ตอนที่ 138 สังหารให้หมด
รถม้าคันงามหยุดชะงัก ทหารอารักขาทั้งสองต่างก็ลงจากม้าของตน และจ้องมองไปยังภาพสยดสยองตรงหน้า
ประตูของรถม้าคันงามนั้นเปิดออก แล้วเด็กสาวสง่างามแต่กายด้วยอาภรณ์สีเขียวผู้หนึ่งก็ได้ก้าวลงมา..
“เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ? พวกเจ้าหยุดทําไมกัน?” นางจ้องมองไปทางทหารอารักขาทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมกับเอ่ยถามออกไป
“แม่นางโหยว…พอดีเกิดเรื่องขึ้น ด้านหน้ามีร่างไร้วิญญาณนอนเกลื่อนกลาดอยู่เต็มไปหมดจากการแต่งกายของพวกเขา น่าจะเป็นทหารของเมืองจันทราสีเงินเป็นแน่!” หนึ่งในทหารอารักขาของตระกูลฉินเอ่ยตอบด้วยท่าทางเคารพนบนอบ
“หืมมม?!”
นางพึมพําออกมาในขณะเดียวกันก็ก้าวเดินตรงไปด้านหน้า สายตาจับจ้องมองภาพ อันน่าสยดสยองตรงหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะร่างไร้วิญญาณที่นอนเกลื่อนกลาดพื้นนั้น ต่างก็มีอวัยวะไม่ครบถ้วน นางเหลือบมองร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่ใกล้กับประตูทางเข้าที่ สุดด้วยความสนอกสนใจ และบางสิ่งบางอย่างที่หล่นอยู่ข้างกายของคนผู้นั้น ก็ดึงดูดให้นางต้อง เดินเข้าไปดูใกล้ๆ โดยมีทหารอารักขาทั้งสองเดินตามหลังไป
นางเดินผ่านร่างไร้วิญญาณร่างอื่นๆไป และเมื่อเข้าไปใกล้ นางจึงได้โน้มกายลงหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา
“นี่มัน…ป้ายทองตระกูลหลงนี้!”
นางจ้องมองป้ายทองคําพร้อมกับพึมพําออกมาด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของนางบ่งบอกว่ากําลังครุ่นคิดอย่างหนัก นางกําป้ายทองไว้ในมือแน่น ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปขึ้นรถม้า
“ย้ายศพเหล่านี้ให้พ้นทางเสียจะได้เข้าเมืองกัน อย่างน้อยก็ต้องไปแจ้งพวกเขาให้ทราบว่า ทหารที่เฝ้าประตูเมืองถูกสังหารตายจนหมดแล้ว”
นางสั่งการทหารอารักขาเมื่อเดินไปถึงรถม้า สายตาเหลือบมองไปยังร่างที่นอนตายเกลื่อนกลาดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะก้าวขึ้นรถม้าไปด้วยสีหน้าครุ่นคิดพร้อมกับบิดประตู
หลงเฉินซึ่งนั่งหลังพิงต้นไม้อยู่นั้น สายตาที่เหม่อมองออกไปมีเพียงความว่างเปล่า ในขณะเดียวกันก็กําลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่ตนได้กระทําลงไปในวันนี้ เขาจดจําใบหน้าของทุกคนที่ตนลงมือสังหาร ได้อย่างแม่นยํา ทหารทั้งหมดที่พุ่งเข้ามานั้นเพียงเพราะต้องทําตามคําสั่ง
“ข้าสังหารผู้บริสุทธิ์ภายใต้อํานาจของบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในกายข้า ข้าควรต้องรู้สึกเศร้า รู้สึกผิด และรู้สึกขยะแขยงกับการสังหารผู้คน…แต่…ข้ากลับมิรู้สึกอะไรเลย! นี่ข้ามหลงเหลือความสํานึกผิดอีกแล้วงั้นรึ? นี่ข้ากําลังจะกลายเป็นผู้ใดกัน?! ชีวิตของข้านับจากนี้จะต้องเป็น เช่นนี้หรือ? ข้าจะต้องกลายเป็นปีศาจที่เข่นฆ่าผู้คนโดยที่มิอาจควบคุมตนเองได้อย่างนั้นหรือ? ข้า…ข้าจะมิสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเองได้อีกแล้วอย่างนั้นหรือ? ข้า…ข้ามสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนได้…ข้ารู้สึกว่าได้สูญเสียความเป็นตัวเองไปแล้ว…”
หลงเฉินพึมพําออกมาในขณะที่มือทั้งสองข้างยังคงกุมศรีษะไว้แน่น…
ซุนปรากฏขึ้นข้างกายเขาพร้อมกับนั่งลงบนพื้นข้างๆหลงเฉิน
“ข้า…ข้าพ่ายแพ้ให้กับโทสะในใจของตน! ข้ามสามารถควบคุมฤทัยมารได้!” หลงเฉินหันไปมองซุนพร้อมกับรอยยิ้มที่เศร้าโศก
“ข้าคิดว่าตนเองสามารถเข้าใจความรู้สึกของเจ้าในเวลานี้ได้ดี ข้าเองก็เคยพบเห็นภาพเช่นนี้ มาก่อนเมื่อเนิ่นนานมาแล้ว แต่เจ้ามิจําเป็นต้องรู้สึกแย่กับเรื่องนี้มากนัก นับตั้งแต่ที่เจ้าตัดสินใจเลือกเดินบนเส้นทางอันยิ่งใหญ่นี้ เส้นทางของผู้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะล้วนต้องราดปูด้วยโลหิต คนบางคนมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้อื่น จึงต้องสังหารผู้คนที่ขวางทางเพื่อให้ไปถึงจุดหมายของตน.. เพื่อให้ไปถึงในจุดที่เขาจําต้องไปให้ถึง” ซุนเอ่ยตอบหลงเฉินพร้อมกับจ้องมองเขา
“แม้ว่าพวกเขาจะตัดสินใจล้มเลิกการเดินทางบนเส้นทางนี้ แต่สถานการณ์กลับจะแย่ลงเรื่อยๆ พวกเขาจะต้องถูกลากกลับเข้าสู่วงจรแห่งการนองเลือดอีกคราด้วยสถานการณ์ต่างๆ” ซุน เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่ากําลังนึกถึงเหตุการณ์บางอย่าง
“หากเจ้ามิได้รับมรดกชิ้นนี้ เจ้าคงจะได้ใช้ชีวิตดังเช่นคนปกติทั่วไป แต่เจ้าก็อาจต้องเผชิญหน้ากับการถูกคนในตระกูลดูถูกดูแคลนหลังจากที่สูญสิ้นความเป็นอัจฉริยะไป แต่ชีวิตของเจ้าจะปราศจากซึ่งโลหิตลาดปูทาง จนกระทั่งหายนะมาเยือนพวกของเจ้า เจ้าอาจได้แต่นั่งมองพวกเขาถูกสังหารตาย ในขณะที่เจ้าเองก็ได้แต่กร่นด่าสาปแช่งความอ่อนแอของตนเอง แต่เจ้าหาใช่คนธรรมดาทั่วไปไม่!! เจ้าคือผู้ที่ถูกกําหนดให้ยืนอยู่เหนือสวรรค์ การนองเลือดถูกสลักไว้ในโชคชะตาของเจ้านับตั้งแต่ที่เจ้าพบเจอกับแหวนวงนี้แล้ว” ซุนเอ่ยต่อขณะที่สายตาเปลี่ยนมาจับจ้องที่แหวนบรรจุในนิ้วมือของหลงเฉิน”
“ข้าคงมิอาจหลีกเลี่ยงที่กลายเป็นมือสังหารได้สินะ?! คงต้องกลายเป็นปีศาจ? นี่คือชะตากรรมของข้างั้นรึ?” หลงเฉินจ้องลึกลงไปในดวงตาของซุนระหว่างที่เอ่ยถาม
“ข้ามิได้บอกว่าเจ้าจักต้องกลายเป็นปีศาจของโลกใบนี้ และมิได้บอกว่าเจ้าจักต้องสั่ง หารผู้คนบนโลกนี้ทุกคนด้วย แต่…เจ้าจักลายเป็นปีศาจเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูของตน หรือผู้ที่ขวางเส้นทางเดินของเจ้า มันผู้ใดที่กล้าขวางเส้นทางมุ่งสู่ความยิ่งใหญ่ของเจ้า เจ้าจักสังหารสังหาร พวกมันสิ้นที่กล้ายืนขวางกั้นระหว่างเจ้ากับเป้าหมาย โลกใบนี้โหดร้ายยิ่งนัก! หากเจ้ามิสังหารพวกมัน เจ้าก็จักต้องเป็นฝ่ายถูกสังหารเสียเอง..” ซุนเอ่ยตอบด้วยแววตาแน่วแน่
“เมื่อครู่ที่อยู่ในป่า เจ้าเองก็ได้เห็นปีศาจชั่วร้ายในจิตใจของมนุษย์แล้วมิใช่รึ? เรื่องนี้หาใช่เรื่องของความดีหรือความเลวไม่ แต่มันเป็นเรื่องของประโยชน์ส่วนตัว หากมีผู้ใดคิดที่จักทําร้ายเจ้า หรือครอบครัวของเจ้า เพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง เมื่อนั้น.. เจ้าจักยืนมองพวกมันฉกฉวยเอาทุกอย่างไปจากเจ้าโดยมิทําอะไร หรือจักหยิบอาวุธของเจ้าขึ้นมาเข่นฆ่าพวกมันทุกคน?” ซุนเอ่ย ถามในขณะที่น้ําเสียงของนางก็เข้มขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าย่อมต้องสังหารพวกมันให้หมดทุกคน..” หลงเฉินเตอบกลับพร้อมกับจ้องมองหน้าซุน
“เจ้าทําถูกต้องแล้ว! การสังหารเพื่อปกป้องตนเองและพวกพ้องหาใช่เรื่องเลวร้ายไม่. การลงมือสังหารบุคคลที่พยายามจะทําร้ายร่างกายเจ้าหรืออะไรก็ตาม หาใช่ความผิดไม่ พวกมันต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด เป็นเพราะความโลภและความปรารถนาที่จะได้ครอบครองป้ายทองตระกูลหลงต่างหาก ที่ทําให้พวกมันคิดลงมือทําร้ายเจ้า ข้าดีใจเสียอีกที่เจ้าสังหารพวกมันหมดทุกคนหาไม่แล้วเจ้าก็มิครูควรที่จะเป็นทายาทตระกูลหลง!! และยิ่งมิคู่ควรที่จะเป็นน้องชายของคุณชายเทียนเฉิน!! และที่สําคัญเจ้าจักมิสามารถมีชีวิตรอดอยู่ในโลกที่โหดร้ายนี้ได้นานนัก หากเจ้ายัง ควบคุมตนเองมิให้ลงมือสังหารผู้ที่ควรถูกสังหาร และการควบคุมตนเองเช่นนี้จักทําให้จิตใจของ เจ้าอ่อนแอลงเรื่อยๆ” ซุนจ้องมองหลงเฉินและยังคงกล่าวต่อ..
“แม้เจ้าจักคิดว่าการสังหารทหารทั้งหมดก่อนหน้านี้ เป็นเพราะตนเองตกอยู่ในอํานาจของทัยมาร แต่นั่นก็เป็นเรื่องจําเป็น ข้าคิดว่าเมื่อครู่ฤทัยมารทําสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้า เจ้ามิควรไว้ชีวิตทหารเหล่านั้นเพียงเพราะเหตุผลแค่พวกเขาทําตามคําสั่ง หากเจ้ามแสดงความเหี้ยมโหด และสร้างความหวาดกลัวให้กับพวกมัน เจ้าก็ยากที่จะปกป้องตนเองได้” ซุนเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน สายตาของตาจ้องลึกลงไปในดวงตาของหลงเฉิน
หลงเฉินจ้องหน้าซุนพร้อมกับยิ้มตอบ และรู้สึกว่าเวลานี้จิตใจของตนได้เบาขึ้นมาก เขายื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าของซุน แต่มือของเขากลับผ่านร่างซุนไปประหนึ่งสัมผัสอากาศว่างเปล่า
“ในโลกจริงนี้ เจ้าจักมิอาจสัมผัสร่างของข้าได้ ข้าหาได้มีอยู่จริงไม่” ซุนเอ่ยตอบยิ้มๆ แต่แววตากลับปรากฏความโศกเศร้าเล็กน้อย
“หาได้มีอยู่จริงรึ?!” หลงเฉินพึมพําออกมา
“นี่..เจ้าจักนั่งอยู่ที่นี่ตลอดทั้งวันเลยงั้นรึ? พวกเรายังไม่ถึงจุดหมายมิใช่รึ? พวกเรามิควรเสียเวลานั่งอยู่ที่นี่ทั้งวัน…” ซุนเอ่ยบอกพร้อมกับหัวเราะคิกคัก