บทที่98: สิ่งที่รอคอยมาหลายปี
แววตาที่สงสัยของเซี่ยงเฉิงหลุบตามองยินรั่วอวิ๋นไว้ ค่อนข้างมีความสงสัย แต่ก็รู้สึกว่าเรื่องมันไม่ได้เป็นแบบนี้จริงๆ
ไม่ว่ายังไงเขาก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่ดีเยี่ยมแล้วคนหนึ่ง ตอนนี้ธุรกิจของ’บริษัทเซี่ยงเวิ่น’ ปัจจุบันนี้ได้มาถึงจุดที่รุ่งโรจน์ที่สุด ตัวเองหน้าตาก็ไม่เลว หุ่นก็ถือว่าดี เดินออกไปข้างหน้าสามารถทำให้ผู้หญิงหลงเสน่ห์ไม่น้อย เขาเองรู้สึกว่าตัวเองยอดเยี่ยมมาก มีที่ไหนกันที่แค่ผู้ชายโผล่หน้ามาเรื่อยเปื่อยคนหนึ่งก็จะสามารถล้มตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ในใจของยินรั่วอวิ๋นได้?
ต้องรู้ไว้นะ ยินรั่วอวิ๋นในตอนนั้นเพื่อจะขึ้นเตียงกับตัวเอง เธอได้ทุ่มเทแรงไปไม่น้อยเลยนะ
น้ำตาของยินรั่วอวิ๋นไหลพรากลงมาอย่างไม่หยุด เธอก็ได้ลุกขึ้นและพูดกีบเซี่ยงเฉิงที่อยู่ตรงหน้าว่า :“เซี่ยงเฉิง เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ คุณน่าจะเข้าใจฉันนะคะ คุณดีขนาดนี้ ฉันจะทิ้งคุณไปอยู่กับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง อย่าบอกว่าฉันในเมื่อก่อนไม่มีทางเป็นแบบนั้น ฉันในตอนนี้ยังมีลูกของคุณอยู่ด้วย ฉันจะทำเรื่องโง่เขลาแบบนั้นได้ยังไงคะ?”
คำอธิบายของยินรั่วอวิ๋นพูดมาอย่างรัวๆทำเอาเซี่ยงเฉิงพูดไม่ออก แน่นอนว่ายินรั่วอวิ๋นก็ไม่คิดจะให้เขามีโอกาสได้พูด
ยื่นมือปาดน้ำตาบนหน้าอย่างมั่วซั่ว ยินรั่วอวิ๋นพูดต่อว่า:“ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอารมณ์หงุดหงิดมาก อาจจะเป็นเพราะบริษัทงานยุ่งเกินไป และอาจจะเพราะช่วงนี้ที่บ้านโกลาหลมาก แต่ว่าเซี่ยงเฉิง เรื่องพวกนี้มันเกี่ยวกับฉันเหรอ? ทำไมคุณต้องเอาความโมโหนี้มาระบายที่ตัวฉันด้วย? เรื่องของบริษัทฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้ คุณพูดกับฉันเป็นครั้งคราว ฉันก็ถือซะว่าเป็นถังขยะที่ช่วยคุณย่อยสลายความกลุ้มใจ ฉันดีใจมาก แต่เรื่องของที่บ้านล่ะ? ทั้งๆที่เซี่ยงหลินไม่ให้เกียรติฉัน ทั้งๆที่เซี่ยงหลินเป็นคนทำนิสัยคุณหนู ถือสิทธิ์อะไรที่คนทั้งบ้านคอยโอ๋เธอ? เธอพูดคำเดียวว่าห้องซ้อมเต้นเล็กเกินไปก็เอาห้องเสื้อผ้าของฉันเจียดไปให้เธอ ฉันได้ว่าอะไรมั้ย? แต่ว่าตอนนี้……. ”
เซี่ยงเฉิงขมวดคิ้วแน่น ช่วงนี้เซี่ยงหลินก็ทำตัวเกินไปจริงๆ เพราะเหตุนี้ยินรั่วอวิ๋นอยู่บ้านก็ได้รับความทุกข์ทรมานไม่น้อยจริงๆ ความมั่นใจของเซี่ยงเฉิงได้ลดลงอย่างไม่รู้ตัว
เหมือนว่ายินรั่วอวิ๋นจะยืนจนเหนื่อยอย่างไรอย่างนั้น เธอนั่งหันหลังให้กับเซี่ยงเฉิง จากนั้นถึงพูดว่า:“เซี่ยงเฉิง ฉันนึกว่าความอดทนของฉันจะสามารถทำให้เราใช้ชีวิตที่สวยงามและมีความสุข แต่ตอนนี้เพราะฉันถูกผู้ชายคนอื่นราวีคุณก็มาสงสัยความสัมพันธ์ที่ฉันมีต่อคุณ สงสัยลูกในท้องของฉัน นี่เป็นเรื่องที่ฉันคิดยังไงก็คิดไม่ถึง……….”
ทุกถ้อยคำ เหมือนร้องไห้ไปและระบายไปด้วย พูดจนสีหน้าของเซี่ยงเฉิงทนไม่ไหวแล้ว
ยินรั่วอวิ๋นมีหน้าตาสวยสดงดงามมาก แฝงด้วยความสง่าและดูโดดเด่น ตอนที่อยู่ในโรงเรียนก็มีคนจีบเยอะมาก ตอนที่ออกไปข้างนอกก็ยิ่งมีคนมาพูดคุยอย่างไม่กลัวความวุ่นวาย เขาไม่ควรปรักปรำเธอเพียงเพราะว่ามีผู้ชายมาคุยกับเธอจริงๆ……….
พอคิดแบบนี้ปุ๊บ เซี่ยงเฉิงก็รู้สึกว่าตัวเองเซนซิทีฟเกินไปรึเปล่า……..
ยินไป่ฝันกับหลี่หมึ้งเห็นสถานการณ์ที่ถูกลูกสาวตัวเองใช้แค่คำพูดสองสามคำก็สามารถพลิกผันได้แล้ว ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกภาคภูมิใจมาก
ถ้าเทียบกับยินเสี้ยวเสี้ยวที่ไร้เดียงสาและซื่อตรง ยินรั่วอวิ๋นเหนือกว่าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ฮึ! เซี่ยงเฉิง ฉันให้ลูกสาวแต่งงานกับคุณคือให้ร่วมเสพสุขกับคุณ แต่คุณฟังซิ นี่ถ้ารั่วอวิ๋นไม่พูด ฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าน้องสาวของคุณทำให้เธอต้องกล้ำกลืนฝืนทนมากขนาดนี้?” หลี่หมึ้งตำหนิด้วยความโกรธเคือง น้ำเสียงไม่พอใจบ้านเซี่ยงเป็นอย่างมาก “รั่วอวิ๋นลูกสาวฉันอยู่บ้านมีอะไรที่ไม่เคยได้เสพสุขบ้าง ฉันจะบอกคุณให้นะ อยู่ที่บ้านรั่วอวิ๋นก็คือเจ้าหญิงที่แท้จริง! แต่คิดไม่ถึงเลยว่าบ้านคุณจะทำแบบนี้กับเธอ! ฉันนี่ตาบอดจริงๆถึงได้ให้เธอแต่งงานกับคุณ!”
คำพูดเหล่านี้พูดซะเซี่ยงเฉิงสีหน้าแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย ใครจะไปรู้ว่าหลี่หมึ้งพูดจบ ยินไป่ฝันก็รีบเปิดปากพูดขึ้นมาทันที
“ฉันยังนึกว่าคุณเซี่ยงเป็นคนที่ตาสว่างไม่นึกเลยว่าตอนนี้จะให้ลูกสาวฉันกล้ำกลืนฝืนทนแบบนี้ ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เห็นแก่ที่บ้านของคุณต้องการความช่วยเหลือของบ้านเราจริงๆ ฉันถึงขั้นต้องให้รั่วอวิ๋นที่ยังเรียนไม่จบแต่งงานกับคุณหรอ?” พูดๆอยู่ยินไป่ฝันก็ยิ่งลุกขึ้นโดยตรงเตรียมขึ้นชั้นบน สีหน้าเคร่งขรึมนั้นเหมือนกับว่าจะโทรหาเซี่ยงโก่ซิว และจัดหนักสักรอบ “ดูท่าแล้ว ความสัมพันธ์ของตระกูลเราทั้งสองก็ยังไม่ลึกซึ้งพอสินะ!”
เซี่ยงเฉิงเห็นศึกนี้ปุ๊บก็รู้เลยว่าวันนี้ตัวเองวู่วามเกินไป เวลานี้เขาไม่มีกะจิตกะใจไปถือสาคำพูดของหลี่หมึ้งกับยินไป่ฝันแล้ว ภรรยาที่อ่อนช้อยยังร้องไห้อยู่ หน้าตาที่กัดริมฝีปากไว้แน่นดูยังไงก็ช่างน่าสงสาร ความอยากปกป้องในใจของเซี่ยงเฉิงได้ถูกกระตุ้นขึ้นมา เขานั่งยองๆและกล่อมอยู่ข้างกายของยินรั่วอวิ๋น………..
“รั่วอวิ๋น ผมผิดไปแล้ว ผมชอโทษ ผมไม่ควรจะสงสัยคุณ ที่ผมพูดเมื่อกี๊เป็นคำพูดที่สารเลวหมด คุณอย่าเอามาใส่ใจเลยนะ…..” ระหว่างพูด เซี่ยงเฉิงยื่นมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มของยินรั่วอวิ๋นแล้วพูดต่อว่า:“ต่อไปผมจะไม่ทำเรื่องเลวๆแบบนี้อีก คุณเชื่อผมนะ? เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันดีๆ พอลูกคลอดออกมาเราก็ย้ายออกไปอยู่ข้างนอก ไม่มีพ่อแม่ผม ไม่มีเซี่ยงหลิน มีแค่คุณกับผม และลูกของเรา……. ”
เซี่ยงเฉิงพยายามบรรยายภาพที่สวยงามของอนาคตให้ยินรั่วอวิ๋นฟังอยู่ข้างๆ ยินรั่วอวิ๋นฟังแล้วรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นให้เกิดจินตนาการ มุมปากมีรอยยิ้มโผล่ขึ้นมาลางๆ…….
ถ้าเซี่ยงเฉิงรู้ ผู้ชายที่ยินรั่วอวิ๋นคิดถึงใน้วลานี้คือจิ๋นลี่ยวนล่ะก็ เขาจะเครียดตายมั้ย?
สุดท้ายหลี่หมึ้งกับยินไป่ฝันไม่ทันไปงานหมั้นของฉีเคอหานกับกู่ชูเหยา แต่ว่าสามารถเอาผลประโยชน์จากเซี่ยงโก่ซิวได้บ้างก็ถือว่าไม่เลว เพียงแต่รู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆเฉยๆ เดิมทียังคิดว่าจะสามารถได้ค่าชดเชยจากจิ๋นลี่ยวนสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าต่อมาพวกเขาติดต่อยินเสี้ยวเสี้ยวกับจิ๋นลี่ยวน ทั้งสองกลับยุ่งจนไม่ได้อยู่ที่ กลับมาไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเหตุนี้เลยทำให้เรื่องนี้ค้างคาอยู่ในใจของบ้านยิน……
ที่’เก๋อหลิน’ ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ทำงานต่ออย่างสบายใจ เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ของ’เก๋อหลิน’ก็ได้เห็นการออกอากาศของวันนั้นและรู้ฐานะของยินเสี้ยวเสี้ยว แต่ว่าก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรเกินเหตุกับยินเสี้ยวเสี้ยว หน้าตานั้นราวกับว่าพวกเขาได้รู้มานานแล้วอย่างงั้นแหละ สำหรับเรื่องนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับรู้สึกพึงพอใจมากก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะ ไม่มีปัญหาทางด้านนี้ เธอทำงานก็รู้สึกราบรื่นขึ้นเยอะเลย…….
“เสี้ยวเสี้ยว!” คนยังมาไม่ถึงเสียงก็มาก่อนเลย ผ่านไปสองวินาทียินเสี้ยวเสี้ยวเงยหน้าถึงเห็นถาวหยีวิ่งเข้ามาจากประตู กระหืดกระหอบหมอบอยู่ที่โต๊ะของเธอและพูดว่า: “เสี้ยวเสี้ยว เธอรู้ไหมวันนี้ที่นี่ของเราจะมีพนักงานใหม่มา?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้า และยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำของถาวหยีที่โต๊ะทำงานข้างๆมาให้เธอ
ถาวหยีกรอกน้ำอย่างโหดไปคำนึงถึงพูดขึ้นมาว่า:“เธอรู้ว่าคือใครมั้ย?”
“คงไม่ใช่จิ๋นลี่ยวนมั้ง และคงไม่มีทางเป็นจิ๋นลี่โป๋ ยิ่งไม่มีทางเป็นจิ๋นลี่หยาว” ยินรั่วอวิ๋นบ่นและแกล้งทำเป็นสีหน้าคิดไตร่ตรองแล้วคิดไตร่ตรงอีก สามคนนี้น่ะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ไม่ใช่ละครน้ำเน่าสักหน่อย จะมีเรื่องบังเอิญเยอะขนาดนี้ได้ยังไง? แต่ว่าดูสีหน้าของถาวหยี เหมือนกับว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นคนที่เธอรู้จัก และคนที่บริษัทจ้างมาคนนี้ยังเป็นหัวหน้าสูงสุดของแผนกดีไซน์เนอร์อีกกลุ่มหนึ่งเลยนะ “หรือว่าจะเป็นเฉิงฉิง? จางเหมิง ?หลี่เจีย?”
พูดชื่อออกมาแต่ละครั้ง ถาวหยีก็ส่ายหัวอย่างแรง
จู่ๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ลืมตาโต อ้าปากและมองถาวหยี ในที่สุดถาวหยีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ได้พยักหน้าอย่างแรง
“ใช่ คือต๋งไขนั่นแหละ” ถาวหยีพูดอย่างมั่นใจ
“คงไม่ใช่ต๋งไขมั้ง?” ยินเสี้ยวเสี้ยวถามด้วยความสงสัย
‘ต๋งไข’สองคำทับซ้อนกัน พิสูจน์ถึงความคิดของทั้งสอง
ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบหยุดท่าทีของมือ และถามเสียงเบาว่า:“ต๋งไขมาทำงานที่นี่ได้ยังไง? บ้านเขาไม่ใช่มีบริษัทของตัวเองหรอ?”
ในที่สุดอาการหอบของถาวหยีก็ ทุเลาลงและมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง ยักไหล่เหมือนถามอะไรก็ไม่รู้และพูดว่า:“เรื่องนี้ฉันไม่รู้จริงๆ ถ้ามีโอกาสเธอลองไปถามดูสิ ที่ผ่านมาเธอขออะไรเขาก็ทำตามใจเธอทุกอย่างอยู่แล้ว”
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเธอทีหนึ่งและไม่ได้สนใจอะไร ในใจกลับรู้สึกตะลึงไม่นึกเลยว่าต๋งไขจะทำงานอยู่ที่บริษัทเดียวกับพวกเธอ
เพิ่งพูดจบ ก็เห็นหลินชูหัวหน้าของกลุ่มเธอได้เดินเข้ามา หุ่นที่ห่อหุ้มด้วยชุดทำงานอ่อนช้อยน่าหลงใหล แค่ปรบมือ ทุกคนก็มองมาที่ทิศทางของเธอ ตำแหน่งที่ค่อนข้างต่ำอย่างพวกยินเสี้ยวเสี้ยวยังลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ
“ทุกคน วันนี้กลุ่มสองของแผนกดีไซน์มีหัวหน้ามาใหม่คนหนึ่ง คืนนี้กลุ่มหนึ่งกับกลุ่มสองเตรียมตัวทานข้าวและร้องKTV ด้วยกัน ทุกคนเร่งงานในมือเร็วๆ คืนนี้ไปเที่ยวทั่วทุกทิศกับฉันนะ” หลินชูดูภายนอกเหมือนเป็นคนอ่อนโยนมาก แต่ว่ากลับกล้าหาญมาก มีลักษณะเฉพาะพิเศษของคนทางเหนือ
พูดจบปุ๊บ ในออฟฟิศก็มีแต่เสียงดีอกดีใจจนกระโดดโลดเต้น
ยินเสี้ยวเสี้ยวกับถาวหยีสบตากัน ต่างก็อดยิ้มไม่ได้ มีของฟรีให้ทานแล้ว……..
รีบส่งข้อความไปให้จิ๋นลี่ยวนหนึ่งข้อความเสร็จ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รีบเคลียร์งานในมือด้วยความรวดเร็ว ถาวหยีที่อยู่ข้างๆก็เข้าสู่จังหวะทุ่มสุดหัวใจในการทำงาน…….
ยามค่ำคืน เพื่อนร่วมงานของ’เก๋อหลิน’อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีคนเลี้ยงข้าว ได้สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะอย่างไม่ลังเล หัวหน้าดีไซน์เนอร์ของกลุ่มหนึ่งหลินชูได้พาลูกน้องดีไซน์เนอร์หรือที่เรียกว่าผู้ช่วยมาสี่คน หัวหน้าออกแบบของกลุ่มสองต๋งไขก็ได้พาลูกน้องดีไซน์เนอร์หรือที่เรียกผู้ช่วยมาด้วยสี่คน รวมทั้งหมดสิบคนพอดี บรรยากาศดีมากเป็นพิเศษ……….
ยินเสี้ยวเสี้ยวกับถาวหยีที่อยู่บนโต๊ะอาหารสุดท้ายก็ไม่มีโอกาสได้พูดคุยส่วนตัวกับต๋งไข ใน’เก๋อหลิน’มีสาวโสดอยู่ไม่น้อย เฉพาะดีไซน์เนอร์กลุ่มหนึ่ง หลินชูกับถาวหยีก็เป็นสาวโสดแล้ว ดีไซน์เนอร์กลุ่มสองนอกจากดีไซน์เนอร์ชายสองคนแล้ว ดีไซน์เนอร์หญิงสองคนก็เป็นสาวโสดเหมือนกัน การโผล่มาอย่างกะทันหันของต๋งไข นี่ไม่เท่ากับว่าเอาเนื้อสดชิ้นหนึ่งโยนเข้าไปให้เสือที่หิวโหยอยู่ในกรงหรือ?
ข้าวมือนี้ ทุกคำถามแทบจะวนเวียนอยู่กับต๋งไข…………..
ในที่สุด หลังจากที่ทุกคนได้ย้ายมาที่KTV ในที่สุดต๋งไขถึงสามารถปลีกตัวออกมาได้ เขาเดินตามหลังยินเสี้ยวเสี้ยวกับถาวหยีออกมาจากห้องเพื่อมาสูดอากาศบริสุทธิ์
ริมทางเดินในห้องKTVต๋งไขจุดบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่งและยืนรออย่างสงบ
ยินเสี้ยวเสี้ยวกับถาวหยีเพิ่งไปเข้าห้องน้ำ เขาก็ได้ยืนรออยู่ที่นี่…….
จู่ๆ ต๋งไขพบว่าความรักของตัวแทบจะอยู่ในการรอคอยอยู่ตลอด รอคอยให้เธอเลิกกับเซี่ยงเฉิง รอคอยให้เธอเห็นตัวเอง รอคอยให้เธอเห็นการปกป้องของตัวเอง รอคอยให้เธอให้โอกาสตัวเองสักครั้ง………….
ดูดบุหรี่แรงๆทีหนึ่ง กลั้นอยู่ในปากครึ่งค่อนวันไม่พ่นออกมา ในที่สุดตอนที่กลั้นไม่ไหว เขาถึงพ่นออกมา แต่กลับพ่นแสงเฮโลออกมาเป็นวงๆ ภายใต้แสงไฟสลัวมองแล้วดูสวยงามเป็นพิเศษ……..
ต๋งไขที่แฝงด้วยอิสรภาพและความเศร้าโศก ยินเสี้ยวเสี้ยวกับถาวหยีเพิ่งจะเคยเห็นครั้งแรก สีหน้านั้นพริบตาเดียวก็ทำให้เขาหลุดพ้นจากหน้าตาที่หล่อเหลาแจ่มใสสมัยอยู่ในโรงเรียน แป๊บเดียวเดียวก็กลายมาเป็นผู้ชายที่แมนมาก และทำให้คนรู้สึกสงสารขึ้นมาเป็นพิเศษ
ยินเสี้ยวเสี้ยวนึกมาได้กะทันหัน เรื่องที่ครั้งก่อนเขาบอกรักตัวเองที่หน้าประตูKTV……..
เธอไม่เคยรู้มาก่อนจริงๆ ที่แท้ข้างหลังของตัวเองมีคนๆหนึ่งรอคอยเธอมานานขนาดนี้………….