ตอนที่ 149 ตระกูลต้วน
หม้อหลอมโอสถนี้ตระกูลต้วนเป็นผู้สั่งทํา แต่ข้าคิดว่าคงมิจําเป็นต้องมอบให้กับเขาในเวลานี้ ข้าจําเป็นต้องลงโทษที่บุตรชายของเขาบังอาจสร้างปัญหาในหอหลอมกลั่นโอสถของข้า ข้าจําเป็นต้องให้บทเรียนกับพวกเขาบ้าง อาจารย์คู่ยิ้มให้หลงเฉินพร้อมกับเอ่ยตอบ.
ฮ่าๆๆๆ ข้าชอบ..ข้าชอบหม้อหลอมนี้ยิ่งนัก! หลงเฉินได้แต่หัวเราะออกมาหลังจากที่ได้ฟังคําบอกกล่าวของอาจารย์
ชายชราลุกขึ้นเดินตรงเข้าไปที่หม้อหลอม พร้อมกับยกมือขึ้นลูบไล้
นี่คือหม้อหลอมมังกรเทวะ หม้อหลอมโอสถนี้จะช่วยให้หลานชายของอาวุโส เริ่มศึกษาการหลอมกลั่นโอสถในเบื้องต้นได้ดีขึ้น ข้ารู้ดีว่าท่านสามารถสรรหาหม้อหลอมโอสถที่ดีกว่านี้ให้กับเขาได้ แต่ข้าอยากจะมอบสิ่งนี้ให้เขาเป็นของขวัญ
อาจารย์กู่เอ่ยบอกพร้อมกับยกหม้อหลอมมังกรเทวะมาไว้ตรงหน้าหลงเฉิน..
ข้าจะรับของขวัญชิ้นนี้ไว้ และขอขอบคุณท่านแทนหลานชายของข้าด้วย สําหรับของขวัญที่ล้ําค่าชิ้นนี้! หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มให้อาจารย์
หลงเฉินยิ้มออกมาพร้อมกับโบกมือไปมา แล้วของทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นกระสอบสมุนไพรหรือ แม้แต่หม้อหลอมโอสถ ทุกอย่างได้หายไปจากห้องทันที
เป็นดังเช่นที่ข้าคิดไว้จริงๆด้วย คนผู้นี้ต้องมาจากจักรวรรดิที่สูงกว่าจริงๆ มิเช่นนั้นเขาคงจะมิมีของวิเศษที่สามารถบรรจุสิ่งของเช่นนี้ได้เป็นแน่! อาจารย์กู่จ้องมองหลงเฉินพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ในใจ
สมุนไพรทั้งหมดราคาเท่าใดงั้นรึ? หลงเฉินเอ่ยถามอาจารย์ผู้ดูแลหอหลอมกลั่นโอสถ
สมุนไพรเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรพื้นๆ มิได้มีราคาสูงนัก ทั้งหมดก็เพียงแค่สองเหรียญทองคําขาวเท่านั้น แต่เพราะอาวุโสได้ช่วยข้าไว้มาก ข้าจึงต้องการขายสมุนไพรเหล่านี้ให้กับ ท่านในราคาต้นทุนที่ข้าซื้อมา ฉะนั้น ราคาของสมุนไพรทั้งหมดนี้ ข้าจึงคิดท่านเพียงแค่หนึ่งเหรียญทองคําขาว กับอีกหกสิบเหรียญทองคํา หรือท่านสะดวกจ่ายเป็นเหรียญทองคําทั้งหนึ่งร้อย หกสิบเหรียญก็ย่อมได้ ตามแต่ที่ท่านจะสะดวก อาจารย์เอ่ยตอบยิ้มๆ
ตกลง! หลงเฉินจัดการจ่ายเงินให้กับอาจารย์ผู้ดูแลหอหลอมกลั่นโอสถแห่งนี้
อ่อ ข้ายังมีอีกเรื่อง! ระหว่างที่เดินทางมาเมืองนี้ ข้าเผอิญพบเจอกับเหล่าสัตว์อสูรหน้าโง่มากมาย จึงได้ทําการสังหารพวกมันทิ้งเสีย เดิมที่คิดว่าจะปล่อยให้ร่างของพวกมันเน่าอยู่ในป่า แต่คิดได้ว่ามิควรทิ้งให้เสียของเช่นนั้น เพราะอวัยวะของพวกมันล้วนนําไปใช้ในการหลอมกลั่นโอสถได้ มิทราบว่าหอหลอมกลั่นโอสถแห่งนี้รับซื้อซากสัตว์อสูรหรือไม่? หลงเฉินเอ่ยถามอาจารย์
หอหลอมกลั่นโอสถของเรา ย่อมยินดีรับซื้อซากสัตว์อสูรที่ท่านกล่าวมา… อาจารย์กู่เอ่ยตอบด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
ถ้าเช่นนั้นก็ดีทีเดียว!
หลงเฉินพยักหน้าในขณะเอ่ยตอบ พร้อมกับเรียกซากของเหล่าสัตว์อสูรนับร้อยตนออกมากองไว้ในห้อง แต่เป็นเพราะห้องนี้ค่อนข้างใหญ่มาก จึงสามารถรองรับซากสัตว์อสูรจํานวนมากนี้ได้ แต่ถึงกระนั้นก็ได้สร้างความตื่นตะลึง และตกอกตกใจให้กับอาจารย์กูไม่น้อย
มีสัตว์อสูรขั้นแก่นปราณทองคํา 73 ตน สัตว์อสูรขั้นผสานวิญญาณ 153 ตน ราคาของซากสัตว์อสูรขั้นแก่นปราณทองคําทั้ง 73ตนนั้นคิดเป็นเงิน 2678 เหรียญทองคํา ส่วนซากสัตว์อสูรขั้นผสานวิญาณทั้ง 153 ตนคิดเป็นเงิน 1530 เหรียญทองคํา รวมราคาของซากสัตว์อสูรทั้งหมดที่อาวุโสจะได้รับคือ 4208 เหรียญทองคํา
อาจารย์กู่เอ่ยตอบหลังจากที่คํานวณราคาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ราคาที่ได้นับว่ามิคุ้มค่ากับเวลาที่ข้าต้องเสียไปกับการลงมือสังหารพวกมันมากนัก แต่ก็มิเป็นไร. หลงเฉินเอ่ยตอบเมื่อได้ยินตัวเลข
ชายชรายิ้มออกมาพร้อมกับยื่นเงินให้กับหลงเฉิน..
หลงเฉินรับเหรียญทองคําขาวมาทั้งหมด 42 เหรียญ และเหรียญทองคําอีก 8 เหรียญ หากนับรวมกับเหรียญทองคําขาวจํานวน 16 เหรียญ และเหรียญทองคําจํานวน 50 เหรียญที่เขาพกติดตัวมาด้วยก่อนหน้านั้น เวลานี้หลงเฉินก็มีเหรียญทองคําขาวทั้งหมด 58 เหรียญ และเหรียญทองคํา 58 เหรียญ
หลงเฉินนั่งสนทนากับอาจารย์ต่ออีกสักพักใหญ่ หลังจากนั้นจึงได้ขอตัวกลับ
หลงเฉินเดินออกจากหอหลอมกลั่นโอสถกลับไปที่โรงเตี้ยมทันที เมื่อเขาเข้าไปใกล้เขตโรงเตี้ยมก็พบว่า ด้านหน้ามีคนสองคนกําลังยืนรอเขาอยู่ หนึ่งในนั้นเป็นชายที่บอกที่ตั้งของโรงเตี้ยมแห่งนี้ให้กับเขา ส่วนอีกคนนั้นเป็นชายชราผมขาวโพลนในวัยหกสิบสวมอาภรณ์สีเขียวยืนอยู่ ชายชราชุดเขียวผู้นี้อยู่ในอาณาจักรแก่นปราณทองคําขั้นสิบ และเป็นที่สะดุดตาหลงเฉินยิ่งนัก
มิทราบว่าท่านคือผู้ใดกัน? หลงเฉินจ้องมองชายชราชุดเขียวพร้อมกับเอ่ยถาม
ข้าคือประมุขตระกูลต้วน นามว่าต้วนกวนหลี่! ชายชราชุดเขียวเอ่ยตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
งั้นรึ?! ตั้งแต่ที่ข้าก้าวเท้าเข้ามาในเมืองแห่งนี้ ข้าก็ได้ยินชื่อตระกูลต้วนถึงสองครั้งสองครา
ครั้งแรก.. ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้าและเป็นผู้บอกเส้นทางมาโรงเตี้ยมแห่งนี้ให้ข้าทราบ อีกทั้งยังบอกด้วยว่าโรงเตี้ยมดาราแห่งนี้เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดในเมือง เพราะตระกูลต้วนดูแลอยู่
ส่วนครั้งที่สอง.. ข้าก็ได้ยินชื่อตระกูลต้วนจากปากของลูกชายเจ้า – ต้วนฉู่! ครั้งแรกที่ข้าได้รู้จักชื่อตระกูลต้วนข้าก็รู้สึกประทับใจไม่น้อย แต่ครั้งที่สองที่ข้าได้ยินชื่อตระกูลต้วนกลับมิได้รู้สึกประทับเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ข้าจึงอดคิดมิได้ว่าในครั้งที่สามที่ข้าได้ยินชื่อตระกูลต้วน ข้าจะต้องรู้สึกเช่นใดกัน?!
หลงเฉินจ้องมองต้วนกวนหลี่พร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าขบขัน
อาวุโส.. ข้าหาได้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้กับท่านไม่! ที่ข้ามารอพบท่านที่นี่เพียงเพราะต้องการมาขอขมาอาวุโส ที่ลูกชายโง่เขลาของข้าได้ล่วงเกินท่านไปก่อนหน้านี้
แต่ถึงเขาจะทําผิดไป เมื่อกลับไปถึงบ้านเขาก็ยอมรับผิดแต่โดยดี และบอกเล่าความจริงทั้งหมดให้ข้าฟัง จากสีหน้าของเขาเวลานั้น บ่งบอกว่าเขาสํานึกผิดและเสียใจกับการกระทําอันโง่เขลาของตนเองยิ่งนัก หลังจากได้ฟังเรื่องราวจากปากบุตรชาย ข้าจึงรีบมาพบอาวุโสเพื่อขอให้ท่านยกโทษให้กับตระกูลต้วนของเราด้วย
ต้วนกวนหลี่เอ่ยบอกหลงเฉินพร้อมกับโค้งศรีษะลงเล็กน้อย..
เอาล่ะ เรื่องราวก็ผ่านไปแล้ว ข้าฝากไปเตือนเขาด้วยว่า วันหน้าวันหลังต้องระมัดระวังกิริยาของตนให้มากกว่านี้ ใช่ว่าทุกคนจะใจดีมีเมตตาเช่นข้า! หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
ข้าจะจดจําคําสั่งสอนของอาวุโสไว้ในใจ! เอ่อ.. อาวุโส ข้านําของขวัญมามอบให้กับท่านด้วย ข้าใช้เวลาเลือกอยู่นานถึงหนึ่งวันเต็มๆ ต้วนกวนหลี่เอ่ยบอกหลงเฉินพร้อมกับจ้องมองเขา
หืมม. ใช้เวลาเลือกถึงหนึ่งวันเต็มๆงั้นรึ?! แต่ข้าเพิ่งจะอบรมสั่งสอนลูกชายของเจ้าไปมิใช่รึ? เช่นนี้มิเท่ากับว่าเจ้าเริ่มสรรหาของขวัญให้ข้าตั้งแต่เมื่อวานหรอกรี? หรือเจ้าจะมีความสามารถในการทํานายหยั่งรู้อนาคตได้? หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างงุนงงสงสัย
ข้ามิได้นําของขวัญชิ้นนี้มามอบให้ท่านเพราะเรื่องของบุตรชาย ข้าทราบเรื่องที่อาวุโสเข้าเมืองของเรามาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และตัดสินใจว่าจะต้องมาคาราวะท่านนับตั้งแต่รู้เรื่อง จึงได้จัดการเลือกสรรของขวัญที่คิดว่าเหมาะกับท่านอยู่ตลอดทั้งวัน แต่ในระหว่างที่ข้ากําลังจะเดินทางมาพบท่านนั้น ก็ได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมดจากบุตรชายของข้าเสียก่อน.. ต้วนกวนหล่อธิบายให้หลงเฉินฟัง
งั้นรึ?! เช่นนั้นของขวัญที่เจ้าตั้งใจนํามามอบให้กับข้าคือสิ่งใดกัน? คงต้องเป็นของขวัญที่ล้ําค่ามากทีเดียว เจ้าจึงต้องใช้เวลาสรรหาถึงหนึ่งวันเช่นนี้! หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ
อาวุโส.. ของขวัญชิ้นนี้นอกจากจะนํามาคาราวะท่านแล้ว ยังถือเป็นการขอขมาจากข้าด้วย.. ต้วนกวนหลี่ยื่นกล่องในมือให้กับหลงเฉินพร้อมเอ่ยบอก
โอสถงั้นรึ? หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นคือโอสถ
นี่คือ โอสถรักษาชีพ เป็นโอสถระดับมนุษย์ขั้นแปด ว่ากันว่าสามารถรักษาบาดแผลตามร่างกายได้ทุกชนิด แม้จะมิใช่โอสถกู้ชีพ ในตํานานดังที่มีในจักรวรรดิอันดับหนึ่ง แต่ก็นับเป็นโอสถที่มีประโยชน์ และหาได้ยากยิ่งนัก ต้วนกวนหลี่บอกเล่าถึงสรรพคุณของโอสถที่ตนมอบให้
นับเป็นโอสถที่ล้ําค่ามากทีเดียว.. หลงเฉินพึมพํากับตนเอง
ข้าชื่นชอบของขวัญที่เจ้ามอบให้ยิ่งนัก หากวันข้างหน้าข้าได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง รับรองว่าข้าจะต้องมอบของขวัญที่มีค่ากว่านี้ให้กับเจ้าแน่ แต่เวลานี้สายมากแล้ว ข้าจําเป็นต้องออกเดินทางก่อนที่จะล่าช้าเกินไป. หลงเฉินจ้องมองด้วนกวนหลีพร้อมกับเอ่ยบอก
ข้ามิอยู่รบกวนเวลาของอาวุโสแล้ว ท่านจะได้มออกเดินทางล่าช้า! ต้วนกวนหลี่เอ่ยตอบพร้อมกับใบหน้าเปื้อนยิ้ม จากนั้นจึงนําคนของตนเดินจากไป
หลังจากที่ทั้งคู่จากไปแล้ว หลงเฉินก็ได้เดินตรงไปที่คอกม้า แล้วควบม้าระดับวิญญาณขั้นสองออกจากเมืองไปทันที
ไกลออกไปนั้น เป็นที่ตั้งของจักรวรรดิแห่งหนึ่ง