บทที่ 100: ข้อหาที่รู้สึกประหลาดใจ
ในห้องควบคุม ยินเสี้ยวเสี้ยวมองแขนของต๋งไขด้วยความตื่นเต้น หลังจากแขนได้ผ่านการทำแผลที่เรียบง่ายเลือดก็ได้หยุดไหล แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี เพราะยังไงซะอาชีพของพวกเขาต้องขยับมืออยู่เป็นประจำ โชคดีต๋งไขได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้าย แต่ไม่ว่าจะยังไง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี
“เสี้ยวเสี้ยว คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แค่ข่วนโดนแผลถลอกนิดหน่อยเอง” ต๋งไขรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่แท้แผนแสร้งทำร้ายตัวเองมาหลอกฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมายของตัวเองจะใช้ได้ผลกับยินเสี้ยวเสี้ยว มองสีหน้าที่ร้อนใจและเป็นห่วงของเธอในใจรู้สึกมีความสุขมาก แต่ก็ไม่อยากให้เธอเป็นห่วงมากเกินไป “ผมรับประกันกับคุณ มือของผมต้องไม่มีปัญหาแน่นอนครับ!”
ไม่ว่าต๋งไขจะพูดยังไง ยินเสี้ยวเสี้ยวก็อดห่วงไม่ได้ ลึกๆรู้สึกละอายใจด้วย
ยินเสี้ยวเสี้ยวห้นหน้าไปมองมู่ซูวกับเซี่ยงหลินที่หลังจากเข้าสถานีตำรวจแล้วก็ถูกประพฤติต่ออย่างแตกต่าง ไฟในใจได้ปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ ตำรวจพวกนี้ก็แค่คนบ้าอำนาจที่ชอบดูถูกคน!หลังจากที่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือคุณหนูของตระกูลมู่กับคุณหนูของบ้านเซี่ยงแล้ว ท่าทีก็รีบเปลี่ยนไปทันทีเลย เธอกับต๋งไขนั่งเก้าอี้ที่เย็นเฉียบอยู่ด้านนอก เซี่ยงหลินกับมู่ซูวกลับเสพสุขกับชีวิตที่มีคนคนคอยติดตามและวิ่งเรื่องให้ จะไม่ให้โมโหได้ยังไง?
เวลานี้ยินเสี้ยวเสี้ยวเกลียดตัวเองทำไมไม่ตบตีให้ชื่อเสียงดังกว่านี้อีกหน่อย!
ชื่อบ้านจิ๋นออกมาปุ๊บ ยังจะมีฉากให้มู่ซูวกับเซี่ยงหลินได้ยังไง?
— เฮ้ย เธอได้ยินหรือยัง? เมื่อกี๊คุณหนูมู่คนนั้นกำลังโทรหาคุณชายสามของบ้านจิ๋น
—จะไม่ได้ยินได้ยังไงล่ะ ร้องไห้จนน้ำตาไหลรินเหมือนสายน้ำ ฉันเองเห็นแล้วยังสงสารเลย
—เชอะ ไม่ใช่บอกว่าคุณชายสามของบ้านจิ๋นแต่งงานแล้วหรอ? ทำไมคุณมู่คนนี้ดูเหมือนจะทำไม่ถูกเลย?
—เหอะๆ เรื่องของพวกไฮโซ อย่างเธอกับฉันจะไปรู้ได้ยังไง? กลับไปคิดเล่นๆก็พอแล้ว………
พนักงานทั้งสองที่เพิ่งออกมาจากห้องทำงานที่มู่ซูวกับเซี่ยงหลินอยู่กำลังซุบซิบเสียงเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสงสัยและการล้อเล่นความสัมพันธ์ของมู่ซูวกับจิ๋นลี่ยวน
ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ข้างๆ มือเรียวเล็กที่ห้อยอยู่ข้างกายกำไว้แน่น
ต๋งไขที่ยืนอยู่ข้างกายอดสงสารเธอไม่ได้ ยื่นมือขวาที่ไม่ได้บาดเจ็บออกมาอยากโอบเธอไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะยกมือขึ้น ได้แต่มองดูยินเสี้ยวเสี้ยวเม้มปากไว้แน่น
ยินเสี้ยวเสี้ยวกับต๋งไขนั่งอยู่ที่ห้องโถงด้านนอก คนที่อยู่ตรงหน้าไม่สนใจพวกเขาเลยด้วยซ้ำ มัวแต่คุยโม้อกับเพื่อนร่วมงาน ส่วนอีกฝั่งยังเห็นคนถูกมู่ซูวด่าออกมาเป็นเป็นประจำ ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินมู่ซูวโวยวายทำนองว่าอนาคตของเธอหมดกัน ต่อไปไม่สามารถเต้นรำได้อีกแล้วประมาณนั้นอย่างลางๆ………….
ผ่านไปตั้งนาน มู่ซูวกับเซี่ยงหลินถือว่าได้หยุดพักเสียที ในที่สุดผู้รับผิดชอบที่พูดคุยกันก็ยอมหันมาพูดคุยกับพวกเขาแล้ว เพียงแต่เปิดปากพูดคำแรกก็ทำให้โทษฐานของยินเสี้ยวเสี้ยวกับต๋งไขเป็นความจริงแล้ว
“คุณสองคนรู้มั้ยว่าจงใจทำร้ายผู้อื่นมีข้อหาอะไร? อายุยังน้อยแต่ใจกล้าไม่เบาเลยนะ เรื่องนี้ถ้าคุณหนูมู่กับคุณหนูเซี่ยงยอมปล่อยพวกคุณไปงั้นพวกคุณก็ขอบคุณฟ้าดินเถอะ ถ้าไม่ยอม งั้นวันนี้พวกคุณเตรียมตัวรับความทุกข์ทรมานเถอะ!” คนที่รูปร่างอวบอ้วพูดอย่างเชิดใส่ หันหน้ามามองต๋งไขและยินเสี้ยวเสี้ยวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยสายตาดูถูก จากนั้นถึงได้พูดว่า:“ตอนนี้ เอาบัตรประชาชนของคุณทั้งสองออกมาให้หมด! เรื่องนี้ไม่มีทางจบดีหรอก พวกคุณเตรียมใจไว้เถอะ! แค่ไม่ระวังนิดหน่อยก็ไปอยู่ในคุกช่วงหนึ่งแล้วค่อยออกมา!”
เผชิญหน้ากับท่าทีแบบนี้ของคนอวบอ้วน ยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองไว้ และหันมาหยิบบัตรประจำตัวประชทชนของตัวเองออกมา ต๋งไขก็ได้เอาบัตรประจำตัวประชาชนของตัวเองออกมาวางไว้บนโต๊ะ แต่กลับไม่คิดว่าเวลานี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวจะเห็นมู่ซูวกับเซี่ยงหลินถูกคนพวกนั้นพาออกมาด้วยท่าทีที่ดีงาม
นอกประตูยังจอดรถไว้สองคัน เหมือนกับว่าเป็นรถที่ส่งพวกเธอกลับไปอย่างมีหน้ามีตาโดยเฉพาะ!
ทีนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ่งทนไม่ไหวอย่างสิ้นเชิงแล้ว
มองคนด้วยตาต่ำก็ควรจะมีขีดจำกัดหน่อยมั้ง? การปฎิบัติต่อที่แตกต่างกันก็ไม่ควรชัดเจนขนาดนี้มั้ง?
“บัตรประจำตัวประชาชน? จงใจทำร้ายคน?” ยินเสี้ยวเสี้ยวหัวเราะเยาะเสียงหนึ่ง และพูดเสียงสูง ห้องควบคุมทั้งห้องต่างก็สามารถได้ยินเสียงของเธอ ทุกคนสงบลงอย่างไม่รู้ตัวและมองดูเธอ “ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพวกคุณจะมองคนตาต่ำขนาดนี้! แค่คุณหนูมู่คนหนึ่ง คุณหนูเซี่ยงคนหนึ่ง พวกคุณก็ไปเลียแข้งเลียขาเหมือนหมาแล้ว ไม่รู้สึกขายหน้าหรอคะ? อีกอย่าง เรื่องอะไรที่พวกเรามานั่งให้ปากคำอยู่ที่นี่ แต่พวกเธอสองคนกลับได้กลับบ้านอย่างสบายใจเฉิบ? พวกคุณทำงานยังมีความเป็นระบบระเบียบอยู่มั้ย?”
“คุณหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ!” คนที่มีรูปร่างอวบอ้วนฟังแล้วก็ร้อนใจขึ้นมาทันที เป็นตัวอย่างหมาที่ถูกเหยียบหางแล้วร้อนใจ
“คุณพูดอะไรของคุณน่ะ! คุณมันก็แค่ผู้หญิงขายตัวคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาว่าผม!” ทันทีที่หัวหน้ากลุ่มได้ยินคำพูดนี้ก็โมโหขึ้นมา และยืนตัวตรงขึ้นมาใช้อำนาจกดขี่ยินเสี้ยวเสี้ยว พร้อมเปิดปากพูดว่า:“ผมจะบอกคุณให้นะ เมื่อกี๊คุณหนูมู่ได้เล่ารายละเอียดอย่างชัดเจนแล้ว คุณนึกว่าพวกเรายินยอมที่จะใช้ข้อหาที่’จงใจทำร้ายผู้อื่น’หรอ? ถ้าไม่ใช่คุณมู่ขอร้องแทนคุณ คุณโดนข้อหาค้าประเวณีไปแล้ว! ตอนนี้ยังมีหน้ามาโวยวายอยู่ที่นี่อีก ยังสาวยังแส้ไม่ประพฤติตัวดีๆ รู้แต่ใช้วิธีแบบนี้ ที่คุณทำไม่เรียกว่าต่ำช้าแล้วมันเรียกว่าอะไร?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวถูกยั่วโมโหจนหัวเราะดวงตาคู่สวยจ้องตาโต!
เธอทนคำพูดเหลวไหลที่เซี่ยงหลินพูดหลังจากเมาได้ และทนการตบตีที่รู้สึกประหลาดใจนั้นได้ แต่คำพูดเหล่านี้ยังไงก็ทนไม่ได้!
เธอเป็นคนขายตัว? ขายตัวของมู่ซูวหรอ!
จงใจทำร้ายผู้อื่น? ค้าประเวณี?
ตั้งแต่เล็กจนโตถึงแม้เธอจะถูกหลี่หมึ้งกับยินรั่วอวิ๋นเอาเปรียบมาไม่น้อย แต่ยังไม่เคยเสียเปรียบในเรื่องแบบนี้มาก่อน! ในเมื่อสุดท้ายนี้ทนไม่ไหวแล้ว งั้นก็คิดของก่อนหน้านั้นรวมไปด้วยเลย!
เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวเข้าใกล้คนของมู่ซู่ว และถามด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม:“จงใจทำร้ายผู้อื่น? ค้าประเวณี? ฉันอยากรู้จริงๆว่าพวกคุณจะใช้ข้อหานี้ฟ้องฉันได้ไหม?! ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองTมายี่สิบสามปี ไม่รู้เลยว่าผู้รับผิดชอบของโซนจะทำงานกันแบบนี้! วันนี้ฉันพูดเอาไว้ตรงนี้เลยนะ ถ้าพวกคุณเอาหลักฐานออกมาไม่ได้ ฉันจะฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทกับทุกคนที่อยู่ที่นี่แน่นอน!”
พอพูดจบ ทั้งห้องเงียบงันขึ้นมาทันที
คำพูดที่ทรงพลังของยินเสี้ยวเสี้ยวราวกับว่าวนเวียนอยู่ที่ข้างหู ทุกคนต่างก็มองเธออย่างเหลือเชื่อ
ทั้งๆที่เป็นคนรูปร่างผอมเพรียว แม้กระทั่งใบหน้ายังแฝงด้วยความไร้เดียงสาเหมือนเพิ่งก้าวออกมาจากรั้วโรงเรียน แต่เวลานี้กลับมีความน่ายำเกรงแบบนี้ทำเอาทุกคนต่างก็พูดไม่ออก!
มู่ซูวมองดูยินเสี้ยวเสี้ยว ยินเสี้ยวเสี้ยวที่โมโหสุดขีดแบบนี้เธอไม่ใช่เพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรกแล้ว ครั้งก่อนตอนที่อยู่เมืองไห่เมียว เธอก็เคยเห็นแล้ว แต่ถึงจะเป็นครั้งที่สอง เธอก็ยังรู้สึกยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ในความโมโหทำให้คนเกรงกลัว!
ผ่านไปสักพัก หัวหน้ากลุ่มถึงหาเสียงของตัวเองกลับมาได้ ชี้ยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างสั่นไหวและพูดว่า:“นี่คุณ…..คุณ…….”
ชายตามองหัวหน้ากลุ่มทีหนึ่ง เธอมองเขาแต่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ!
การให้เกียรติเป็นสิ่งที่ต้องให้ซึ่งกันและกัน ในเมื่อตั้งแต่แรกอีกฝ่ายก็ไม่คิดจะให้เกียรติเธอ แล้วเธอจะทำดีกับคนที่ไม่ให้เกียรติเธอทำไม? เธอไม่มีความชอบแบบนั้นจริงๆ!
“มู่ซูว คุณจำคำพูดวันนี้ของฉันให้ดี ถ้าพวกคุณเอาหลักฐานออกมาไม่ได้ ฉันพูดได้ทำได้แน่นอน!”
ทิ้งคำพูดของตัวเองไว้ด้วยความโกรธเคือง ยินเสี้ยวเสี้ยวหันกลับไปนั่งบนที่นั่ง เธอรู้ดีถ้าเธอเดินจากไปก็เท่ากับว่า’หนีไป’ ตำรวจไม่เปิดปากพูดเธอไม่กล้าไปจริงๆซะด้วย จะได้ไม่โดนข้อหาที่ประหลาดใจขึ้นมาอีกหนึ่งกระทง!
มู่ซูวหรี่ตามองยินเสี้ยวเสี้ยว ก่อนจากไปได้พูดแค่คำเดียวว่า: “ยินเสี้ยวเสี้ยว คอยดูก็แล้วกัน!”
เพียงแต่ ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เคยคิดมาก่อนว่า’คอยดูแล้วกัน’คำนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ยาวขนาดนี้และสั้นขนาดนี้……..
หลังจากมู่ซูวจากไป ห้องควบคุมในยามดึกก็เหลือแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวกับต๋งไข เพื่อนร่วมงานของบริษัทไม่แน่คงจะนึกว่าเขาสองคนฉวยโอกาสบอกว่าเข้าห้องน้ำแล้วชิ่งหนีแน่เลย ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ที่นี่ ส่วนนาทีนี้คนของสถานีตำรวจเหมือนกับว่าก็ถูกยินเสี้ยวเสี้ยวยั่วจนโมโห จึงพูดโดยตรงว่ามีคดีอื่นจะต้องเคลียร์ เลยเอาทั้งสองขังไว้ในสถานกักกันที่ห้องควบคุมชั่วคราว ขังอย่างไม่อย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง………..
แอร์ในห้องควบคุมเปิดได้เย็นเฉียบมาก แขนของต๋งไขได้รับบาดเจ็บมีเลือดไหลออกมาเยอะมากแผลก็ถูกเหงื่อ เหมือนมีแนวโน้มลางๆว่าจะติดเชื้อ ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้สังเกตเห็น ต๋งไขก็เริ่มมีร่องรอยของการเป็นไข้แล้ว ตำรวจก็ออกไปจับพวกขี้เมากลับมาขังอยู่เป็นพักๆ ในพื้นที่เล็กๆเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ยินเสี้ยวเสี้ยวหดตัวอยู่ในหัวมุมแม้แต่ตัวก็ยังไม่กล้าขยับตัว ต๋งไขแบกร่างที่ทรุดโทรมเอาเธอมาปกป้องไว้ที่ด้านหลัง ทั้งสองแอบพักอยู่ในหัวมุมอย่างเงียบๆ……..
เงยหน้าขึ้นมาเป็นครั้งคราว ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงขั้นสามารถมองเห็นว่าเจ้าหน้าที่ด้านนอกกำลังมองพวกเขาด้วยดูสีหน้าจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มหรือเปล่า จู่ๆหัวใจรู้สึกโศกเศร้าและเย็นเฉียบ มือเรียวเล็กสัมผัสโดนฝ่ามือของต๋งไขโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทีนี้ถึงรู้สึกว่าทั้งตัวของเขาร้อนมาก
กัดริมฝีปากไว้แน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวในนาทีถึงจะรู้สึกว่าตัวเองสามารถทนการกักขังไว้ยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือว่าหนึ่งคืนมากแค่ไหน เวลานี้ไม่เปิดปากก็ไม่ได้! ส่วนกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอกพวกนั้นเหมือนกับว่ากำลังรอพวกเขาเปิดปากขอร้อง!
เด็กผู้หญิงเล็กๆคนหนึ่งที่เพิ่งก้าวเท้าออกมาจากรั้วมหาลัย มีหรือที่พวกเขาจะจัดการไม่ได้?
ทุกคนต่างก็รอเสี้ยววินาทีที่ความหยิ่งของยินเสี้ยวเสี้ยวถูกทำลาย!
“ฉันจะโทรศัพท์ รบกวนพวกคุณให้ฉันโทรศัพท์หน่อยค่ะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองไว้และพูดกับตาอ้วนคนนั้น มือเรียวเล็กจับที่ไหล่ของต๋งไขไว้แน่น พวกขี้เมาที่อยู่รอบข้างมีระยะแระชิดกับตัวเองมากเกินไป เธอกลัวมากจริงๆ………
“แหม~เมื่อกี๊ไม่ใช่ยังปากดีอยู่หรอ? ตอนนี้มาขอร้องใครล่ะ?” ตาอ้วนพูดถากถางไปหลายคำ แต่กลับนั่งพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานบนที่นั่งของตัวเองอีกเช่นเคย ไม่คิดจะสนใจยินเสี้ยวเสี้ยวเลยด้วยซ้ำ
ยินเสี้ยวเสี้ยวกัดริมฝีปากของตัวเองไว้แน่น ริมฝีปากชมพูระเรื่อถูกกัดจนเกือบจะมีเลือดไหลออกมา!
วันนี้ถ้าเธอตัวคนเดียว เธอสามารถปากแข็งต่อไปได้ และสามารถเย่อหยิ่งต่อไปได้ ถึงแม้จะขังเธอไว้ในห้องที่เต็มไปด้วยขี้เหล้า ที่ๆเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าติดจมูก เธอก็ทนต่อไปได้ ไม่ขอร้องพวกเขาให้ตัวเองโทรศัพท์ ไม่ขอร้องพวกเขาให้ตัวเองดื่มน้ำสักแก้ว ไม่ขอร้องพวกเขาแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว! แต่ดัน วันนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียว ข้างกายเธอยังมีต๋งไขที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเธอด้วย………….
ต๋งไขเป็นดีไซน์เนอร์ เพิ่งจะเริ่มชีวิตใหม่ ตอนนี้กลับเป็นไข้อยู่ที่นี่เพราะพัวพันกับเธอ ไม่มีใครสนใจใยดี…………..
“รบกวนพวกคุณให้ฉันโทรศัพท์หน่อยค่ะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวเปิดปากอีกครั้ง ใช้น้ำเสียงถ่อมตนอีกเช่นเคย
เธอไม่เสียใจที่ตอนนั้นโจมตีคนพวกนี้ และไม่เสียใจกับการกระทำของตัวเองในวันนี้ แต่เธอจะให้ความยืนหยัดของตัวเองทำลายต๋งไขไม่ได้…