บทที่ 1125 งานแต่ง?
“ป่ะ ไปช่วยแม่เร็ว” โม้จิ่งเฉิงพูด พลางโน้มตัว และวางจิ่วจิ่วลงบนพื้น
จากนั้นเจ้าตัวเล็กก็ขานรับอย่าเชื่อฟัง: “หม่ามี๊……” จากนั้นก็วิ่งออกไป
รอจนพวกเขาออกไปกันหมดแล้ว หวีหรูเจี๋ยก็อมยิ้มเดินไปทางลูกชายแล้วพูดเสียงเบา: “โม่ จากที่เห็นความสัมพันธ์ระหว่างพวกลูกก็ดีแล้วนี่ งั้นเมื่อไหร่จะยกน้ำชาให้แม่ดื่มละ?”
เป่หมิงโม่หาว และบิตไล่ ขยับตัวอยู่ครู่: “ถามผมทำไมล่ะ ต้องถามเธอสิ”
หวีหรูเจี๋ยได้ยินลูกชายตอบแบบนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะถามยังไงต่อไปแล้ว: “โม่ ลูกเป็นผู้ชาย ทำไมเรื่องแค่นี้ยังตัดสินใจไม่ได้ห้ะ ความกล้าหาญก่อนหน้านี้ไปไหนหมด? ลูกบอกสิ เรื่องแบบนี้ จะให้กู้ฮอนที่เป็นผู้หญิงเอยปากพูดเองเหรอ?”
เธอ พูดพลางเปลี่ยนอารมณ์ น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นไม่น้อย: “แม่มองออก ที่จริงแล้วกู้ฮอนเธอให้โอกาสลูกมาตลอด แค่ลูกไม่ได้รู้สึกถึงมัน จิตใจของผู้หญิงไม่ได้เหมือนผู้ชายนะ ลูกคิดเอาดีๆ แล้วกัน”
*
ทุกคนทานอาหารเช้ากันอย่างสงบ ราวกับว่าเมื่อเช้าไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เงียบกว่าที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด
ทุกคนราวกับกำลังปฏิบัติตามที่ได้ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด
พอกินข้าวเสร็จ กู้ฮอนก็พาพวกลูกๆ ออกจากบ้านไป ปล่อยให้เป่หมิงโม่อยู่กับผู้ใหญ่ทั้งสอง
หลังงจากที่พวกเขาออกไป เป่หมิงโม่หาเหตุผลออกไป
เหลือแค่หวีหรูเจี๋ยกับโม้จิ่งเฉิง นั่งดูทีวีอยู่ในห้องกว้างๆ ที่ว่างเปล่า
เป่หมิงโม่ขับรถไปช้าๆ อย่างไร้จุดหมาย เขาไม่ได้ไปที่บริษัทเป่หมิง สำหรับเขาแล้วที่นั่นมันไม่ใช่ที่ของเขาแล้ว นอกจากนี้ที่นั่นเขาก็เป็นแค่คนที่คดโกง
ดังนั้นสำหรับผู้คนภายนอก สำหรับเป่หมิงเฟยหย่วนกับเป่หมิงยี่เฟิงพวกเขาพ่อลูก ก็ทำให้พวกเขาวางใจ
สุดท้าย รถก็ของเขาก็จอดลงหน้าประตูบาร์Zeus. ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นที่เดียวที่เขาอยากจะมา
“ทำไมวันนี้มีเวลาว่างมาได้ล่ะ?” ผู้หญิงหุ่นดีคนหนึ่ง ในมือถือแก้วเหล้าค็อกเทลที่เธอเพิ่งทำเสร็จวางลงบนโต๊ะที่เป่หมิงโม่นั่งอยู่คนเดียว
ไม่ต้องมองว่าใคร แค่ได้ยินเสียงก็รู้ว่าคือเสียงของซูยิ่งหวั่น
เขาไม่ได้บอกขอบคุณสักคำ แล้วยื่นมือไปหยิบแก้วเหล้ามาไว้ที่มุมปาก จากนั้นก็ยกแก้วขึ้นดื่มจนเกลี้ยง
“เป็นอะไร มีเรื่องในใจ?” เวลาที่เธอรู้จักกับเป่หมิงโม่มาก็ไม่สั้นแล้ว เขากระดิกนิดเดียวเธอก็มองออกได้อย่างชัดเจน ถ้าหากไม่ใช่กู้ฮอน หรือว่าเฟยเอ๋อโผล่มา เธอก็วาดฝันว่าอยากจะเป็นผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างเขา
เป่หมิงโม่วางแก้วลง กลิ่นแอลกอฮอล์ยังคงมีอยู่ในปากเขา: “เปรี้ยวไปนิด นี่เป็นสูตรใหม่ของเธอเหรอ?”
ซูยิ่งหวั่นพยักหน้า: “ฉันเพิ่งเริ่มเรียนพวกนี้ ฝีมือกับส่วนผสมยังไม่แม่นเท่าไหร่”
“ที่จริงแล้วก็ถือว่าไม่เลว ป่ายมู่ซีล่ะ?” เป่หมิงโม่พูด พลางหันไปรอบๆ ก็มองไม่เห็นเงาของเขา
“เขาเหรอ ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว ฉันก็คิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่ แต่พอมาถึงก็เพิ่งรู้ว่าเขาไม่อยู่ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาไปไหนแล้ว” เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“ระหว่างพวกเธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกันใช่มั้ย?” เป่หมิงโม่ถามพอเป็นพิธี
ซูยิ่งหวั่นถอนหายใจ: “เขาก็ดีกับฉันนะ แต่แค่ไม่กี่วันมานี้ชอบทำตัวลึกลับ ฉันล่ะกลัวเขาจะแอบไปมีกิ๊ก นายก็รู้ คนแบบพวกเรา ในแวดวงนี้ก็ได้ยินกันมามาก และก็กลายเป็นเรื่องที่คุ้นเคย มันก็เป็นแค่เรื่องตลก ฉันแค่กลัวว่าเขาจะไปเจออะไรไม่ดี แล้วก็เก็บมันไว้คนเดียว”
“วางใจเถอะ ฉันรู้จักป่ายมู่ซีดี เขาไม่ใช่คนแบบนั้น อย่างน้อยก็หลังจากที่ได้เจอเธอ”
ขณะที่เป่หมิงโม่กำลังพูด ประตูบาร์ก็ถูกเปิดออก เป็นป่ายมู่ซีที่เดินเข้ามา
เป่หมิงโม่กับซูยิ่งหวั่นหันไปมองทางประตู
ป่ายมู่ซีโบกมือให้พวกเขา: “ถึงขั้นนี้แล้ว นายยังมีกระจิตกระใจออกมาเที่ยวเล่น? ทิ้งให้พี่สะใภ้อยู่บ้านคนเดียวมันเหมาะสมเหรอ?”
ประโยคนี้ไม่ได้เพียงทำให้เป่หมิงโม่สับสน แม้แต่ซูยิ่งหวั่นก็ยังอยู่สึกแปลกๆ เล็กน้อย
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย
แต่ทะว่าในนี้แสงไฟมันมืด จึงไม่มีใครสังเกตเห็น
ป่ายมู่ซีเดินเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นเป่หมิงโม่ทำหน้างง จึงยกมือขึ้นมาชกไปที่ไหล่ของเขาหนึ่งที: “อยู่ที่นี่ยังจะต้องมาทำเท่อีกเหรอ?”
ครั้งนี้ทำให้เป่หมิงโม่ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่ว่าเขาก็รู้สึกได้อย่างเงียบๆ ว่าที่นี่มีปัญหากัน
มองไปที่เขาพลางยิ้มตาหยี๋: “ป่ายมู่ซี ในคำพูดมีความหมายซ่อนอยู่สินะ? นายไม่ต้องมาพูดกำกวมเลย”
“เหล่าเป่หมิง ทำไมโยนขี้ให้ฉันอ่ะ เป็นนายแท้ๆ ที่พูดกำกวม” ป่ายมู่ซีทำหน้าแบบผิดปกติมากๆ : “นายไม่ได้เตรียมงานแต่งหรอกเหรอ……”
เมื่อเป่หมิงโม่ได้ยิน ก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดทันที: “ฉิงฮัวทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง……”
“เหล่าเป่หมิง นายไม่ต้องไปว่าคนอื่น เขานั้นปริปากยากอยู่นะ แต่ว่าฉันมีวิธี” เขาพูดพลางโทษเป่หมิงโม่: “นายก็นะไม่ใจเลย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่บอกสักคำ ถึงนายจะคิดว่าฉันไม่มีความสามารถ แต่เรื่องเหล้าเหนี่ยฉันจัดการให้ได้นะ”
“ป่ายมู่ซี ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันแค่อยากจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ไม่อยากจะรบกวนพวกนาย ถึงตอนนั้นมาร่วมดื่มฉลองก็พอแล้ว”
ในตอนนั้นซูยิ่งหวั่นไม่ได้พูดแทรก บทสนทนาระหว่างผู้ชายทั้งสอง
ที่จริงในใจของเธอรู้สึกแปลกๆ
ถึงแม้ตอนนี้เธอจะเป็นภรรยาของเขาแล้ว แต่ว่าเธอยังคงไม่พอใจ เธอยังคงรู้สึกอิจฉาและริษยาผู้หญิงที่ชื่อว่ากู้ฮอนคนนั้น
แต่ว่าจะพูดยังไงดี เรื่องทั้งหมดนี้มันก็ผ่านไปแล้ว มันไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองเลยสักนิด
“โม่ ยินดีด้วยนะ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”
พูดกันถึงขนาดนี้แล้ว งั้นก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องปิดบังแล้ว เป่หมิงโม่ยิ้มให้เธอ: “ขอบคุณนะ”
จากนั้นก็ตบไปที่ไหล่ของป่ายมู่ซี: “ป่ายมู่ซี พวกเราเป็นเพื่อนที่ดีกันมาตั้งหลายปี ยังไงก็ต้องขอบคุณนายนะ แต่ว่า มีบางเรื่องต้องการให้นายร่วมมือด้วย อย่าเอาไปบอกกู้ฮอนนะ”
“OK นายนี่เปลี่ยนไปนะเหนี่ย รู้จักโรแมนติกกับเซอร์ไพรส์ด้วย” ป่ายมู่ซีหัวเราะร่าพร้อมกับทำมือOK
*
“วันนี้พวกเด็กๆ มีเวลามั้ย?” เมื่ออาหารเช้าสิ้นสุดลง เป่หมิงโม่ก็วางตะเกียบลงแล้วมองไปทางลูกที่กำลังกินอยู่
เด็กน้อยทั้งสามคนมองกันไป มองกันมา ไม่รู้ว่าคนเป็นพ่อจะทำอะไร แต่ว่าก็ส่ายหัวกันอย่างพร้อมเพรียง
หลังจากได้รับคำตอบจากลูกๆแล้ว เป่หมิงโม่ก็หันไปถามกู้ฮอน: “เธอล่ะ?”
เมื่อคืนกู้ฮอนเพิ่งจะโปรโมทหนังสือที่เธอเขียนไป ในตอนนี้ไม่มีอะไรทำแล้ว: “ฉัน ฉันอยากจะพักผ่อนสักหน่อย ไม่กี่วันมานี้ยุ่งมากๆ ทำไม นายมีแพลนอะไรเหรอ?”
เป่หมิงโม่หยักไหล่ ทำสีหน้าไม่เป็นไร: “ฉันตั้งใจจะพาลูกๆ กับแม่แล้วก็ลุงโม้ออกไปเที่ยว ถ้าหากเธออยากจะไปด้วยล่ะก็ รถยังมีที่นั่ง ถ้าหากไม่อยากไปฉันก็ไม่บังคับนะ”
สำหรับการเชิญแบบขอไปที่ของเป่หมิงโม่ แน่นอนว่ากู้ฮอนไม่ได้หลงกล แต่ทะว่า ยุ่งมาตั้งหลายวันอยู่บ้านคนเดียวก็ถือว่าได้พักผ่อนสักพัก
ช่วงนี้ถึงแม้เด็กๆ จะถือได้ว่าเชื่อฟัง แต่ยังก็ยังเป็นเด็ก ตอนที่เล่น ก็อย่างกับม้าดีดกะโหลกเลยแต่ละคน
ในเมื่อคุณพ่อของพวกเขาเห็นแบบนั้น อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของตน แน่นอนว่าไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
เธอโบกมือ: “พวกนายไปเถอะ ฉันอยากจะพักผ่อนหน่อย”
พวกเด็กที่จริงก็ตั้งตารอให้ไปเที่ยวด้วยกันทั้งบ้าน ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม แต่ว่าตอนนี้เห็นทีจะต้องผิดหวังซะแล้ว
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ไปกับพวกเราเถอะ รอกลับมาแล้วหนูค่อยพักผ่อนเป็นเพื่อนหม่ามี๊ดีมั้ย?” จิ่วจิ่วส่งสายตาปิ๊งๆ ไปให้กู้ฮอน ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง
กู้ฮอนเห็นลูกเป็นแบบนี้ก็เริ่มใจอ่อน แต่ว่าเธอก็ยังห้ามใจได้ เธอยิ้มให้กับลูก แล้วยื่นมือออกไปลูบผมเธออย่างอ่อนโยน: “ช่วงนี้หม่ามี๊เหนื่อยมาก รอพักสักสองสามวันแล้วค่อยออกไปเล่นด้วยกันดีมั้ย?”
เมื่อเห็นคนเป็นแม่ตัดสินใจแล้ว เฉิงเฉิงที่จริงก็อยากจะกล่อมคนเป็นแม่ แต่เมื่อเห็นจึงยอมแพ้ไป เขาคว้ามือน้องสาวไว้: “คุณแม่เหนื่อยแล้วต้องการพักผ่อน พวกเราอย่าไปกวนคุณแม่ดีมั้ย”
ไม่นาน ผู้ใหญ่สามเด็กสามก็แต่งตัวก็เสร็จเรียบร้อย
เป่หมิงโม่กับโม้จิ่งเฉิงช่วยพยุงหวีหรูเจี๋ยออกไปขึ้นรถก่อน ขณะที่เด็กๆ ทั้งสามจะออกจากบ้านก็หันกลับมาหาแล้วโบกมือให้กู้ฮอน: “คุณแม่พักผ่อนๆ เยอะนะ พวกเราจะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อน”
ในตอนนั้น กู้ฮอนก็รู้สึกได้ว่าลูกๆ ของตนนั้นโตขึ้นแล้วจริงๆ ความประทำใจนั้นทำให้เธอรู้สึกแปร๊บๆ ในใจ ดวงตาเริ่มชิ้นๆ
*
เป่หมิงโม่ขับรถออกมาจากบ้านที่ปานซาน ตรงเข้าไปในเมือง
“คุณพ่อ วันนี้จะพาพวกเราไปเที่ยวไหนอ่ะ?” ออกมาได้ไม่นาน หยางหยางเริ่มทนไม่ได้กับการเดินทางที่ไม่รู้จุดหมาย
แน่นอนว่ายังมีผู้ใหญ่อีกสองคนที่มีคำถามเดียวกับเด็กน้อย ในใจพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย โดยเฉพาะเมื่อกู้ฮอนไม่ได้ออกมากับพวกเขา จึงมีความรู้สึกผิด
พวกเขาหวังว่าทั้งครอบครัวได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าจะไปที่ไหนขอให้คนครบทั้งครอบครัว
แต่ว่า สำหรับการตัดสินใจของเด็กๆ พวกเขามั่นใจว่า ครอบครัวนั้นสำคัญมากๆ แต่ว่าแต่ละคนก็สำคัญ ยังไงก็หวังว่าทุกคนจะรู้สึกสบายใจ และอยู่กันอย่างมีความสุข
เป่หมิงโม่ขับรถอย่างมั่นคง ไม่ได้ขับเร็วอย่างปกติ
เบื้องหน้าไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องรีบร้อนเหมือนแต่ก่อนแล้ว
“วันนี้จะพาไปพวกหนูลองชุด”
“ลองชุด?”
นี่มันไม่ใช่สไตล์ของคนเป็นพ่อเลย โดยเฉพาะเรื่องช้อปปิ้ง เขาเป็นจำพวกที่หลบได้ไกลแค่ไหนก็จะหลบ จู่ๆ ก็พวกครอบครัวมาช้อปปิ้ง อีกทั้งยังซื้อเสื้อผ้า นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ รู้สึกเหมือนใกล้วันสิ้นโลกแล้ว
“โม่ ลูกคิดจะทำอะไร?” คนอื่นไม่กล้าถาม แต่หวีหรูเจี๋ยก็อดไม่ได้จึงถามออกมา
เมื่อถึงตอนนี้ กู้ฮอนไม่อยู่ด้วย งั้นก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบัง: “ไปเลือกชุดงานแต่ง ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว ทุกคนลองไปลองชุดดู”
***
งานแต่ง?
มีใครจัดงานแต่งอีก?