เทพปีศาจผงาดฟ้า – ตอนที่ 134

ตอนที่ 134

ตอนที่ 134 ออกจากเมืองมังกร

ช่วงเวลาเช้าตรู่เกือบยามสี่ของเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิซุยนั้นปราศจากผู้คน จะมีก็เพียงแต่ทหารเวรยามบางส่วนที่เดินตรวจตราไปทั่วเมืองเป็นบางจุดเท่านั้น

รอยแยกในห้วงอากาศปรากฏขึ้นในสถานที่แห่งหนึ่งภายในเมือง รอยแยกนั้นขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีร่างของคนผู้หนึ่งปีนออกมาจากด้านใน และกระโดดลงมายืนกับพื้น

“มืดสนิทถึงเพียงนี้ นี่ข้าโผล่ขึ้นในบ้านเรือนของชาวบ้านหรืออย่างไรกัน?” หลงเฉิน พึมพำออกมาพร้อมกับหันมองไปรอบตัว รอยแยกด้านหลังของเขาค่อยๆเรือนหายไปในที่สุด

“อ่อ…ดูเหมือนข้าจะมาโผล่ที่หอตําราประจําเมือง”

หลงเฉินพึมพํากับตนเอง เมื่อมองเห็นชั้นซึ่งมีตําราวางเรียงรายมากมายอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ แม้ว่าภายในห้องจะมืดมิดยิ่ง แต่หลงเฉินกลับสามารถมองเห็นทุกอย่างรอบตัวได้อย่างชัดเจน หลังจากที่ใช้เวลาในการปรับสายตาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ

“ข้าตั้งใจที่จะมาโผล่ยังถนนเส้นเล็กซึ่งอยู่ติดกับหอตํารานี้ต่างหาก เพราะเป็นสถานที่ที่ข้าเคยมาก่อนหน้า แต่ประตูแห่งห้วงมิติก็มักจะคลาดเคลื่อนเช่นนี้ ทําให้ข้าต้องมาโผล่ภายในหอตําราประจําเมืองแทน หากข้าคาดเดามิผิด เวลานี้หอตําราคงจะปิดอยู่เป็นแน่”

หลงเฉินพึมพํากับตนเองด้วยสีหน้าหงุดหงิดกับกฏแห่งห้วงมิตินี้…

“แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องหาหนทางออกจากที่นี่ให้ได้ แม้จักต้องทําลายทรัพย์สินบ้างก็ตามที แล้วข้าจะกลับมาชดใช้ให้ในคราหลัง…” หลงเฉินบ่นพึมพํา

หลงเฉินเดินตรงไปยังประตูทางเข้า หลังจากที่พยายามเปิดประตูอยู่ครู่หนึ่ง จึงพบว่าประตูหอตําราได้ลงกลอนไว้อย่างที่เขาคาดคิดมิผิด..

หลงเฉินหงุดหงิดใจไม่น้อยที่ถูกขังไว้ในหอตําราเช่นนี้ เขาจึงได้ทําลายประตู ก่อนจะเดินออกไปได้อย่างง่ายดาย..

ทหารที่เดินเวรยามอยู่ได้ยินเสียงดังขึ้นที่หอตําราประจําเมือง จึงรีบวิ่งตามเสียงนั้นไปทันที แต่กลับตกตะลึงเมื่อพบว่าประตูหอตําราได้ร่วงหล่นไปกองอยู่กับพื้น เมื่อพวกเขามองหาบริเวณใกล้ๆจนทั่ว แต่ก็มิพบเห็นผู้ใดจากนั้นทหารเวรยามจึงได้ส่งเสียงสัญญาณให้ทหารคนอื่นๆรับทราบ

ทหารยามบางส่วนเข้าไปสํารวจด้านในของหอตํารา ในขณะที่ทหารคนอื่นๆก็เดินสํารวจรอบนอก และพยายามค้นหาผู้ที่ลงมือกระทําการ แต่หารู้ไม่ว่าคนผู้นั้นได้หนีไปไกลแล้ว

หลงเฉินบินผ่านไปตามท้องถนนที่โล่งว่างอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ใช้สัมผัสเทวะสํารวจบริเวณโดยรอบไปด้วย แม้จะเขามต้องการให้ผู้ใดพบเห็นตนเองในขณะที่กําลังบินอยู่ แต่เพราะมิต้องการเสียเวลามาก เขาจึงต้องเสี่ยงบินออกมา แต่ก็ระมัดระวังตัวยิ่ง นับว่าโชคดีที่ตลอดทางที่บินมานั้น เขามพบเจอผู้คนเลย

ไม่น่านัก หลงเฉินก็กําลังยืนอยู่บริเวณสุดเขตแดนด้านตะวันตกของเมืองมังกร เขาเห็นกําแพงสูงใหญ่ที่ปิดกั้นเขตแดนไว้ และรู้ว่าบริเวณใกล้ๆ นี้จะมีจุดตรวจผู้คนที่เข้าออก

เมื่อมั่นใจแล้วว่าตนเองอยู่ห่างจากจุดตรวจผู้คนเข้าออกมากพอแล้ว หลงเฉินจึงได้ใช้ปีกมารสวรรค์พาตนเองบินข้ามกําแพงสูงนี้ไปอีกฝั่ง

หลงเฉินพบว่าเวลานี้ตนเองกําลังอยู่ในป่าลึก เขาได้นําแผนที่จักรวรรดิซุยติดตัวมาด้วย จึงรู้ว่าปาแห่งนี้ก็คือทางลัดที่จะนําพาเขาไปสู่เมืองติดกันตามแผนการเดินทางของตน หากเป็นพ่อค้า หรือคนอื่นๆ พวกเขาคงเลือกที่จะไปในเส้นทางที่เหมาะแก่การเดินทาง และปลอดภัยกว่านี้แม้จะยาวไกลกว่า นั่นเพราะถึงแม้การเดินทางผ่านป่าแห่งนี้จะไปได้เร็วกว่า แต่ก็เต็มไปด้วยอันตราย เพราะที่ปาแห่งนี้มีสัตว์อสูรแก่นปราณทองคําอยู่มากมาย

หลงเฉินตัดสินใจที่จะใช้เส้นทางที่ผ่านปาแห่งนี้เพื่อประหยัดเวลา อีกทั้งยังต้องการฝึกฝนต เองด้วยการเผชิญหน้ากับเหล่าสัตว์อสูรอีกด้วย เวลานี้เขาเข้าสู่อาณาจักรแก่นปราณทองคําแล้ว แต่ก็ยังมิเคยได้ประมือกับผู้ใดที่อยู่ในอาณาจักรเดียวกันนี้เลย หลงเฉินเชื่อว่าการต่อสู้กับสัตว์อสูร แก่นปราณทองคําจะช่วยให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้มาก

หลงเฉินยังคงเดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านไปกว่าครึ่งวัน เขาได้พบทั้งสัตว์ป่าและสัตว์ อสูรวิญาณที่สามารถจัดการได้ภายในกระบวนท่าเดียว

“เหล่าสัตว์อสูรแก่นปราณทองคํา พวกเจ้าไปหลบอยู่ที่ใดกันหมด!!”

ระหว่างทางที่เดินไปนั้น หลงเฉินก็ร้องตะโกนออกไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด เขาเดินทางมาตั้งนานแล้ว แต่กลับมีพบเจอสัตว์อสูรแก่นปราณทองคําเลยแม้แต่ตัวเดียว..

“เงียบนะ!! นี่เจ้าจักทําให้พวกเราถูกฆ่าตายกันหมด!!”

เสียงพูดดังขึ้นมา หลงเฉินหันมองไปตามทิศทางของเสียง และพบชายชราผู้หนึ่งกําลังนั่งแอบอยู่หลังต้นไม้ และจ้องมองมาทางเขา

“เพราะเหตุใดรึ?!” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง

“ที่นี่เป็นดินแดนของเหล่าหมีเหมันต์! พวกมันเป็นถึงสัตว์อสูรแก่นปราณทองคํา ข้าเพิ่งจะเข้าสู่อาณาจักรแก่นปราณทองคําขั้นหนึ่งเท่านั้น ยังรู้สึกหวาดกลัวพวกมันมาก ส่วนเจ้าเพิ่งจักเข้าสู่อาณาจักรผสานวิญญาณขั้นหก แม้จะยังหนุ่มยังแน่น แต่การที่คิดว่าตนเองจักสามารถรับมือกับสัตว์อสูรแก่นปราณทองคําได้นั้น ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลายิ่งนัก ที่ข้ากล่าวไปทั้งหมดเพ ราะเป็นห่วงอนาคตของเจ้านะพ่อหนุ่ม” ชายชราเอ่ยบอกหลงเฉินด้วยน้ําเสียงที่เอื้อเฟื้อ

“สัตว์อสูรแก่นปราณทองคํารึ?” หลงเฉินพึมพําออกมาพร้อมกับจ้องมองชายชรา

“ใช่แล้ว! แม้หมีเหมันต์จักนับว่ามีความฉลาดที่น้อยนิด แต่ความแข็งแกร่งของมันนั้นนับว่าสูงยิ่ง หากเผชิญหน้ากับมันตรงๆ ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น หนทางเดียวที่จะจัดการกับมันได้ก็คือต้องล่าพวกมันผ่านกับดักเท่านั้น ข้าแอบซุ่มอยู่ที่นี่รอให้มันตกลงไปในกับดักที่สร้างไว้อยู่เกือบ ทั้งวันแล้ว หลังจากที่มันตื่นขึ้นมา มันก็จะเดินไปตามเส้นทางนี้เพื่อไปยังแหล่งน้ําใกล้ๆ จากนั้นมันก็จะต้องติดกับดักของข้า แล้วข้าก็จะร่ํารวย..” ชายชราจ้องมองหลงเฉิน พร้อมกับเอ่ยบอกเขาด้วยใบหน้าภูมิอกภูมิใจ

“มันนอนหลับอยู่ที่ใด?” หลงเฉินเอ่ยถามอีกครั้ง

“เจ้าถามทําไม? เจ้าอย่าได้เดินไปทางนั้นเชียว หากมิต้องการให้มันตื่นขึ้นมาพบเจ้า หาไม่แล้วเจ้าจักต้องถูกมันข้าตายแน่เจ้าโง่” ชายชราเอ่ยบอกหลงเฉินยิ้มๆพร้อมกับชี้ไปยังเส้นทางตรงหน้า

หลงเฉินยิ้มออกมา และเริ่มตรงไปยังทิศทางที่ชายชราชี้บอก และชายชราก็ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง ที่หลงเฉินมิเชื่อฟังคําเตือนของเขา

“เจ้าโง่! แต่ก็ดี ข้าเองก็ซุ่มรอมันอยู่เกือบทั้งวันแล้ว หลังจากที่หมีเหมันต์ตื่นขึ้นมาจับเจ้าหนุ่มนั่นกิน มันก็จักต้องเดินไปที่แหล่งน้ํานั่น..” ชายชราพึมพํากับตัวเองยิ้มๆ พร้อมกับจ้องมองหลงเฉินที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ

“มันอยู่ที่นั่นจริงๆด้วย!”

หลงเฉินเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น เมื่อพบเห็นหมีเหมันต์ผ่านสัมผัสเทวะของตนหลังจากเดินไปได้ไม่ไกลนัก เขารีบมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางนั้นทันที และเข้าใกล้ร่างของหมีเหมันต์มากขึ้นเรื่อยๆ หมีเหมันต์ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา มันจึงตื่นขึ้นทันที ดวงตาสีขาวของมันเกิดขึ้น และกําลังจ้องมองร่างของหลงเฉินแน่นิ่ง

ดวงตาของหมีเหมันต์นั้นเป็นสีขาวดั่งหิมะเช่นเดียวกับขนของมัน มีเพียงกรงเล็บเท่านั้นที่เป็นสีดําตัดกับขนสีขาวสะอาดสะอ้าน ร่างอวบอ้วนของมันนั้นสูงมากกว่าสามเมตรเลยทีเดียว

“มันคือสัตว์อสูรแก่นปราณทองคําขั้นใดกันนะ?!” หลงเฉินครุ่นคิดพร้อมกับยิ้มกว้าง ในขณะที่กําลังสังเกตขั้นพลังบ่มเพาะของเจ้าหมีตัวนี้

เทพปีศาจผงาดฟ้า

เทพปีศาจผงาดฟ้า

Status: Ongoing

เทพปีศาจผงาดฟ้า เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท