บทที่ 87 มือคู่หนึ่งที่มีมูลค่ามาก
เช้าตรู่ ยินเสี้ยวเสี้ยวลืมตาขึ้นมาเห็นว่าบนเตียงด้านข้างไม่มีคนมานอน ทั้งตัวนิ่งๆ เหมือนกับไม่มีสติ ตลอดจนถาวหยีโทรมาจึงทำลายวันที่ไม่มีชีวิตชีวาของเธอ
“เสี้ยวเสี้ยว คุณจะทำงานไหม? พอดีบริษัทของพวกเรากำลังรับสมัครพนักงาน คุณจะลองมาสมัครดูไหม?” เสียงของถาวหยีเต็มไปด้วยความร่าเริง ตื่นเต้นกับเรื่องในครั้งนี้มาก
ถาวหยีคิดว่าง่ายๆ แค่คิดว่าถ้าเสี้ยวเสี้ยวสามารถไปทำงานกับตัวเองในบริษัทเดียวกัน นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเหรอ?
ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินเสียงของถาวหยีทันใดนั้นก็รู้สึกอิจฉา ถาวหยีมีเป้าหมายคือสู้ชีวิตเพื่อตัวเอง เธอขยันทำงานเพื่อที่จะซื้อบ้านในเมืองT แล้วก็จะรับคุณยายที่บ้านเกิดมา หลังจากเรียนจบก็ขยันทำงาน เห็นแล้วทำให้คนรู้สึกว่าเต็มไปด้วยพลังงาน
ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ยินเสี้ยวเสี้ยวสางผมแล้วถามเบาๆ: “เมื่อไหร่? ฉันต้องเตรียมอะไรบ้าง?
ถาวหยีพอได้ยิน เธอก็ยินดีทันที เสี้ยวเสี้ยวครั้งนี้ก็มีความคิด เดิมทีเธอยังคิดว่าเสี้ยวเสี้ยวเป็นสะใภ้ที่เชื่อฟังของบ้านจิ๋น เพราะว่าเธอได้ข่าวจากภรรยาของเศรษฐีมาเยอะว่าไม่อนุญาตให้ทำงาน
พูดกับยินเสี้ยวเสี้ยวไม่กี่ประโยคอย่างรวดเร็ว ถาวหยีจึงวางสาย ยินเสี้ยวเสี้ยวตื่นนอนแล้วแต่งตัวเตรียมไปที่เมืองไห่เมียวเพื่อดูว่าบ้านที่ทำถึงขั้นตอนสุดท้าย แล้วก็เรียกรถไปที่ทำงานของถาวหยี ‘เก๋อหลิน’เมื่อขึ้นรถยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกเบื่อจึงหยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองขึ้นมา ไม่รู้ว่าควรจะบอกเขาสักหน่อยไหม?
เกี่ยวกับเรื่องงาน คนบ้านจิ๋นก็ไม่เคยพูดว่าไม่อนุญาตให้เธอออกมาทำงานขณะเดียวกันก็ไม่เคยพูดว่าอนุญาตให้ทำงาน คิดดูแล้วยินเสี้ยวเสี้ยวยังคงโทรหาจิ๋นลี่ยวนสายหนึ่ง โทรหาครั้งนี้รับสายเร็วมาก
“ฮัลโล” จิ๋นลี่ยวนพูดเบาๆหนึ่งประโยคก็รอฟังเสียงของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างเงียบๆ
ยินเสี้ยวเสี้ยวกะพริบตา รีบเข้าหัวข้อทันที: “จิ๋นลี่ยวน ฉันอยากออกไปทำงาน ตอนนี้กำลังไป‘เก๋อหลิน’ทางไปสมัครงาน…….”
ยังไม่ทันได้พูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดถึงตรงนี้ก็เงียบแล้วรอจิ๋นลี่ยวนตอบกลับ
“อืม ระวังความปลอดภัยด้วย สมัครเสร็จแล้วโทรหาฉัน ฉันจะไปรับคุณ”
ขณะที่วางสายนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวมึนงงเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนเปลี่ยนนิสัยแล้วเหรอ?
ไม่ได้มีเวลาให้ยินเสี้ยวเสี้ยวคิดนานเท่าไหร่นัก เดี๋ยวเธอก็จะถึงใต้ตึก‘เก๋อหลิน’แล้ว
การสมัครไม่ได้ยากอะไร ยินเสี้ยวเสี้ยวก่อนหน้านี้อยู่ที่โรงเรียนก็มีผลงานสัมภาษณ์แล้ว ดังนั้นสำหรับยินเสี้ยวเสี้ยวเจ้านายที่‘เก๋อหลิน’ค่อนข้างพอใจมาก ต่อมาก็คุยกับยินเสี้ยวเสี้ยวเรียบร้อยแล้วว่าให้เธอมาทำงานวันจันทร์หน้า ถาวหยีได้ข่าวนี้ก็ตื่นเต้นมากจึงชวนยินเสี้ยวเสี้ยวไปกินข้าวด้วยกัน แต่เพราะว่าจิ๋นลี่ยวนได้นัดไว้แล้ว ดังนั้นสุดท้ายแล้วได้แค่นัดกับยินเสี้ยวเสี้ยวครั้งหน้าไปกินข้าวด้วยกันถึงยอมปล่อยเธอไป
ยินเสี้ยวเสี้ยวออกมาจากห้องสัมภาษณ์แล้วก็ส่งข้อความให้จิ๋นลี่ยวน แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเธอลงมาจาก‘เก๋อหลิน’ จิ๋นลี่ยวนก็มารอ อยู่ที่ใต้ตึกแล้ว
ในใจก็เกิดความสงสัยหน่อยๆ แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวยังคิดว่าอาจจะเป็นเพราะตัวเองคิดเข้าข้างตัวเองก็เป็นได้ จิ๋นลี่ยวนจะทำเรื่องที่มารอเธอใต้ตึกแบบนี้ได้เหรอ? คิดๆแล้วก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
‘ร้านอาหารเทาถี้’
ยินเสี้ยวเสี้ยวกับจิ๋นลี่ยวนนั่งในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เหมือนกับบ้านเขาที่อยู่ต่างประเทศ รอจนผู้จัดการหวงสั่งอาหารครบก็ยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบ และต่อมาเก๋อเฉิงเฟยกับเฉินผูลี่ก็มาด้วย
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่จิ๋นลี่ยวนที่นั่งข้างๆตัวเองอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าที่เขาทำหมายความว่ายังไง
รอจนมาครบทุกคน จิ๋นลี่ยวนยื่นมือออกมาหยิบเอกสารส่งให้ยินเสี้ยวเสี้ยว
ยินเสี้ยวเสี้ยวรับมาภายใต้สายตาของจิ๋นลี่ยวนที่ส่งสัญญามาให้เปิดดู แค่ตอนรับเอกสารมานั้นสีหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวดูตกใจหน่อยๆ
ที่แท้ จิ๋นลี่ยวนคือคนที่เชี่ยวชาญเล่นมุกฝืดๆเหรอ?
เขาให้อะไรกับเธอ?
สิ่งที่ให้กับเธอ ประวัติส่วนตัวของเขา!
น้องคุณเหรอ ฉันจะเอาประวัติส่วนตัวคุณมาใช้ผายลมอะไร!
ยินเสี้ยวเสี้ยวแม้แต่ดูแค่ตาเดียวก็ไม่ดูแล้วก็เอาของยัดเข้าไปข้างในแล้ววางไว้ข้างๆโต๊ะ สีหน้าไม่ดีเท่าไหร่
จิ๋นลี่ยวนจนใจ ก็พูดเบาๆว่า: “พวกเขาสามคนล้วนแล้วเป็นคนของฉัน ฉันเป็นผู้ควบคุมหุ้นใน ‘ร้านอาหารเทาถี้’และ‘โรงแรมหซือซัน’ ฉันไม่ใช่แค่ศัลยแพทย์ที่ประจำห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลหนันหยู ฉันยังเป็นนายน้อยคนที่สามของบ้านจิ๋นเมืองT ก็คือคนที่อยู่ในข่าวลือคนนั้น ‘เทรดเดอร์มืออาชีพ’”
เพียงประโยคสั้นๆก็ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวได้แต่มึนงงหันหน้ามามองที่เขา พอเขาโบกมือปุ๊บก็ทำให้ด้านข้างที่ยืนอยู่สามคนนั้นออกไปทั้งหมด ต่อมาก็ยื่นมือออกไปคีบอาหารมาให้เธอโดยไม่รู้สึกอะไร‘น่องไก่มะม่วง’แล้วพูดต่อ: “ฉันไม่ได้มีเจตตนาจะปิดบังคุณ ถึงยังไงคุณก็คือภรรยาของฉัน พวกเรายังต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ฉันก็คิดไม่ถึงว่าเพราะเรื่องแบบนี้จะทำให้คุณโกรธขนาดนี้ ดังนั้นถือโอกาสนี้บอกให้คุณทราบก็ดีเหมือนกัน ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลก็คือหมอผ่าตัดจริงๆ แต่อาชีพหลักของฉันไม่ใช่หมอ แต่เป็นหุ้น”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอที่ถูกกักตัวไว้ในบ้านไม่รู้เรื่องอะไร แต่ตรงกันข้ามสาเหตุเพราะว่าตัวเองเป็นนักออกแบบโฆษณา สำหรับเรื่องในสังคมมีหลายเรื่องที่เธอรู้แต่ไม่ได้รู้ลึกซึ้งขนาดนั้น ก็เหมือนกับเธอรู้ว่ามู่ซูวเป็นนักเต้นบัลเล่ต์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ แต่ไม่สามารถจำชื่อเธอได้อย่างชัดเจน ก็เหมือนกับเธอรู้จักฉายา‘เทรดเดอร์มืออาชีพ’ แต่ก็เหมือนคนอื่นๆในเมืองTที่รู้แค่ว่ามีคนๆนึงสามารถทำให้ตลาดหุ้นพวกเส้นสีแดงสีเขียวนั้นอยู่ในกำมือของเขาได้ แต่กลับไม่รู้ว่าเป็นใคร
เพียงแค่ เธอเคยคิดว่าจิ๋นลี่ยวนอาจจะมีกิจการเล็กๆเป็นของตัวเอง ก็อย่างเช่น‘โรงแรมหซือซัน’ที่เขาเป็นเจ้าของกิจการ ดังนั้นเก๋อเฉิงเฟยจึงอยู่ในเมืองนั้น และเฉินผูลี่อาจจะเป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวันของเขา ทุกที่ทุกเวลา เรียกปุ๊บถึงปั๊บ แต่ว่าตอนนี้เธอถึงรู้ว่าตัวเองเดาผิดหมดเลย
‘ร้านอาหารเทาถี้’และ ‘โรงแรมหซือซัน’ในความจริงแล้วทั้งหมดไม่ใช่กิจการของจิ๋นลี่ยวน เขาเป็นเพียงควบคุมหุ้นเท่านั้น และอาชีพของเขาจริงก็ไม่ใช่หมอที่อยู่โรงพยาบาลหนันหยู แต่เป็นบ้านจิ๋นที่มีฉายาเป็น ‘เทรดเดอร์มืออาชีพ’!
เธออึ้งไม่ได้สติ ดวงตาของยินเสี้ยวเสี้ยวมองลงมาบนมือคู่นั้นของจิ๋นลี่ยวน
มือผู้ชายคนนี้ควรมีราคาสักเท่าไหร่?
‘มือของอัฉริยะ’แพทย์ศัลยกรรมจะอิจฉาก็อิจฉาไม่ได้ ‘เทรดเดอร์มืออาชีพ’มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการที่จะเป็นเจ้าของ
จิ๋นลี่ยวนมองดูยินเสี้ยวเสี้ยวท่าทางแบบนั้น อดไม่ได้จึงยิ้ม เสิร์ฟชามซุปไก่ดำที่เย็นแล้วให้เธอและวางไว้ข้างๆ ก็เปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว: “วันนี้คุณไปสมัครงานเป็นอย่างไรบ้าง? มีใครทำอะไรให้คุณลำบากใจหรือเปล่า?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวประหลาดใจแล้วมองไปที่เขาส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วก็หยิบตะเกียบเริ่มกินข้าว ขณะเดียวกันก็ได้ตอบคำถามของเขา: “ฉันเพิ่งจะไป คนก็ไม่ได้รู้จักใครจะทำอะไรฉันได้ อีกอย่างถาวหยีก็อยู่ที่นั่น ฉันไปก็จะได้มีเพื่อนพอดีเลย แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกคุณยายนั้นจะไม่พอใจหรือเปล่า……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมีความกังวลเล็กน้อยแล้วมองไปที่จิ๋นลี่ยวนครู่หนึ่ง เธอไปสมัครงานจุดประสงค์ส่วนหนึ่งคือเพื่อหางานทำ แต่อีกอย่างหนึ่งคือเพราะเธอโกรธจิ๋นลี่ยวน บ้านจิ๋นนั้นเธอไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ แต่ว่าครอบครัวเล็กอย่างบ้านยิน หลังจากหลี่หมึ้งแต่งเข้ามาก็ไม่ได้ออกไปทำงานอีกทั้งช่วงนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวไปเจอกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหลายคนก็ไม่ได้ทำงานนอกบ้าน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอเป็นข้อยกเว้นในกลุ่มผู้หญิงเหล่านี้
“อืม ไม่เป็นไร ฉันจัดการเอง” จิ๋นลี่ยวนคีบแผ่นเห็ดหอมให้ยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วพูดต่อ แต่ว่าคำนั้นฟังดูแล้วทำไมค่อนข้างคลุมเครืออยู่ในนั้น: “ยินเสี้ยวเสี้ยว ต่อไปอยากรู้อะไรก็ถามฉันได้โดยตรง คุณก็น่าจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเรา”
ยินเสี้ยวเสี้ยวก้มหน้ากินข้าว ใบหูแดงขึ้นมาหน่อยๆไม่ได้พูดอะไร
ถ้าไม่ใช่จิ๋นลี่ยวนเริ่มเปิดปากอธิบาย เธอคงคิดจริงๆว่าจิ๋นลี่ยวนมีเจตนาที่จะไม่บอกเธอ
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้เป็นตัวเธอเองที่ใจแคบ
เรื่องที่ค้างคาใจของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้คลี่คลายแล้ว อารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นมาหน่อย อาหารก็กินได้อร่อยแล้ว จิ๋นลี่ยวนกินข้าวเร็วกว่าเธออีก แม้ว่าจะขยับตะเกียบช้ากว่าเธอแต่ไม่นานก็เรียบร้อยแล้ว ก็นั่งข้างๆมองดูยินเสี้ยวเสี้ยวกิน หลังจากนานพอสมควร จิ๋นลี่ยวนก็เริ่มพูดอีก
“ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันกับมู่ซูวรู้จักกันมาห้าปีแล้ว ตอนแรกตลอดสามปีได้แค่ติดต่อกันผ่านข้อความ จนถึงเมื่อสองปีก่อนเธอปรากฏตัวต่อหน้าฉันพวกเราก็คบกันโดยปริยาย…..” เมื่อเริ่มพูด จิ๋นลี่ยวนรู้สึกกระตือรือร้นตะเกียบในมือยินเสี้ยวเสี้ยวก็ค่อยๆช้าลง ก็ยังคงพูดต่อ “เรื่องที่มู่ซูวกลับประเทศมาฉันก็รู้ แต่ช่วงนั้นฉันยุ่งมากคุณก็รู้ ขณะเดียวกันในใจตอนนั้นก็รู้สึกกับเธอต่างจากเดิม อาจเป็นเพราะรู้สึกว่าตอนนั้นถูกปฏิเสธมั้ง ก็อาจรู้สึกควรตัดขาดอย่างเป็นทางการ ต่อมาคุณก็ส่งข้อความมาว่าอยากจะไปดูการแสดงแรกของเธอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งอยู่ตรงนั้นก้มหัวลงและไม่พูดไม่จา ในมือยังคงกุมตะเกียบไว้ ในปากกลับเหมือนไม่รู้สึกถึงรสชาติใดๆ ได้แต่นั่งฟังอย่างเงียบๆ
“สำหรับฉันแล้ว พลาดไปแล้วก็คือพลาดไป เอากลับมาไม่ได้ ดังนั้นการแสดงในครั้งนั้นไม่ใช่เพราะคุณเอ่ยปาก ก็เป็นเพียงเพราะว่าสามารถถือโอกาสนี้ให้ตัวเองได้สิ้นสุดความสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายนี้เท่านั้น ฉันก็ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น” จิ๋นลี่ยวนพูด และตั้งใจสังเกตุปฏิกิริยาของยินเสี้ยวเสี้ยว เมื่อเห็นเธอโล่งใจอย่างไม่รู้ตัว มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว กลับพูดอย่างภูมิใจไปประโยคหนึ่ง: “ต่อไปอย่าลากฉันเข้าไปเกี่ยวข้องกับเธออีก”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเขาด้วยความไม่พอใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าจิ๋นลี่ยวนทำไมถึงเงียบครึมขนาดนี้นะ?
เมื่อก่อนยังคิดยังไงก็คิดไม่ออก แต่ตอนนี้ฉันอธิบายทุกอย่างชัดเจนแล้ว ถึงขนาดเอาประวัติส่วนตัวออกมา คิดถึงพฤติกรรมก่อนหน้านี้ของเขา ยินเสี้ยวเสี้ยววางตะเกียบลงแล้วหันกลับมาและหยิบประวัติของจิ๋นลี่ยวน ดูอย่างละเอียด แต่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วเอามือปิดปากไว้
จิ๋นลี่ยวนมองเห็นแล้วพูดไม่ออกชั่วขณะ ทำเป็นมองไม่เห็นเธอก็แล้วกัน ทันใดนั้นก็ทำแต่เรื่องตัวเอง หลังจากรับประทานอาหารยินเสี้ยวเสี้ยวก็นำประวัติย่อนี้ไปเก็บไว้ ไม่ปล่อยให้จิ๋นลี่ยวนแตะต้องเลยสักนิด ทันใดนั้นก็กลายเป็นสมบัติส่วนตัวของยินเสี้ยวเสี้ยว
จนกระทั่งในวันข้างหน้า ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่ประวัติย่อนี้ก็จะอดไม่ได้ที่จะคิดถึงจิ๋นลี่ยวนในเวลานี้ เหมือนกับเด็กยังไงอย่างงั้นเลย ทั้งยังจริงใจมาก และดูเหมือนว่าจากเวลานี้เธอเริ่มรู้สึกถึงมองไม่เห็นจุดจบของเรื่องนี้แล้ว