บทที่ 1133 วันนี้เป็นวันแต่งงาน
“ผมคิดว่าทำตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม ผมจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว งานแต่งงานจะถูกจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้” เขาพูด ยกมือขึ้นมาดูนาฬิกา “ตอนนี้ควรจะพักผ่อนแล้วครับ”
โม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยที่ได้ฟัง ในใจก็อยากจะพูดอะไรอีกสักหน่อย แต่เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางที่เด็ดเดี่ยวของเป่หมิงโม่แล้ว ก็กลืนคำพูดที่เหลืออยู่ลงไป
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขายังจะพูดอะไรได้อีก ตอนนี้ดูท่าก็ทำตามได้เพียงอย่างเดียว เพราะได้มีการตัดสินใจทำลงไปแล้ว
นอกจากนี้พวกเขาก็หวังว่าจะได้เห็นวันนี้ด้วยเช่นกันไม่ใช่หรือ
เพียงแต่หลังจากที่พวกเขากลับมาถึงห้องของตัวเอง เอนตัวนอนอยู่บนเตียงหลังใหญ่อันอบอุ่นแล้ว “เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหันขนาดนี้ ฮอนจะสามารถรับได้หรือ เด็กสองคนนี้เป็นพวกที่ไม่ยอมแพ้ใครเป็นอย่างมาก…….”
“เฮ้อ……” โม้จิ่งเฉิงถอนหายใจยาว “ลูกหลานย่อมมีทางรอดของพวกเขาเองล่ะนะ พวกเราล้วนชราภาพแล้ว จัดการแก้ไขเรื่องของพวกเขาไม่ได้อีกแล้ว ผมว่าพรุ่งนี้จำเป็นจะต้องปลอบขวัญฮอนสักหน่อย ภารกิจนี้คาดว่าจะตกเป็นหน้าที่ของคุณแล้ว”
หวีหรูเจี๋ยรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย “มันจะเหมาะสมหรือคะ อย่างไรโม่ก็เป็นถึงลูกชายของฉันนะ ฉันคิดว่าในฐานะที่คุณเป็นพ่อบุญธรรมของเธอ ให้คุณออกหน้าจะค่อนข้างเหมาะสมมากกว่า”
“นี่ก็ใช่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว อย่างนั้นก็ให้ผมรับผิดชอบแล้วกัน ถ้าหากว่าเธอมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรที่รุนแรงเกินไป ผมจะให้เธอใจเย็นสักหน่อย ตอนนี้ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้ดูท่ามีเรื่องอีกมากมายที่ต้องทำ พวกเราก็พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ”
“หวังว่าเรื่องราวในวันพรุ่งนี้ทั้งหมดจะสามารถดำเนินการไปได้อย่างราบรื่น…….”
*
เป่หมิงโม่นั่งอยู่บนโซฟาคนเดียว เขานั่งอยู่ที่นี่สองชั่วโมงกว่าแล้ว
ยิ่งเวลาใกล้เข้ามามากเท่าไร จิตใจของเขาก็ยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเท่านั้น
กำหนดแผนการเดิมคือ พิธีการจะจัดขึ้นเวลากลางวันตอนสิบสองนาฬิกา นอกจากนี้ช่วงเช้ายังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องทำ จำเป็นจะต้องเหลือเวลาเอาไว้ให้ตัวเองได้พักผ่อนบ้างเล็กน้อย เพื่อที่ 24 ชั่วโมงถัดไป จะได้มีความกระปรี้กระเปร่ามากพอในการรับมือ
คืนวันนี้ เขาค่อนข้างจะนอนได้อย่างสงบจนถึงช่วงเวลาฟ้าสว่าง
แต่กู้ฮอนกลับมีท่าทางนอนไม่หลับแปลกๆ เธอมักจะมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง เหมือนกับว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น
หลักๆเป็นเพราะเริ่มมีความรู้สึกแปลกๆตั้งแต่ตอนเช้า
เธอจิตใจสับสนวุ่นวายเล็กน้อย แต่ก่อนก็เคยมีความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน ตอนนี้ก็มีประสบกับความรู้สึกเช่นนี้อีก จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่นะ
เช้าตรู่ ขณะที่เธออ้าปากหาว เริ่มจัดเตรียมอาหารเช้านั้น เธอก็ประหลาดใจ เมื่อพบว่านอกจากตัวเองแล้ว คนอื่นๆล้วนนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะอาหารแล้ว
แม้กระทั่งเด็กน้อยทั้งสามคน ก็ล้วนมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยมอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ พวกเขาจะนั่งอยู่ตรงไหน ก็ล้วนมีท่าทางง่วงงุนยังตื่นไม่เต็มที่ทั้งนั้น
สำหรับหวีหรูเจี๋ยและพ่อบุญธรรมโม้จิ่งเฉิง นั่นยิ่งไม่ต้องพูดแล้ว หน้าตาสดใสจริงๆ เห็นได้ชัดว่าทั่วทั้งร่างกายดูมีชีวิตชีวาไม่เหมือนกับแต่ก่อน
“ฮอน เพิ่งจะตื่นนอนสินะ ป้าว่าเธอดูเหมือนจะพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่สู้กลับไปพักผ่อนเพิ่มอีกหน่อยเถอะ” หวีหรูเจี๋ยเห็นท่าทางของเธอแล้วก็เป็นกังวลเล็กน้อย ในใจก็พูดว่า ท่าทีแบบนี้ พิธีในวันนี้จะเป็นไปได้ด้วยดีหรือ
เพียงแต่กู้ฮอนยิ้มบางๆแล้วส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอกค่ะ หนูใช้น้ำเย็นล้างหน้าสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วง”
เธอพูดพลางแอบมองเป่หมิงโม่ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งหลัก ใบหน้าของเขายังคงเหมือนกับแต่ก่อนที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอะไรมากเกินไป
เหมือนกับว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย
เพียงแต่สถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผู้อื่นจริงๆ
หนึ่งชั่วโมงถัดมา ทุกคนล้วนก้มหน้าก้มตาทานอาหารของตัวเอง โดยไม่เอ่ยพูดอะไรเหมือนกับนัดกันมา
เช้าวันนี้นั้น กู้ฮอนรู้สึกถึงความประหลาดใจมากเกินไปแล้ว
แต่ตอนที่กู้ฮอนทานอาหารอยู่ กลับคิดไม่ออกว่าตรงไหนที่มีปัญหากันแน่
อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงสองวันมานี้จะตึงเครียดเกินไปกัน
นี่ก็ไม่แน่นอน
แม้ว่าตอนนี้ตัวเองจะออกหนังสือเล่มที่สองแล้ว เด็กๆก็เข้าเรียนถือได้ว่าเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องแล้วก็ตาม
ดูเหมือนเรื่องราวล้วนดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่กลับมีบรรยากาศแบบนี้โอบล้อมอยู่รอบกายตัวเองทุกวัน
ทำให้คืนวันที่สามารถพักผ่อนว่างๆได้ กลายเป็นยุ่งวุ่นวายเหมือนเคย
แน่นอนว่า นี่ก็เป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบแพ้ใครคนหนึ่ง แม้ว่าที่นี่จะมีเตียงสูงหมอนนุ่ม แต่ก็ยังคงไม่สามารถทำให้ตัวเองผ่อนคลายลงได้
*
หลังทานอาหารมื้อเช้า กู้ฮอนก็จะสอบถามแผนการในวันนั้นกับลูกๆเหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา
นี่กลายเป็นความเคยชินอย่างหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าแบบนี้ก็สามารถปลูกฝังนิสัยการวางแผนและทำเรื่องราวอย่างเป็นระบบระเบียบให้กับเด็กๆได้
นี่เป็นสิ่งที่ให้ความช่วยเหลือกับพวกเขาในอนาคตได้เป็นอย่างมาก
แน่นอนว่าวันนี้ก็ไม่ได้รับการยกเว้น
เมื่อถึงช่วงเวลาพักผ่อน คำตอบของเด็กๆล้วนเป็นเรื่องการออกไปเที่ยวเล่น
แต่ในวันนี้ พวกเขากลับมีเพียงแต่ความเงียบงัน ส่วนดวงตากลมโตสดใสนั้นยังมองไปทางคุณพ่อของพวกเขาบ่อยๆด้วย
แน่นอนว่ากู้ฮอนก็ไม่ได้ปล่อยผ่านรายละเอียดในส่วนนี้
“เฮ้ วันนี้คุณมีแผนจะทำอะไรบ้าง ลูกๆล้วนมองไปที่คุณน่ะ” กู้ฮอนหันหน้าไปมองเป่หมิงโม่
“ผมหรือ” เป่หมิงโม่แสร้งทำท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย
“ทักษะการแสดงของคุณนั้นแย่มากจริงๆ” กู้ฮอนจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าเขาแสร้งทำมันออกมา อีกทั้งยังเปิดโปงเขาต่อหน้าลูกๆอย่างไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
“แค่ก…..” เป่หมิงโม่เห็นว่าการแสดงของตัวเองถูกเปิดโปงแล้วก็ไม่แสร้งทำต่อไปอีก
เขากระแอมให้คอโล่ง พลางเอ่ยว่า “วันนี้เป็นวันเกิดของคุณไม่ใช่หรือ ผมมีแผนการเล็กน้อยจริงๆ”
กู้ฮอนฟังความหมายนี้แล้ว นี่คือท่าทีของเป่หมิงโม่ เจ้าหมอนี่จะฉลองวันเกิดให้ตัวเองหรือ มากน้อยอย่างไรในหัวใจก็รู้สึกดีใจและอบอุ่นเล็กน้อย
เพียงแต่ว่าเธอก็ไม่อยากจะแสดงมันออกมา จึงแสร้งทำใบหน้าตึง “ก็แค่วันเกิดวันหนึ่ง มีอะไรให้ฉลองกัน”
เป่หมิงโม่พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คุณฉลองวันเกิดก่อนหน้านี้อย่างไร ผมยุ่งไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เมื่ออยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ดีร้ายอย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน นอกจากนี้วันเกิด ผ่านไปครั้งหนึ่ง ก็จะน้อยลงครั้งหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ชดเชยให้ไม่ได้ด้วย……”
กู้ฮอนฟังถึงตรงนี้แล้ว ก็คิ้วกระตุกเล็กน้อย “ทำไมคำพูดของคุณฟังแล้วถึงได้กระอักกระอ่วนอยู่บ้าง อะไรที่เรียกว่าผ่านไปครั้งหนึ่ง ก็จะน้อยลงครั้งหนึ่งกัน เหมือนว่าฉันจะเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีอย่างไรอย่างนั้นแหละ”
“เพ้ยๆ……” ตอนนี้เองที่จิ่วจิ่วเอ่ยแทรกขึ้นมา “หม่ามี๊ รีบถุยประโยคนั้นทิ้งไปเร็วเข้า หม่ามี๊จะต้องมีอายุยืนยาวอย่างแน่นอนค่ะ ทั้งยังมีชีวิตยาวนานกว่าพวกเราด้วย”
***
ในเสี้ยววินาที ก็มีอีกาบินผ่านหน้าผากของเป่หมิงโม่ เฉิงเฉิง และหยางหยาง รวมถึงกู้ฮอนไปฝูงหนึ่ง
ประโยคนี้ฟังดูแล้วก็บรรยายออกมาไม่ได้อยู่บ้าง
เพียงแต่ว่าคราวนี้ไม่ได้แช่งเธอ แต่เปลี่ยนเป็นแช่งตัวเอง
“เป่หมิงโม่ คุณดูสิว่าคุณสอนพวกเขาให้พูดอะไรเนี่ย” เพื่อที่จะคลี่คลายความกระอักกระอ่วน กู้ฮอนจึงเบนคมหอกไปที่คุณพ่อของพวกเขาแทน
สำหรับการได้รับความเสียหายแต่พูดไม่ออก แน่นอนว่าเป่หมิงโม่ก็ตอบรับได้เพียงเท่านี้
สิ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็คือ ไม่สามารถทำให้เธอมีโทสะได้ ไม่อย่างนั้นเรื่องราวในภายหลังก็จะกลายเป็นเรื่องตึงมือมาก
“เอาเถอะๆ เรื่องนี้จะพูดต่อได้หรือไม่ ในเมื่อผมจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณก็เห็นแก่หน้าผมไปเข้าร่วมสักหน่อยเถอะ” เป่หมิงโม่พูด เขยิบไปอยู่ข้างกายกู้ฮอน ใช้ไหล่แตะไปที่เธอเบาๆ
เป่หมิงโม่ เจ้าหมอนี่มีบางสิ่งที่ไม่ปกติอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ
นี่คือความเห็นสำคัญที่กู้ฮอนมีต่อเขา
ส่วนเจ้าหมอนี่คล้ายกับว่าวันนี้เหมาะกับความคิดเห็นแบบนี้มาก ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็กำลังคิดหาหนทางที่จะให้กู้ฮอนเข้าร่วมแผนการของตัวเอง ทั้งยังส่งสายตาไปให้ลูกๆบ่อยๆด้วย
ในฐานะที่ทั้งสามคนเป็นถึงสายเลือดของตระกูลเป่หมิงและแน่นอนว่าเป็นพี่น้องท้องเดียวกันด้วย พวกเขาเข้าใจความหมายของคุณพ่อ ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ก็เป็นวันแต่งงานจริงๆ
“หม่ามี๊…..”
“แม่ครับ แม่ไม่ต้องลังเลแล้วจะได้ไหม อย่าทำลายบรรยากาศเลยนะ……”
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้แล้ว ตัวเองก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้บอกปัดอีก
เธอถอนหายใจ “เห็นแก่ที่พวกลูกเชิญแม่ด้วยความจริงใจแล้ว แม่ก็ไม่อาจบอกปัดได้ แต่ว่าแม่จะบอกกับลูกให้ชัดเจนเรื่องหนึ่งนะ หลังจากนี้อย่าทำแบบนี้อีก รู้หรือไม่”
เมื่อเห็นคุณแม่รับปากแล้ว แน่นอนว่าทุกคนก็ดีอกดีใจกันถ้วนหน้า
“ฮิฮิ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวก็พอแล้ว พวกเราไม่อยากจะเรียกคนอื่นว่าแม่แล้ว” หยางหยางคิดในใจ แน่นอนว่าเรื่องแต่งงานก็มีแค่ครั้งนี้ จะสามารถมีครั้งที่สองได้อย่างไรกัน
แต่เขาคิดไปคิดมา กลับโพล่งออกมาหนึ่งประโยคโดยไม่ทันรู้ตัว
เฉิงเฉิงได้ยินแล้ว ก็เกือบจะอดไม่ได้ที่จะเตะเข้าที่ก้นเขาแรงๆสักครั้งหนึ่ง
อะไรที่เรียกว่าดีใจจนลืมตัว นี่อย่างไรล่ะ
แน่นอนว่าคำพูดนี้กู้ฮอนก็ไม่ได้ปล่อยผ่าน เธอมองหยางหยางด้วยสีหน้าสงสัย “ทำไม หรือว่าถ้าแม่ไม่ยอมฉลองวันเกิดกับพวกลูก พวกลูกก็จะไม่ยอมรับแม่เป็นแม่แล้วหรือ”
“เอ่อ…..” หยางหยางก็พบว่าคำพูดของตัวเองไม่เหมาะสมจริงๆ เขาลังเลเล็กน้อย หันหน้าไปมองเฉิงเฉิงและพ่อของตัวเอง
คล้ายกับว่าคิดอยากจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
เพียงแต่ว่าในตอนนี้ ไม่ว่าเป่หมิงโม่หรือว่าเฉิงเฉิง ล้วนมีโทสะพวยพุ่ง พวกเขาคิดเพียงแค่ว่า ถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้นมาแล้ว กู้ฮอนเกิดปฏิเสธขึ้นมา อย่างนั้นผู้ร้ายในเรื่องนี้ก็คือเป่หมิงซีหยาง
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครยินยอมสนใจตัวเอง หยางหยางก็ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาบ้างแล้วจริงๆ ใบหน้าเล็กๆนั้นอึดอัดจนแดงก่ำ
ว่ากันว่าเมื่อสุนัขจนตรอกแล้วก็จะฮึดสู้สุดชีวิต ส่วนคนเมื่อร้อนรนแล้ว สติปัญญาก็จะมีการเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คนฉลาดก็อาจจะค้นพบว่าปัญญาของตัวเองมีไม่พอ ส่วนผู้ที่มีสติปัญญาต่ำก็มักจะแสดงความสามารถได้มากกว่าเดิม
สำหรับหยางหยางเจ้าเด็กนี่ สติปัญญาก็ไม่ได้น้อย เขาเป็นถึงฝาแฝดของเฉิงเฉิง เพียงแต่ว่าเขาล้วนใช้สติปัญญาไปกับการวางแผนเล็กๆน้อยๆและความขี้เกียจ
ในเรื่องที่จริงจังนั้นใช้สมองไม่ค่อยได้ แต่เรื่องเที่ยวเล่นนั้น กระทั่งเฉิงเฉิงก็ยังสู้ไม่ได้
แน่นอนว่า สำหรับพรสวรรค์ในข้อนี้ของเขา หลังจากที่เป่หมิงโม่และกู้ฮอนลองวางแผนเปลี่ยนแปลงเขาแล้วก็ต้องปล่อยวางไป
ช่างมันเถอะ ก็เป็นเช่นนี้ไปแล้ว หนึ่งมังกรมีลูกเก้าตัว ลูกทั้งเก้าต่างไม่เหมือนกันเลยไม่ใช่หรือ
ความสามารถนี้ของหยางหยางสามารถแสดงออกมาได้มากกว่าเดิมในตอนนี้
หลังจากที่กระอักกระอ่วนเล็กน้อยในช่วงระยะเวลาสั้นๆ “ฮิฮิ แน่นอนว่าพวกเราก็ไม่ได้ไม่ยอมรับคุณแม่ง่ายๆหรอกครับ คุณปู่คุณย่าบอกว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่หรือ คุณแม่ไม่ให้พวกเราฉลองวันเกิดให้ พวกเราก็จะคิดว่าคุณแม่ไม่ได้เห็นพวกเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกันเท่านั้นเอง”
กู้ฮอนได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “หยางหยาง เหตุผลของลูกนั้นยากที่จะคล้อยตามได้เกินไปนะ หรือจะบอกว่าถ้าแม่ไม่ยอมฉลองวันเกิดกับพวกลูก พวกลูกจะเห็นแม่เป็นคนนอกจริงๆ จากนั้นก็ให้คุณพ่อของพวกลูกไปหาผู้หญิงคนใหม่มาเป็นแม่ให้พวกลูกหรือ”
คราวนี้ หยางหยางถูกกู้ฮอนสร้างความลำบากใจให้อีกครั้ง
ดูท่าว่าคราวนี้คุณแม่จะกลายเป็นคนใจแคบแล้วจริงๆ
ถึงอย่างไรหยางหยางก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เขาส่งสายตาคล้ายกับขอความช่วยเหลือมองไปทางเป่หมิงโม่ และมองไปทางเฉิงเฉิง หวังว่าในตอนนี้พวกเขาจะสามารถยื่นมาออกมาช่วยเหลือ
“ฮอน ลูกจะถือสาอะไรกับเด็กกัน พวกเขาก็ทำเพราะหวังดีต่อลูกไม่ใช่หรือ” ในที่สุดก็มีคนก้าวออกมาช่วยหยางหยางคลี่คลายสถานการณ์แล้ว