ตอนที่25 ฉันให้ยืมเอามั้ย
‘ร้านอาหารเทาถี้’ กับ ‘โรงแรมหซือซัน’ เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากในเมือง T
ถ้าคุณแน่มากก็เดินเข้ามา แล้วพวกเราจะบริการคุณอย่างดี ถ้าไม่แน่ก็ยืนดูอยู่ข้างนอกเงียบๆ
ลูกค้ามากมายที่เข้ามาในร้านร้านอาหารเทาถี้’ หรือไม่ก็ร้าน ‘โรงแรมหซือซัน’ ไม่เคยมีลูกค้าคนไหนที่ผู้จัดการร้านจะให้เกียรติมากขนาดนี้
และจิ๋นลี่ยวนเป็นคนแรก
พอเห็นผู้จัดการร้านเคารพเขามากมายขนาดนี้ คนรอบข้างก็หยุดนิ่งแล้วต่างก็มองมาที่เขา และทุกคนก็กำลังคิดกันในใจว่า จิ๋นลี่ยวนเขาเป็นใครกันแน่
เขาไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง แต่กลับหันไปจ้องหน้า เซี่ยงเฉิง แล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ไม่เป็นไรดีกว่าครับผู้จัดการหวง วันนี้ฉันนั่งที่นี่ดีกว่า แต่ฉันแค่ไม่อยากให้คนอื่นมารบกวน เพราะว่าที่ภรรยาผมเธอเป็นคนค่อนข้างขี้กลัวและตกใจง่าย”
หลังจากได้ยินดังนั้น คนรอบข้างต่างก็พากันกลัว กลัวทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร และแล้วผู้จัดการร้านก็หันไปทักทายยินเสี้ยวเสี้ยวเสร็จ เขาก็หันไปเชิญยินรั่วอวิ๋นกับเซี่ยงเฉิงออกมาจากตรงนั้น
หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว เขาก็ก้มหน้ามองและเธอเองก็ยังมองหน้าเขาด้วยสายตางุนงง หลังจากที่ถูกเขาจ้องเธอก็หลบสายตามองไปทางอื่นแทน
ผู้จัดการหวงเดินเข้ามาบริการเขาด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจ เขาเอื้อมมือไปกอดไหล่เธอเอาไว้ แล้วยื่นหน้าลงไปหอมขมับข้างขวาของเธอ แล้วเอ่ยกระซิบข้างหูเธอ
เขาบอกเธอว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันจะรอดูว่าเธอจะจัดการกับเซี่ยงเฉิงยังไง ถ้าเกิดฉันไม่พอใจขึ้นมา งั้นเธอก็เตรียมย้ายเข้าไปอยู่บ้านฉันหนึ่งอาทิตย์ได้เลย”
เธอตัวแข็งทื่อ
ย้ายเข้าไปอยู่บ้านจิ๋นหนึ่งอาทิตย์งั้นหรอ ฆ่าเธอให้ตายเลยดีกว่า
หลังจากพูดจบเขาก็อ้อมมานั่งตรงที่เดิมของเขา พอเห็นสีหน้าตกใจของเธอแล้วตลก เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย
เธอมองหน้าเขาด้วยความระมัดระวัง
เธอเป็นคนที่ไม่จับปลาสองมือ นับตั้งแต่วินาทีที่เซี่ยงเฉิงนอกใจเธอ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จบลงไปแล้ว ถ้าเกิดเป็นเซี่ยงเฉิงเองที่ไม่ยอมจบ เธอจะทำอะไรได้ล่ะ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจมาก แล้วเธอควรต้องทำยังไง
อาหารมื้อแรก ไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขอะไรมาก ถึงแม้ว่าจะได้กินอาหารที่ทำจากมะม่วง เธอก็ไม่รู้สึกดีใจเลย
คืนนั้นจิ๋นลี่ยวนพาเธอไปส่งที่บ้าน แล้วเข้าบ้านไปทักยินไป่ฝันกับหลี่หมึ้งตามมารยาท แต่นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญได้เจอกับเซี่ยงเฉิงและยินรั่วอวิ๋นอีกครั้ง
“พ่อ แม่” เธอเอ่ยทักตามมารยาท
ตอนจิ๋นลี่ยวนเดินตามเข้ามาทีหลัง ในมือเขาถือกระเป๋าของเธอเอาไว้ การกระทำใส่ใจของเขาทำให้เซี่ยงเฉิงที่เห็นก็รู้สึกไม่พอใจ
“พ่อ แม่” เขาเอ่ยทัก
“อืม” ยินไป่ฝันตอบกลับนิ่งๆ เขายังคงไม่พอใจในตัวจิ๋นลี่ยวนเหมือนเดิม และที่สำคัญหลังจากวันนี้ที่ผู้จัดการจางโทรมาบอกว่าเขาประทับใจยินเสี้ยวเสี้ยวมาก ก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม
แต่กลับเป็นหลี่หมึ้งที่ค่อนข้างดีใจ พอเห็นทั้งคู่กลับมาเธอก็เลยเดินเข้าไปทัก “พวกเธอกลับมาได้เวลาพอดีเลย แม่มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”
เธอมองหน้าเธอด้วยใบหน้าไม่เข้าใจ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีเรื่องจะคุยกับพวกเธอมาก่อน
ดูเหมือนจิ๋นลี่ยวนไม่รู้สึกแปลกใจอะไร แต่เอื้อมมือไปจูงเธอมานั่งที่โซฟา
“แม่ มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ” เธอเอ่ยถามออกไปตรงๆ
เธอหันไปมองยินรั่วอวิ๋นก่อน แล้วหันมาตอบเธอ “เสี้ยวเสี้ยว หนูกับจิ๋นลี่ยวนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ล่ะ เพราะยังไงหนูก็เป็นพี่สาวของรั่วอวิ๋นถ้าพวกหนูจะแต่งกันเร็วๆ นี้แล้ว แม่ก็คงจะต้องให้รั่วอวิ๋นรออีกหน่อย แม่ว่าเซี่ยงเฉิงเองก็จะเข้าใจแม่ได้ ใช่มั้ย…….”
มันหมายความว่าจะให้เธอหลบทางให้ยินรั่วอวิ๋นแต่งงานก่อนงั้นหรอ
แต่งงานงั้นหรอ
เหอะ ทำไมเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าพวกเขาทั้งคู่จะเดินมาถึงจุดที่จะแต่งงานกันแบบนี้
แต่เธอไม่ได้รู้สึกเสียใจ สิ่งเดียวที่เธอเสียใจคือหลงรักคนอย่างเขาไปได้ยังไงกัน
เอเอ่ยพูดขึ้น “พ่อค่ะ ถ้ารั่วอวิ๋นอยากจะแต่งก่อนก็ให้เธอแต่งไปเถอะ เพราะหนูกับจิ๋นลี่ยวนก็ยังไม่ได้คิดกันว่าจะแต่งเมื่อไหร่”
พอหลี่หมึ้งได้ยินดังนั้น เธอก็เอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่กล้า แต่แววตาของเธอกลับยิ้มดีใจ ตรงข้ามกับการกระทำของเธอ “ไม่ได้ๆ จะทำแบบนั้นได้ยังไง หนูเป็นพี่สาว จะให้น้องสาวอย่างรั่วอวิ๋นแต่งก่อนได้ยังไง ถ้าคนอื่นรู้หรือเอาไปพูดมันคงไม่ดี…..”
เซี่ยงเฉิงเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดูถูก “คงไม่ได้เป็นเพราะว่าครอบครัวแกไม่มีเงินจัดงานหรอกใช่มั้ย มันก็จริงหมออย่างแกจะเอาเงินมาจากไหน งานแต่งไม่ใช่เรื่องเล็ก คงใช้เงินมากโขงอยู่ เอางี้มั้ย ฉันให้แกยืมเอามั้ย”
หลังจากที่เขาพูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็หันไปมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ
มันไม่ได้เป็นเพราะว่าวันนี้เธอได้รู้ฐานะที่แท้จริงของเขา ถึงแม้เธอไม่รู้ เธอก็ไม่อนุญาตให้ใครมาดูถูกสามีของเธอแบบนี้ มีที่ไหนมาพูดดูถูกคนอื่นแบบนี้ และอีกอย่างครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของวันแล้วด้วย
“คุณชายเซี่ยง คุณคงลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในร้าน ‘ร้านอาหารเทาถี้’ แล้วใช่มั้ย หรือคุณคิดว่าบ้านยินขายลูกสาวกิน หรือมีลูกสาวไว้โชว์คนอื่นเฉยๆ”
‘คุณชายเซี่ยง’ เธอเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงห่างเหิน พอได้ยินดังนั้น จิ๋นลี่ยวนก็รู้สึกอารมณ์ขึ้นมาเฉยๆ
และเซี่ยงเฉิงเองก็แทบจะกระอักเลือดที่ถูกเธอเรียกแบบนั้น แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับเขานอกจากยินรั่วอวิ๋นกับจิ๋นลี่ยวนก็ไม่มีใครรู้เรื่องของพวกเธออีก ในเวลาแบบนี้ เขาจะทำให้ตัวเองเสียหน้าไม่ได้
“ ‘ร้านอาหารเทาถี้’ งั้นหรอ” เขาหันไปมองหน้าจิ๋นลี่ยวน “พวกแกไปมีเรื่องอะไรที่นั่นมางั้นหรอ”
“ไม่มีอะไรคะ พ่อ วันนี้เซี่ยงเฉิงพาหนูไปกินข้าวที่นั่นแล้วเราก็บังเอิญได้เจอกันที่นั่น…..” ยินรั่วอวิ๋นชิงพูดขึ้นก่อน เธอก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย “แล้วเซี่ยงเฉิงเขาก็ขอหนูแต่งงานที่ห้อง82……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยกยิ้มมุมปาก โดยไม่ได้พูดอะไร จิ๋นลี่ยวนเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่เป็นเซี่ยงเฉิงเองต่างหากที่มองหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่วางตา เขาหวังอยากเห็นว่าเธอแสดงออกว่ารู้สึกเสียดายเขา
ยินไป่ฝันขมวดคิ้วมองหน้ายินรั่วอวิ๋น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่หันมาพูดกับยินเสี้ยวเสี้ยว “เสี้ยวเสี้ยว ลูกก็ไปปรึกษาเรื่องวันแต่งกับจิ๋นลี่ยวนมาว่าจะแต่งกันวันไหน อาทิตย์หน้าก็ให้รั่วอวิ๋นกับเซี่ยงเฉิงหมั้นกันไปก่อน แล้วค่อยแต่งวันอื่น พอรอให้พวกเธอทั้งสองแต่งงานกันออกไปแล้ว ฉันจะได้ไปรับจื่อเจิ้นกับจื่อเว่ยกลับมา”
“ขอบคุณครับพ่อ” เซี่ยงเฉิงเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกเขา ทำให้เขาพอใจในตัวเซี่ยงเฉิงเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่พอใจในตัวจิ๋นลี่ยวนมากขึ้นกว่าเดิม เขาเอ่ยต่อว่าเขา “จิ๋นลี่ยวน ถ้าแกมีปัญหาอะไรก็บอกออกมาตามตรง อย่ามั่นใจในตัวเองให้มาก ถึงแม้ชื่อเสียงของเสี้ยวเสี้ยวจะไม่ดีขนาดไหน แต่อย่างน้องเธอก็เป็นลูกสาวของฉัน อย่าให้ตระกูลฉันต้องเสียชื่อเพราะแก”
เธอไม่พอใจมาก ตอนนี้เธออยากจะบอกให้ทุกคนรู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าจิ๋นลี่ยวนเป็นใครกันแน่
เธอไม่เชื่อว่าถ้าคนอื่นรู้ความจริงแล้วยังมีใครกล้าพูดแบบนี้กับเขาอยู่อีกมั้ย
แต่สุดยินเสี้ยวเสี้ยวก็พยายามหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ “พ่อไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้เราสองคนจะจัดการกันเอง สองสามวันนี้ถ้าคุณพ่อว่างก็ไปเจอกับพ่อแม่ของจิ๋นลี่ยวนหน่อยแล้วกัน หนูไปบ้านเขามาแล้ว พวกเขาเองก็ตอบตกลงแล้วด้วย”
พอคิดถึงเมื่อเย็นที่เขาปกป้องเธอขนาดไหน แต่พอมาตอนนี้คนที่บ้านเธอกลับดูถูกพวกเขาขนาดนี้ ตอนนี้เธอรู้สึกอายจนอยากจะเอาปีบมาคลุมหัวตัวเอง
“พี่เสี้ยว บ้านของพี่เขยเป็นยังไงหรอ” อยู่ๆ ยินรั่วอวิ๋นก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา
“หนูคิดว่า คนเก่งอย่างพี่เขย เป็นถึงหมอ บ้านคงไม่ได้เป็นเหมือนในทีวีหรอกใช่มั้ย ที่เป็นบ้านเล็กๆ ที่ใช้ฟืนในการทำอาหาร อย่างน้อยพี่เขยก็คงมีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านที่ ‘ชู่ถีหย้วน’ ได้อยู่ใช่มั้ยคะ พอถึงเวลานั้นเราก็จะได้มาเป็นเพื่อนบ้านกัน ดีมั้ยคะ”
คำพูดคำจาของเธอ ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่พอใจ ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูด ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ เธอก็เอ่ยพูดขึ้นมาก่อน “พ่อ หมายความว่าจะให้ผมกับเสี้ยวเสี้ยวข้ามขั้นเป็นแต่งงานกันได้เลยใช่มั้ยครับ”