บทที่ 1135 พืชน้ำสองกลุ่ม
หวีหรูเจี๋ยทายความคิดในใจของกู้ฮอนถูกเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น เธอมีมุมมองต่อที่นี่ไม่ดีเล็กน้อยจริงๆ
เพราะว่าที่นี่เคยเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของเป่หมิงโม่และเฟยเอ๋อเท่านั้น
ผู้หญิงมักจะชื่นชอบการเปรียบเทียบอะไรหลายๆอย่าง
แม้ว่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเองเลยก็ตาม
หลังจากที่ในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อได้ยินหวีหรูเจี๋ยตำหนิเป่หมิงโม่ เธอก็รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองควรจะพูดอะไรเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศนี้สักหน่อย
อย่าให้บรรยากาศของทุกคนต้องหยุดชะงักแบบนี้ เธอไม่อยากให้วันเกิดที่นานๆทีจะต้องจบลงด้วยการแยกย้ายกันไปอย่างไม่สบอารมณ์
สรุปแล้วก็คือ ต้องทำให้แน่ใจว่าทั้งหมดจะสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น
และก็เป็นเพราะประโยคนั้นของเธอ ทำให้เป่หมิงโม่ที่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองมีทางให้ลง
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็อย่ายืนอยู่ตรงนี้อีกเลย เข้าไปข้างในกันเถอะ” เป่หมิงโม่เอ่ยจบแล้วก็เดินเข้าไปด้านในคนเดียว
กู้ฮอนก้มหน้ามองลูกๆทั้งสามคน “พวกเราก็เข้าไปกันเถอะ”
ถัดมาก็คือโม้จิ่งเฉิงและหวีหรูเจี๋ยที่เดินปิดท้าย
“ถึงตอนนี้แล้วคุณจะเอ่ยถึงเรื่องเก่าๆพวกนั้นขึ้นมาอีกทำไมกัน” โม้จิ่งเฉิงบ่นหวีหรูเจี๋ยเบาๆ
“ฉัน ฉันก็ไม่ใช่ว่ากลัวเธอไม่พอใจหรอกหรือ” หวีหรูเจี๋ยนั้นรู้สึกว่าตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรมเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอยากจะทำเรื่องดีๆเท่านั้นเอง
*
เป่หมิงโม่ไม่ได้พาทุกคนเดินเข้าไปในสวนลึก แต่กลับพาทุกคนไปยังตึกรูปทรงโบราณสองชั้นขนาดเล็กด้านหน้าที่อยู่ไม่ไกลจากประตูใหญ่แทน
“ตอนนี้ไปเปลี่ยนของที่ซื้อให้พวกลูกวันนั้นได้แล้ว” เป่หมิงโม่ก้มหน้าพูดกับเด็กๆทั้งสามคน
“OK!”
“ทราบแล้วค่ะ…..”
เด็กน้อยทั้งสามคนตอบเสียงใส เดินตามฉิงฮัวที่ยกกระเป๋าสัมภาระใบเล็กของพวกเขาขึ้นไปชั้นบน
“อย่างนั้นพวกเราก็ไปด้วย” โม้จิ่งเฉิงเอ่ยจบ ก็รีบพาหวีหรูเจี๋ยจากไป ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องให้ตัวเองมาเป็น กขค.
“อย่างไร คุณไม่ไปเตรียมตัวสักหน่อยหรือ” กู้ฮอนเห็นท่าทางลึกลับของพวกเขาแต่ละคนแล้ว ก็ไม่ลืมที่จะหยอกเป่หมิงโม่เล่นในตอนนี้
“ถ้าผมไปเตรียมตัวแล้ว คุณเดินหายไปจากที่นี่ ถึงเวลานั้นผมจะไปตามหาคุณจากที่ไหนกันล่ะ” เป่หมิงโม่เอ่ยตอบสบายๆ แฝงไปด้วยกลิ่นอายการหยอกเธอเล่นกลับ
“สถานที่ไหนฉันล้วนไปมาหมดแล้ว ก็ไม่เคยจะเห็นว่าหลงทางนะ สหายเหล่าเป่หมิง มีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไปนั้นไม่ถูกต้องนะ”
เป่หมิงโม่กลัวเธอจะหลงทางเหมือนอย่างที่เขาพูดว่าเสียที่ไหนกัน เขาแค่กังวลเล็กน้อยว่าเธอจะเดินผ่านไปยังสถานที่ที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว ทุกอย่างจะถูกเปิดโปงออกมาล่วงหน้าต่างหาก
แน่นอนว่าละครที่ดีจำเป็นต้องรอให้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อนถึงจะร้องได้ ผลลัพธ์นั้นถึงจะดีที่สุดไม่ใช่หรือ
โดยเฉพาะเขาที่เป็นผู้แสวงหาความสมบูรณ์แบบ
กู้ฮอนยักไหล่ แสดงท่าทางไม่สนใจ “ก็ได้ ฉันจะอยู่ที่นี่โดยไม่ขยับไปไหนเลย ได้หรือยัง คุณจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ อยากจะเห็นสักหน่อยว่าคุณจะสามารถทำอะไรออกมาได้”
สีหน้าเป่หมิงโม่อึมครึมเล็กน้อย “นี่มันคำพูดอะไรของคุณกัน ทางที่สุดทำเหมือนกับที่พูดออกมาเมื่อครู่นี้ อยู่ที่นี่นิ่งๆเถอะ” เอ่ยจบแล้วก็เดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่หันกลับมามองอีก
นี่มันลึกลับจริงๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนขึ้นไปที่ชั้นบนแล้ว แต่กลับไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวใดๆลอยมาเลย เหมือนกับว่าด้านบนนั้นไม่มีใครสักคน
ถ้าจะบอกว่าผู้ใหญ่หลายคนไม่ส่งเสียงก็ยังสามารถพูดให้ผ่านไปได้ แต่นี่เด็กๆทั้งสามคนก็ไม่มีเสียงอะไรด้วยเช่นกัน นั่นก็ยิ่งแปลกมากอย่างเห็นได้ชัด
กู้ฮอนยืนเอ๋อๆอยู่ที่นั่นได้ 6-7 นาที ก็ยังคงไม่มีใครลงมาสักคน ยิ่งไม่ได้ยินเสียงใดๆทั้งสิ้น
เหมือนกับคนโง่คนหนึ่ง ช่างน่าเบื่อเสียจริง
ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจมองไปรอบๆ ขอเพียงแค่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากนัก แม้ว่าเป่หมิงเอ้อ เจ้าหมอนั่นเห็นเข้า ก็จะไม่พูดอะไร
คิดไปคิดมา เธอก็เริ่มขยับเท้าอย่างช้าๆ
สวนที่เธออยู่ในตอนนี้ไม่ถือว่าใหญ่ เพียงแค่เป็นสไตล์โบราณเท่านั้น พูดความจริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ดู
เพียงแต่มีสถานที่แห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเองมากนัก มีสระน้ำยาวเลียบไปตามกำแพงสีขาวสระหนึ่ง
ถ้าหากว่าไม่ได้สังเกตดีๆล่ะก็ อาจจะเข้าใจผิดว่าเป็นรางระบายน้ำหนึ่งได้
นอกจากต้นไม้ทางด้านบนที่ถูกลมพัดร่วงลงมาแล้ว ผืนน้ำก็ยังคงสงบนิ่งอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าเธอจะอยู่ไม่ไกลมากนัก แต่ก็ยังคงเห็นได้ไม่ชัดเจนอยู่ดีว่าด้านในคืออะไร
แต่เงาดำที่เคลื่อนไหวไปมานั้นทำให้เธอเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
เดินไปไม่กี่ก้าว เมื่อเธอยืนอยู่บนหินอ่อนสีดำที่ทำเป็นเขื่อนกั้นน้ำเล็กๆ ถึงจะสามารถเห็นสภาพด้านในได้อย่างชัดเจน
ในแอ่งน้ำใสนั้นมีปลาคาร์ฟแหวกว่ายไปมา
ยี่สิบสามสิบตัวได้ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีแม้กระทั่งปลาตัวเล็กๆที่เธอไม่รู้จักชื่อ
ตอนที่เดินเข้ามานั้น พวกมันก็ราวกับถูกเรียกกันมารวมตัวใต้เท้าของกู้ฮอน
พื้นผิวน้ำมีน้ำสาดกระเซ็นเป็นระยะ มีเพียงแค่ส่วนหัวที่โผล่พ้นน้ำ ปากอ้าๆหุบๆ เหมือนกับว่ากำลังขออาหารจากเธอ
กู้ฮอนก็อยากจะโยนอะไรให้พวกมันสักหน่อย แต่ว่าในมือตอนนี้ นอกจากกระเป๋าที่พกติดตัวแล้วก็ไม่มีสิ่งของอื่นๆอีก
“ให้พวกแกตื่นเต้นไปโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ฉันไม่มีอะไรมาป้อนพวกแกหรอกนะ ขอโทษด้วยจริงๆ” กู้ฮอนค่อยๆย่อตัวลง ก้มหน้ามองปลาฝูงนั้นด้วยความรู้สึกเสียใจ พร้อมกับแบมือทั้งสองข้างออกมา
แต่ในเวลานี้เองที่เธอเห็นว่าในน้ำเหมือนจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นสักอย่าง แม้ว่าปลาคาร์ฟจะรวมตัวกันอยู่ แต่ว่าปลาขนาดเล็กตัวอื่นๆกลับเริ่มหนีกระเจิง
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพราะว่าพวกมันเข้าใจคำพูดของเธอ แต่เป็นเพราะในสระน้ำลึกนั้น มีพืชน้ำสองกลุ่มกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ฝูงปลา
พืชน้ำสองกลุ่มนี้มองดูแล้วแปลกประหลาดอยู่บ้าง ทุกกลุ่มนอกจากจะมีขนาดใหญ่เท่ากับมือที่กางออกห้านิ้วแล้ว การเคลื่อนไหวก็เป็นไปด้วยความรวดเร็ว
พูดกันตามหลักเหตุผลแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรต่างจากหญ้าที่เติบโตขึ้นในดินหรือ ถ้าหากไม่ใช่คนให้อาหารล่ะก็ จะเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้อย่างไรกัน นอกจากนี้ที่นี่ก็ไม่มีกระแสน้ำอะไรด้วย
***
พืชน้ำสองกลุ่มนั้นเข้ามาใกล้ฝูงปลาอย่างรวดเร็ว มีปลากะพงแดงขนาดเล็กสองตัวที่ยังไม่จากไปไหน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็จมลงไปในน้ำอย่างดิ้นรน……
ที่นี่มีไม่มีสัตว์ประหลาดจริงๆหรือ……
เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับกู้ฮอน เธอคิดจะสืบหาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
แต่ก่อนเคยได้ยินมาว่าบนบกมีพืชบางชนิด ยกตัวอย่างเช่น หม้อข้าวหม้อแกงลิง สามารถอาศัยแมลงวันหัวเขียว รวมไปถึงแมลงตัวเล็กๆเป็นอาหาร
แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนหลุดพ้นด้วยตัวเอง เหยื่อโยนตัวเองเข้าไปในแหเอง
แต่เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ไม่ใช่เช่นนั้น พืชน้ำสองกลุ่มเป็นฝ่ายไล่ล่าอาหาร
ไม่รู้ว่าเป่หมิงโม่ไปหาสิ่งประหลาดเหล่านี้มาจากที่ไหน
คิดไปคิดมา เธอก็ยืนขึ้น เตรียมหากิ่งไม้จากรอบๆ มาดูให้ชัดเจน
แต่เธอเพิ่งจะหันหน้ากลับไป ร่างกายก็โอนเอนไปมา จนเกือบจะล้มลงไปในน้ำ
“คุณเป็นผีหรือไงกัน ไม่ส่งเสียงอะไรสักนิด” ร่างกายเธอยังคงโอนเอนไปมา แขนทั้งสองข้างพยายามเหวี่ยงไปมาเพื่อรักษาความสมดุลของตัวเอง
เพียงแต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ยังคงอาศัยเรี่ยวแรงของเป่หมิงโม่ที่ยืนอยู่ด้านหลังโดยไม่พูดอะไรทำให้ยืนได้มั่นคง
“ผมเห็นว่าคุณสนใจปลาฝูงนั้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ได้รบกวนคุณ” มือใหญ่ของเป่หมิงโม่จับแขนของเธอไว้แน่น
เพิ่งจะยืนได้มั่นคง กู้ฮอนก็รู้สึกถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นตึกตักๆอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่มั่นคงแล้วเธอก็เดินลงมาจากเขื่อนเล็กที่สร้างขึ้นมากั้นลำน้ำไว้ชั่วคราวนั้น “ในสระน้ำของคุณมีพืชน้ำประหลาดอยู่สองกลุ่มที่สามารถกินปลาตัวเล็กๆได้”
“พืชน้ำกินปลาหรือ” นี่ทำให้เป่หมิงโม่รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แต่เขาก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “อ๋อ ผมรู้แล้วว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร พวกมันไม่ใช่พืชน้ำ”
เขาพูด พลางเดินไปที่เขื่อนเล็กที่สร้างขึ้นมากั้นลำน้ำไว้ชั่วคราว ย่อตัวลงไป
กู้ฮอนก็ย่อตัวลงอยู่ด้านข้างเขา
พูดไปแล้วก็แปลก ตอนที่เป่หมิงโม่เข้าไปใกล้สระน้ำ พืชน้ำสองกลุ่มที่อยู่ใต้น้ำก็โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางฝูงปลาคาร์ฟ มีสองตัวที่มีศีรษะสีดำเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“พวกมันเป็นผู้ที่มาอาศัยกลุ่มแรกสุด” เป่หมิงโม่พูด ยื่นนิ้วออกไป ลูบลงบนศีรษะเล็กๆสองตัวนั้นเบาๆ “นี่เป็นเต่าตนุที่พ่อผมเป็นคนเลี้ยง พวกเขาล้วนมีอายุมากกว่าคุณเล็กน้อย”
กู้ฮอนพิจารณามองอย่างละเอียด ก็เห็นโครงร่างของกระดองเต่าชัดเจนขึ้นมากกว่าเดิม สีเขียวชอุ่มของพืชน้ำลอยไปมากลางน้ำ เหมือนกับผมยาวที่ปลิวไสวอยู่ท่ามกลางสายลม
“ไปให้พ้น เอาฉันไปเปรียบเทียบกับพวกมันให้น้อยๆหน่อย” เธอมีสีหน้าเย็นชา “ถ้าคุณยังพูดจาไร้สาระอีก ระวังว่าฉันจะผลักคุณลงไปอยู่เป็นเพื่อนกับพวกมัน”
เธอพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืนจากไป
แต่เป่หมิงโม่ยังคงรักษาท่าทางเดิมเอาไว้ เต่าสองตัวนั้นมีท่าทางชอบเขาเป็นอย่างมาก เห็นเท้าเล็กๆของพวกมันเริ่มตีเข้ากับผิวน้ำไม่หยุด คิดอยากจะออกมาจากในน้ำ
อีกทั้งยังเคลื่อนไหวไปตามทิศทางของนิ้วเขา แหวกว่ายไปหน้าหลังซ้ายขวา
“พวกมันล้วนฉลาดเป็นอย่างมาก ตอนที่ผมยังเด็กก็มักจะมาเล่นด้วยกันกับพวกมัน คุณพ่อของผมก็ชอบพวกมันมาก ไม่ว่าตอนนั้นจะงานยุ่งแค่ไหน ก็จะหาเวลามาดูพวกมัน ผมเคยหึงพวกมันด้วย ความรู้สึกที่คุณพ่อมีต่อลูกของตัวเองดีสู้ความรู้สึกที่มีต่อพวกมันไม่ได้เลย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็สามารถเข้าใจเขาได้อย่างช้าๆ แต่ในวันนี้มีเพียงแค่ผมที่มาที่นี่ ส่วนคุณพ่อนั้นก็คงจะมาไม่ได้อีกตลอดกาล”
เป่หมิงโม่พูด หลังจากถอนหายใจแล้วก็ลุกขึ้นยืน หมุนตัวออกจากเขื่อนเล็กที่สร้างขึ้นมากั้นลำน้ำไว้ชั่วคราว
ส่วนเต่าตนุที่อยู่ในสระน้ำก็ว่ายอย่างรวดเร็วจนน้ำกระเซ็น ดวงตาเล็กๆนั้นมองไปตามทิศทางที่เป่หมิงโม่จากไป
“พวกเด็กๆ คุณป้าหวีหรูเจี๋ยและพ่อบุญธรรมล่ะ นานขนาดนี้แล้วทำไมถึงยังไม่ลงมาอีก” เมื่อพูดคุยกับเป่หมิงโม่ไปได้ครู่หนึ่ง กู้ฮอนก็เกือบจะลืมไปว่าผ่านไปเป็นเวลานานครู่หนึ่งแล้ว
“คุณวางใจเถอะ พวกเขาล้วนสบายดี พวกเราเดินไปด้านหน้านั่นเถอะ ไม่แน่ว่าอาจจะตามมาในไม่ช้า” เป่หมิงโม่มีสีหน้าท่าทางสบายๆ
ที่นี่เป็นอาณาเขตของเขา จะสามารถทำเรื่องแปลกประหลาดอะไรออกมาได้หรือ
“ทำไมถึงไม่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายชุดนั้นของคุณกัน” ในตอนนี้กู้ฮอนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า เมื่อครู่เป่หมิงโม่ เจ้าหมอนี่ก็พูดว่าจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ผมหรือ ผมเปลี่ยนเสร็จแล้ว คุณดูไม่ออกหรือ”
 ̄□ ̄||
“มองไม่ออกเลยจริงๆ” กู้ฮอนเอ่ยอย่างไม่หลบเลี่ยง “เทียบกับชุดเมื่อครู่นี้แล้ว นอกจากกระดุมสีทองไม่กี่เม็ดที่เพิ่มขึ้นมาบนเสื้อผ้าแล้ว มีความแตกต่างอะไรอีกหรือ”
“ไม่ผิด ก็จุดแตกต่างพวกนี้แหละ”
“แซ่เป่หมิง คุณกำลังล้อฉันเล่นสินะ ปากก็พูดว่าจะฉลองวันเกิดให้ฉัน ฉันยังนึกว่าอย่างไร คุณก็ต้องใส่เสื้อผ้าที่ไม่เหมือนกับวันปกติ แต่ผลลัพธ์ก็แค่เปลี่ยนกระดุมไม่กี่เม็ดเท่านั้นเอง อย่างอื่นนั้นไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย นี่คืออารมณ์ขันอันเย็นชาของตระกูลเป่หมิงอย่างนั้นหรือ”
กู้ฮอนที่เผชิญหน้ากับเขาก็มีความรู้สึกที่ทั้งขันทั้งฉิว
เป่หมิงโม่เผชิญหน้ากับการที่เธอหัวเราะตัวเองแล้ว ก็ไม่ได้มีโทสะ แต่กลับเขยิบเข้าไปข้างใบหูเธอ เอ่ยเสียงเบาว่า “รออีกสักครู่ คุณก็จะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในชุดนี้”
คำพูดนี้ทำให้ทั่วทั้งร่างของกู้ฮอนขนลุกขึ้นมา
แต่หลังจากที่พิจารณามองใหม่อยู่สิบกว่ารอบ ก็ยังคงมองอะไรไม่ออกอยู่ดี…..