ตอนที่53อย่าคิดว่าคนอื่นจะไร้ความสามารถเหมือนเธอสิ
“ยินเสี้ยวเสี้ยว!” หัวหน้าภาควิชากัดฟันแน่นแล้วจ้องไปยังยินเสี้ยวเสี้ยว แต่ก็ไม่กล้าระบายความโกรธออกไป ทำเพียงพูดออกไปว่า “อย่าทำให้เรื่องราวมันใหญ่โตเลย ถึงตอนนั้นแล้วมันจะไม่ดีต่อตัวเธอและคุณชายใหญ่ยินนะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มเยาะตัวเอง เธอมีหรือจะไม่รู้ว่าทำแบบนี้จะไม่ดีต่อตัวพี่ชาย แต่เธอก็เข้าใจดีว่าถ้าเรื่องนี้มันต้องจบไปแบบค้างคา ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเธอก็คงต้องถูกครหาไปทั่วแน่ๆ ถึงตอนนั้นยินจื่อเจิ้นก็จะยิ่งดูไม่ดียิ่งกว่า! ตลอดมานี้เธอเป็นน้องสาวที่ถูกพะเน้าพะนออยู่ในอุ้มมือของพี่ชาย เกิดเรื่องแบบนี้ออกมา แล้วจะไม่ทำให้ต้องอับอายผู้คนหรอกหรือ?
แต่ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่าถ้าเรื่องนี้ได้เผยแพร่ออกไปมันจะไม่ดีต่อยินจื่อเจิ้นนัก แต่เธอก็ต้องแข็งใจพูดออกไป “หนูเชื่อค่ะว่าพี่ชายของหนูจะต้องเข้าใจหนู”
ปึง!
ความกลัดกลุ้มใจได้ก่อขึ้นมา สุดท้ายหัวหน้าภาควิชาก็โกรธจนถึงขนาดที่เก็บกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป มือใหญ่ตบลงบนโต๊ะจากนั้นก็ลุกยืนขึ้น จ้องมองยินเสี้ยวเสี้ยวและจางหมืงไปอย่างไม่พอใจ ตะเบ็งเสียงพูดออกไป “ถ้าพวกเธอทั้งสองคนต้องการทำให้เรื่องนี้กระฉ่อนใหญ่โต ต่อไปก็อย่าคิดมาเสนอหน้าที่มหาวิทยาลัยTอีก อย่าคิดว่าพวกเธอใกล้จะเรียนจบกันแล้วจะทำแบบนี้กันได้ ไม่มีปริญญาบัตร พวกเธอออกไปก็ไม่ต่างจากพวกที่จบแค่มอ.ปลายหรอกนะ! เรื่องนี้จะต้องจัดการให้ฉันให้เรียบร้อยที่นี่และภายในวันนี้เท่านั้น ในตอนนี้ฉันขอประกาศว่าโฆษณาชิ้นนี้ไม่ใช่เธอจางหมืงที่ออกแบบมัน และก็ไม่ใช่เธอยินเสี้ยวเสี้ยวออกแบบมันเช่นเดียวกัน แต่เป็นอาจารย์ของที่นี่เป็นคนออกแบบ ส่วนชิ้นงานโฆษณาเพื่อจบการศึกษาของพวกเธอฉันให้เวลาพวกเธอสามสัปดาห์เพื่อเอามาส่งฉันให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นพวกเธอก็อย่าคิดว่าจะเรียนจบ!”
จบคำกล่าวของหัวหน้าภาควิชาแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวและจางหมืงต่างก็มีสีหน้าซีดเซียวขึ้นมา
คำพูดของหัวหน้าภาควิชามองแบบผิวเผินก็ดูเหมือนจะยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายและอย่างน้อยก็ได้แก้ไขปัญหาในวันนี้ให้จบสิ้นลงไปได้ แต่ความจริงแล้วกลับเป็นการขโมยสิทธิ์การเป็นเจ้าของชิ้นงานโฆษณาชิ้นนี้ไปอย่างสมบูรณ์ เอางานของตัวเองให้คนอื่นไปง่ายๆแบบนี้ไม่ว่ากับใครก็ไม่ยุติธรรมด้วยกันทั้งนั้น แต่ทั้งจางหมืงและยินเสี้ยวเสี้ยวต่างก็ไม่อยากเรียนจบช้ากันทั้งคู่!
ในตอนที่ไฟโทสะของยินเสี้ยวเสี้ยวใกล้จะประทุออกมาเต็มทีนั้น ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมา เป็นช่วงที่ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้องไป ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย ในขณะที่เรื่องนี้ยังไม่ไขกระจ่าง เธอก็ไม่อยากให้ถูกคนนอกเอาไปพูดมั่วๆเอาได้ ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธแค่ไหนก็ต้องระงับสติอารมณ์เอาไว้
ถาวหยีวิ่งเข้ามาในห้อง จากนั้นเข้าไปยืนอีกฝั่งมองไปยังจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ด้านนอกประตูด้วยสายตานิ่งอึ้งไปเล็กน้อย
นี่คือสามีของยินเสี้ยวเสี้ยว?
เธอไม่คิดเลยว่าคุณหมอจากโรงพยาบาลหนันหยูจะหล่อได้ถึงขนาดนี้…..
เอาเสื้อเชิ้ตสีขาวดูเรียบง่ายใส่ไว้ในกางเกงลำลองสีดำ แขนเสื้อถูกถกให้เลยข้อมือไปเล็กน้อย เผยให้เห็นแขนแกร่งออกมา ปลดกระดุมบนหน้าอกออกไปสองเม็ด ไม่ได้ดูซุกซนขี้เล่น แต่กลับดูสง่าดุดัน!
“ขอโทษครับ ผมมารับคู่หมั้นของผม”
คำพูดที่หลุดออกไป ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงได้สติแล้วมองออกไป ปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่น
ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไรไป แต่เดิมเพียงแค่โกรธที่จางหมืงขโมยงานของเธอไปเท่านั้น แต่ในตอนที่เห็นจิ๋นลี่ยวนปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเธอ เธอกลับรู้สึกเสียดายขึ้นมาที่เมื่อสักครู่ในตอนที่คุยกับหัวหน้าภาควิชานั้นเธอเองก็ไม่ได้เอ่ยชื่อของจิ๋นลี่ยวนออกมา แต่ถึงยังไงพวกเราทั้งคู่ก็ยังไม่ได้สนิทกันถึงขั้นนั้นนี่นา ถึงแม้ว่าเธอจะไว้วางใจเขาแต่ก็ไม่อยากมอบใจให้กับเขาไปง่ายๆ แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจิ๋นลี่ยวนจะมองเรื่องนี้ยังไง อีกอย่างมันก็คนละเรื่องกันไม่ใช่หรอ?
จิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ตรงหน้าประตู สายตามองไปยังที่ยืนอยู่ตรงทางฝั่งของโต๊ะทำงาน วันนี้เธอดูไร้เดียงสาและสวยเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าจิ๋นลี่ยวนจะรับรู้ได้ถึงความนิ่งงันที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขาได้ แต่เขาก็ยังเดินตรงเข้ามายืนด้านหน้าหัวหน้าภาควิชา ด้านข้างเป็นยินเสี้ยวเสี้ยว เอ่ยออกมานิ่งๆ “ไม่ทราบว่าคู่หมั้นของผมกลับได้หรือยังครับ?”
จวบจนกระทั่งจิ๋นลี่ยวนได้ยืนอยู่ตรงหน้าหัวหน้าภาควิชาแล้ว ทุกคนในที่นี้ถึงจะได้สติกลับมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น สายตาของเฉิงฉิงไม่หลุดไปจากจิ๋นลี่ยวนเลยตั้งแต่วินาทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเธอ รับรู้เพียงหัวใจของเธอดวงนี้เต้นดังตึกตักตึกตัก แม้แต่หลี่เจียเองก็ยังรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมา
สามีของยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นดูสง่างามเหนือชายอื่นจริงๆ พวกเธอไม่รู้เลยว่าในตอนที่จิ๋นลี่ยวนเดินเข้ามานั้นเขายังไม่ได้ปิดประตู และในตอนนั้นเองก็มีกลุ่มนักศึกษาล้อมมุงดูกันมาเป็นเวลานานแล้ว และถ้าจะไปปิดประตูตอนนี้ก็คงไม่ค่อยดีนัก จึงทำได้เพียงมองไปยังหัวหน้าภาควิชาอย่างรอคอยคำตอบว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไง
เพียงแต่หัวหน้าภาควิชาเองก็ไม่คิดว่าเขาจะไม่ได้ปิดประตู และได้มีคนเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่จนดังกระฉ่อนไปเสียแล้ว
เฉิงฉิงที่เห็นจิ๋นลี่ยวนคว้ามือของยินเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้แล้วเตรียมที่จะพาเธอออกไป ก็อดที่จะพูดออกไปไม่ได้ “คุณชายท่านนี้ไม่ทราบว่ามีชื่อแซ่ว่าอะไรหรอคะ? ตอนนี้ดูเหมือนว่าคู่หมั้นของคุณยังไปไม่ได้นะคะ เธอขโมยงานโฆษณาของเพื่อนฉันไป ตอนนี้กำลังสารภาพผิดกับหัวหน้าภาควิชาอยู่น่ะค่ะ”
คำพูดนี้ได้โยนความผิดทั้งหมดลงมาที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเต็มๆ แล้วยังฉวยโอกาสเหยียบลงบนเท้าของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างแรง!
เมื่อเฉิงฉิงพูดจบก็มองไปยังยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างสะใจ ส่วนจางหมืงที่เห็นกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกเริ่มพูดวิพากษ์วิจารณ์กันก็รู้สึกสะใจขึ้นมา เป้าหมายของเธอในวันนี้ก็คือการได้ทำลายชื่อเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวให้ย่อยยับ แล้วแบบนี้เธอจะไม่ยินดีต่อสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไรกันล่ะ?
“เฉิงฉิง ก่อนจะพูดอะไรก็ช่วยมีหลักฐานหน่อยเถอะ เธอมีอะไรมายืนยันว่าฉันเป็นคนขโมยงานของจางหมืงไป!” ยินเสี้ยวเสี้ยวจ้องมองเฉิงฉิงไปอย่างไม่พอใจ ไฟโทสะในใจกลับมาปะทุขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันก็ได้พูดชัดเจนแล้วนะว่างานโฆษณาชิ้นนั้นเป็นของฉัน เป็นฉันที่ออกแบบมันเอง เป็นฉันที่หานางแบบมาถ่ายทำด้วยตัวเอง และเป็นฉันที่พยายามทำมันออกมาด้วยตัวเอง ไม่ใช่จางหมืง!”
– ทำไมงานโฆษณาของจางหมืงถึงได้กลายมาเป็นของยินเสี้ยวเสี้ยวซะได้ล่ะ?
-ใครจะรู้ล่ะ ชื่อเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวเดิมก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่นี่ ส่วนงานชิ้นนี้ที่จริงแล้วมันเป็นของเธอจริงๆหรือเปล่าอันนี้ก็พูดยากนะ
-ยินเสี้ยวเสี้ยวก็มีความสามารถนะ ฉันคิดว่าคงเป็นของเธอจริงๆนั่นแหละ
-เหอะๆ เธอพูดเล่นหรือเปล่าเนี่ย? ยินเสี้ยวเสี้ยวเธอเป็นคุณหนูใหญ่ของบ้านยินเชียว เพียงแค่เธอคิดอยากได้มัน เธอก็สามารถมีความสามารถขึ้นมาได้ทันทีเลยมั้ยล่ะ พวกตระกูลใหญ่ที่ไหนเขาจะยอมให้ลูกหลานของตัวเองเป็นพวกไร้ความสามารถได้ล่ะ?
……
คำวิพากษ์วิจารณ์ของคนด้านนอกก็ได้ดังเข้ามาในห้องอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ทันใดนั้นมือเล็กของเธอก็ถูกมือใหญ่ที่เย็นเยือกเล็กน้อยมือหนึ่งเข้ามากอบกุมมือเธอเอาไว้ ทว่ากลับให้ความรู้สึกที่อบอุ่นขึ้นมา
จิ๋นลี่ยวนยืนอยู่ด้านข้างของยินเสี้ยวเสี้ยว จับมือเธอแล้วมองไปยังคนที่อยู่ด้านหน้านิ่งๆ จากนั้นก็เอ่ยออกไปกับจางหมืงที่กำลังยืนแสดงสีหน้าไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่ข้างๆเฉิงฉิงด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย “เธอบอกว่างานโฆษณาชิ้นนั้นเป็นของเธองั้นหรอ?”
จางหมืงคิดว่าจิ๋นลี่ยวนเป็นแค่หมอธรรมดาๆจากโรงพยาบาลหนันหยู ก็ยิ่งลำพองใจขึ้นมา ในตอนนี้เธอก็มีความกล้าเพิ่มมามากขึ้นแล้วจึงเริ่มเอ่ยปากพูดออกไปว่า “ใช่ค่ะ งานโฆษณาชิ้นนั้นฉันเป็นคนออกแบบมันมาเอง เป็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่มาขโมยไอเดียการออกแบบของฉันไป และก็เป็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่ขโมยงานโฆษณาของฉันไป แต่ตอนนี้กลับยังมีหน้ามาคุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอายอีกว่างานชิ้นนี้เป็นของเธอ ถึงขั้นที่ว่ายกคุณชายใหญ่ของบ้านยินพี่ชายของเธอออกมาท้าทายหัวหน้าภาควิชาอย่างไม่คิดละอายใจเลยสักนิด! ผู้หญิงแบบนี้จะไปมีความสามารถได้ยังไงกัน พวกเราทุกคนต่างก็ถูกเธอหลอกกันมาตั้งหลายปีแล้ว!”
“จางหมืง ระวังคำพูดของเธอเอาไว้หน่อยนะ ตอนนี้เรื่องทั้งหมดก็ยังไม่ได้ไขกระจ่าง เธอพูดแบบนี้เสี้ยวเสี้ยวสามารถแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทกับเธอได้เลยนะ!” ถาวหยีที่ยืนอยู่อีกด้านก็เอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ ใบหน้าเล็กขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นอย่างไม่พอใจ “เสี้ยวเสี้ยวเป็นคนยังไง ก็ไม่ควรใช้สายตาคนนอกอย่างเธอมาตัดสิน สิ่งที่เธอคิดออกมามันเป็นแค่ความคิดของคนนอกเท่านั้น!”
เดิมจิ๋นลี่ยวนเองก็ขี้เกียจจะไปสนใจกับเด็กผู้หญิงพวกนี้ แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของจางหมืงแล้วเขาก็ได้เหลือบมองมายังยินเสี้ยวเสี้ยว แล้วพูดออกไป “อยากจะให้จัดการยังไง?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวกัดฟันกรอดพูดออกไปว่า “ฉันจะต้องสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด ฉันจะไม่ย่อยยับไปกับคนแบบนี้ไปชั่วชีวิตแน่!”
ใช่ ชั่วชีวิต!
ถ้าเรื่องนี้ดังกระฉ่อนใหญ่โตขึ้นมา เธอยินเสี้ยวเสี้ยวก็ต้องเป็นคนรับเคราะห์กรรมในครั้งนี้แทน ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็คงแต่งงานให้กับจิ๋นลี่ยวนไม่ได้อีกแล้ว และเธอก็จะไม่มีจุดยืนในวงการโฆษณาอีกต่อไป ชีวิตนี้ของเธอก็คงถูกทำลายป่นปี้ไปหมดแน่
ในบางครั้งการที่ต้องการทำลายชีวิตของคนคนนึงนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายเสียจริงๆ
จิ๋นลี่ยวนกุมมือยินเสี้ยวเสี้ยวแน่น ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปยังหมายเลขหนึ่ง “สถานีตำรวจหรือเปล่าครับ? ที่นี่ห้องหัวหน้าภาควิชาสาขาการออกแบบโฆษณาของมหาวิทยาลัยT รบกวนคุณตำรวจมาที่นี่สักครู่ได้มั้ยครับ ที่นี่เกิดเรื่องการโจรกรรมชิ้นงานโฆษณากันครับ”
จวบจนจิ๋นลี่ยวนวางสายไป คนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงได้ตื่นตัวกันขึ้นมาว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรกับงานโฆษณาชิ้นนั้น
สีหน้าของจางหมืงซีดลงทันที ถ้าไม่ได้หลี่เจียคอยหยิกเตือนสติเธอเอาไว้ คาดว่าจางหมืงคงได้เผยพิรุธออกมา ส่วนหัวหน้าภาควิชาก็ได้โวยวายออกมาอย่างไม่พอใจ “นายคิดว่านายเป็นใคร! เรื่องในมหาวิทยาลัยTของเราต้องให้คนนอกอย่างนายมาชี้นิ้วสั่งตั้งแต่เมื่อไหร่! แส่ไม่เข้าเรื่อง! นายออกไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!”
เด็กว่านอนสอนง่ายอย่างถาวหยีเป็นครั้งแรกที่เห็นหัวหน้าภาควิชาโกรธขนาดนี้ ก็รู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อยแต่จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะต้องก้มหน้ายิ้มขำ ส่วนทางฝั่งของต๋งไขนั้นกลับมองจิ๋นลี่ยวนอย่างไม่เห็นด้วย สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกไป
“คุณผู้ชายท่านนี้ คุณรู้มั้ยว่าการที่คุณทำแบบนี้จะก่อปัญหาให้กับเสี้ยวเสี้ยวยังไงบ้างหรือเปล่า? คุณไม่ควรใช้ความสะดวกของคุณในตอนนี้มาทำให้เธอต้องเผชิญหน้ากับการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในสังคมที่โหดร้ายแบบนี้นะครับ!” ต๋งไขไม่เห็นด้วยกับการที่จิ๋นลี่ยวนทำลงไปอย่างมาก ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้รับการไขปัญหาจนกระจ่าง และไม่ได้มีการพูดออกไปให้ชัดเจน ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วงานออกแบบของยินเสี้ยวเสี้ยวก็จะถูกทำลายไปตลอดชีวิตของเธอแน่ คำพูดของเขาก็ยิ่งทวีความคมขึ้นมา “ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคู่หมั้นของเสี้ยวเสี้ยว แต่คุณก็ไม่ควรตัดสินใจทำแบบนี้ อย่าเอาความคิดของคุณไปทำเพื่อคนอื่นถ้าคุณไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย เสี้ยวเสี้ยวเธอเป็นคนมีความคิดของตัวเอง เธอก็คงไม่ชอบที่คุณมาตัดสินใจอะไรแทนเธอ! คุณทำแบบนี้ลงไป แล้วถ้ามันไปทำร้ายเธอล่ะคุณจะทำยังไง?”
จิ๋นลี่ยวนมองไปยังต๋งไข สายตาพิฆาตหายไปอย่างไร้ร่องรอยยามที่เหลือบมองมายังยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันออกมา “นักศึกษาท่านนี้สนิทกับคู่หมั้นของผมหรอครับ? ก่อนที่คุณจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมา ผมอยากจะบอกอะไรคุณเอาไว้ว่าอย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะคิดอะไรเหมือนกับคุณสิครับ”
ครึ่งแรกของประโยคก็ยังถือว่ายังพอทนฟังได้อยู่ แต่ประโยคท่อนสุดท้ายนั้นได้แฝงเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ชื่อของคู่หมั้นของเขาออกมาจากปากผู้ชายคนอื่นอย่างสนิทสนมแบบนี้กัน? ทำราวกับว่าเขาเป็นคนโง่ที่เห็นต๋งไขคนนี้แสดงออกมาว่าแอบรักคู่หมั้นของเขาอย่างเปิดเผยอย่างนั้นแล้วเขาจะมองไม่ออกงั้นหรอ?
ดูเหมือนว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะอึ้งไปกับความคิดความเผด็จการของจิ๋นลี่ยวนไปครู่นึง จากนั้นเธอก็ส่งสายตามองเขาไปอย่างตกตะลึง
ไม่รู้ว่าตำรวจเมืองTมีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นหรือยังไง เพราะว่าหลังจากที่จิ๋นลี่ยวนวางสายไปเพียงไม่นานตำรวจก็ได้เดินทางมาถึงที่นี่ทันที นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ห้องทำงานของหัวหน้าภาควิชาคึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คนยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าเหล่าอาจารย์จะต้องการไล่พวกเขาออกไป แต่คำพูดของคุณตำรวจที่ว่า‘ต้องการให้ทุกคนในที่นี้ให้ความร่วมมือด้วย’จึงต้องปล่อยให้คนพวกนั้นอยู่ต่อ
ในตอนที่คุณตำรวจสอบปากคำจางหมืงอยู่นั้น จิ๋นลี่ยวนก็ได้ยืนอยู่ตรงนั้นไม่พูดไม่จา การโจรกรรมผลงานทางศิลปะทางที่ดีที่สุดก็คือจะต้องจัดการให้เร็วที่สุดเพื่อลดความเสียหายให้มากที่สุด นี่เป็นสิ่งที่ทางตำรวจก็รู้ดีอยู่แล้ว จึงได้รีบมาที่นี่ทันที เหล่าตำรวจตรวจดูโฆษณาทั้งสองชิ้นอย่างละเอียด จากนั้นก็หันมาถามคำถามสำคัญกับยินเสี้ยวเสี้ยว “คุณยินครับ คุณสามารถเรียกนางแบบคนนั้นมาได้มั้ยครับ?”