ตอนที่37 พวกเขาก็รอดู ใครทนได้ดีกว่ากัน
โรงพยาบาลหนันหยู โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดใน เมืองT แผนกผ่าตัดที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นแผนกหัวใจ หรือแผนกสมอง หรือเพียงแผนกผ่าตัดทั่วไป ก็มีชื่อเสียงในระดับสากลทั้งนั้น
เมื่อยินเสี้ยวเสี้ยว ได้ออกจากรถแท็กซี่ มองไปตรงอาคารที่มีแสงไฟสว่างไสว ในใจอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดถอยกลับ……
ถือกล่องเก็บความร้อนเล็กๆ ไว้ในอ้อมแขน และยังมีแก้วเก็บความร้อนเล็กๆอีกใบหนึ่ง ยืนที่หน้าประตูโรงพยาบาล ไม่รู้จะทำยังไงดี ดึกขนาดนี้แล้ว จิ๋นลี่ยวนก็ยุ่งมาด้วย เธอมาที่นี่ เขาจะไม่พอใจหรือเปล่า?
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่ทิศทางของชั้น 17 เดิมทีคิดว่า ในเมื่อโกรธก็ง้อหน่อย แต่ถ้ายิ่งง้อแล้วยิ่งโกรธจะทำยังไงดี? จิ๋นลี่ยวนจะหย่ากับเธอทันทีด้วยความโกรธไหม? เธอจะดวงซวยไปผิดกฎข้อห้ามของบ้านจิ๋น หรือเปล่า?
ในขณะที่ข้างหนึ่งก็กำลังต่อสู้ในหัวใจ อีกข้างหนึ่งก็เดินเข้าไปในโรงพยาบาล ใครจะรู้ว่าทันทีที่เดินเข้ามา ยินเสี้ยวเสี้ยว ก็เห็นห้องฉุกเฉินที่วุ่นวาย หมอและพยาบาลมากมายกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ และเห็นหมอในแผนกอื่นๆ มาดูแลผู้ป่วยด้วย……
—— เฮ้ย! อยู่ดีๆทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นนะ?
——ใครจะรู้ล่ะ สมัยนี้คนขับที่ไร้จิตสำนึกมากเกินไปแล้ว
……
คนรอบข้างกำลังพูดคุยกัน ยินเสี้ยวเสี้ยว ถึงได้รู้ว่า เมื่อครู่มีอุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นใกล้ๆโรงพยาบาลหนันหยู ดังนั้น ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้ว โรงพยาบาลก็ยังยุ่งวุ่นวายอยู่
ยินเสี้ยวเสี้ยว ยืนจ้องมองอยู่ด้านข้างอย่างนิ่งอึ้ง เลือดสีแดงสด เสียงครวญครางที่เจ็บปวด กระจายส่งเข้ามาในหู ขมวดคิ้วมุ่น เงยหน้าขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้เห็นจิ๋นลี่ยวน ที่ยุ่งวุ่นวาย…..
จิ๋นลี่ยวนในขณะนี้ กำลังเดินตามกับเตียงที่เคลื่อนไหว ก้มตัวลงเล็กน้อย มองที่แขนเปื้อนเลือดแผลเหวอะหวะของผู้ป่วยบนเตียง อย่างละเอียดอ่อน ใบหน้าที่หล่อเหลาเคร่งครัดจริงจัง หลังจากตรวจอย่างรวดเร็ว จิ๋นลี่ยวนหันไปบอกอะไรบางอย่างกับพยาบาล จากนั้นก็เฝ้าติดตามดูอาการของผู้ป่วยมากยิ่งขึ้น
จิ๋นลี่ยวนแบบนื้ เป็นครั้งแรกที่ยินเสี้ยวเสี้ยว ได้พบเห็น
ต้องยอมรับว่า ความสะเทือนใจที่มีต่อเธอ หนักเป็นอย่างมาก!
ในความคิดของเธอ จิ๋นลี่ยวนคือ คุณชายสามแห่ง บ้านจิ๋น ที่มีชื่อเสียงโด่งดังใน เมืองT เป็นสามีที่ดูแลปกป้องเธอไว้ข้างหลังเธอในบ้านจิ๋น เป็นศัลยแพทย์ในห้องผ่าตัดที่หนึ่ง ของโรงพยาบาลหนันหยู ที่คนธรรมดาทั่วไปพูดถึงก็ต้องยกนิ้วโป้งให้มีเพียงที่ไม่เคยเห็นคนที่อยู่ตรงหน้านี้ จิ๋นลี่ยวน สีหน้าที่จริงจัง ด้วยทักษะแบบมืออาชีพ ที่อุทิศตนเพื่อช่วยชีวิตผู้คน……
กล่องเก็บความร้อนในอ้อมกอดถูกเธอกอดไว้แน่นขึ้น เธอยังจำได้ว่า ในโทรศัพท์ จิ๋นลี่ยวนบอกว่าเขายังไม่ได้กินข้าว หัวใจดวงน้อยๆ ในขณะนั้นรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา แต่เธอก็รู้เข้าใจดี ในเวลานี้ เธอไม่สามารถก้าวเข้ารบกวนเขาได้
กอดกล่องในอ้อมกอดไว้ ยินเสี้ยวเสี้ยว หันเดินไปตรงทิศทางของลิฟท์ ลิฟท์ตรงข้าม ก็คือลิฟท์ที่ใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มจิ๋นลี่ยวนพอดี
เขาก้มหน้าดูแลผู้ป่วย ไม่ได้เห็นเธอที่อยู่ตรงข้าม แต่เธอได้พิมพ์เขาเข้าไปอยู่ในสายตาแล้ว
จิ๋นลี่ยวน ต่อไปฉันมาดูแลคุณ ดีไหม?
ความคิดดังกล่าวได้เปล่งประกายในหัวใจของยินเสี้ยวเสี้ยว โดยไม่ทราบสาเหตุ ยังไม่ทันที่จะว้าวุ่น ประตูลิฟท์ทั้งสองฝั่งก็ได้ปิดลง ยินเสี้ยวเสี้ยวสามารถเห็นเพียงตัวเองที่สะท้อนอยู่ตรงข้ามเท่านั้นแล้ว ก้มหน้าลง ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มออกมา ใบหน้าที่งดงามคือรอยยิ้มที่พึงพอใจ
ไม่จำเป็นให้ใครชี้ทาง ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินมาถึงห้องทำงานของ จิ๋นลี่ยวน ด้วยความคุ้นเคย แม้จะรู้ว่า จิ๋นลี่ยวน ไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงาน ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังเคาะประตูตามมารยาท ก่อนเดินเข้าไป แล้วนำเกี้ยวที่ตัวเองเอามาทั้งหมด มาจัดวางเรียบร้อยบนโต๊ะกาแฟ แต่ละชิ้นน่ารักน่าอร่อย เพียงครู่เดียว ทั่วห้องทำงานก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้บรรยากาศในห้ห้องทำงาน กลิ่นเย็นชาของจิ๋นลี่ยวน ได้จางลงไป
หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่าง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆ เพื่อรอจิ๋นลี่ยวนกลับมา เธอไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา แต่วันนี้เธออยากจะเห็นหน้าเขาสักครั้งจริงๆ แต่สุดท้ายแล้ว เวลาก็ไม่เอื้ออำนวย จนกระทั่งตีสอง จิ๋นลี่ยวน ก็ยังไม่กลับมา ยินเสี้ยวเสี้ยว ก็ต้องลุกขึ้นเตรียมที่จะกลับไปอย่างจำใจ
เกี๊ยวบนโต๊ะกาแฟ ยินเสี้ยวเสี้ยว ไม่ได้เก็บ เธอไม่ทราบว่าเตาอบไมโครเวฟอยู่ที่ไหน คิดว่ายังไงถ้า จิ๋นลี่ยวน ได้เห็นเข้า ก็จะอุ่นกินเอง เลยทิ้งโน้ตไว้แผ่นหนึ่ง แล้วเตรียมออกไป แต่เพิ่งก้าวออกจากประตูห้องทำงาน ยินเสี้ยวเสี้ยว ก็ชนกับคุณหมอฉิงที่เข้ามาพอดี
ยินเสี้ยวเสี้ยว กล่าวคำขอโทษโดยอัตโนมัติ “ขอโทษ”
บนตัวของคุณหมอฉิงยังคงมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ แม้ว่าจะเป็นเสื้อคลุมสีขาว แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้ว่า คุณหมอฉิงก็น่าจะเพิ่งออกมาจากห้องผ่าตัดเมื่อครู่ นึกถึงทั้งคู่เป็นหมอด้วยกัน ในเสี้ยววินาทีนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็คิดว่า จิ๋นลี่ยวน ก็จะได้กลับมาด้วยหรือเปล่า เลยรีบถามขึ้นทันที “คุณหมอฉิง ไม่ทราบว่า จิ๋นลี่ยวน ก็จะกลับมาแล้วใช่ไหม?”
คุณหมอฉิงเงยหน้าขึ้นก็เห็นยินเสี้ยวเสี้ยว พอดี แววตาพาดผ่านความสงสัย จากนั้นก็ส่ายหัว เพื่อแสดงว่าไม่สนใจ และกำลังจะจากไป แต่คิดไม่ถึงว่า ยินเสี้ยวเสี้ยว ได้ถามขึ้นมา เธอไม่ใช่สาวน้อยที่แสนดี อยู่ในหอคอยงาช้างอย่างยินเสี้ยวเสี้ยว ได้ฟังคำถามนี้ ก็รู้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวน่าจะรอมานานแล้ว ขยับตัวสายตาเล็กน้อย คุณหมอฉิงพูดพร้อมยิ้มเบาๆ “เมื่อกี้เขาเพิ่งผ่าตัดผู้ป่วยเสร็จไปรายหนึ่ง ตอนนี้กำลังเตรียมจะผ่าตัดรายต่อไปอย่างน้อยยังต้องใช้เวลาสามถึงสี่ชั่วโมง คุณมีเรื่องอะไรไหม?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยิน หัวใจก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ส่ายหัวเบาๆแล้วยิ้มขอบคุณ ตามด้วยหันเดินจากไป และเธอไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า หลังจากไปที่เธอออกมาแล้ว คุณหมอฉิงที่อยู่ด้านหลัง ได้เปิดประตูห้องทำงานของจิ๋นลี่ยวนอย่างสงสัย……
หลังจากที่ทำการตัดแขนออกให้ผู้ป่วยเสร็จเรียบร้อย จิ๋นลี่ยวน รู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย รวมถึงวันนี้ยังไม่ได้กินข้าว ยุ่งจนถึงเวลานี้ ต่อให้เป็นมนุษย์เหล็ก ก็ทรุดตัวลงได้ หลังจากสั่งงานสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว จิ๋นลี่ยวนก็ได้ลากร่างกายที่เหนื่อยล้า กลับไปที่ห้องทำงาน
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก คิ้วของ จิ๋นลี่ยวน ก็ขมวดมุ่นในทันที
เขาไม่เคยชอบให้ห้องทำงานมีกลิ่นอื่นๆ กลิ่นน้ำหอมก็ดี หรือกลิ่นอาหารก็ดี แต่ในตอนนี้ ที่ห้องทำงานของเขา กลับมีทั้งสองกลิ่น
คุณหมอฉิงได้เปลี่ยนเป็นเสื้อเสื้อกาวน์ออกแล้ว ชุดเดรสรัดรูป มักจะเผยร่างที่เย้ายวนใจของเธอออกมาอย่างสมบูรณ์ เมื่อจิ๋นลี่ยวนเข้ามา ก็ได้เห็นคุณหมอฉิง ที่กำลังจัดเตรียมอะไรบางอย่างบนโต๊ะน้ำชา สีหน้าไม่ดีนะ แต่ก็ไม่ถือว่าน่าเกลียด
“คุณหมอฉิง คุณมีเรื่องอะไร?” จิ๋นลี่ยวนก้าวเข้ามา สายตาไม่มองที่ตัวเธอเลย เดินตรงไปที่โต๊ะทำงาน แม้แต่อาหารบนโต๊ะกาแฟ ก็ไม่ดึงดูดสายตาเขาเลยสักนิด “ถ้าหากไม่มีอะไร ก็กลับไปเถอะ ตอนนี้ฉันเหนื่อยแล้ว”
เห็นได้ชัดว่า เป็นการไล่แขก แต่คุณหมอฉิงเหมือนกับว่าฟังไม่เข้าใจ ยืนขึ้นมาอย่างอ่อนช้อย ในแววตามีความเขินอายเล็กน้อย แล้วพูดกับเขาว่า “ฉันก็แค่คิดว่า เกี๊ยวที่ฉันทำครั้งที่แล้ว คุณไม่ได้ลองชินดูเห็นคุณยุ่งมากขนาดนี้ เมื่อกี้ได้ทำเสร็จนิดหน่อยพอดีเลย เลยเอามาให้คุณลองชินดู”
สายตาของจิ๋นลี่ยวน มองไปที่เกี๊ยวกลมๆน่ารักที่ถูกจัดวางไว้อย่างตั้งใจ บนโต๊ะน้ำชา ในหัวสมองกลับปรากฏใบหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวออกมา ทันใดนั้น สีหน้ายิ่งดูไม่ดีเข้าไปใหญ่……
ถึงกับกล้าที่จะไปหาผู้ชายคนอื่นต่อหน้าต่อตาเขา จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการง้ออะไรเลย ผู้หญิงแบบนี้ คิดถึงทำไมกัน?
อารมณ์ไม่ดี และไม่ได้อยู่ในช่วงเวลางานด้วย อารมณ์ของจิ๋นลี่ยวนก็ยิ่งฉุนเฉียวขึ้นอีก เลยพูดกับคุณหมอฉิงโดยตรง “ตอนนี้ คุณสามารถออกไปได้แล้ว”
คุณหมอฉิงฟังออกความไม่พอใจในคำพูดของจิ๋นลี่ยวน อยู่แล้ว ก็เลยไม่กล้าอยู่ต่อไปอีก หันหลังกลับเตรียมที่จะออกไป แค่ก่อนที่จะออกไป ก็ยังได้มองเขา แล้วมองไปที่เกี๊ยว แล้วพูดว่า “คุณหมอจิ๋นนั่นคือน้ำใจของฉัน ฉันรู้ว่าเย็นวันนี้คุณยังไม่ได้กินข้าว ตอนนี้กินหน่อยนะ ก่อนกินดื่มน้ำซุปก่อน เพื่ออุ่นท้อง”
พูดจบ คุณหมอฉิงก็ไม่ได้ให้โอกาสจิ๋นลี่ยวน ได้พูด ปิดประตูลงเบาๆ แล้วออกไป
จิ๋นลี่ยวน ยื่นมือออกแล้วดึงเสื้อของตัวเอง สิ่งแรกที่เขายืนขึ้นแล้วทำก็คือ เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ คุณหมอฉิงพรุ่งนี้ไม่ต้องทำงาน น่าจะสามารถกลับไปทันทีได้เลย กลิ่นน้ำหอมที่ใช้ก็ไม่แปลก แต่เขาไม่ชอบกลิ่นนั้น! แล้วยังเป็นกลิ่นแบรนด์เดียวกันกับใครบางคน
หลังจากที่ห้องได้ระบายอากาศ ก็ได้ดีขึ้นมาก จิ๋นลี่ยวนไม่เคยขยับไปกินอาหารบนโต๊ะแม้แต่น้อย เพียงแค่นั่งบนเก้าอี้ทำงาน แล้วหลับตาลง แต่สุดท้ายแล้วร่างกายก็เกิดการประท้วง ลืมตาขึ้นมาอย่างจำใจ จิ๋นลี่ยวน ก็ได้เห็นโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะทำงาน กะพริบตาเล็กน้อย หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ก็ได้หยิบโทรศัพท์แล้วโทรออก……
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เรียกรถแท็กซี่ได้ ด้วยความลำบาก นั่งอยู่ในรถ แต่ก็ยังมีความกลัวนิดหน่อย ช่วงนี้ข่าวนักศึกษาหายตัวไป มีเยอะมากจริงๆ แม้ว่าเธอจะอยู่ในทางกลับบ้าน มองทิวทัศน์ที่คุ้นเคยบนถนน แต่ก็ยังอดที่จะตัวสั่นไม่ได้
จับโทรศัพท์ไว้ในมือแน่น ยินเสี้ยวเสี้ยว ลังเลสักพัก แล้วก็ได้โทรออกไป ทันทีที่โทรศัพท์ถูกรับ ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “พี่ชาย……”
ยินจื่อเจิ้น เพิ่งกลับมาถึง อาการเจ็ตแล็กยังไม่ทันหาย ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยว ออกไป เขากำลังอาบน้ำพอดี จึงไม่รู้เลยว่า น้องสาวของเขากล้าหาญมากจนกล้าออกจากบ้านในเวลาเที่ยงคืน สองเวลานี้ได้รับโทรศัพท์ เส้นเลือดบนหน้าผากของยินจื่อเจิ้นเสมือนได้กระตุกขึ้นเบาๆ เพียงแค่กดเสียงให้ต่ำ แล้วพูดแค่ประโยคเดียว “ยินเสี้ยวเสี้ยวดีที่สุดเธอควรอธิษฐานว่า เวลาที่ฉันเจอเขา เขาจะทำตัวได้ดีพอ!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวทางปลายสาย ยิ้มแห้งๆค้างไว้ในทันที
พี่ชาย ถ้าพี่ไม่น่ากลัวมากขนาดนี้ คาดว่า จิ๋นลี่ยวนยังจะทำตัวได้ดีกว่ามากอีกนะ……
ยินเสี้ยวเสี้ยวโทรหา ยินจื่อเจิ้น ไม่ใช่ว่าจะให้เขาออกไปรับเธอ แต่เพียงเพื่อแจ้งให้คนอื่นได้รู้ว่า มีคนรู้การเคลื่อนไหวของเธอ เพื่อป้องกันไว้ล่วงหน้าเท่านั้น แต่ยินจื่อเจิ้นยังคงพยายามลุกขึ้นจากเตียงอย่างจำนนต่อโชคชะตา ขับรถเลกซัสของตัวเองที่ไม่ได้ขับมาเป็นเวลานาน ออกมาจากโรงรถ จากนั้นก็ตัดหน้ารถแท็กซี่ตรงทางกลับบ้าน แล้วรับ ยินเสี้ยวเสี้ยว ออกมา
ยินเสี้ยวเสี้ยว ขึ้นรถของยินจื่อเจิ้น แล้ว ก็ถอนหายใจยาวๆ เพราะรู้สึกโล่งอก ระยะทางนี้ ไม่ถือว่าใกล้เลยจริงๆ เธอพูดโทรศัพท์กับพี่ชาย ยังคุยเป็นเวลาสิบนาทีเต็มๆ ยังเป็นกรณีที่รถไม่ติด ตอนนี้เธอถึงมีโอกาสวางสายลง
ยินจื่อเจิ้น มองดู ยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างไม่พอใจ พูดด้วยใบหน้าเย็นชา “เธอไปส่งของอย่างเอาอกเอาใจ แต่คนเขาแค่ส่งเธอกลับมายังไม่ยอมเลยหรือ?”
“ใช่ที่ไหน?” ในจิตใต้สำนึก ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ช่วย จิ๋นลี่ยวน อธิบายแทน “ก็เขายุ่งมาเลยไง?”
คำรามเสียงเบา ยินจื่อเจิ้นมองดูน้องสาวที่ไม่เอาไหนของตัวเอง แต่ความไม่ชอบใจต่อจิ๋นลี่ยวน ได้แสดงออกอย่างสมบูรณ์ ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มขึ้นอย่างละอาย แล้วไม่พูดต่อ
และอีกทางหนึ่ง หลังจากที่จิ๋นลี่ยวน ได้โทรติดต่อกันหลายสาย แต่ยินเสี้ยวเสี้ยว ยังคงอยู่ในระหว่างสนทนาอยู่ ใบหน้ายิ่งบึ้งตึงมากกว่าเดิม……
ดีมาก กลางคืนดึกดื่นยังคุยโทรศัพท์กับคนอื่น เห็นว่างเขาเป็นของตายจริงๆใช่ไหม? พวกเขาก็รอดู ใครทนได้ดีกว่ากัน!
ตามมาด้วย ทั้งสองเริ่มสงครามเย็นครั้งแรก ที่แปลกประหลาด!