บทที่ 75 ตัวอย่างที่ดีที่สุดของการยืมมือคนอื่น
คุณย่าจิ๋นบีบขยี้ทิชชู่ในมือจนแทบจะฉีกขาด ทว่ากลับไม่ได้ยินคำพูดใดๆจากจิ๋นลี่ยวน
ทั้งๆที่เป็นระยะเวลาสั้นๆแค่สิบวินาที ทว่ายินเสี้ยวเสี้ยวกลับรู้สึกราวกับว่าผ่านไปหนึ่งศตวรรษ คนที่มีความรู้สึกแบบเดียวกันก็คือมู่ซูวที่ถูกยินจื่อเจิ้นแลถวาหยีต่อว่า
“ลี่ยวน คุณไม่แคร์ฉันแล้วจริงๆหรอคะ?” มู่ซูวเอ่ยถามจิ๋นลี่ยวนเคล้าน้ำตา
หลังจากที่สิ้นเสียง ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นจิ๋นลี่ยวนหันหลังกลับไป สวรรค์รู้ดีว่าหัวใจของเธอในตอนนั้นบีบรัดมากแค่ไหน แม้แต่จิ๋นลี่โป๋ที่ยืนอยู่ข้างๆเธอก็อดไม่ได้ที่จะตื่นกลัวขึ้นมา มีเพียงมู่ซูวเท่านั้นที่ดีใจ!
“แค่เดาก็เดาออกว่าคุณชายสามตระกูลจิ๋นจะเลือกใคร? มันชัดอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?” เสียงพูดดังขึ้นเบาๆ คนจำนวนไม่น้อยหันไปมอง ทว่ากลับเห็นว่าคนที่พูดประโยคนี้คือคุณหนูสองตระกูลยินยินรั่วอวิ๋นที่เพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน “หวังว่าพี่กลับไปจะไม่เสียใจมากเท่าไหร่!”
หลี่หมึ้งยื่นมือไปให้ยินรั่วอวิ๋น จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างร่วมมือ:“รั่วอวิ๋น ลูกอย่าพูดแบบนี้สิ ตอนนั้นพี่สาวของลูกคิดแต่จะแต่งงานกับคุณชายสามตระกูลจิ๋นพวกเราห้ามยังไงก็ไม่ฟัง เดี๋ยวลูกช่วยดูแลหน่อยนะ อย่าให้พี่ทำเรื่องโง่ๆขึ้นมา เพราะเรื่องในวันนี้คงกระทบจิตใจมาก……”
ทุกคนที่อยู่รอบๆล้วนเห็นทุกอย่าง ถึงแม้จะรู้สึกว่าคนในครอบครัวยินไม่ได้หวังดีแต่ก็อดคิดไม่ได้ ยินเสี้ยวเสี้ยวมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้มาโดยตลอดเลยหรอ? ไม่อย่างนั้นทำไมถึงไดมีข่าวลือที่ว่า “ไร้จริยธรรม นิสัยไม่ดี” แบบนั้นออกมานานขนาดนี้ล้ะ?
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองดูยินรั่วอวิ๋นและหลี่หมึ้ง แววตาของเธอเคล้าไปด้วยความเย็นชา!
สองแม่ลูกคู่นี้ไม่ลืมที่จะเหยียบเธอให้จมดินทุกวินาทีจริงๆ!
มู่ซูวตกใจกับท่าทีของสองแม่ลูกตระกูลยินเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก ทำเพียงมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่ได้เจอมานานแสนนาน น้ำตาบนใบหน้ายิ่งอยู่ก็ยิ่งไหลออกมา……
“ลี่ยวน…..” เสียงเรียกเบาๆทว่าเหมือนเรียกเข้าไปในใจของจิ๋นลี่ยวน
จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้ว มองดูผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ในที่สุดก็พูดกับมู่ซูที่มาถึงงานแต่งงานเป็นประโยคแรก:“คุณมู่เข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่าครับ?”
วินาทีนั้น ทุกคนหยุดหายใจ
จากนั้นจิ๋นลี่ยวนจึงพูดต่อ:“ผมยอมรับว่าเราเคยคบกันมาก่อน แต่ว่าเราเลิกกันแล้วไม่ใช่หรอครับ? ในเมื่อเลิกกันแล้ว การที่ผู้ชายและผู้หญิงจะแต่งงานกับใครมันก็ไม่เกี่ยวข้องกัน ตอนนี้คุณมาก่อความวุ่นวายในงานแต่งของผมแบบนี้ คุณเอาภรรยาของผมไปไว้ที่ไหน?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวควรจะพูดได้รึเปล่าว่าภายในใจของเธอกำลังดีใจ? แต่นั่นเป็นความจริง……
ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึง จิ๋นลี่ยวนจะปฏิเสธมู่ซูวอย่างเป็นทางการแบบนี้ อีกทั้งยังต่อหน้าทุกคนอีกด้วย!
คนในตระกูลจิ๋นดึงสติกลับมา จากนั้นคนที่ยืนออกมาพูดปกป้องยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนแรกคือจิ๋นลี่หยาวที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน
จิ๋นลี่หยาวยืนอยู่บนพรมแดง เอ่ยพูดเสียงเบา:“คุณมู่คะ ตอนนั้นที่คุณคบกับน้องชายของฉันคุณไม่รู้ใช่ไหมคะว่าเขาคือคุณชายน้อยของตระกูลจิ๋น? ฉันจำได้ว่าตอนนั้นหลังจากที่รู้ว่าคุณคบกับน้องชายฉันฉันก็ได้ไปที่งานเต้นบัลเล่ต์ของคุณ แต่หลังจากนั้นคุณแสดงออกมายังไงคะ ต้องให้ฉันพูดไหม?”
สีหน้าของมู่ซูวแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวขึ้นมาในทันที ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้!
จิ๋นลี่ยวนมองดูเธอแวบหนึ่งจากนั้นก็พูดขึ้น:“คุณมู่ครับผมหวังว่าวันข้างหน้าคุณอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามแบบนี้อีก เรื่องนี้ทำร้ายผมและภรรยาของผม ผมจะที่บ้านตระกูลมู่เพื่อพูดคุยกับคุณพ่อของคุณ”
พูดจบ จิ๋นลี่ยวนก็หมุนตัวกลับมาหายินเสี้ยวเสี้ยวจากนั้นยื่นมือของตนเองออกมา
ยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงยืนนิ่งค้างอยู่ที่เดิมมองดูมือที่ยื่นออกมาของจิ๋นลี่ยวน ไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำยังไง?
วันนี้ทั้งวัน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและจบลงนั้นรวดเร็วเกินไปแล้ว เธอยังไม่ทันรู้ว่าควรจะทำยังไง!
ถ้าหากการที่จิ๋นลี่ยวนทำแบบนี้เพื่อปกป้องชื่อเสียงของตนเองนั้น เธอเองก็ยอมรับ!เธอรู้ดี ถึงขั้นนี้แล้ววิธีที่ดีที่สุดคือปฏิเสธหนึ่งในสองคนนี้ ตอนแรกเธอนึกว่าคนที่จะถูกปฏิเสธต้องเป็นตนเองแน่ๆ แต่เธอไม่คิดเลยว่า ตนเองจะกลายเป็นคนที่ถูกปกป้องคนนั้น!
ไม่ว่าสิ่งที่จิ๋นลี่ยวนพูดในวันนี้จะพูดจากใจหรือไม่นั้น เธอยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกหวั่นไหวและซาบซึ้ง
เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่รักดีแบบนี้แหละ
ดวงตาหงส์คู่นั้นมองดูผู้หญิงตรงหน้าด้วยความปวดใจ ปฏิกิริยาของยินเสี้ยวเสี้ยวทำให้เขารู้ชัด ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้ตั้งแต่แรกถึงการมีอยู่ของมู่ซูว เพียงแต่วันที่ไปดูการจัดแสดงนั้นเธอแค่ไม่รู้จริงๆว่ามู่ซูวคือผู้หญิงคนนั้น แต่ตอนนี้ที่เธอรู้กลับยืนนิ่งไม่พูดอะไร ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะปวดใจ……
นึกถึงเธอที่ช่วงนี้เอาแต่เศร้าๆ จิ๋นลี่ยวนคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้
ความเป็นจริงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่จำเป็นต้องปล่อยให้คนอื่นคิดมั่วกันไปเอง ขอเพียงเธอก้าวเดินออกมาแล้วบอกว่าตระกูลจิ๋นปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ เช่นนั้นเธอก็จะกลายเป็นคนที่ถูกทำร้าย คนเราล้วนจะสงสารคนที่น่าสาร เธอไม่จำเป็นต้องไปเผชิญกับคำนินทาเหล่านี้ แต่เธอกลับยืนหยัดที่จะไม่พูดอะไร เพื่อที่จะปกป้องชื่อเสียงของตระกูลจิ๋น
ผู้หญิงแบบนี้ เขาไม่ควรปกป้องหรือไง?
ตอนที่มือบางอันอบอุ่นวางลงบนฝ่ามือของเขานั้น จิ๋นลี่ยวนจับมือนั้นแน่นโดยไม่ลังเล พูดในสิ่งที่ตนถูกขัดไปก่อนหน้านี้ด้วยความจริงใจ เสียงชัดเจน:“ผมยินดีรับครับ ผมยินดีรับยินเสี้ยวเสี้ยวมาเป็นภรรยาของผมจิ๋นลี่ยวน อยู่เคียงข้างชั่วทั้งชีวิต ทั้งยามป่วยและยามสบาย ทั้งยามทุกข์และยามสุข”
น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของยินเสี้ยวเสี้ยวมาโดยตลอดนั้นไหลรินลงมาในวินาทีที่จิ๋นลี่ยวนเอ่ยพูด ภาพตรงหน้าพร่ามัว และคล้ายว่าอนาคตของตนเองก็พร่ามัว…..
ขณะที่ทุกคนคิดว่าพิธีแต่งงานจะจบลงแล้วนั้น คุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นก็ได้ทิ้งระเบิดก้อนโตเอาไว้ เขาพูดขึ้น:“นับตั้งแต่วันนี้ ผมจะเข้าสู่แวดวงสังคมในเมือง T ในฐานะคุณชายสามตระกูลจิ๋น และในเวลาเดียวกันนั้นเพื่อการพัฒนาของบริษัทจิ๋นซื่อ หวังว่าทุกคนจะดูแลต้อนรับเป็นอย่างดีครับ”
คำพูดนี้เป็นการพูดออกไปตรงๆว่าหลังจากนี้เขาซึ่งเป็นคุณชายสามแห่งตระกูลจิ๋นจะไม่ถ่อมตนอีกแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ถ่อมตัน แต่ยังจะเข้าร่วมการพัฒนาของบริษัทจิ๋นซื่ออีกด้วย!เพียงชั่วพริบตาเดียวทุกคนที่อยู่ล่างเวทีก็ดีใจกันขึ้นมา ถ้าหากคุณชายสามตระกูลจิ๋นออกโรง เช่นนั้นข้อมูลของคนคนนั้นที่พวกเขาอยากรู้มาโดยตลอดก็คงไม่ยากที่จะได้มา……
หลังจากนั้น งานแต่งงานก็ยังคงดำเนินไปต่อด้วยความราบรื่น มู่ซูวถูกเก๋อเฉิงเฟยสั่งให้คนของเขาส่งไปที่บ้านตระกูลมู่ แทบจะทุกคนล้วนไม่เอ่ยถึงคนคนนั้นอีก มีเพียงสองแม่ลูกตระกูลยินเท่านั้นที่ดีดดิ้นแต่ทว่ากลับไม่มีใครสนใจ…..
บางทีในสายตาของคนหมู่มาก สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นไม่ใช่ข่าวรักของยินเสี้ยวเสี้ยวและจิ๋นลี่ยวน แต่เป็นการที่จิ๋นลี่ยวนที่อยู่ด้านหลังแล้วเดินออกมาหน้าเวที…..
มีบางครั้ง ปรากฏการณ์ผีเสื้อกระพือปีกเป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง……
อยากจะหยุดความน่าสนใจของข่าวๆหนึ่ง ก็ต้องใช้ข่าวอีกข่าวหนึ่งที่ฮิตฮอตมากกว่าเดิมออกมา ก่อนหน้านี้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เข้าใจหลักการนี้ แต่เธอเจอกับหลักการนี้ด้วยตนเอง ในงานแต่งงานของตนเอง
หลังจากที่เปลี่ยนชุดเจ้าสาวแล้วนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินตามจิ๋นลี่ยวนไปตามกลุ่มคนนั้น เธอไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในงานแต่งงานเมื่อกี้แม้แต่น้อย คล้ายว่าหายวับไป ประโยคเดียวที่ได้ยินนั้นก็คือ
——คุณชายสามจิ๋น ‘ปรมาจารย์เทรดเดอร์’ เมื่อไหร่ถึงจะสามารถเอาออกมาโชว์ได้ครับ?
‘ปรมาจารย์เทรดเดอร์’ ก่อนหน้านี้ยินเสี้ยวเสี้ยวเคยได้ยินยินจื่อเจิ้นพูดถึง เป็นคนที่เทรดหุ้นเก่งมาก ถึงขั้นลือกันว่เขาสามารถที่จะควบคุมเปลี่ยนแปลงทิศทางในตลาดหุ้น แต่ว่านับตั้งแต่ที่เขาโด่งดังมาจนวันนี้ก็เจ็ดปีแล้วทว่ากลับไม่เคยมีใครเคยเห็นเขามาก่อน!รู้เพียงว่าเขากับคุณชายสามจิ๋นนั้นสนิทกันมาก……
ในห้องเจ้าสาว ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับมาพักนั้นเห็นได้ชัดว่าจิตใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถาวหยีคอยเดินตามเธอไม่หยุด ปากก็เอาแต่พูดอยู่ตลอดเวลา
เธอไม่สนใจคุณชายสามตระกูลจิ๋นอะไรทั้งนั้น และไม่สนใจว่าอะไรคือ‘ปรมาจารย์เทรดเดอร์’ เพราะอย่างไรคนพวกนี้ก็อยู่ไกลจากชีวิตเธอมาก เวลานี้สิ่งที่เธอสนใจมีแต่เพื่อนสนิทของเธอยินเสี้ยวเสี้ยวเท่านั้น ดังนั้นตอนที่คนอื่นเอาแต่อยากรู้เรื่องของ‘ปรมาจารย์เทรดเดอร์’จากจิ๋นลี่ยวน เธอรู้สึกเพียงไม่พอใจกับเรื่องในวันนี้ของตระกูลจิ๋น……
“ตระกูลจิ๋นรังแกคนมากเกินไปแล้ว!เรื่องสำคัญแบบนี้กลับไม่เคยพูด!ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้จิ๋นลี่ยวนรู้ว่าควรทำอะไร พวกเขาจะเคยคิดรึเปล่า ว่าแกจะถูกบีบต้อนจนต้องจนมุมแค่ไหน?” ถาวหยียิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ โมโหเป็นอย่างมาก “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกแกสองคนจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวันนี้ฉันจะพาตัวแกไปอย่างแน่นอน!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวรับฟังจากนั้นคลายยิ้มมุมปาก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ห้องเจ้าสาวขนาดใหญ่นี้มีแค่พวกเธอสองคนเท่านั้น ดังนั้นการที่จะพูดอะไรจึงไม่ต้องคิดมาก
“ถาวหยี แกรู้ไหม? ก่อนที่ฉันจะแต่งงานฉันก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้มีตัวตน…..” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดเบามากๆ เบาเหมือนลอยอยู่บนสำลี “แต่ฉันก็คาดหวังว่าตนเองจะโชคดี อยากจะลองพนันดู เพียงแต่ตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฉันทำนั้นมันถูกหรือผิด…..”
เธอไม่รู้จริงๆ ตอนนี้งานแต่งงานก็ได้จบลงแล้ว แต่เธอไม่มีเวลาแม้แต่จะพูดคุยกับจิ๋นลี่ยวนเป็นการส่วนตัว เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาในวันนี้เพราะความฝืนใจหรือทำด้วยความยินดี…..
แต่ว่าเธอรู้ดี ไม่ว่างานแต่งงานในวันนี้จะเป็นยังไงแต่ก็ได้ทิ้งบาดแผลเอาไว้ในใจของเธอแล้ว เดาว่าทั้งชีวิตนี้คงไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้อีกครั้ง!
การปรากฏตัวของมู่ซูวในวินาทีนั้น คนที่ไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่หรอกว่าเธอรู้สึกยังไง……
ถาวหยีไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เดินไปแล้วกอดเธอเอาไว้พร้อมพูดขึ้นเสียงเบา “เสี้ยวเสี้ยว ไม่ต้องกลัว ต้องเข้มแข็งหน่อย อย่างมากวันข้างหน้าเราก็อยู่ด้วยกันสองคน ไม่ใช่หรอกว่าจะทำให้คนหิวตายได้?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงนั่งให้เธอกอดแล้วคลายยิ้มโดยไม่มีคำพูดใดๆ
ในงานแต่งงาน จิ๋นลี่ยวนพูดคุยกับทุกคนด้วยความเหนื่อยล้า มีบ้างบางครั้งที่จะมองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นร่างบางที่แสนคุ้นเคยนั้นก็จะก้มหน้าลงดื่มเหล้า
จิ๋นลี่หยาวเห็นแบบนั้นก็เลยเดินเข้าไปชนไหล่ของเขา แก้วในมือเองก็ชนกับแก้วในมือของเขา ตอนที่แก้วชนกันนั้นได้เอ่ยถามขึ้น:“ดูท่าแล้วนายไม่ยอมเสียเลือดจริงๆ เพื่อที่จะเบี่ยงแบนความสนใจแม้แต่ตัวเองและ‘ปรมาจารย์เทรดเดอร์’ก็เอาออกมาขายแล้ว? ยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นจุดอ่อนของนายจริงๆ!”
จิ๋นลี่ยวนได้ยินแบบนั้น ไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงยิ้มแล้วดื่มเหล้า
แท้ที่จริงแล้ว เธอไม่ได้เป็นแค่อุบัติเหตุของเขา แต่ยังเป็นบ่วงของเขาด้วย….
จิ๋นลี่หยาวเมื่อเห็นจิ๋นลี่ยวนยิ้มอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก เข้าสู่บทสนทนาด้วยความรวดเร็ว ถามขึ้นเสียงเบา:“คุณย่าบอกว่าบ้านใหม่ของพวกนายที่บ้านนั้นสร้างเสร็จแล้ว รูปพรีเวดดิ้งก็แขวนเอาไว้ที่นั่นทั้งหมดแล้ว เดี๋ยวงานแต่งงานเลิกแล้วพวกนายจะกลับไป”
คำพูดนั้นเพียงแต่หมายความว่าให้จิ๋นลี่ยวนพายินเสี้ยวเสี้ยวไปอยู่ที่บ้านใหญ่ เพียงแต่หญิงสาวคนนั้นจะยอมรึเปล่า?