เงาของหญิงสาวรูปร่างผอมโปร่งเดินออกมา “หรุ่ยจือไม่ไว้ใจพระพลานามัยขององค์ชายสามเพคะ อีกทั้งรับใช้องค์ชายสามจนเคยชินแล้ว องค์ชายสามโปรดพาหรุ่ยจือไปเขตฉางชวนในครั้งนี้ด้วยเพคะ”
ไม่ได้เรียกตนว่า ‘บ่าว’ แต่เรียกตนด้วยชื่อของตน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับนายนั้นมิใช่เพียงนายบ่าวทั่วไป อวิ๋นหว่านชิ่นกลอกตา บนใบหน้าไม่มีสีหน้าใด
พ่อบ้านเกาสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากขึ้นก่อน “หรุ่ยจือ คนติดตามในการเดินทางครั้งนี้กำหนดไว้แล้ว อย่าก่อความวุ่นวาย”
“พ่อบ้านเกา” หรุ่ยจือหันหน้าไป ริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อยกโค้งขึ้นเล็กน้อย แสดงถึงความดื้อรั้น “หรุ่ยจือก่อความวุ่นวายอย่างไร เพียงแต่อยากจะดูแลรับใช้องค์ชายสามเท่านั้น”
จากมุมทางด้านอวิ๋นหว่านชิ่นมองไปแล้ว ต้องบอกว่า ความดื้อรั้นยิ่งเพิ่มความงดงามให้สาวใช้ผู้นี้ ดูเหมือนเช่นดอกไม้ที่ไม่กลัวฝนฟ้ากระหน่ำลมพายุใด แล้วนางก็หัวเราะเยาะเย้ย
หรุ่ยจือได้ยินพระชายาหัวเราะเยาะจึงมองไป น้ำเสียงเยือกเย็น “พระชายามีอะไรจะตักเตือนหรือเพคะ”
คำพูดนี้แม้จะพูดด้วยความเคารพนบนอบ กลับแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ซย่าโหวซื่อถิงสีหน้าคร่ำเครียด ยังไม่ทันรับสั่งอะไร อวิ๋นหว่านชิ่นก็กล่าวอย่างใจเย็น “แม่นางหรุ่ยจือไปด้วยแล้วจะทำอะไรบ้างหรือ”
หรุ่ยจือเม้มปากเรียวบางของนาง “ก็ต้องดูแลเรื่องการตื่นการบรรทมขององค์ชายสาม เตือนองค์ชายสามทรงฉลองพระองค์รักษาความอบอุ่น เสวยพระโอสถตามเวลา เสวยพระกระยาหารให้เป็นมื้อสิเพคะ”
“เหอะๆ แม่นางหรุ่ยจือช่างดูแลได้ถี่ถ้วนเสียจริง” อวิ๋นหว่านชิ่นใบหน้ายิ้มแย้ม “องค์ชายสามเสด็จไปครานี้ก็เพื่อเข้ารับตำแหน่ง มิใช่ไปประพาสชมเขาชมน้ำ ทรงพบปะกับเหล่าขุนนางในท้องถิ่นเป็นครั้งแรก ไม่สร้างอำนาจที่แข็งแกร่งไม่พอ ยังจะทิ้งภาพพจน์ที่ถูกตามพระทัยแต่เล็กไม่ทนความลำบากให้เขาอีก เสด็จไปไหนมาไหนก็ต้องพาสาวใช้งดงามอ่อนโยนคอยบ่นเรื่องกันหนาวรักษาความอบอุ่นเสวยให้ตรงเวลาแล้วคราวหลังใครจะเชื่อฟัง นี่หรือความหวังดีที่แม่นางหรุ่ยจือมีให้กับองค์ชายสาม”
หรุ่ยจือยืดคอกำลังจะเอ่ยปาก กลับได้ยินพระชายายังรับสั่งไม่จบ “ซือเหยาอันและเหล่าราชองครักษ์ที่ติดตามไปก็รับใช้องค์ชายสามมาเวลาไม่น้อยกว่าแม่นางหรุ่ยจือ ไม่มีใครมือขาดขาด้วน จะคอยดูแลรับใช้ให้ดีเอง แม่นางหรุ่ยจือไม่จำเป็นต้องตั้งแง่กับตนมากนัก หน้าที่อะไรก็จะแบกรับไว้คนเดียว ต้องจำไว้ว่า บนโลกใบนี้ ใครขาดใครแล้ว ต่างก็ยังใช้ชีวิตต่อไปได้ทั้งนั้น ยิ่งไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับตนเองมากถึงเพียงนั้น”
ไม่รู้ว่าทำไม ซย่าโหวซื่อถิงทรงโปรดท่าทางนางที่ดุเดือดเล็กน้อย พูดตบหน้าคนไม่แสดงสีหน้าอารมณ์เป็นที่สุด ถึงแม้หรุ่ยจือจะเป็นบ่าวรู้ใจที่เขาเลี้ยงมาหลายปี มีผลงานมาโดยตลอด ตอนนี้ถูกว่ากล่าวจนหน้าแดงหูแดง ก็ยังดูแล้วแอบขันอยู่ในใจ หลับตา สีหน้าเต็มไปด้วยความดื่มด่ำกับละครตรงหน้า
หรุ่ยจือถูกตำหนิจนพูดไม่ออกอยู่สักพัก ผ่านไปนานจึงเริ่มกล่าวพึมพำ “หลายปีมานี้บ่าวนอกจากต้องตามติดรับใช้องค์ชายสามแล้ว ไม่มีหน้าที่อื่นใด องค์ชายสามประทับอยู่ที่ใด บ่าวก็อยู่ที่นั่นเสมอมา ครานี้องค์ชายสามจะเสด็จไปเขตฉางชวน บ่าวอยู่ในจวน ก็ไม่มีธุระใดให้ทำนี่เพคะ…”
“ใครบอกว่าไม่มีกันเล่า” หรุ่ยจือยังพูดไม่จบ เสียงเด็กน้อยก็ลอยมาจากนอกประตู ตามติดมาด้วยเสียงของชูซย่า ฉิงเสวี่ย และเจินจูทั้งสามคน “คุณหนูเจ้าคะ…” ชุยอินหลัวยกขาอันอวบอ้วนของนางจูงมือเหอมอมอเดินเข้ามา ปากยังมีรอยไขนมสีขาวที่เช็ดไม่เกลี้ยง ชัดเจนว่าได้กินขนมเม็ดไขนมไส้สาเกที่อวิ๋นหว่านชิ่นส่งไปให้แล้ว
ซย่าโหวซื่อถิงได้กลิ่นสาเกผสมกับกลิ่นนมลอยมาจากตัวเด็กหญิงผู้นี้ ชุยอินหลัวเดินเข้ามาแล้วคำนับอย่างนอบน้อม พูดจาปากหวาน “คำนับองค์ชายสาม คำนับพระชายาอวิ๋น” เมื่อเอ่ยปากพูด กลิ่นหอมหวานก็พุ่งกระจายเต็มหน้าซย่าโหวซื่อถิง
เด็กหญิงนี่เมื่ออยู่ในบ้านเคยเรียกยศกับตนเมื่อไรกัน ทำดีหวังผลชัดๆ แล้วก็เป็นจริงดั่งที่คิด ซย่าโหวซื่อถิงฟังน้องสาวเอ่ยปาก “ท่านพี่ให้ข้ายืมหรุ่ยจือมารับใช้ข้าหน่อยสิเพคะ”
ซย่าโหวซื่อถิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าจะเอานางไปทำไมกัน เรือนเจ้าคนไม่พอใช้หรือ”
“พอเพคะ แต่เรื่องนี้ในจวนฉินอ๋องคิดว่ามีแต่นางที่คุ้นเคยเพคะ!” ชุยอินหลัวแอบมองอวิ๋นหว่านชิ่นเล็กน้อย แล้วทำหน้าจริงจังหันไปทางฉินอ๋อง สีหน้าไม่มีความเคอะเขินเลยสักนิด “ช่วงนี้อาหลัวได้กินขนมเม็ดนมไส้สาเกแสนอร่อย เอ่อ…พ่อครัวที่ทำขนมเม็ดนมนั้นบอกว่า มีต้นไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่าต้นโกโก้ ออกผลโกโก้ น้ำเหนียวข้นในผลไม้นั้นสกัดออกมาตุ๋น หุ้มห่อด้วยสาเกหวาน จะยิ่งอร่อยเพคะ แต่ว่าในเมืองหลวงนี้ไม่มีต้นไม้เช่นนี้ อีกยังมีคนเมืองหลวงไม่กี่คนที่รู้จัก แถวเมืองไห่หนานเมืองติดทะเลทางใต้นั้นถึงจะมี ในจวนอ๋องนี้ มีเพียงหรุ่ยจือเป็นคนเมืองติดทะเลทางใต้ เดิมทีตอนอยู่ภูมิลำเนาก็ทำสวนผลไม้ ท่านพี่ให้นางไปช่วยข้าหาหน่อยสิเพคะ”
พ่อครัวที่ทำขนมเม็ดนมหรือ ซย่าโหวซื่อถิงมองดูคนข้างกายที่กำลังดื่มชาอย่างไม่รีบร้อน
“ข้าได้ยินว่าท่านพี่ไปฉางชวนครานี้จะไม่พาหรุ่ยจือไปด้วย ให้นางอยู่บ้านอย่างไรเสียก็อยู่เฉยๆ ให้ข้าใช้เถิดนะเพคะ” ชุยอินหลัวเห็นว่าฉินอ๋องไม่ได้รับสั่งอะไร ร้อนใจจนทนไม่ไหว
ซย่าโหวซื่อถิงจึงได้ส่งสัญญาณให้พ่อบ้านเกาออกคำสั่ง
พ่อบ้านเกาเห็นสีหน้าขององค์ชายสามแล้ว รีบกล่าว “วันรุ่งขึ้นข้าจะจัดบ่าวสักสองสามคน ติดตามแม่นางหรุ่ยจือไปเมืองทางใต้หาวัตถุดิบกลับมาแล้วกันขอรับ”
หรุ่ยจือรู้ดีว่าน้องสาวลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ด้านกินใช้ไม่เคยถูกขัดใจ ครั้งนี้ก็เช่นกัน แค่เพียงหาวัตถุดิบอาหารมาเท่านั้น จะปฏิเสธได้อย่างไร ทำได้เพียงกัดฟันแล้วขานรับ “เพคะ”
ธุระก่อนออกเดินทางก็ได้สั่งเสียเรียบร้อยแล้ว ดึกแล้ว กลุ่มคนก็แยกย้ายกันไป ชุยอินหลัวยืนอยู่ท้ายสุด จูงมือเหอเมอเมอ ขยิบตาใส่อวิ๋นหว่านชิ่น สีหน้าอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป เหมือนว่ายังอยากจะอยู่ที่เรือนหลักพูดคุยต่อ แต่กลับถูกแม่นมกำมือแน่น ลากออกประตูไป
ในห้องเงียบสงบว่างเปล่า ได้ยินแต่เสียงชายพูดพลางหัวเราะลอยมา “ทำลูกอมเม็ดนมง่ายๆ ไม่กี่เม็ด ก็สามารถไล่คนทั้งคนไปเมืองไห่หนานที่ไกลออกไปหลายร้อยลี้ได้ พระชายาช่าง…เอาใจเด็กน้อยเก่งเสียจริง”
คนสี่สิบกว่าคนนั้นต่างก็ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ที่มาถิ่นฐานภูมิลำเนาของหรุ่ยจือ อวิ๋นหว่านชิ่นจะไม่เคยถามได้อย่างไร
นางปล่อยมือวางถ้วยชาลง “สั่งโยกย้ายสาวใช้รู้ใจของท่าน เสียใจหรือเพคะ” พูดจบก็เดินตรงไปห้องด้านใน
เสียใจหรือ เขามองหลังนาง ดีใจใคร่อยากสิถึงจะถูก!
อวิ๋นหว่านชิ่นเพิ่งจะเข้าไปในห้อง ก็รู้สึกว่าด้านหลังมีคนเข้ามาใกล้ กางแขนทั้งสองออก กอดเอวของตนเอาไว้ อีกยังรู้สึกว่าเขาก้มหน้าลงเกยคางอยู่แถวคอของตนแล้วลูบไล้ไปมา
ห้องอันอบอวนไปด้วยความรักใคร่และความอบอุ่นนั้น ยิ่งทวีความหวานหอมขึ้นไปอีก
เมื่อครู่อยู่ในห้องโถงมีคนนอกอยู่ ไม่เต็มที่ถึงอกถึงใจ ครั้งนี้ อยากหนีก็ทำไม่ได้
เมื่อคิดถึงว่าเพิ่งจะสมรสกันก็ต้องจากลา เขาก็เกิดความหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก
หลังกายนั้นลมหายใจก็ถี่ขึ้น อวิ๋นหว่านชิ่นรู้สึกว่าหน้าอกที่แนบติดด้านหลังนั้น เหมือนมีอะไรเต้นอย่างรุนแรง ในวันปกติก็ไม่เป็นไร แต่วันรุ่งขึ้นจะออกเดินทาง หากป่วยไปจะไม่ดี รีบหันกลับจับคอเขาเอาไว้ “ท่านใจเย็นก่อนนะ”
ซย่าโหวซื่อถิงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็กลับสีหน้าอารมณ์ค้างไป หญิงสาวหันมา แก้มทั้งสองดั่งท่วมท้นด้วยน้ำผึ้ง ทำคนใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก งอข้อศอกกอดรัดเอวของนางไว้ในแขน กล่าวเสียงต่ำทุ้ม “กว่าจะถึงเวลาอาหารเย็นก็อีกหลายชั่วยาม” มือหนึ่งก็เปิดม่านเตียงออก วางหญิงสาวที่เนื้อตัวอ่อนนุ่มหอมหวนไว้บนเตียง