ตอนที่10การแต่งงานสายฟ้าแลบ
เป็นอีกครั้งที่ได้นั่งเรนจ์โรเวอร์ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่กล้าที่จะเชื่อพวกเขาเจอหน้ากันแค่สองครั้งเธอเคยขึ้นรถเขาก็แค่สองครั้งแม้กระทั่งชื่อของเขาเธอก็เพิ่งจะรู้แต่ว่าพวกเขา……แต่งงานกันแล้ว?
สมุดสีแดงถูกจิ๋นลี่ยวนหยิบไปวางไว้ที่หน้ารถเรนจ์โรเวอร์รู้สึกถึงรอยแดงที่แสบร้อนจากแสงแดดวันนี้ที่ส่องเข้ามาทิ่มแทงสายตาหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างอย่าเงียบเชียบ
หลังจากสตาร์ทรถจิ๋นลี่ยวนก็เปิดปากพูดน้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย็นชา:“คุณจะไปที่ไหน?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวตกใจไปสักพักจึงบอกที่อยู่บ้านออกมานึกถึงเรื่องที่บ้านขึ้นมาทันทีหลังจากนั้นในตอนที่กำลังจะพูดกับจิ๋นลี่ยวนโทรศัพท์ของจิ๋นลี่ยวนกลับดังขึ้นมาเขามองเธอหลังจากนั้นก็ใส่หูฟังบลูทูธทันทีตอบกลับด้วยท่าทีผ่อนคลาย
“ผมคือจิ๋นลี่ยวน”
ในสถานการณ์ที่ขู่ขวัญไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นใครล้วนรู้ว่าอีกฝั่งหนึ่งคือเขาถ้าเป็นคนทั่วไปเมื่อฉันแนะนำตัวถึงจะบอกว่าฉันชื่ออะไรแต่ว่าเขารับสายแล้วพูดว่า‘ผมคือจิ๋นลี่ยวน’แสดงว่าเขามีความมั่นใจในตัวเองมากพอที่จะพูดชื่อออกไปในตอนนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวก็คล้ายเป็นคนโง่โดยไม่ทันคาดคิดนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอตั้งใจสังเกตจิ๋นลี่ยวนอย่างละเอียด
คิ้วเรียวทรงกระบี่จมูกโด่งคมสันริมฝีปากบางให้ความรู้สึกเซ็กซี่เคลื่อนไหวอย่างใจเย็นและเก็บตัว
ขมวดคิ้วชั่วขณะนั้นก็นึก:ใจเย็น?เก็บตัว?
การที่แต่งงานสายฟ้าแลบอย่างนี้คือเรื่องที่คนใจเย็นเขาทำกันหรือ?ใช่เรื่องที่คนเก็บตัวจะทำอย่างนั้นหรือ?
“มีเรื่องอะไร?พาคนไข้ไปตรวจความดันโลหิตไขมันในเลือดน้ำตาลในเลือดทั้งหมดนี้ก่อนเตรียมการเบื้องต้นให้ดีหากเห็นว่าไม่ไหวให้ไปตามหัวหน้าพยาบาลมาให้ฉีดสารบำรุงแบบเหลวเข้าไป……ผมรู้แล้วผมจะรีบไป”จิ๋นลี่ยวนสั่งงานพยาบาลเล็กที่กระวนกระวายอยู่ปลายสายด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดผ่านโทรศัพท์เมื่อถึงจุดเปลี่ยนรถหลังจากหักหัวรถแล้วก็นำรถไปจอดอยู่ข้างทางหันมาพูดกับยินเสี้ยวเสี้ยว:“ขอโทษด้วยตอนนี้ผมมีธุระไม่สามารถไปส่งคุณกลับได้รอผมทำงานเสร็จผมจะไปพบพ่อแม่คุณที่บ้านของคุณ……ผมจะไปคุยกับพ่อตาแม่ยายเรื่องการจัดงานแต่งงานของพวกเรา”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมีท่าทางคล้ายคนละเมอมองจิ๋นลี่ยวนนำหนังสือสีแดงไปเก็บและลงรถไปเปิดประตูให้เธอแล้วเรียกรถแท็กซี่ให้เธอหลังจากสั่งความกับคนขับรถเสร็จถึงหมุนตัวกลับมาขับรถออกไป
ยินเสี้ยวเสี้ยวตั้งแต่เปลี่ยนจากนั่งรถเรนจ์โรเวอร์เป็นรถแท็กซี่ก็มองออกไปนอกหน้าต่างตลอดเมื่อเห็นทิวทัศน์ที่คุ้นเคยสติก็กลับมาเธอกำลังจะถึงบ้านแล้วและข้างกายเธอตอนนี้ก็ไม่มีสามีที่ไหนอีกด้วย!
จิตใต้สำนึกเตรียมจะบอกคนขับรถให้กลับรถออกไปจากที่นี่แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกยินรั่วอวิ๋นที่ออกมารออยู่ที่ประตูเห็นเข้าทั้งยังบอกกับคนในบ้านยินอย่างสนิทสนมเพียงไม่นานเธอก็เห็นหลี่หมึ้งที่ออกมาจากห้องด้านในหนังศีรษะแข็งเธอได้แต่บอกให้จอดรถ
หลี่หมึ้งและยินรั่วอวิ๋นพากันเดินมาทางยินเสี้ยวเสี้ยวเมื่อเห็นว่าเธอลงรถมาคนเดียวภายในใจก็มีความลำพองใจนิดหน่อยแต่ใบหน้ายังไม่ได้แสดงอะไรออกมาเพียงแค่เข้ามาดึงมือเธออย่างสนิทสนม
“เสี้ยวเสี้ยวเมื่อเช้าเธอไม่ได้อยู่บ้านแล้วพวกเราคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอเสียแล้ว?ตอนนี้เห็นเธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”หลี่หมึ้งลากมือของยินเสี้ยวเสี้ยวราวกับเธออยากจะวิ่งหนีไปตลอดเวลาพูดเกินจริงแล้วหันมามองดูเธอที่อยู่ด้านหลังปากไม่ลืมจะพูดว่า:“เฮ้เสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่ว่าวันนี้เธอต้องพาแฟนหนุ่มมาหรือ?ฉันกับพ่อของเธอเตรียมตัวเสร็จแล้วนะคนล่ะ?อีกสักพักถึงจะมาใช่ไหม?”
แม้ภายในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวตอนนี้จะไม่เต็มใจก็ไม่สามารถปฏิเสธหลี่หมึ้งและยินรั่วอวิ๋นได้เธอรู้ความคิดของทั้งสองคนนี้ดีแต่ไม่สามารถทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายได้!แต่คำพูดของหลี่หมึ้งทำให้เธออึดอัด
“ถูกแล้วค่ะเขามีธุระนิดหน่อยคาดว่าอีกสักพักถึงจะมา”เมื่อพูดออกไปภายในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ไม่มั่นใจนิดหน่อยถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าตัวเองกับจิ๋นลี่ยวนเพิ่งจะออกมาจากสำนักพลเรือนแต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้คนจะไม่อยู่ที่นี่ที่บอกว่าไม่มั่นใจไม่ได้โกหก:“เดิมทีคุยกันไว้แล้วว่าจะมาค่ะแต่ว่าพอได้รับโทรศัพท์ก็เลยออกไป……”
ได้ยินคำพูดที่ไม่ค่อยมั่นใจอย่างชัดเจนของยินเสี้ยวเสี้ยวยินรั่วอวิ๋นและหลี่หมึ้งก็เบนสายตามาสบกันในมุมมืดไม่พูดอะไรไม่ได้โจมตียินเสี้ยวเสี้ยวอย่างน่าประหลาดใจแต่ยังคงประกบและดึงเธอเข้าประตูบ้านยิน
และยินเสี้ยวเสี้ยวในเวลานี้ภายในใจได้ก่นด่าจิ๋นลี่ยวนอย่างบ้าคลั่ง!
ผู้ชายสมควรตายมีที่ไหนเพิ่งจะแต่งงานวันแรกก็รีบไปทำงาน?เธอไม่ดีอะไรขนาดนั้น?แม้แต่งานของเขายังไม่สามารถเทียบได้?
ผู้ชายคนนั้นไม่เพียงปากพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังแถมยังเหยียบเท้าคนได้อย่างเจ็บปวด