แม้แต่วิธีการเรียกแทนตัวเองก็เปลี่ยนไป นี่ไม่ใช่นาง หญิงผู้เป็นใหญ่ในห้องนอนเมื่อครู่นี้หายไปไหนแล้วล่ะ ซย่าโหวซื่อถิงรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ แต่แล้วก็เห็นแค่นางพุ่งเข้ามาหา เขาจึงโอวนางเอาไว้ในอ้อมอก และได้ยินนางพูดข้างหูด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “มีคนแอบฟังอยู่ข้างนอก”
ถึงว่า ซย่าโหวซื่อถิงหน้านิ่งไปชั่วขณะ แต่ก็เล่นละครกับนางต่อ ด้วยการอุ้มนางขึ้นมาและพาเข้าไปข้างใน เขาหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “มาดูสิ ว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!” ตอนเดินเข้าไป มือข้างหนึ่งหันไปปิดหน้าต่างดัง “ปัง”
อวิ๋นหว่านชิ่นมองดูหน้าต่างที่ถูกปิดแน่น และตั้งใจส่งเสียงร้องหนึ่งที “ว้าย! ท่านอ๋องทำหม่อมฉันเจ็บเพคะ!”
ตรงหัวมุมของกำแพง โหยวมอมอทำตามคำสั่งเจ้านายผู้อยู่ในวัง ให้คอยแอบฟังและสังเกตความเคลื่อนไหวด้านใน ตอนนี้เสียงเกี้ยวพาราสีจากด้านในดังออกมา นอกจากไม่คาดคิดว่าฉินอ๋องจะร้ายไม่เบา ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างไปจากข้าวใหม่ปลามันคู่อื่นๆ ส่วนชายาเอกท่านนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแผก ยังถือว่าดูแลองค์ชายได้ดีเลยทีเดียว
เมื่อภารกิจสำเร็จ มีเรื่องรายให้เจ้านายทราบแล้ว โหยวมอมอจึงลุกขึ้นและกลับไปพักผ่อน
ภายในห้องนอน ซย่าโหวซื่อถิงวางอวิ๋นหว่านชิ่นลงมา เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง คล้ายว่าไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อยู่ด้านนอกแล้ว ท่านอ๋องยิ้ม และจับคางนางพลางพูดว่า “ไม่เพียงแต่จมูกดี หูก็ดี เจ้ามันเป็นปีศาจจริงๆ ด้วย” ตอนที่พูดอยู่ เห็นได้ชัดว่าเริ่มรู้สึกเพลีย “เช็ดหน้าเสร็จ ก็ไปพักผ่อนเถิด”
เดิมทีอวิ๋นหว่านชิ่นนึกว่า การที่ฮองเฮาส่งคนมา ก็เพื่อทำให้คนอื่นดู ว่าตนนั้นดีกับพระราชโอรสแค่ไหน แต่นางไม่คิดว่าจะถูกจับตาใกล้ชิดถึงขนาดนี้ ดูๆ แล้วแม่นางเจี่ยงผู้นี้ คงจะคุมพระราชโอรสที่โตเต็มวัยของหนิงซีฮ่องเต้ไว้เกือบทุกคน ไม่ปล่อยให้หลุดมือไปเลยแม้แต่คนเดียว ส่วนฉินอ๋องก็ดูเหมือนจะชินกับเรื่องแบบนี้ไปแล้ว เขาไม่รู้สึกแปลกใจตรงไหน
ท่านอ๋องไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด อวิ๋นหว่านชิ่นลล้างหน้าเสร็จ เดินไปเปลี่ยนชุดหลังฉากกั้น
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ อวิ๋นหว่านชิ่นง่วงนอนมาก วันนี้ช่างเป็นวันที่เหนื่อยเหลือเกิน นางรอท่านอ๋องไม่ไหว แล้วนางก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
สีของท้องฟ้ายิ่งดึกก็ยิ่งมืด ซย่าโหวซือถิงกลับไปถึงห้องนอน ถอดมงกุฎออก สวมใส่ชุดนอนสีเรียบเงิน หันไปเห็นคนบางคนนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง จึงเดินไปห่มผ้าให้ จากนั้นก็เดินไปดับเทียนมงคลลง เหลือเพียงเทียนฉางหมิง เอาไว้ส่องสว่างในยามค่ำคืน จากนั้นใช้กรรไกรกรีดนิ้วโดยที่ไม่แม้แต่จะลังเล
เลือดที่นิ้วไหลออกมา เขาเดินไปหยิบผ้าขาวล้วนที่วางอยู่ด้านหน้าโต๊ะไม้พยูงปาเซียน ซึ่งเป็นผ้าที่ยิวมอมจักต้องเอากลับเข้าวังไปด้วย เขาหยดเลือดลงบนผ้า รอจนมันแห้ง จากนั้นก็พับเก็บ และกลับไปที่เตียง
การหลับนอนในคืนแห่งวันอภิเษก เป็นคืนที่นอนหลับสบายมากที่สุด ตั้งแต่ย้อนอดีตกลับมา
มีเตียงสูง หมอนนุ่ม และยังมีหมอนหนุนที่เป็นคนอีก คล้ายว่าจะถูกเขาโอบกอดทั้งคืน มันรู้สึกนอนสบายมากถึงที่สุด
ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนเดินเข้ามา มีทั้งเสียงก้าวเท้าและเสียงพูดคุย ซึ่งเสียงดังจนทำให้อวิ๋นหว่านชิ่นตื่น นางคงจะหลับยาว
นางตื่นขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ว่างเปล่า เขาตื่นเร็วกว่าตนอีก ทันใดนั้นความง่วงก็หายไปเกือบครึ่ง พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าฟ้าสว่างจ้าแล้ว ตายแล้ว เมื่อวานชูซย่าพูดไว้ไม่มีผิด พอมาถึงจวนท่านอ๋อง ก็เริ่มนอนตื่นสายปานนั้น แต่เขาไม่ได้ปลุกให้นางตื่น
คนๆ นี้มันอะไรกัน เหตุใดถึงไม่ปลุกนางล่ะ!
อวิ๋นหว่านชิ่นลุกจากเตียง สวมใส่รองเท้า เพิ่งคลุมผ้าคลุมเสร็จ นางก็ได้ยินด้านนอกดังขึ้น และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“นี่เพิ่งวันแรก ก็ตื่นสายกว่าองค์ชายสามเสียแล้ว คนที่เป็นภรรยา ใครๆ ก็ ตื่นก่อนสามี เปลี่ยนชุดเสร็จ ก็คอยรับใช้สามี อย่าว่าแต่เจ้านายของพวกเรา เป็นถึงท่านอ๋อง! แม้ว่ากฏระเบียบจะไม่เข้มงวดมากนะ แต่ก็ไม่ควรทำตัวถึงขนาดนี้ เจ้าดูสิ เจ้านายคนใหม่——” น้ำเสียงดูเกลียดชังเหลือเกิน
“ชู่——ระวังชายาเอกได้ยินนะ”
“จะได้ยินได้อย่างไรกัน คงยังนอนอยู่กระมัง” น้ำเสียงยังไม่เปลี่ยน
“เห้อ แต่จะโทษชายาเอกทั้งหมดก็คงไม่ได้ องค์ชายสามเห็นชายาเอกนอนหลับสบาย สั่งแล้วสั่งอีกว่าห้ามพวกเราไปปลุกนาง แม้แต่ผ้าม่านก็ห้ามเปิด เพราะกลัวแสงจะส่องโดนนาง ถ้าไม่ใช่เพราะโหยวมอมอมาเร่ง คงจะรอให้ชายาเอกนอนจนพอ ข้าว่านะ ชายาเอกของพวกเราท่านนี้ บุญเหลือจริงๆ”
“หึ องค์ชายสามเป็นนายของเจ้ามานานขนาดนี้ เจ้ายังไม่เห็นใจ พอมีคนใหม่มา เจ้าก็เริ่มประจบสอพอเลยนะ”
สาวใช้อีกคนเงียบและไม่กล้าพูดอะไรอีก คล้ายว่าจะเริ่มกลัวตำแหน่งและอำนาจของนางผู้นั้น
เสียงของคนแรกเป็นเสียงที่คุ้นเคยดี อวิ๋นหว่านชิ่นไม่แสดงสีหน้าอะไร ผ้าม่านถูกเปิดออก หรุ่ยจือกับสาวใช้อีกคนเดินเข้ามา พร้อมอ่างล้างหน้าและข้าวของเครื่องใช้ พวกนางไม่ได้พูดต่อ เปลี่ยนท่าทีที่เต็มไปด้วยความเคารพ จากนั้นคำนับพร้อมกัน
สาวใช้ข้างหรุ่ยจืออายุน่าจะราวสิบหกสิบเจ็ด หน้าตาซื่อๆ สะอาดสะอ้าน สวมใส่เสื้อผ้าที่มีระดับต่ำกว่าหรุ่ยจือหนึ่งขั้น พอเห็นอวิ๋นหว่านชิ่น นางวางอ่างลง คำนับ “ข้าชื่อเซียงจู๋ รับใช้ที่จวนใหญ่ คอยรับใช้นายท่านเวลาตื่นนอนเพคะ”
อวิ๋นหว่านชิ่นตอบอืม “องค์ชายสามละ”
เซียงจู๋ทูผงเกลือบนแปรง และยื่นให้นาง “อยู่ที่ห้องโถงเอกเพคะ หากถึงเวลามงคลแล้ว นายท่านและชายาเอกจะเข้าวังพร้อมกันเพคะ”
หรุ่ยจือเอาผ้าชุบน้ำ บิดน้ำออก พูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย “องค์ชายสามนั่งรอที่ห้องโถงเอกครึ่งชั่วยามกว่าแล้วเพคะ อันที่จริง ชายาเอกก็ควรจะนั่งรอพร้อมกัน”
เซียงจู๋เห็นหรุ่ยจือเริ่มวางมาดสาวใช้ใหญ่แห่งจวน แอบดึงชายเสื้อของนาง
หรุ่ยจือไม่รู้สึกรู้สาอะไร พูดด้วยเสียงเบาว่า “เจ้าดึงข้าทำไม ข้าไม่ได้เสียมารยาทต่อชายาเอกเสียหน่อย แค่เตือน ชายาจะได้เป็นที่ชื่นชอบขององค์ชายมากขึ้นไง หากชายาเอกเป็นคนใจกว้าง คงไม่ถือคำพูดของข้าหรอก”
ฝีปากดีเสียจริง อวิ๋นหว่านชิ่นบ้วนปากลงอ่างทอง ดึงผ้าเช็ดหน้าร้อนๆ จากมือของหรุ่ยจือมาแบบไม่เกรงใจ เช็ดปากเสร็จพูดกับนางว่า “แม้ว่าข้าจะนั่งอยู่ด้วย ก็ต้องรอเวลามงคลเหมือนกัน เมื่อวานข้าเหนื่อยแทบแย่ ปวดเมื่อยไปทั้งตัว องค์ชายสามให้ข้านอนให้เต็มอิ่มก่อนจะเข้าวัง ตอนที่เข้าเฝ้าข้าจะได้ไม่เสียมารยาท ที่แท้บ่าวใช้ของจวนท่านอ๋องมีแต่คนหัวสมองทึ่มทื่อ ยอมงอไม่ยอมหักไม่เป็นใช่ไหม ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะจัดการสมองของพวกเจ้าใหม่!”
หรุ่ยจือโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ยิ่งได้ยินว่า ‘ปวดเมื่อยไปทั้งตัว’ ยิ่งขบฟันแน่น และไม่พูดอะไรอีก
ล้างหน้าเปลี่ยนชุดเข้าเฝ้าเสร็จ อวิ๋นหว่านชิ่นก็เดินไปหาฉินอ๋องที่ห้องโถงเอก
ซย่าโหวซื่อถิงเห็นนางหน้าตาสดใส ลุกขึ้นเดินตรงไปหานาง มือจับที่แก้วนาง พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “นอนอิ่มแล้วหรือ”
อวิ๋นหว่านชิ่นมองหรุ่ยจือ จากนั้นจับมือท่านอ๋องออก “น่าเกลียด เดี๋ยวคนอื่นก็เอาไปพูดได้หรอก”
อยู่ในจวนของตัวเอง ต้องปิดบังอะไรอีกเล่า ซย่าโหวซื่อถิงสัมผัสได้ถึงสายตาที่นางมองหรุ่ยจือ คล้ายว่าจะเดาออก
แล้วในตอนนั้น พ่อบ้านเกาแห่งจวนอ๋องกับโหยวมอมอเดินมาด้วยกันหน้าตาสดใสมีชีวิตชีวา “ฉินอ๋อง ชายาเอก เกี้ยวพร้อมแล้ว เข้าวังกันได้แล้วเพคะ”