ตอนที่ 47 คุณอย่าลืมในสิ่งที่คุณพูด
กำลังจะเดินออกไปจากประตู ยินเสี้ยวเสี้ยวก็บังเอิญเจอจิ๋นลี่ยวนขับรถเข้ามา จากนั้นจึงสาวเท้าให้เร็วขึ้นเล็กน้อยแล้วเดินไปยังทิศทางที่เขาอยู่ และข้างหลังของเธอมียังมีหลี่หมึ้งที่ตามมาอยู่
” ยินเสี้ยวเสี้ยว แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ในมือของหลี่หมึ้งที่ยังคงถือสัญญาอยู่ ก็ได้ตะโกนเสียงดังขึ้น สีหน้าที่ดูแดงระเรื่อ คิดว่าน่าจะเป็นเพราะว่าขุ่นเคืองใจ พอเห็น ยินเสี้ยวเสี้ยวหยุดอยู่ตรงหน้าจิ๋นลี่ยวน ก็ได้ไล่ตามมาด้วย ” ยินเสี้ยวเสี้ยว วันนี้แกต้องเซ็นสัญญาก่อนถึงจะไปได้!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้วขึ้นเป็นปม จิ๋นลี่ยวนก็ได้ลงรถมาแล้ว จากนั้นก็มองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างงงงวย
“เรารีบไปกันเถอะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงพูดขึ้นแล้วกำลังจะหันไปในทิศทางที่ไปตรงเบาะข้างคนขับ กลับนึกไม่ถึงว่าหลี่หมึ้งได้ตามมาด้วย อย่าว่าแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวเลย แม้แต่จิ๋นลี่ยวนก็ยังไม่ได้ขึ้นรถ
“ยินเสี้ยวเสี้ยว” หลี่หมึ้งจึงได้จับมือของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว แล้ววิ่งมาอย่างหอบหึบ กลับเอาสัญญายัดเข้าไปในมือของยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยวิธีบังคับ พอความเหนื่อยหอบได้ดีขึ้น จึงจะค่อยๆพูดขึ้น “ยินเสี้ยวเสี้ยว ผลประโยชน์นี้ ฉันจะไม่มีทางให้แกได้ไปคนเดียว! แกต้องการแต่งงานกับจิ๋นลี่ยวนเอง พวกฉันไม่มีใครว่าอะไร พวกฉันได้เสียผลประโยชน์ไปเยอะขนาดนั้น แล้วยังจะต้องคอยกังวลว่าแกจะกลับมาขอความช่วยเหลือจากพี่แกอีก? แบบนี้พวกฉันทนไม่ได้ ดังนั้นวันนี้แกต้องเซ็นสัญญานี้ให้ได้!”
เวลานี้ จิ๋นลี่ยวนก็เดินเข้ามาด้วย แล้วยื่นมือมาเอาสัญญาไปดู
ยินเสี้ยวเสี้ยวทำสีหน้าที่ขาวซีดเล็กน้อย ต่อให้จะหาว่าเธอเห็นแก่ตัว และหาว่าเธอมีแผลในใจ เธอก็ไม่ยอมเซ็นสัญญาฉบับบนี้เด็ดขาด นอกจากยินจื่อเจิ้นจะให้เธอกับมือ เธอถึงจะเซ็น!
ตั้งแต่เด็กจนโต เธอแทบจะไม่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความรักจากแม่ อะไรคือความรักจากแม่ เธอแค่รู้ว่าตัวเองถูกยินจื่อเจิ้นเลี้ยงมาจนโต ยินจื่อเจิ้นโตกว่าเธอเจ็ดปี ตอนที่เขามาอยู่ตระกูลยิน เธอแค่ห้าขวบเท่านั้น และไม่รู้เรื่องอะไรเลย แค่รู้ว่าชีวิตที่ทีแรกมีแค่ตัวเองกับพ่อแค่สองคน แต่กลับถูกคนอื่นๆมาก่อกวน จู่ๆเธอก็มีแม่ มีพี่ชาย มีน้องชายและน้องสาว เพราะว่าเธอไม่เคยมีคนในครอบครัวเยอะขนาดนั้นมาก่อน และยังนึกว่า แบบนี้จะทำให้พ่อรักตัวเองมากขึ้น
แต่ว่า ความจริงกลับกลายเป็นว่า ทั้งครอบครัวนอกจากยินจื่อเจิ้นที่อายุแค่สิบสองขวบปกป้องและดูแลเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น ทั้งบ้านเธอเป็นคนนอกแค่คนเดียว
ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ยินจื่อเจิ้นก็กลายเป็นที่พึ่งของเธอ และเป็นจุดลี้ภัยที่ดีที่สุด ตอนนี้เธอเองได้หลีกจุดสถานที่ที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยที่สุดออกมาแบบนี้ เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยจริงๆ
“ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันจะบอกอะไรให้นะ แกอย่าคิดว่าวันข้างหน้าถ้าถูกจิ๋นลี่ยวนทิ้ง แล้วแกจะยังสามารถกลับมาขอให้พี่แกช่วยแก้แค้น! ตระกูลยินไม่อยากอับอายขายขี้หน้า! ไหนๆแกก็จะแต่ง งั้นแกก็แต่งไป แกจะเป็นตายร้ายดียังไงพวกฉันจะไม่สนใจ!” หลี่หมึ้งว่ากล่าวตำหนิขึ้นอย่างเสียงดัง ในสายตาของเพื่อนบ้านก็คงจะเห็นว่าเธอไม่สามารถหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ จึงรู้สึกโมโห ที่ผ่านมาเธอก็แค่ทำตัวให้คนนอกยกย่องและชื่นชมเท่านั้น ทุกคนย่อมบอกว่าการเป็นแม่เลี้ยงนั้นเป็นยาก นี่เป็นเรื่องจริง “ยินเสี้ยวเสี้ยว พี่ชายแกเป็นไพ่ใบสำคัญของตระกูลยิน และเป็นความหวังของตระกูลยินด้วย แกดื้อรั้นเอง ฉันเลยคุมแกไม่อยู่ แต่ว่าฉันจะไม่ยอมทนดูให้แกทำลายครอบครัวตระกูลยิน!”
คำพูดทั้งหมดพวกนี้ กลายเป็นว่ายินเสี้ยวเสี้ยวเองที่ไม่รู้จักกาลเทศะ อีกทั้งยังมีแผนในใจ
เธอจึงกัดริมฝีปากไว้แน่นๆ มือเล็กๆของยินเสี้ยวเสี้ยวกำเป็นหมัดแน่นๆ
จิ๋นลี่ยวนเดินมาแล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อบ จากนั้นก็ยื่นมือมากุมมือเล็กๆของยินเสี้ยวเสี้ยว และมองหน้าเธอโดยที่ไม่พูดอะไรเลย
ผ่านไปสักพัก ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงจะถามขึ้น “จิ๋นลี่ยวน ฉันควรเซ็นไหม?”
หลังจากที่เซ็น เธอก็จะหมดหนทางข้างหน้าแล้ว อย่าที่หลี่หมึ้งพูดขึ้น ต่อให้เธอต้องทนกับความลำบากในตระกูลจิ๋น ก็ไม่สามารถหาที่อื่นใดมาเพื่อระบายความโศกเศร้าที่ตนมีอีก ถึงแม้เธอรู้ว่าตระกูลยินไม่ดีกับเธอ แต่พอนึกถึงมีสถานที่แห่งหนึ่งที่มีพี่ชายคนหนึ่งคอยปกป้องเธอทุกครั้ง เธอก็ยังรู้สึกสบายใจหน่อย…..
ตระกูลยินทำแบบนี้ ตอนนี้เวลานี้พวกเขาต้องการปล่อยให้เธออยู่ใต้แสงแดดชัดๆ!
จิ๋นลี่ยวนไม่ค่อยเข้าใจในความคิดของยินเสี้ยวเสี้ยว สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมาของตระกูลยิน เขารู้ ในความคิดของเขา สัญญานี้เป็นของดี สำหรับผู้ชายแล้ว เขาก็ไม่หวังว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะใกล้ชิดกับยินจื่อเจิ้นมากเกินไป ต่อให้พวกเขาเป็นพี่น้องกันก็ตาม
จิ๋นลี่ยวนแทบจะไม่ครุ่นคิด แล้วจึงพูดขึ้น “ผมคิดว่าไม่มีอะไรต้องลังเล”
คำๆนี้ กลับทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวหยุดชะงักไปสักพัก แต่พอตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมามองผู้ชายคนนี้ จู่ๆก็นึกถึงคำพูดที่เขาเคยบอกตอนแรก ตอนนี้ในใจของเธอรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก
เขาพูดขึ้น: แค่คุณต้องการ ผมก็จะให้
ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงถามขึ้น ท่าทางดูจริงจังมากๆ “ยินเสี้ยวเสี้ยว ถ้าฉันเซ็นแล้ว วันข้างหน้าคุณจะปกป้องฉันไหม? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
จิ๋นลี่ยวนจึงหยุดชะงักไปสักพัก เขาเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทำไมก่อนหน้านี้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ยอมเซ็น แต่สุดท้ายเขาก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ “ได้ ผมเคยบอกแล้ว แค่เป็นสิ่งที่คุณยินเสี้ยวเสี้ยวต้องการ ผมก็จะให้คุณทุกอย่าง”
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยิน จู่ๆก็ได้กระตุกมุมปากขึ้น ลักยิ้มที่อยู่ตรงแก้มของเธอก็ผุดออกมา
“ได้ งั้นฉันจะเซ็น” พูดไป ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้รับปากกาที่หลี่หมึ้งยื่นให้อย่างรีรอไม่ไหว เธอจึงได้เซ็นชื่อตัวเองลงไป หลังจากเซ็นเสร็จ หลี่หมึ้งก็ได้เอาสัญญาไปอย่างพอใจแล้วจากไป ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับพูดกับจิ๋นลี่ยวน “จิ๋นลี่ยวน คุณอย่าลืมคำพูดที่คุณเคยบอกล่ะ”
ถ้าคุณลืม ฉันจะไม่มีวันยอมคืนดีกับคุณเป็นอันขาด
ประโยคข้างหลัง ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้พูดออกมา เธอแค่มองท่าทางที่จิ๋นลี่ยวนแสดงออกมาด้วยความตั้งใจ เธอไม่ได้ล้อเล่น!
จิ๋นลี่ยวนมองยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วก็ได้ตอบกลับด้วยความจริงจัง “ผมจะจำไว้ ตอนนี้เราควรไปหมั้นกันได้แล้ว”
เรื่องนี้ได้ฝังอยู่ในใจของพวกเขาสองคนอยู่ตลอดเวลาจริงๆ หลังจากที่ผ่านไปเป็นเวลาเนิ่นนาน ตอนที่จิ๋นลี่ยวนนึกย้อนถึง เขาจะรู้สึกเจ็บปวดจนหายใจลำบากที่วันที่เขาคิดถึงผู้หญิงคนที่จริงจังคนนี้
ณ ‘ร้านอาหารเทาถี้’ วันนี้มีแขกที่มีฐานะสูงส่งได้มาเยือนไม่น้อย แขกในห้องโถงใหญ่ในวันนี้เป็นคนที่สูงส่งที่ไม่เจอในเมืองTมานาน ทุกคนต่างก็เดากันว่าวันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงได้มีแต่คนใหญ่คนโตมาเยือนในงาน
——วันนี้ลมอะไรพัดนายพลในค่ายทหารมาด้วยแบบนี้?
——บ้านไหนเกิดเรื่องใหญ่หรือเปล่า? พวกเขาอยู่ในห้องเบอร์อีกด้วย
——เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ แต่ว่าเป็นเรื่องร้ายหรือเปล่า ตระกูลจิ๋น……
——เป็นงานหมั้นของคุณชายสามของตระกูลหนิ ถ้าไม่ใช่ว่ามาที่นี่แล้วที่ไหนจะเหมาะสมล่ะ?
…….
แขกในห้องโถงใหญ่ต่างก็ซุบซิบถึงเรื่องนี้ วันนี้ที่นั่งของ‘ร้านอาหารเทาถี้’จองติดยากจริงๆ มีผู้คนไม่น้อยค่อยๆมาเยือน ก็เพื่อที่จะได้หน้าได้ตาต่อหน้าคนใหญ่คนโต และมีคนอยากจะไปดูอย่างหน้าด้านๆ แต่กลับได้ที่นั่งที่ห่างเป็นร้อยกว่าเมตร พนักงงานของ’ร้านอาหารเทาถี้’จึงได้ขวางทางไว้อย่างมีมารยาท……..
——คุณชายสามของตระกูลจิ๋นหนอ ถึงตอนนี้ฉันยังไม่เคยได้เห็นหน้าเขาเลย…….
—— เธองั้นหรอ? ฉันคิดว่าคนที่เคยเจอหน้าเขาก็มีแต่คนใหญ่คนโตที่สูงส่งที่สุดในเมืองTเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เราอย่าคิดว่าจะได้เจอเลย!
——คุณชายสามของตระกูลจิ๋นช่างเป็นคนที่ทำตัวไม่เป็นที่สนใจจริงๆ ได้ยินมาว่าเขาอายุยี่สิบเจ็ด ยังไม่เคยได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าผู้คนมากมายเลย ไม่รู้ว่าตอนที่เขาแต่งงานจะได้เจอหน้าเขาหรือเปล่า ดูว่าคุณชายสามตระกูลจิ๋นแต่งงานกับผู้หญิงตระกูลไหนกันแน่?
——นี่เป็นสิ่งที่คุ้มค่ากันการรอคอย
…….
จิ๋นลี่ยวนไม่ได้พายินเสี้ยวเสี้ยวไปที่‘ร้านอาหารเทาถี้’โดยตรง แต่กลับพาเธอไปที่ร้านทำผมแล้วทำผมทรงธรรมดาเสร็จ พวกเขาทั้งสองจึงไปสายหน่อยๆ
ตอนที่ก้าวเข้าไปในห้องเบอร์หนึ่งของ‘ร้านอาหารเทาถี้’ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ค้องแขนของจิ๋นลี่ยวนไว้และได้ออกแรงแบบไม่รู้ตัว จิ๋นลี่ยวนจึงยื่นมือออกมาจับหลังมือของเธอไว้ เพื่อเป็นการปลอบโยนแบบไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียง หลังจากพวกเขาก็ใกล้จะปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายแล้ว จิ๋นลี่ยวนจึงพูดขึ้น “ยินเสี้ยวเสี้ยว ขอโทษด้วยนะ ผมได้จัดงานหมั้นที่แสนธรรมดาให้คุณแบบนี้ ตอนงานแต่งผมจะทำให้คุณรู้สึกพอใจให้ได้”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มขึ้นอย่างไม่พูดอะไรใดๆ จากนั้นก็ได้เงยหน้ามองเขา อารมณ์ของเธอเหมือนจะผ่อนคลายไปไม่น้อยเพราะด้วยคำพูดของเขา จากนั้นก็ได้ตอบกลับเสียงเบา “จิ๋นลี่ยวน ที่นี่เป็นตั้งห้องเบอร์หนึ่งของ ‘ร้านอาหารเทาถี้’เป็นห้องโถงที่มีไว้จัดงานที่ใหญ่ขนาดไหน คุณยังจะบอกว่าทำให้ฉันลำบาก ฉันควรจะถูกรักใคร่เกินไปจนรู้สึกกลัวหรือไม่?”
จิ๋นลี่ยวนจึงหยุดชะงักไปสักพัก แล้วก็ยิ้มขึ้นมาทันที
ไม่รอให้พวกเขาพูดอะไรเยอะแยะ ผู้จัดการหวงก็ได้เดินมาแสดงให้พวกเขาเห็นว่าประตูห้องโถงตรงหน้าพวกเขากำลังจะเปิดขึ้น
ทันใดที่ประตูเปิดออก จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ข้างเธอ จู่ๆก็พูดอะไรบางอย่างขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกเหมือนเป็นเสียงที่มาจากสวรรค์เบื้องบน เขาพูดว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว วันข้างหน้าผมจะเป็นที่พึ่งของคุณเอง”
วินาทีนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงเผยยิ้มตรงมุมปากอย่างอ่อนโยนมากขึ้น จากนั้นก็ไม่รู้ว่าที่จะได้เข้าไปในงานโดยไม่มีญาติฝ่ายหญิงแม้แต่คนเดียว
ตอนที่พวกเขาสองคนปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนมากมาย ทั้งห้องโถงก็อัดกลั้นเสียงกรี๊ดกร๊าดที่ดังขึ้นเบาๆไม่ไหวอีกต่อไป
ครั้งแรกที่คุณชายสามตระกูลจิ๋นได้ปรากฏต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนั้น ถึงแม้ส่วนมากคนที่นี่ต่างก็เคยเจอเขา แต่ก็ยังรู้สึกจับจ้องไม่ถูกกับนิสัยของคุณชายสามที่ชอบทำตัวตกต่ำ จู่ๆวันนี้ก็ทำตัวสูงสง่าขึ้นมา จึงได้ทำให้ว่าที่ภรรยาดูโดดเด่นขึ้นไม่น้อย
หนึ่งคนสวมชุดดำอีกคนสวมชุดสีแดง เรือนร่างทั้งสองปรากฏพร้อมกัน ทำให้คนตกตลึงไม่น้อย
ยีนส์ของตระกูลจิ๋นก็คงไม่ต้องพูดถึง ดูจากคุณชายใหญ่ตระกูลจิ๋นที่สวมชุดสูทสีขาวแล้วดูสง่าจนทำให้คนเห็นรู้สึกหวั่นไหวใจก็รู้แล้ว แต่ไม่มีใครเคยนึกถึงเลย คุณชายสามที่ไม่ได้เจอมาตั้งนานและว่าที่ภรรยาของเขานั้นมันช่างทำให้คนมองจนเหม่อลอยไปในพริบตา
ผู้ชายที่สวมใส่สูทสีดำ จึงทำให้เรือนร่างที่สูงใหญ่ของเขายิ่งดูองอาจมากขึ้น ดวงตาดุจดั่งหงส์ที่เป็นที่ดึงดูดตาผู้อื่นนั้นได้เผยความบรรลุนิติภาวะและดูคมจากด้านใน ก็ยิ่งทำให้จิ๋นลี่ยวนดูสง่าและสูงส่งมากขึ้น ทำให้เขาปรากฏตัวอย่างสูงสง่า และยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็สวมใส่ชุดกระโปรงสีแดงยาว ตรงหลังคอของเธอมีผ้าซาตินสีแดงที่ม้วนเส้นยาวแล้วแขวนอยู่ ทำให้เผยลำคออันสวยงามของเธอได้โดดเด่นกว่าเดิม ท่าทางของเธอที่เดินอย่างเชื่องช้าก็ทำให้ผู้คนยากจะมีลืม
สีดำใส่แล้วทำให้ดูสูงสง่า และสีแดงที่ใส่แล้วก็เป็นที่ดึงดูดตาผู้อื่น
เรือนร่างของทั้งสองที่ปรากฏตัวขึ้น ทำให้เป็นช่วงเวลาที่น่างดงามที่น่าตกตลึงจริงๆ ดวงตาดั่งหงส์ที่ดึงดูดผู้คนให้สนใจ และใบหน้าที่ดูงดงามพริ้มเพรา ดูยังไงก็รู้สึกว่าคู่นี้ช่างเหมาะสมกันจริงๆ ทำให้คนอื่นไม่สามารถปฏิเสธออกมาว่าทั้งสองไม่เหมาะสมกัน
——นี่มันยินเสี้ยวเสี้ยวของตระกูลยินใช่ไหม?
——เหมือนจะใช่ แต่ว่าทำไมถึงไม่เห็นคนในตระกูลยินล่ะ?
——ใครไปรู้ล่ะ ตระกูลยินไม่มาร่วมงานหรือเปล่า ยังไงเรื่องที่ลือกันในช่วงนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่อยู่เหมือนกัน
…….
ดั่งที่คาด รอให้ทุกคนค่อยๆได้สติกลับมา ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ยินคำพูดพวกนั้นโดยบังเอิญไปแล้ว
และในขณะเดียวกัน คุณหญิงย่าตระกูลจิ๋น เผยรอยยิ้มเต็มหน้าแล้วเดินมาหาเด็กทั้งสองคน ใบหน้านั้นเผยความรู้สึกพอใจในการกระทำของยินเสี้ยวเสี้ยวมากๆ ทำให้คนรอบข้างแอบตกตลึง
คุณหญิงย่าตระกูลจิ๋น ตามที่เขาลือกันมาว่าเธอไม่ใช่คนที่เอาใจง่าย แต่กลับรู้สึกพึงพอใจในตัวของยินเสี้ยวเสี้ยว?
และอีกข้างที่มีหยูเจียห้วยได้ควงแขนของจิ๋นหยวนเฟิงไว้ พวกเขาทั้งสองเดินมาด้วยรอยยิ้มที่สูงสง่า ท่าทางของคนในตระกูลจิ๋นทุกคนทำให้คนอื่นไม่เข้าใจจริงๆ……