เทพปีศาจผงาดฟ้า – ตอนที่ 144

ตอนที่ 144

ตอนที่ 144 ได้มาสัตว์อสูรวิญญาณขั้นสอง

“มิเป็นไร.. ข้าหาได้ต้องการของขวัญไม่ หากข้าต้องการข้าสามารถหาได้ด้วยตัวเอง ข้าเพียงแค่มิมีเวลามากมายนัก จึงต้องการขอซื้อมาจากเจ้า ปกติม้านี้น่าจะมีราคาสิบห้าเหรียญทองคํา นี่.. เหรียญทองคําทั้งหมดสามสิบเหรียญ ข้าขอมอบให้เจ้าเป็นค่าม้า” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับโยนถุงเงินเล็กๆใบหนึ่งให้ ชายวัยกลางคนจึงรีบคว้าไว้ทันที

“อาวุโส.. ท่านมิจําเป็นต้องจ่ายค่าม้า ข้าต้องการมอบมันให้กับท่านเพื่อเป็นของขวัญสําหรับมิตรภาพระหว่างท่านกับจักรวรรดิหมิงซูของเรา…” ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบหลังจากที่คว้าถุงเงินไว้ได้ทัน

“ประการแรก ข้ามขอรับของขวัญจากเจ้า ประการที่สอง มิตรภาพของข้าหาได้ซื้อกันง่ายๆเช่นนี้ หากเจ้ายังมิยอมรับเงินของข้า ข้าจักหักกระดูกของเจ้าจนกว่าเจ้าจักยอมรับ”

หลงเฉินแสร้างทําเป็นพูดจาขึงขังดุดัน จนชายวัยกลางคนถึงกับนิ่งอึ้งไป หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง จึงเก็บถุงเงินเข้าไปในเสื้อ

“ดีมาก!” หลงเฉินเอ่ยออกมายิ้มๆ เมื่อเห็นชายวัยกลางคนยอมรับเงินค่าม้าไปในที่สุด

“จักรวรรดิของเจ้าอยู่ห่างจากที่นี่มาก เหตุใดพวกเจ้าจึงได้เดินทางมาถึงที่นี่งั้นรึ? พวกเจ้ามาทําอะไรที่นี่งั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“เรียนอาวุโส.. พวกเรากําลังจะเดินทางไปยังจักรวรรดิเฉวียนเพื่อร่วมการสอบคัดเลือก เด็กหนุ่มผู้นี้ก็คือองค์ชายสองแห่งจักรวรรดิหมิงซูนามว่าไปหมิง.. ส่วนหญิงสาวผู้นี้คือองค์หญิงใหญ่แห่งจักรวรรดิหมิงซูนามว่าไปยุ่ว ทั้งคู่ต่างก็ต้องการไปเข้าร่วมการคัดเลือกศิษย์ที่จักรวรรดิเฉ วียน”

ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบหลงเฉินด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับเหลือบมองไปทางชายหนุ่มและหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ

หลังจากที่ได้ยินบทสนทนาของชายวัยกลางคนกับหลงเฉิน หญิงชายทั้งสองคนจึงสามารถคาดเดาได้ว่า ผู้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งคู่เวลานี้คือยอดฝีมือที่แข็งแกร่งยิ่ง และแม้แต่บิดาของเขายังต้องการที่จะผูกมิตรด้วย ทั้งคู่จึงรีบเปลี่ยนท่าที และสนทนากับหลงเฉินด้วยสีหน้าท่าทางนอบน้อม

“อาวุโสได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ที่ข้าบังอาจแสดงกิริยายะโสโอหังต่อท่านเช่นนั้น”

องค์ชายไปหมิงโน้มศรีษะลงพร้อมกับเอ่ยขอโทษหลงเฉิน ในขณะที่องค์หญิงไปวยังคงนั่งก้มศรีษะนิ่งไม่พูดไม่จา..

“มิเป็นไร!! เจ้าเองก็ยังเด็กนัก เมื่อครั้งที่ข้ายังหนุ่มยังแน่นเช่นเจ้า ข้าเองก็ยะโสเช่นนี้เหมือนกัน เพียงแต่อย่าประมาทเลินเล่อจนปล่อยให้ความโอหังส่งผลร้ายต่อตนเอง เหนือขุนเขายังมีนภา.. มิมียอดฝีมือใดเก่งสุดในใต้หล้า มิว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด ย่อมต้องพบเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสมอ เจ้าควรจักต้องฝึกฝนวรยุทธบ่มเพาะภายใต้ความนอบน้อมถ่อมตน และเคารพผู้อื่น เจ้าจึงจักได้รับสิ่งเหล่านี้ตอบแทนกลับมา…”

หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงจริงจัง แม้เขาจะรู้สึกว่าสิ่งที่ตนกําลังเอ่ยอยู่นั้นฟังดูช่างไร้สาระสิ้นดี นั่นเพราะที่ผ่านมาเขาเองก็ได้ประสบกับเหตุการณ์หลายอย่างที่ยืนยันว่า การได้รับความเคารพจากผู้อื่นนั้นหาใช่มาจากความอ่อนน้อมถ่อนตนของตนเองไม่ แต่เขาก็ต้องแสดงออกประหนึ่งว่าเป็นผู้อาวุโสที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาและปัญญา

“การคัดเลือกศิษย์เข้าสํานักยังอีกไกล เหตุใดพวกเจ้าจึงรีบร้อนเดินทางเช่นนี้เล่า?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“ถูกต้องแล้ว ยังอีกนานกว่าจะถึงวันคัดเลือก แต่ฝ่าบาทต้องการให้พวกเราเดินทางไปถึงที่นั่นโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้เสาะหาข้อมูลเกี่ยวกับสํานักต่างๆ และเรื่องสําคัญอื่นๆ ฝ่าบาทเอ่ยว่าความคุ้นเคยกับสถานที่จักเป็นประโยชน์ต่อการสอบคัดเลือกครั้งนี้ อีกทั้งการฝึกวรยุทธบ่มเพาะในจักรวรรดิอันดับหนึ่ง ย่อมต้องเป็นประโยชน์มากกว่าการฝึกอยู่ที่จักรวรรดิอันดับสองเช่นจักรวรรดิหมิงซูเป็นแน่..” ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบหลงเฉินด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“นับเป็นคําแนะนําที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว จักรพรรดิของเจ้าช่างน่าสนใจยิ่งนัก!” หลงเฉินเอ่ยชมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“แล้วพวกเจ้าคิดจะพักอยู่ที่นี่อีกนานเท่าใด?” หลงเฉินเอ่ยถาม

“เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้พวกเราก็จักต้องออกเดินทางแต่เช้า!” ชายวัยกลางคน เอ่ยตอบหลงเฉิน

“อ่อ เช่นนั้นข้าก็ขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย หากเจ้าเผชิญกับปัญหาเมื่อไปถึงจักรวรรดิเฉวียน ก็ให้เดินทางไปยังสํานักใดก็ได้ แล้วบอกกับพวกเขาว่าข้าส่งพวกเจ้ามา พวกเขาย่อมยินดีที่จะช่วยเหลือพวกเจ้าเป็นแน่” หลงเฉินโกหกพร้อมกับยิ้มออกมา

“ขอบพระคุณอาวุโสยิ่งนัก!! อ่อ.. ข้ายังมิรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของอาวุโสเลย มิทราบว่าข้าพอจะมีโอกาสได้รู้นามของอาวุโสหรือไม่?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามหลงเฉินพร้อมกับยิ้มประจบ

“คนผู้นี้หาได้มีตัวตนอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปไม่ ข้ามิได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวทางโลกมานานมากแล้ว แต่เมื่อครั้งที่ข้ายังหนุ่มยังแน่นนั้น ผู้คนต่างก็รู้จักข้าในนามหลงเฉิน” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับแอบยิ้มภายใต้หน้ากาก

“อาวุโสเฉิน!! ข้าจักจดจํานามของอาวุโสไว้!” ชายวัยกลางคนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“เอาล่ะ.. ข้าคงต้องไปแล้ว อย่าลืมทิ้งม้าไว้ให้ข้าก่อนที่พวกเจ้าจะออกเดินทางด้วยล่ะ!” หลงเฉินลุกขึ้นยืนพร้อมกับกําชับเรื่องม้า ก่อนจะเดินจากไป..

“ข้ามลืมเป็นแน่! ม้านั่นเป็นของท่านแล้ว ข้าจักทิ้งมันไว้ให้ท่าน ขอบคุณอาวุโสสําหรับทุกสิ่งทุกอย่าง..” ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มให้หลงเฉิน

“ช่างเป็นคนดียิ่งนัก แข็งแกร่งถึงเพียงนี้แต่กลับอ่อนน้อมถ่อมตน มิได้วางท่าใหญ่โตเลยแม้แต่น้อย..” ชายวัยกลางคนยิ้มพร้อมกับพึมพําออกมา ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังของหลงเฉิน ที่ค่อยๆเดินห่างออกไป

“อาวุโสหยวน.. คนผู้นั้นแข็งแกร่งมากจริงๆงั้นรึ?”

องค์หญิงไปวเอ่ยถามขึ้นทันทีหลังจากที่ร่างของหลงเฉินหายออกไปจากบริเวณชั้นหนึ่งของโรงเตี้ยมแห่งนี้

“องค์หญิง.. คนผู้นี้แข็งแกร่งยิ่งนัก! แข็งแกร่งอย่างที่เจ้าเองก็มิอาจคาดเดา เขาแข็งแกร่งกว่าบิดาของเจ้าเป็นแน่ ไม่แน่ว่าเวลานี้เขาอาจเข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพขั้นสูงสุดแล้วก็เป็นได้ หรืออาจจะแข็งแกร่งกว่านั้น…” ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ในเมื่อแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น เหตุใดยังต้องปกปิดใบหน้าเช่นนั้น? และเหตุใดจึงมาที่จักรวรรดิอันดับสองเช่นนี้?” องค์หญิงไปยวเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เรื่องนั้นหาใช่ธุระกงการของเราไม่ มิใช่เรื่องที่พวกเราต้องไปล่วงรู้ความคิดของผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนั้น เขาย่อมต้องมีเหตุผลในการกระทําของตนเอง แต่สิ่งที่พวกเราควรต้องรู้คือ อย่าได้ริอาจไปมีเรื่องกับเขา!” อาวุโสหยวนเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงจริงจัง

หลงเฉินเข้าไปในห้องพักของตนเอง และปิดประตูห้อง..

“สองเหรียญเงินต่อคืน.. เงินจํานวนนี้คนธรรมดาทั่วไปสามารถใช้ได้นานกว่าสองเดือนเลยทีเดียว แม้จักเป็นราคาห้องที่สูงยิ่งนัก แต่ผู้ฝึกวรยุทธที่แข็งแกร่งก็ย่อมหารายได้จากการล่าสัตว์อสูรได้ไม่ยาก..”

หลงเฉินบ่นพึมพํากับตัวเองในขณะที่ถอดหน้าออก และนั่นทําให้เขารู้สึกหายใจได้สะดวกสบายมากขึ้น

“เฮ้อ.. ใส่หน้ากากเป็นเวลานานมากไปก็ไม่ดีนัก!” หลงเฉินนั่งลงบนเตียงพร้อมกับรําพึงรําพันออกมา

“เจ้าคงรู้สึกดีมากเลยสินะ ถึงขั้นโอ้อวดลูกของตนเองเช่นนั้น?” ซุนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

“ข้าหาได้โอ้อวดไม่! ข้ามีลูกที่คอยสร้างปัญหาให้จริงๆ และเวลานี้ก็กําลังยืนอยู่ตรงหน้าข้าอย่างไรเล่า..” หลงเฉินเอ่ยตอบซุนยิ้มๆ

“หืมม.. นี่เจ้าหมายถึงผู้ใดกัน?” ซุนเอ่ยถามพร้อมกับทําสีหน้างุนงง ในขณะเดียวกันก็หันมองสํารวจไปรอบห้อง คล้ายกับกําลังมองหาอะไรบางอย่าง

“ห้ะ?! นี่เจ้าหมายถึงข้างั้นรึ?” ซุนเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับทําแก้มพองโตอย่างไม่พอใจ

“ย่อมมิใช่เจ้าเป็นแน่ ข้าหมายถึงสิ่งอื่นต่างหากเล่า” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ

“จริง?! เช่นนั้นเจ้าหมายถึงผู้ใดกัน?” ซุนเอ่ยถามและทําสีหน้าเป็นปกติ

“ข้าชื่นชอบวิชาอําพรางสวรรค์ของอาวุโสยิ่งนัก.. มันทําให้ข้ารู้สึกสนุกมากทีเดียว!” หลงเฉินรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที!

“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น! หากมิใช่วิชาล้ําเลิศคงจักมีคู่ควรอยู่ในความทรงจําของข้าเป็นแน่!” ซุนเอ่ยตอบหลงเฉินด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ

“ซุน เจ้าถ่ายทอดวิชาอื่นให้ข้าอีกจะได้หรือไม่?!” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆ

“ข้ามิได้รับอนุญาตให้ทําเช่นนั้นได้ และต่อให้ข้าสามารถทําได้ ข้าก็จะยังมถ่ายทอดวิชาใดให้เจ้าอีก เพราะเวลานี้เจ้ายังมีอีกหลายวิชาที่ต้องฝึกฝนเรียนรู้ นี่ยังมิรวมถึงความรู้เรื่องการหลอมกลั่นโอสถที่เจ้าได้มา จนถึงตอนนี้เจ้ายังมิได้เริ่มฝึกฝนเลย”

“อีกอย่าง.. สิ่งที่เจ้าควรต้องให้ความสนใจในเวลานี้ก็คือเรื่องการบ่มเพาะพลังชี้ภายในร่างต่างหาก อ่อ.. ยังมีเรื่องของการเรียนรู้ที่จะควบคุมฤทัยมารด้วย ฉะนั้น อย่าได้เรียนรู้มากจนเกินไป เพราะเพียงแค่นี้เจ้าก็ลําบากมากพอแล้ว”

ซุนเอ่ยบอกหลงเฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด..

เทพปีศาจผงาดฟ้า

เทพปีศาจผงาดฟ้า

Status: Ongoing

เทพปีศาจผงาดฟ้า เขาฟื้นสติตื่นขึ้นมาในร่างและผืนพิภพแห่งใหม่ หลังจากที่ล่วงลับตายจากไปในโลกก่อนหน้า หลงเฉินเริ่มออกเดินทางครั้งใหม่ในผืนพิภพที่เต็มไปด้วยเทพเซียนและมารปีศาจ สิ่งมีชีวิตลึกลับมากมายหลายหลาก และมนุษย์ที่สามารถบ่มเพาะพลังจนขึ้นกลายเป็นยอดฝีมือผู้ไร้เทียมทาน พร้อมผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดแห่งผืนพิภพทั้งมวล หนทางเบื้องหน้าของเขามิได้เรียบง่ายอย่างที่คิด จำต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายเกินคณานับ สังหารทุกคนที่เข้าขัดขวาง ยอดผู้ฝึกยุทธ์พเนจรท่องโลกาท้ายุทธภพสุดขอบฟ้า จนกลายเป็นที่รู้จักในนามเทพปีศาจแห่งจักรวาล ปกครองความเป็นและความตาย แม้กระทั้งสรวงสวรรค์ยังต้องก้มกราบต่อหน้าเขา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท