บทที่ 1119 ควรคิดถึงเรื่องของตัวเองบ้าง
“ฉันรู้เรื่องของพวกเขาน้อย แล้วคุณรู้เยอะหรือ?” กู้ฮอนยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ
“ไม่เคยได้ยินว่าคนที่อยู่นอกเกมส์หรือนอกสถานการณ์จะมองได้ทะลุปรุโปร่งหรือ เจ้าลองคิดดูให้ดี พวกเขาสองคนเป็นคนที่ยอมจัดงานแต่งแบบนี้หรือ?”
ประโยคนี้ทำให้กู้ฮอนอดที่จะครุ่นคิดอย่างละเอียดไม่ได้ ถือว่าค่อนข้างน่าแปลกจริง ทั้งสองคนไม่ใช่คนที่ชอบความหรูหราอะไร ทำไมถึงจัดทั้งขบวนรถทั้งเรือสำราญ
เธอคิดถึงตรงนี้แล้ว ในหัวสมองก็พยายามหวนคิดถึงตลอดทั้งงานแต่งงาน โดยเฉพาะช่วงตอนที่หยินปู้ฝันหาเป่หมิงโม่เจอ ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัยจริงๆ
กู้ฮอนมองดูเป่หมิงโม่ สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยแล้วถามว่า “อย่าบอกนะว่าเรื่องในวันนี้ เป็นฝีมือของคุณ”
ได้ยินคำนี้แล้ว สีหน้าเป่หมิงโม่ก็ยิ้มขึ้นมา “สามารถเดาได้แสดงว่าคุณก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
“คนแซ่เป่หมิง คุณว่าใครโง่ ฉันก็ว่าแหละ หยินปู้ฝันกับแอนนิไม่ใช่คนที่ชอบหรูหราแบบนี้ คุณทำแบบนี้พวกเขายินยอมแล้วหรือ”
กู้ฮอนมองดู งานแต่งนี้ไม่โปร่งใสจริงๆด้วย และเป่หมิงโม่ก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมด เมื่อคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนเรือ โดยเฉพาะท่าทีแววตาของหยินปู้ฝันกับแอนนิ….
“พวกเขายินยอมหรือไม่แล้วยังไง หรือว่างานแต่งในวันนี้ไม่สมบูรณ์แบบหรือ คราวนี้หยินปู้ฝันคนนั้นนับว่าสมใจแล้ว ได้ทั้งชื่อเสียงได้ทั้งอำนาจ”
เห็นได้ชัดว่า เป่หมิงโม่พอใจกับ “ผลงาน” ในครั้งนี้ของตัวเองมาก
ที่จริงคนแบบเขา ชอบความรู้สึกที่ได้คลอบงำคนอื่นอยู่ในกำมือตัวเองแบบนั้น เพียงแต่ ใช่ว่าทุกคนจะยอมให้เขาคลอบงำ อย่างเช่นกู้ฮอนตลอดจนลูกๆ
อยู่ในเกมกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เขารู้สึกมีความสุขอย่างหนึ่ง
“ได้ทั้งชื่อเสียงได้ทั้งอำนาจ?ใครสนใจสิ่งของพวกนั้น คุณดูถูกพวกเขาไปไหม ใช่ว่าทุกคนจะชอบเหมือนคุณ ใช่ ตลอดทั้งงานแต่งงานที่คุณจัดเตรียมให้พวกเขา ฉันไม่เห็นว่าพวกเขาจะมีความสุขตรงไหน พูดอีกอย่างก็คือ คุณบีบบังคับพวกเขาแต่งงานกัน”
“บีบบังคับ? คุณพ่อบีบบังคับคุณพ่อปู้ฝันหรือ?”
ผู้ใหญ่เถียงกัน สำหรับหยางหยางเป็นเพียงความรู้สึกเหมือนหมอกเมฆเท่านั้น สามารถพูดได้ว่าไม่รู้แม้กระทั่งความหมายของคำพูดพวกนี้ แต่สำหรับสองสามคำที่ได้ยินอาจจะจับคำเข้าใจได้เพียงครึ่งเดียว
หยางหยางเป็นเด็กที่ช่างจดจำของกินไม่จดจำความแค้น หากมีสิ่งของอะไรดึงดูดเขา เขาก็จะลืมความเจ็บปวดที่ตัวเองได้รับ แม้กระทั่งเมื่อไม่นานที่โดนแม่ดึงหูจนแดง
“ผู้ใหญ่คุยกัน เป็นเด็กไม่ควรพูดแทรก” เฉิงเฉิงฟังเข้าใจความหมาย เขามีความคิดเป็นของตัวเอง แต่เขาก็รู้ตัวเองดีว่าเขาไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใดๆ แต่หยางหยางถามอย่างไร้เดียงสาเขาจึงต้องแสดงท่าทีของตัวเอง
ด้านหนึ่งก็เพื่อตักเตือนไม่ให้เขาพูดแทรกอย่างเสียมารยาท อีกด้านหนึ่งก็เพราะเห็นว่าพ่อทำให้แม่โกรธมากยิ่งกว่าเดิม ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรตามมา หยางหยางพูดแทรกขึ้นมาเช่นนี้จะกลายเป็นที่ระบายอารมณ์เปล่าๆ
หยางหยางเริ่มพูดก่อน จ้องมองจิ่วจิ่วที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง ด้วยความไม่เข้าใจจึงหันหัวกลับมาในทันใด มองดูเป่หมิงโม่ “พ่อ พ่อจับตัวพ่อปู้ฝันหรือ? พ่อปู้ฝันเป็นคนดี พ่อปล่อยตัวเถอะนะ”
ฮ่าๆ คราวนี้สนุกแล้ว ทั้งคันรถครึกครื้นขึ้นมาทันที แม้ตอบคำถามแล้วก็เหมือนไม่ได้ตอบ เหมือนไก่พูดกับเป็ด
*
“งานแต่งของปู้ฝันถึงแม้จะดูค่อนข้างเอิกเกริก แต่ก็นับว่าจริงใจ”
ตอนกลางคืน โม้จิ่งเฉิงกับหวีหรูเจี๋ยนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา แล้วก็คุยถึงเรื่องเมื่อตอนกลางวันขึ้นมา
แต่เมื่อพูดคำนี้แล้ว กู้ฮอนก็กลอกตามองดูเป่หมิงโม่ แล้วก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “พวกคุณล้วนถูกหลอกแล้ว งานแต่งในวันนี้เป่หมิงโม่เป็นคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด ที่จริงหยินปู้ฝันกับแอนนิคนอื่นเขาไม่ได้อยากจัดแบบนี้”
เธอฟ้องเป่หมิงโม่ต่อหน้าทั้งสอง
หวีหรูเจี๋ยขมวดคิ้วมองดูลูกชายของตัวเอง “โม่ ทำไมลูกทำแบบนี้ รู้ว่าลูกหวังดี แต่ยังไงก็เป็นงานแต่งงานของคนอื่น ยังไงก็ต้องบอกพวกเขาด้วย ก็ว่าแหละ วันนี้มีคนมาร่วมงานแต่งงานเยอะขนาดนี้ และก็จัดงานอย่างเอิกเกริกขนาดนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าปู้ฝันพวกเขาค่อนข้างเกร็ง ฟังฮอนพูดแบบนี้แล้ว ถึงค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยังดีที่วันนี้นับว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม่จะแก้ตัวยังไงกับแม่ของปู้ฝัน”
เป่หมิงโม่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย เขาหยิบแอปเปิ้ลมาจากบนโต๊ะแล้วกัดทานหนึ่งคำ “แล้วยังไงล่ะ ท่านก็ลองคิดดู อาศัยความสามารถเพียงน้อยนิดของเขา จะสามารถจัดงานแต่งงานได้อย่างเพอร์เฟคขนาดนี้หรือ แบบเขานั้น คงจะจัดในโบสถ์เล็กๆแห่งหนึ่ง ทำพิธีอย่างเรียบๆง่ายๆ แบบนั้นก็เรียกว่างานแต่งงาน ผมก็เห็นแก่หน้าของกู้ฮอนถึงได้ตัดสินใจช่วยเหลือพวกเขา งานแต่งนี้พวกเขาไม่เพียงไม่ต้องเสียงเงินสักบาท ยังได้ผลประโยชน์อย่างเต็มเปี่ยม ดีต่อทั้งสองฝ่าย”
กู้ฮอนกลอกตามองบนใส่เขา “ขอบคุณ ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่หน้าของฉัน ทำอย่างกับพวกเราติดหนี้คุณอย่างนั้นแหละ พวกนี้ล้วนเป็นคุณยินยอมเอง”
“อืม…ฮอนพูดถูก โม่หากลูกมีเวลาเยอะขนาดนั้น ทำไมถึงไม่จัดการเรื่องของตัวเองให้ชัดเจนเสียที มองดูคนรอบๆพวกนี้สิ ทุกคนต่างก็จะได้มีสถานะ…”
“คุณน้าหรูเจี๋ย…”กู้ฮอนยังไม่ทันรอให้เธอได้พูดจบก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน เธอกลัวที่สุดก็คือผู้ใหญ่พูดถึงเรื่องระหว่างตนเองกับเป่หมิงโม่ มีความรู้สึกเหมือนถูกบีบบังคับอะไรอย่างนั้น
“ผมรู้อยู่แล้ว ทำเรื่องนี้จะต้องได้ผลตอบแทนฉันแบบนี้ ทำดีไม่ได้ดี เห็นทีต้องทำตัวเหมือนเมื่อก่อนแบบนั้นไม่ต้องยุ่งกับเรื่องอะไรเลย” เป่หมิงโม่ รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรม
ในเรื่องงานแต่งงานของหยินปู้ฝันนี้ เขาสามารถพูดได้ว่าทำด้วยความหวังดี ส่วนปัญหาที่เจอในระหว่างงานแต่งงาน ก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง
ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อแสดงท่าทีให้กับผู้ใหญ่ ตลอดกู้ฮอนได้เห็น ว่าตัวเองไม่ใช่คนเย็นชาหรือคนใจแคบไร้ความรู้สึก
แต่เมื่อเห็นผลออกมาเป็นเหมือนดั่งตอนนี้ ก็ทำให้เขาค่อนข้างผิดหวังไม่น้อย ทำเหมือนกับเขาทำเรื่องอะไรผิดอย่างใหญ่หลวง กระทั่งทำให้รู้สึกว่าบางทีการทำเพื่อคนในครอบครัวไม่จำเป็นต้องดีขนาดนั้น เพราะความพยายามแบบนี้เป็นความรู้สึกที่เปล่าประโยชน์
“หรูเจี๋ย ฮอน พวกเธอพูดกันน้อยหน่อย พ่อกลับคิดว่าโม่จัดงานแต่งงานให้กับปู้ฝันเป็นเรื่องที่ดี” ในที่สุด ในการถกเถียงกันระหว่างหญิงทั้งสอง ก็มีคนหนึ่งออกหน้าเข้าข้างเป่หมิงโม่
โม้จิ่งเฉิงลุกขึ้นมาจากโซฟา เดินมาตบบ่าเป่หมิงโม่แล้วพูดว่า “โม่ อย่าสนใจคำพูดแม่ของลูกกับฮอน พ่ออยู่ข้างลูกสนับสนุนลูก”
“พ่อบุญธรรม ท่านอยู่ในใจลูกเป็นคนที่มีความยุติธรรมมาตลอด จะไปเข้าข้างคนอื่นไม่ได้นะ” กู้ฮอนคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะกลับกลายเป็นแบบนี้
“พ่อไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้าข้างใคร พวกเธอคิดแต่ต่อว่าโม่ แต่พวกเธอกลับไม่คิดสิ่งพวกนี้ที่เขาสามารถทำได้ การเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง”
เมื่อกี้เป่หมิงโม่ได้ยินว่าโม้จิ่งเฉิงเข้าข้างตนเอง อย่างน้อยก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่เมื่อได้ยินคำพูดประโยคหลังแล้ว ครุ่นคิดถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูด ยังไงก็รู้สึกว่าแปลกๆ
***
เป่หมิงโม่กัดทานแอปเปิ้ลอีกหนึ่งคำ “คุณลุงโม้ ฟังดูคำพูดของท่านแล้วก็รู้สึกเหมือนกับว่าเข้าข้าง แต่ทำไมรู้สึกว่าในคำพูดแฝงไปด้วยความหมายอื่น”
คำพูดประโยคนี้ทำให้กู้ฮอนกับหวีหรูเจี๋ยที่ต่อว่าเขาหัวเราะขำขึ้นมาในทันใด
“เห็นไหม คุณถูกทิ้งอยู่ตัวคนเดียวแล้ว ดูสิว่าคุณจะทำอะไรเองอีกไหม อย่าคิดว่าสิ่งที่คุณยินดี แล้วคนอื่นเขาจะยินดีไปด้วย แล้วทำตาม คุณลุงโม้แค่ช่วยคุณพูดไม่กี่คำเป็นมารยาทเท่านั้น ให้หัวใจบอบบางดั่งแก้วของคุณได้รับการปกป้อง ไม่อย่างนั้นคุณจะรับไม่ได้กับสิ่งที่พวกเราโจมตี”
สีหน้ากู้ฮอนภาคภูมิใจมาก ในที่สุดเธอก็ได้ระบายอารมณ์ที่อึดอัดออกมา หาโอกาสได้ต่อว่าคนที่ชอบทำอะไรตามอำเภอใจคนนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก
“ฮอน ไม่ได้หมายความแบบนี้” โม้จิ่งเฉิงเห็นว่าสีหน้าเปหมิงโม่ในตอนนี้ไม่ค่อยดี และเขาก็รู้ว่าคำพูดประโยคนี้ของตัวเองไม่ได้ช่วยเขา กับทำให้เขายิ่งตกที่นั่งลำบาก
“ที่โม่ทำเช่นนี้ก็เพราะด้วยความหวังดี ผมก็ไม่ได้พูดในเชิงลบ พวกเธอต่อว่าเขาแบบนี้ไม่ยุติธรรม…เอาล่ะเอาล่ะ ไม่พูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า”
โม้จิ่งเฉิงพูดแบบนี้ ฮอนจึงต้องยอมหยุด
แต่หวีหรูเจี๋ยในฐานะที่เป็นแม่ของเป่หมิงโม่ เห็นงานแต่งของหลานชายตัวเองแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะโศกเศร้า น้ำเสียงก็อ่อนโยนลงไม่น้อย “โม่ ที่จริงแม่ก็ไม่ได้อยากที่จะพูดว่าลูก ลูกก็เห็นแล้ว ปู้ฝันก็แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ลูกเองก็ไม่ต้องคิดแต่งานแต่งของคนอื่น ควรที่จะคิดถึงเรื่องของตัวเองบ้างได้แล้ว”
พูดเสร็จ แล้วเธอก็หันไปมองกู้ฮอน “ฮอน หนูเป็นเด็กดี พวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ก็ชอบหนูจากใจจริง ฉันไม่อยากบีบบังคับให้หนูตัดสินใจ แต่ก็หวังอยากให้หนูลองคิดดูว่าระหว่างทั้งสองจะสามารถเป็นไปแบบนี้ไหม…”
*
แล้วก็เป็นค่ำคืนที่เงียบสงบคืนหนึ่ง แต่ทั้งในใจเป่หมิงโม่หรือกู้ฮอนนั้นไม่ได้สงบนิ่งเลย
ปากของเป่หมิงโม่คาบบุหรี่ที่ยังไม่ได้จุดไว้ สวมชุดนอนแล้วก็เดินออกมาจากคฤหาสน์คนเดียว ยืนอยู่ตรงข้างราวทางเดิน มองดูราตรีในเมืองด้านล่างนั้น
สำหรับเขา เรื่องอะไรก็พูดกันได้ง่าย มีเพียงปัญหาเรื่องความรักของตัวเอง ทำให้เขาไม่สามารถตัดสินใดๆได้
ท่าทีของกู้ฮอนสำหรับเขา ดูเหมือนยังพลิ้วไหวไม่แน่นิ่ง
กู้ฮอนเองก็นอนไม่หลับเหมือนกับเป่หมิงโม่
เมื่อเธอเดินออกมาจากคฤหาสน์ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกัน แล้วก็มองเห็นเงาร่างสูงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล
ตึกตัก…….
เสียงฝีเท้าบางเบาของกู้ฮอน ยังคงทำให้เป่หมิงโม่ได้ยิน
เขาหันมามองเห็นเธอ แล้วก็หยิบบุหรี่ออกจากปาก
“ทำไมไม่สูบแล้วล่ะ?” อารมณ์ของกู้ฮอนในตอนนี้สงบลงมากแล้ว เธอค่อยๆเดินไปหยุดอยู่ด้านข้างเขา
เป่หมิงโม่ยื่นบุหรี่ไปตรงหน้าเธอ “เดิมก็ไม่ได้สูบอยู่แล้ว นี่ก็เป็นแค่ความรู้สึกนึกคิดอย่างหนึ่ง เหมือนกับงานแต่งงานในวันนี้”
“ความรู้สึกนึกคิด?” คำนี้ทำให้กู้ฮอนค่อนข้างแปลกใจ ผู้ชายแบบนี้ก็มีอารมณ์เปราะบาง ใจน้อยเก่งด้วย
“ถึงแม้ผมจะสูบบุหรี่มาได้ไม่นาน แต่การเปลี่ยนแปลงมากมายล้วนมีเขาอยู่ข้างกาย ถึงแม้งานแต่งจะเป็นการจัดเตรียมให้พวกเขา แต่กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกของผมเอง” เป่หมิงโม่พูดไปด้วย แล้วก็หันมามองผู้หญิงคนนี้ที่ยืนอยู่ข้างกาย
แสงสว่างสาดส่องชุดนอนบนกายเธอ แลดูอ่อนโยนงดงามมาก ชายเสื้อลมพัดปลิวไหว ทำให้มองเห็นร่างบางอรชรเป็นครั้งคราว
ชมหญิงงามภายใต้แสงจันทร์ ถือว่าเป็นความสุขที่งดงามอย่างหนึ่ง
ที่จริงกู้ฮอนยืนอยู่เพียงไม่กี่นาที ทันใดนั้นหลังจากที่ร่างกายถูกลมพัดก็สั่นเทาขึ้นมา
ในช่วงเดือนตอนนี้ไม่น่าจะหนาวขนาดนี้ถึงจะถูก
แต่ทันใดนั้น บนกายของเธอก็มีเสื้อเพิ่มมาหนึ่งตัว