บทที่95 ชีวิตที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
พฤติกรรมแบบนี้นี่เป็นการยั่วให้คู่สามีภรรยาทะเลาะกันอย่างซึ่งๆหน้า? หรือว่าจะไล่ต้นเขย่าเงินของบ้านยินของออกไปอย่างซึ่งๆหน้ากันแน่?
สำหรับคนบ้านยินแล้ว แน่นอนว่าอย่างหลังนี้ต้องหนักกว่าอยู่แล้ว!
“เซี่ยงเฉิงนี่ก็พูดมั่วซั่วอะไรน่ะ ลี่ยวนเขาโตป่านนี้แล้วก็ต้องรู้ว่าควรทำยังไงอยู่แล้ว” หลี่หมึ้งรีบยืนออกมาพูดทันที ในน้ำเสียงเป็นครั้งแรกที่แสดงถึงความไม่พอใจต่อเซี่ยงเฉิง “อีกอย่าง ตอนนี้เสี้ยวเสี้ยวก็ท้องแล้ว จะยังไงลี่ยวนก็ไม่มีทางทำเรื่องแบบนั้นหรอก คุณดูแลรั่วอวิ๋นให้ดีๆก็พอแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของเขาสองคนหรอก”
ความโมโหของเซี่ยงเฉิงติดไว้ในใจระบายออกมาไม่ได้ มือที่จับตะเกียบไว้ใช้แรงกำแน่นยิ่งขึ้น
ก่อนที่จะรู้ฐานะของจิ๋นลี่ยวน เขาอยู่ที่บ้านยินคือแขกคนสำคัญคนหนึ่ง! ยินไป่ฝันไม่เคยพูดจาแรงแบบนี้กับตัวเองสักคำ แต่พอรู้ว่าจิ๋นลี่ยวนเป็นคุณชายสามของบ้านจิ๋นแล้ว ท่าทีของคนบ้านยินก็เปลี่ยนไปทันที! ยิ่งตอนนี้แค่คำพูดเดียวตัวเอง หลี่หมึ้งถึงกับกล้าไม่ไว้หน้าบ้านเซี่ยงและพูดคำพูดแบบนี้ออกมา!
เซี่ยงเฉิงพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ไปถือสากับหลี่หมึ้ง แค่ลืมตาโตมองยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม คนอื่นจะคิดยังไงเขาไม่สน จะช้าหรือเร็วเขาก็ต้องหาวิธีเอาคืนอยู่แล้ว สิ่งที่เขาสนใจที่สุดในตอนนี้ก็คือปฏิกิริยาของยินเสี้ยวเสี้ยว!
เขาไม่เชื่อหรอกว่า ตอนที่รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนกับแฟนเก่าถึงแม้จะเลิกกันแล้วแต่ยังมีเยื่อใยให้กัน เธอยังจะไม่รมีปฏิกิริยาอะไรเลย!
แต่เสียดาย ทำให้เซี่ยงเฉิงผิดหวังแล้วจริงๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อยจริงๆ
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษที่ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว ไม่อย่างนั้นเธออาจจะมีปฏิกิริยาอะไรก็ได้!
รู้สึกเจ็บใจนัก เซี่ยงเฉิงจึงถามยินเสี้ยวเสี้ยวโดยตรงว่า:“เสี้ยวเสี้ยว คุณไม่แคร์เลยแม้แต่น้อยเลยหรือ?”
เซี่ยงเฉิงไม่รู้จะบรรยายอารมณ์ของตัวเองยังไง ด้านนึงเขาก็หวังอยากจะให้ยินเสี้ยวเสี้ยวแคร์ อย่างนั้นเธอก็อาจจะทะเลาะกับจิ๋นลี่ยวน หลังจากนั้นความรักของทั้งสองคนก็จะแตกร้าว แต่อีกด้านนึงเขากลับไม่อยากให้ยินเสี้ยวเสี้ยวแคร์ นี่ก็ถือเป็นอีกรูปแบบนึงที่แสดงให้เห็นว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้รักจิ๋นลี่ยวนขนาดนั้น แต่พอกลับมาที่เรื่องนี้จริง เขากลับรู้สึกไม่ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะทำยังไงก็ไม่สามารถทำให้เขาพอใจได้!
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้ามองเขาทีนึงและไม่พูดอะไร จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาตาทานข้าวต่อ
หน้าตาแบบนั้น ก็เปรียบเสมือนเมื่อกี๊ที่พวกเขามองเธอเป็นตัวตลก และก็มองเซี่ยงเฉิงเป็นตัวตลกแบบนั้นด้วยเช่นกัน…….
จิ๋นลี่ยวนคีบข้าวโพดเล็กๆให้ยินเสี้ยวเสี้ยวชิ้นนึง และพูดเสียงเบาว่า:“รู้สึกว่าคุณชายเซี่ยงจะห่วงใยเรื่องในครอบครัวของเรามากเลยนะ? หรือว่า ในครอบครัวของเรามีอะไรบางอย่างที่คุณหมายปองมาโดยตลอด?”
เพิ่งพูดจบ สีหน้าของยินรั่วอวิ๋นที่นั่งอยู่ข้างกายเซี่ยงเฉิงได้ซีดเซียวทันที…..
สุดท้าย เซี่ยงเฉิงก็ยังตัดใจจากยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้สินะ!
ยินไป่ฝันกับหลี่หมึ้งต่างก็รู้สึกว่าเรื่องนี้บานปลายกันใหญ่แล้ว จึงรีบส่งเสียงขัดจังหวะพวกเขาทันที หลังจากนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องความรักระหว่างเขาสองคนอีก กลัวว่าเดี๋ยวไม่ทันระวังจะทำให้เขาโมโหเข้า สุดท้ายจิ๋นลี่ยวนพายินเสี้ยวเสี้ยวจากไป หลี่หมึ้งก็จะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะถามถึงเรื่องงานหมั้นของบ้านฉีกับตระกูลกู่…….
ช่วงที่ผ่านมานี้เมืองTฝนตกหนักมาก น้ำฝนได้ตกลงบนพื้นช่วยล้างเมืองTให้สะอาดสะอ้าน แต่เดิมฝนหยุดแล้วทำให้เมืองTเปลี่ยนโฉมใหม่ไปเลย แต่ฟ้าไม่เป็นใจกลับมีฝนตกลงมาอีก และวันนี้ ดันเป็นงานหมั้นของตระกูลฉีกับตระกูลกู่………
สุดท้ายงานหมั้นของฉีเคอหานกับกู่ชูเหยาก็ไม่ได้จัดงานที่’โรงแรมหซือซัน’แต่ได้ตัดสินใจจัดที่’โรงแรมเฉิงหยู’
ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นกู่ชูเหยาที่ห้องพักผ่อน เธอได้เตรียมตัวเสร็จแล้ว ในห้องพักผ่อนมีแต่เธอนั่งเงียบๆอยู่ที่เก้าอี้เสริมความงามและมองฝนที่ตกนอกหน้าต่างตัวคนเดียว…….
เวลานี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกว่าเหตุผลที่กู่ชูเหยาปฎิเสธจัดงานหมั้นที่’โรงแรมหซือซัน’ก็เพราะเธอรู้ว่า งานหมั้นนี้อยู่ได้ไม่นานอยู่แล้ว เธอกับฉีเคอหานอาจจะไม่มีโอกาสที่จะเดินเข้าสำนักงานเขตด้วยซ้ำ
ชุดเดรสสีแดงขับห้ผิวของกู่ชูเหยายิ่งดูขาวเนียนดึงดูดสายตา อาจจะเป็นเพราะสาเหตุที่วาดรูปมานานหลายปี ความรู้สึกที่กู่ชูเหยาให้คนอื่นมาโดยตลอดเป็นคนเงียบ และนิสัยอ่อนโยน นาทีนี้เธอที่กำลังดูฝนอย่างเงียบสงบยิ่งดูสวยงามสะดุดตา แต่ผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้ ฉีเคอหานดันมองไม่เห็น………
“ชูเหยา”ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม สำหรับเธอกับกู่ชูเหยาวันนี้เป็นวันที่ไม่ธรรมดา เธอยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อ ตอนนี้ใส่แค่ชุดกระโปงสีฟ้า ผมลอนยาวทิ้งตัวอยู่ที่ข้างหลัง อยู่ในอากาศแบบนี้ยิ่งดูสดใสและธรรมชาติ “ฉันเข้ามาดูว่าคุณเตรียมตัวเสร็จหรือยัง ข้างนอกใกล้จะเตรียมพร้อมหมดแล้วนะคะ”
กู่ชูเหยายิ้มและลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เสริมความงาม มายืนที่หน้ากระจกตรวจดูตัวเองอย่างละเอียดแล้วค่อยเดินไปที่ข้างกายยินเสี้ยวเสี้ยว พูดด้วยเสียงเบาว่า:“ฉันเตรียมพร้อมแล้วค่ะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังจะพูด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถามออกมา เธอคือได้เตรียมพร้อมกับความรักที่ต้องเจ็บทั้งสองฝ่ายแล้ว หรือว่าเตรียมพร้อมสำหรับงานหมั้นที่หมดทางเลือกนี้…….
ตอนที่มีคนมาแจ้งว่าฉีเคอหานได้รออยู่ที่นอกประตูแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากู่ชูเหยาได้ตัวแข็งไปครู่นึง ดวงตาคู่นั้นเหมือนกับขยับไม่เป็นเอาแต่เพ่งมองอยู่ที่ประตูไม้บานใหญ่บานนั้น
ผู้ชายที่อยู่นอกหน้าต่าง ก็คือผู้ชายที่อยู่ในหัวใจของเธอ
ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันหมั้นของพวกเขาแท้ๆ ต่อจากนี้ในระเวลาอันยาวนานเธอก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ในนามคู่หมั้นของเขา แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้ดีใจเหมือนอย่างที่คิด หรือเป็นเพราะรู้อยู่แล้วว่าความสุขนี้เป็นแค่ชั่วคราวไม่ยั่งยืน?
ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่ข้างกายเธออย่างเงียบๆ
ยืนอยู่ที่หน้าประตูไม้บานใหญ่ ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินกู่ชูเหยาถามเบาๆเสียงนึงว่า:“คุณเสี้ยวเสี้ยวคะ พี่ลี่หยาวมารึยังคะ?”
เงยหน้ามองแววตาที่หมกมุ่นกับความรักของเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้าตอบว่า:“มาแล้วค่ะ”
เพิ่งพูดจบ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็มองเห็นกู่ชูเหยาได้เปิดประตูไม้ใหญ่บานนั้นด้วยตัวเอง คนที่ยืนอยู่นอกประตูก็คือฉีเคอหานที่ขมวดคิ้ว…….
คนหนึ่งชุดแดง คนหนึ่งชุดขาว
ไม่ว่าจะหน้าตา หรือว่าฐานะครอบครัว ฉีเคอหานกับกู่ชูเหยาน่าจะเป็นคู่ที่ฟ้าและดินสร้างมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาสองคนยังมีใจให้กันมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่สวรรค์ดันกลั่นแกล้ง บุปผาร่วงหล่นมีใจสายธารหลั่งไหลกลับไร้รัก……
คนหนึ่งยืนอยู่ในประตู คนหนึ่งยืนอยู่นอกประตู สายตาของทั้งคู่สบตากัน
ผ่านไปสักพัก ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงได้ยินกู่ชูเหยาพูดว่า:“เสี้ยวเสี้ยว คุณกับลี่ยวนน่าจะต้องเข้าไปที่งานแล้วมั้งคะ รีบไปเถอะค่ะ ฉันคุยกับเขาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็มาค่ะ”
ดวงตากลมโตของเธอมองไปที่สองคนนั้น สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร ยินเสี้ยวเสี้ยวหันหลังก็ได้เดินจากไป
ไม่ใช่เรื่องความรักของตัวเอง จะแส่ยังไงก็รู้สึกเหมือนไปยุ่งเรื่องของคนอื่นมากไป……..
ห้องจัดเลี้ยงของ’โรงแรมเฉิงหยู’ถึงแม้จะไม่อลังการเท่า’โรงแรมหซือซัน’แต่อยู่ในเมืองTก็ไม่ถือว่าแย่ ตั้งแต่เรื่องงานหมั้นของตระกูลฉีกับตระกูลกู่แพร่หลายออกไป ทั้งเมืองTถูกอบอวลไปด้วยความสุขของงานหมั้น มีสำนักหนังสือพิมพ์และนิตยสารไม่น้อยได้แสดงออกว่าจะส่งคนมาติดตามถ่ายวิดีโอ แม้แต่ ‘เทียนหยู’ ‘ชิงเฟิง’ ที่เป็นผู้นำด้านหนังสือพิมพ์และนิตยสารยังระบุออกมาเช่นนี้ สำนักข่าวเล็กๆที่ต่างๆยิ่งวิ่งเข้ามาอย่างฝูงมด…….
แต่ว่า ตอนแรกที่ทุกคนสนใจงานหมั้นของตระกูลฉีกับตระกูลกู่ ก็เพราะว่าธุรกิจของทั้งสองตระกูลจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่ช่วงหลังกลับเป็นเพราะข่าวของบ้านจิ๋นถึงได้ระเบิดออกมา คุณชายสามของบ้านจิ๋นปล่อยข่าวออกมาว่า เขาจะปรากฎตัวในงานหมั้นระหว่างตระกูลฉีกับตระกูลกู่! ข่าวนี้เหมือนจะกลายเป็นเรื่องดังที่แย่งซีนงานหมั้นไปเสียแล้ว!
เวลายังห่างจากงานหมั้นอีกนาน แต่’โรงแรมเฉิงหยู’กลับเต็มไปด้วยคนแล้ว งานหมั้นเล็กๆเหมือนกลายเป็นงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ไปเสียแล้ว! ทุกคนต่างรอคอยทั้งคู่ปรากฎตัวในงาน!
ก่อนเริ่มงานห้านาที หน้าประตูของ’โรงแรมเฉิงหยู’มีรถโรลส์รอยซ์แฟนธอมคันนึงขับมาอย่างกะทันหัน วินาทีนั้นได้ดึงดูดสายตาของทุกคน แสงแฟลชรอบตัวยิ่งระยิบระยับอย่างบ้าคลั่ง
เฉินผูลี่ลงมาจากที่นั่งคนขับ เขาสวมใส่เสื้อสูทที่เนี๊ยบแล้วไปยืนประตูเบาะหลัง ทุกท่าทีเหมือนไม่มีคนพวกนั้นอยู่ในสายตาเลย เพียงแค่เปิดประตูรถออกอย่างท่าทางสง่า…….
เฉินผูลี่เป็นเลขาส่วนตัวของคุณชายสามบ้านจิ๋นในเมืองTทุกคนรู้กันหมด เรื่องส่วนใหญ่เขาเป็นคนจัดการแทนคุณชายสามบ้านจิ๋นเอง ดังนั้นนาทีที่เขาปรากฎตัว ทุกคนก็รู้แล้วว่า คุณชายสามบ้านจิ๋นมาแล้ว!
เฉินผูลี่ลงมาจากที่นั่งคนขับ สวมใส่เสื้อสูทที่รัดรูปไปยืนอยู่ที่ประตูเบาะนั่งหลัง ทุกท่าทีเหมือนไม่มีคนพวกนั้นอยู่ในสายตาเลย เพียงแค่เปิดประตูรถออกอย่างท่าทางสง่า…….
เฉินผูลี่เป็นเลขาส่วนตัวของคุณชายสามบ้านจิ๋นในเมืองTทุกคนรู้กันหมด เรื่องส่วนใหญ่เขาเป็นคนจัดการแทนคุณชายสามบ้านจิ๋นเอง เพราะฉะนั้นตอนที่เขาปรากฎตัว ทุกคนก็รู้แล้วว่า คุณชายสามบ้านจิ๋นมาแล้ว!
ขาที่เรียวยาว และเอวที่แข็งแรง เสื้อสูทที่เข้ารูปทำให้หุ่นของเขายิ่งดูเพอร์เฟค วินาทีที่ก้าวลงจากรถโรลส์รอยซ์ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจไว้……..
ทุกคนต่างรู้ DNAของคนบ้านจิ๋นดี แต่กลับไม่เคยรู้มาก่อนว่านอกจากมีจิ๋นลี่โป๋กับจิ๋นลี่หยาวที่หน้าตาดีแล้ว ยังมีชายที่เหนือกว่านั้น ความหล่อเหลาของจิ๋นลี่ยวนไม่เหมือนภาพลักษณ์?ณ์ของผู้ชายเพลย์บอยอย่างจิ๋นลี่โป๋เลยแม้แต่นิด และก็แตกต่างจากความงามของจิ๋นลี่หยาว เขาเป็นคนถ่อมตน และเป็นคนพูดน้อย แต่กลับทำให้คนตื่นตะลึง……..
จิ๋นลี่ยวนอยู่ตรงหน้าผู้คน แค่สามวินาทีสั้นๆก็หันหลังเดินไปอีกด้านนึงของรถ โน้มตัวไปเปิดประตูรถด้วยตัวเอง ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจไว้อีกครั้ง ภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของคุณชายสามบ้านจิ๋น จะเป็นใครนะ? เป็นคุณหนูของตระกูลดังบ้านไหนของเมืองT? หรือว่าเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ของเมืองนอก?
ผมที่ยาวสลวยดกดำทิ้งตัวอยู่ด้านหลัง มีเส้นผมบางๆพริ้วไหวในสายลม หัวไหล่ที่ผอมบาง ใบหน้าด้านข้างที่สะสวย แค่ภาพนี้ก็ทำให้คนไม่ใจแข็งพอที่จะไปรบกวน……..
ยินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้ามองจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ตรงหน้า วันนี้เขาดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
รองเท้าหนังรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นจากอิตาลี่ที่จากงานฝีมือ ดีไซน์เนอร์ของมิลานดีไซน์เสื้อสูทให้เขาโดยเฉพาะ ละเอียดถึงขั้นกระดุมทุกเม็ดยังต้องทดสอบเป็นร้อยครั้ง ตระกูลร่ำรวยที่แท้จริงที่พูดถึงก็คงจะเป็นตระกูลอย่างบ้านจิ๋นแบบนี้แหละ………..
ยินเสี้ยวเสี้ยวหายใจลึกๆและยื่นมือตัวเองไปวางบนมือที่อบอุ่นของจิ๋นลี่ยวน อาศัยแรงของเขาลงมาจากรถแล้วยืนตัวตรง ชุดที่หรูหราแต่เรียบง่ายทิ้งตัวลงมาจากผิวที่นุ่มนวนของตัวเอง บังรองเท้าส้นสูงไว้ครึ่งหนึ่งพอดี แค่เดินอย่างช้าๆก็เผยข้อเท้าที่สวยงามออกมา เผยให้เห็นความเซ็กซี่และความไร้เดียงสา……
แววตาอ่อนโยน ยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย นี่คือวิธีการแสดงออกอย่างนึงที่จิ๋นลี่ยวนทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกสบายใจ
ริมฝีปากที่ชมพูระเรื่อขยับเล็กน้อย ใบหน้าฉีกรอยยิ้มที่งดงามออกมา ดวงตาที่แวววาวเปล่งประกาย ยินเสี้ยวเสี้ยวควงแขนของจิ๋นลี่ยวนไว้ หันหลังไปกับท่าทางของเขา……
ครั้งนี้ เธอได้เข้าไปในชีวิตเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ต่อไปนี้ ทั้งสองจะพึ่งพาซึ่งกันและกัน และเคียงข้างอยู่ด้วยกัน………..
พรุ่งนี้จะเป็นยังไง อนาคตจะเจออุปสรรคอะไร ถูกกำหนดไว้แล้วว่าพวกเขาจะถูกคนทั้งโลกมองเป็นหนึ่งเดียวกัน ชีวิตของเขามีเธอเข้ามาอยู่ด้วย ในชีวิตของเขาก็ได้อบอวลด้วยกลิ่นไอของเธอ…..