมองเธออย่างยิ้มๆ : “สบายใจได้ โม่ขึ้นไปต้องทำให้ฮอนยอมกินได้อยู่แล้ว พวกเขาสองคนก็เหมือนคู่รักคู่แค้น อยู่ด้วยกันก็ชวนกันทะเลาะ พอแยกจากกันต่างคนก็ต่างเหงาหงอย”
หวีหรูเจี๋ยมองโม้จิ่งเฉิงและยิ้มอย่างเขินอาย : “จะพูดยังไงดี ฉันอยู่กู้ฮอนมาก็นาน จนคิดว่าว่าเธอเป็นลูกสาวของตัวเอง นี่คงเป็นเรื่องที่ฉันทำให้ลู่ลู่ได้”
“ฉันว่าไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก ยิ่งบอกว่าเป็นเหมือนลูกสาวแล้วด้วย น่าบอกว่าเป็นเหมือนลูกสะใภ้จะดีกว่า”
ทันใดนั้นสีหน้าวิตกกังวลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหวีหรูเจี๋ย เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ มีแต่คนบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้มีเพียงอย่างเดียว นั้นก็คือสงคราม
***
“ต้องขอโทษจริง ที่3วันมานี้ทำให้พวกคุณเป็นห่วง” น้ำเสียงของกู้ฮอนยังฟังดูอ่อนแอ แต่กลับทำให้หวีหรูเจี๋ยสบายใจขึ้นมาชั่วครู่
เธอหันกลับไปมอง เป่หมิงโม่กำลังประคองกู้ฮอนเดินลงมา
สีหน้ายังคงดูไม่ดีเหมือนเดิม แต่รู้สึกได้ว่าความกังวลที่อยู่ในหัวเธอหายไปไม่น้อย
“ฮอน ร่างกายยังไม่กลับมาแข็งแรงเลย รีบมานั่งตรงนี้ พวกเราไม่เป็นอะไรเลย แค่เป็นห่วงเธอเท่านั้นเอง”
กู้ฮอนนั่งลงข้างหวีหรูเจี๋ย ด้วยความรู้ละอายใจ
ตอนนี้ถึงเวลาเพิ่มบรรยากาศน่าอยู่ให้บ้านที่อึมครึมนี้แล้ว และวิธีที่ดีที่สุดก็คือลูกๆ
หลายวันมานี้พวกเขาเอาแต่อยู่ในห้องเล็กๆ ของตัวเอง จะออกมาเฉพาะตอนกินข้าวเท่านั้น พวกเขาไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้แม่ไม่สบายใจ พวกเขาพยายามทำให้เธอสบายใจ แต่ผลที่กลับมามีเพียงสีหน้าเย็นชา
“พวกลูก3คนทำอะไรตรงนี้ ทำไมไม่ลงไปอยู่กับคุณย่า?” ประตูห้องของเฉิงเฉิงโดนเปิดออก เป่หมิงโม่ยืนอยู่หน้าประตู
เขารู้ว่าเด็กทั้ง3คนต้องมารวมตัวกันที่ห้องของเฉิงเฉิง
เห็นเด็กทั้ง3ไม่มีความสุข เงยหน้าเล็กๆ ที่กำลังงออยู่มองหน้าพ่อ : “แม่สบายดีไหม?”
“ลงไปก็รู้ แต่ตอนนี้ต้องไปล้างหน้าล้างตาให้สดใสกันหน่อย อย่าชักช้านักล่ะ”
*
“ฮอน เรื่องพ่อของเธอ ต้องเปิดใจหน่อยน่ะ ตอนนั้นเขาคิดว่าทำให้เธอสองแม่ลูกลำบากเกินไปแล้ว จนความลำบากกลายเป็นความเกลียดชัง ความเกลียดชังจะบังตาคนคนหนึ่ง จนทำให้เขามองไม่เห็นความจริง เธอไม่ต้องคิดมากเพราะเรื่องอีกแล้ว ไม่ว่าจะเพื่อพวกเราหรือยังเกลียดเขาอยู่ก็ตาม เรื่องทั้งหมดนี้ผ่านไปแล้ว”
ทุกคำพูดของหวีหรูเจี๋ย ฮอนฟังอยู่ในใจ แม้จะไม่มีเหตุผลอะไรมากนัก แต่กลับทำให้เธอรู้สึกศรัทธา
ตลอดชีวิตมักจะมีเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจมากมาย แต่อย่าปล่อยให้เรื่องไหนพาเราจมดิ่งลงไปจนลึกเกินไป
ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ถ้ามัวแต่สนใจมันต่อไปก็จะทำร้ายทั้งสองฝ่าย
สำหรับเรื่องนี้ กู้ฮอนรู้สึกว่าระหว่างตัวเองกับหลี่เชินเหมือนกันมาก ทั้งสองคนล้วนสู้ตายไม่ยอมปล่อยวางเพราะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
แต่ไม่ว่าจะเป็นแม่หรือหวีหรูเจี๋ย ทัศนคติของพวกเขากลับทำให้เธอตกใจมาก
สำหรับแม่แล้ว หลี่เชินเป็นหนี้เธอไปตลอดชีวิต แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเธอเลือกที่จะให้อภัย
คุณน้าหรูเจี๋ยก็เหมือนกัน ต้องแบกรับโทษที่ถูกกล่าวหาและไม่ได้รับความเป็นธรรม ถึงวันนี้ก็ยังคงมีท่าทีทัศนคติที่เข้าใจและให้อภัยต่อคนที่พร้อมจะทำร้ายตัวเองเสมอ
การที่พวกเขาทำแบบนี้ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอ ในทางตรงกันกลับทำให้รู้สึกถึงภายในร่างกายที่อ่อนแอกลับซ่อนอยู่และเต็มไปด้วยพลังจิตใจที่ยิ่งใหญ่
“แม่….แม่…”
เสียงเรียกของลูกๆ ดึงกู้ฮอนออกจากความคิดของตัวเองกลับมา
เป็นลูกๆ ที่กำลังเรียกเธอเอง
ไม่ว่าจะเป็นลู่ลู่หรือหวีหรูเจี๋ย ก็ล้วนแต่ประพฤติตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ไม่ย่อท้อและไม่คิดแค้น
งั้น ในฐานะแม่ จะสะสมสั่งสอนพลังงานแบบไหนให้ลูกกันล่ะ…
***
สุขภาพของกู้ฮอนดีขึ้นทุกวัน ความเจ็บปวดด้านร่างกายและจิตใจที่เธอเคยได้รับค่อยๆ หายและดีขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
ในที่สุด ฤดูใบไม้ผลิก็เวียนมาอีกครั้ง ภายใต้การดูแลจากแพทย์แผนจีนชื่อดังที่เป่หมิงโม่เชิญมาดูแลเธอ เฝือกและผ้าพันแผลที่อยู่บนร่างกายเธอก็ถูกถอดออกทั้งหมด
“คุณกู้ ตอนนี้ลองขยับไหล่ดูหน่อยว่ามีอะไรผิดปกติไหม”
ได้ถอดสิ่งที่เกาะติดเหล่านี้ออก เธอรู้สึกสบายตัวสบายใจขึ้นมาทันที
เธอมองแพทย์แผนจีนผู้ชราอย่างตื่นเต้นและกังวลใจเล็กน้อย
เป่หมิงโม่ตบบ่าให้กำลังใจเธอและส่งสายตาเป็นกำลังใจ : “ไม่ต้องกลัว ทำตามที่คุณหมอบอก”
เธอกัดปากเบาๆ ลองขยับแขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บ
นานแล้วที่ไม่ได้ขยับ ตอนแรกที่เริ่มขยับรู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่
แต่ที่ทำให้เธอตื่นเต้นคือเธอสามารถยกแขนขึ้นมาได้นิดหน่อย อีกทั้งไหล่ก็ไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดไว้ด้วย
จากนั้น เธอให้ความร่วมกับหมอในการหมุนแขน และทดลองขยับไหล่
“คุณกู้ อาการบาดเจ็บของคุณหายเป็นปกติแล้ว เนื่องจากคุณไม่ได้ขยับมาเป็นเวลานาน ดังนั้นความสามารถในการขยับจะยังไม่เป็นปกติเหมือนเดิม ตรงนี้ยังต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยให้แข็งแรงดีจึงจะสามารถขยับได้ดีเหมือนเดิม”
หลังจากแพทย์แผนจีนอธิบายเสร็จ จึงหยิบยาออกมาจากกระเป๋าที่เตรียมมาส่งให้เป่หมิงโม่1ขวด : “คุณเป่หมิงนี่คือยานวดกล้ามเนื้อที่ฉันคิดค้น รบกวนคุณให้คุณกู้ใช้ขณะที่ฝึกทำกายภาพ แบบนี้จะได้ผลดีและเห็นผลได้ชัดขึ้น”
หลังจากเป่หมิงโม่จัดคนไปส่งหมอแล้ว จึงเดินกลับมาในห้องรับแขก
เขาดูออกว่ากู้ฮอนดีใจมากๆ เธอกำลังลองขยับดู
“ฮอน เชื่อสิอีกไม่นานเธอจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม อยู่ในนี้นานแล้ว เบื่อไหม?”
กู้ฮอนพยักหน้า : “นิดหน่อย” พูดพลางมองคนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัว หวีหรูเจี๋ย โม้จิ่งเฉิง และลูกที่ลั่วเฉียวกำลังอุ้มอยู่ “พวกคุณไม่ยอมให้ฉันไปไหนเลย ถ้าไม่เอาเฝือกกับผ้าพันแผลออกมันคงจะขึ้นราไปแล้ว”
“ฮ่าๆ พวกเราเป็นห่วงคุณ แต่คุณกลับโทษเราเสียอีก ถ้าคราวหลังยังมีเรื่องแบบอีกพวกเราจะไม่สนใจแล้วน่ะ” ลั่วเฉียวบ่น