บทที่ 123 ชีวิตใหม่ครั้งที่สอง
ทันใดนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวส่ายหน้าอย่างแรงทั้งหลับตาแน่น
“อย่ามองฉัน! อย่ามองฉันนะ ! อย่ามองฉันนะ ! ขอร้องล่ะ!” เธออ้อนวอนขอ ท่าทางแบบนั้นทำจิ๋นลี่ยวนแทบอยากจับไอ้เลวนั่นสับเป็นหมื่นๆชิ้น!
“เสี้ยวเสี้ยว เสี้ยวเสี้ยว…” เขากอดเธอแน่นขึ้น พยายามเรียกสติเธอกลับมา
แต่เรื่องตอนนั้นสำหรับเธอแล้วมันเป็นแผลฝังลึกจริงๆ เธอเป็นแบบนั้นอยู่นานกว่าจะได้สติกลับมา
“เสี้ยวเสี้ยว…” จิ๋นลี่ยวนกะจะบอกเธอว่าไม่ต้องคิดแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวจะยึดเสื้อผ้าเขาไว้แน่น พลางพูดอย่างหวาดกลัว
“จิ๋นลี่ยวน เขายิ้มให้ฉัน! เขากำลังยิ้มให้ฉัน! เขายิ้มให้ฉันอยู่น่ะ!”
คำพูดนี้ ขนาดจิ๋นลี่ยวนยังอดตกใจจนสะท้านไปทั้งร่างไม่ได้
ยินเสี้ยวเสี้ยวชาตินี้ไม่มีวันลืมวันนั้นได้เลย คืนนั้นเธอไข้ขึ้นนอนสะลึมสะลือในห้องคนเดียว ตอนผู้ชายคนนั้นลูบไล้ไปทั่วร่างเธอ เดิมเธอหวังว่าเขาจะเห็นแววตาอ้อนวอนขอร้องของเธอ แต่พอเขามองมาจริงๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกตัวเองใกล้จะหยุดหายใจมันเดี๋ยวนั้นเลย!
ในความมืดท่ามกลางแสงจันทร์ ผู้ชายใส่หมวกปากเป็ดยิ้มให้เธออย่างแปลก! แม้แต่สายตาก็ทอประกายอย่างมีความสุข!
ภาพนั้นมันฝังลึกในใจเธออยู่นาน เธอได้แต่มองเขาอย่างหวาดกลัว ยอมให้เขากระทำ! เหมือนตกใจจนบ้าใบ้ไปเลย!
“จิ๋นลี่ยวน เขายิ้มให้ฉันน่ะ คุณรู้ไหม? เขากำลังยิ้ม!เขากำลังยิ้ม!” ยินเสี้ยวเสี้ยวสติแตกแล้ว เรื่องตอนนั้นเธอไม่เคยบอกใครมาก่อน วันนี้เป็นครั้งแรกที่พูดออกมา แต่ในเวลาเดียวกันที่พูดออกมา ความหวาดกลัวในใจก็คลายลงเล็กน้อย
ผู้ชายคนนั้นยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย มันเป็นบาดแผลที่ชาตินี้ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่อาจลบมันทิ้งไปได้!
“เสี้ยวเสี้ยว! เสี้ยวเสี้ยว!” เขาเรียกเธอเสียงดัง และกอดเธอไว้แน่น พลางว่า “เสี้ยวเสี้ยว อย่าคิดเลย ไม่ต้องคิดแล้วนะ! ต่อไปก็ไม่คิดแล้ว เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว…”
ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับเหมือนผีสิง เธอร้องไห้ดิ้นรนอย่างแรง และในเวลาเดียวกันก็พูดซ้ำไม่หยุดว่า “เขายิ้มกับฉัน….”
เขาปวดใจมาก ถ้าเขารู้ว่าเรื่องตอนนั้นเป็นแบบนี้ เขาจะไม่ให้ยินเสี้ยวเสี้ยวคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก และยิ่งไม่มีวันให้โอกาสเธอได้คิดเลยด้วย! แต่เพราะความลังเลเพียงชั่ววูบของเขา เสี้ยวเสี้ยวของเขาเลยต้องโดนบีบบังคับให้คิดถึงเรื่องนี้!
เรื่องในตอนนั้นทำร้ายยินเสี้ยวเสี้ยวร้ายแรงมาก!
ความพยายามมาตลอดสิบสามปี เธอถึงทำให้ตัวเองสามารถพูดคุยกับผู้ชายได้เป็นปกติ แต่ด้วยความใจร้อนของเขาในวันนั้น การคาดคั้นของบ้านจิ๋นในตอนนั้นทำให้เธอร้อนใจ และเรื่องทั้งหมดที่ถูกปิดตายไปแล้วเลยได้รับการเปิดเผยออกมา…
ตอนนี้จิ๋นลี่ยวนไม่กล้าคิดเลยว่า ตอนหลี่หมึ้งผลักไสเธอไปให้ผู้จัดการจาง ตอนเธอต้องเผชิญกับการคุกคามทางเพศนั่น ในใจเธอจะหวาดกลัวสักเพียงไหน แล้วมันทำให้เธอฉุกคิดถึงเรื่องในตอนนั้นขึ้นมาอีกไหม?
ในที่สุดยินเสี้ยวเสี้ยวร้องไห้เสียงดังอย่างเก็บไว้ไม่อยู่!
เรื่องที่เก็บฝังในใจเธอมานานสิบสามปี มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่รู้ พอพูดออกมาแล้วมันเป็นการระบายอย่างหนึ่งจริงๆ แต่ต้องยอมรับเหมือนกันว่า มันทำให้เธอต้องย้อนคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาใหม่อีกครั้งด้วย!
เธอสามารถเผชิญหน้าการแสดงความรักของผู้ชาย และการลวนลามแต๊ะอั๋งของผู้ชายได้ แต่เธอกลับรับไม่ได้กับรอยยิ้มแปลกๆแบบนั้น! ตอนผู้จัดการจางอยากทำมิดีมิร้ายเธอ เธอสามารถดิ้นรนขัดขืนสุดแรงเกิดได้ แต่ตอนเผชิญหน้าผู้ชายคนนั้น เธอกลับไร้เรี่ยวแรงต่อต้านเลย!
มันเป็นการไร้เรี่ยวแรงแบบลูกไก่ในกำมือเลย!
และเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวคนนี้ ชาตินี้ไม่อยากเจอเรื่องแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง!
วินาทีนี้เหมือนภาษาอะไรก็ไร้ประโยชน์ไปหมด ทางเดียวที่จิ๋นลี่ยวนทำได้คือใช้ผ้าห่มกอดเธอไว้แน่น เขาโอบเธอไว้เงียบๆ ปล่อยเธอร้องไห้ระบายความอัดอั้นและความกลัวออกมาให้หมด
เสี้ยวเสี้ยวของเขา ก่อนจะมาเจอเขา ผ่านเรื่องอะไรมากมายจริงๆ แต่ช่วงที่ผ่านมาได้ยากที่สุดนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวคิดถึงมันหมดและพูดออกมาแล้ว ดังนั้นต่อให้จิ๋นลี่ยวนจะปวดใจแค่ไหน เขายังคงถามออกมาแผ่วเบาในตอนนี้เสียงร้องไห้เธอเริ่มเบาลงว่า “ต่อมาล่ะ? ยินจื่อเจิ้นเข้าไปใช่ไหม?”
วิธีการรับมือกับความยากลำบากที่ดีที่สุด คือ เผชิญหน้ากับมัน
สำหรับเรื่องนี้ เขาเชื่ออย่างนั้นมาตลอด
ยินเสี้ยวเสี้ยวนึกถึงรอยยิ้มนั้นขึ้นมาอีกเพราะคำถามของจิ๋นลี่ยวน เธอผ่อนลมหายใจออกก่อนพูดต่อ “ต่อมาพี่ชายยกแก้วน้ำเข้ามา ตอนนั้นผู้ชายคนนั้นกำลังถอดกางเกงฉัน พอเข้ามา พี่ชายก็โผเข้าหาเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่ตอนผู้ชายคนนั้นเห็นพี่ชายเข้ามา เขาก็ชักมีดเล็กเล่มหนึ่งออกมา ฉันตกใจมาก พยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้…”
ตอนจิ๋นลี่ยวนได้ยินว่าผู้ชายคนนั้นชักมีดออกมาก็ตกใจเบิกตากว้าง
ผู้ชายคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่นะ?
ยินเสี้ยวเสี้ยวกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพลางว่า “ผู้ชายคนนั้นจะแทงมีดใส่ฉัน ฉันเบิกตากว้างมองมีดที่ส่องประกายอย่างหวาดกลัว ตอนมันใกล้จะปักลงที่อกฉัน พี่ชายกลับโผล่เข้ามารับแทนฉัน มีดนั่นปักเข้าที่หลังเขา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในอากาศ…”
จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้ว เขารู้แล้วว่า ทำไมยินเสี้ยวเสี้ยวถึงเชื่อใจยินจื่อเจิ้นขนดานั้น
ไม่เพียงแค่ตอนยินเสี้ยวเสี้ยวโดนลวนลาม ยินจื่อเจิ้นโผล่มาช่วยเหมือนเทพบุตรเท่านั้น ยังเป็นเพราะในบ้านจิ๋นที่เย็นชา มีเพียงแค่ยินจื่อเจิ้นคนเดียวที่ทุ่มเทชีวิตปกป้องยินเสี้ยวเสี้ยว
แล้วตอนนั้นยินจื่อเจิ้นอายุเท่าไหร่กัน? ก็แค่เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง
กำลังวัยรุ่นเลย ฐานะคุณชายใหญ่ตระกูลจิ๋นเพียงพอให้เขามีกินมีใช้ไปตลอดชีวิต แต่เขากลับพร้อมสละชีวิตปกป้องน้องสาวของตัวเองในสถานการณ์อย่างนั้น
จิ๋นลี่ยวนกอดยินเสี้ยวเสี้ยวแน่นขึ้น ต่อให้เขารู้สึกว่าความรักที่ยินจื่อเจิ้นมีต่อยินเสี้ยวเสี้ยวมันจะดูไม่ชอบมาพากลแค่ไหน เอาแค่ฐานะพี่ชายของยินจื่อเจิ้นในใจยินเสี้ยวเสี้ยว เขาก็ไม่ควรจะพูดเรื่องปัญหาความรู้สึกของยินจื่อเจิ้นต่อหน้าเธอแบบนั้น มันเป็นการท้าทายยินจื่อเจิ้นอย่างหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกันมันกลับเป็นการลบหลู่ยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยนี่นะ?
“หลังพี่ชายได้รับบาดเจ็บ แต่เขายังคงปกป้องฉัน ยิ้มปลอบฉัน…” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดต่อ แววตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวยินจื่อเจิ้น “จากนั้น พวกเขาสองคนต่อสู้กัน เกิดเสียงดังมาก ข้าวของตกแตก แต่ก็ยังไม่มีใครมา ผู้ชายคนนั้นแข็งแรงกว่าพี่ชายมาก สุดท้ายพี่ชายก็แพ้ ฉันไม่รู้ว่าพี่ชายคิดยังไง แต่พอฉันเริ่มมีแรงลงจากเตียงไหว พี่ชายก็นอนแนบอยู่กับพื้น แต่ยังพยายามกอดรัดขาผู้ชายคนนั้นอยู่…”
การที่ยินจื่อเจิ้นไม่ยอมปล่อยมือ ยินเสี้ยวเสี้ยวอาจจะไม่เข้าใจ แต่จิ๋นลี่ยวนกลับเข้าใจ
เทียบกับเด็กผู้หญิงอายุสิบขวบอย่างยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว ยินจื่อเจิ้นในวัยสิบเจ็ดปีเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก เขารู้ดีว่า เรื่องนี้จะเป็นแผลในใจยินเสี้ยวเสี้ยว ทางเดียวที่จะไม่ทำให้ชีวิตของยินเสี้ยวเสี้ยวโดนผลกระทบจากเรื่องนี้คือ ให้ผู้ชายคนนั้นได้รับกรรมตามกฎหมายต่อหน้ายินเสี้ยวเสี้ยว!
แต่ยินจื่อเจิ้นในตอนนั้นที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักที่หลัง สุดท้ายเขาก็รั้งผู้ชายคนนั้นไว้ไม่ได้!
ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งมองห้องนอนดำมืดบนเตียง พี่ชายตัวเองนอนหายใจรวยรินอยู่หน้าประตู เสียงฝีเท้าที่กรูวิ่งมาตามทางเดิน ประกอบกับกลิ่นคาวเลือดในอากาศมันกระทบจิตใจเธอ…
สุดท้ายเธอวิ่งผลุนผลันออกจากห้องตัวเอง ก่อนวิ่งจากไป เธอได้ยินยินจื่อเจิ้นสั่งยินจื่อเว่ยให้ตามเธอไป อย่าให้เธอได้รับอันตราย…
นี่คือยินจื่อเจิ้น ผู้ชายคนหนึ่งที่ใครๆต่างรู้กันว่ารักน้องสาวมาก
หลังจากเงียบไปนาน ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดเสียงเบาว่า “จิ๋นลี่ยวน พี่ชายน่ะให้ชีวิตใหม่ครั้งที่สองกับฉันนะ”
ใช่ ถ้าไม่ใช่ยินจื่อเจิ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวในคืนนั้นอาจจะเสียชีวิตแล้ว หรือไม่ก็ชีวิตป่นปี้ไปเลย การปรากฏตัวของยินจื่อเจิ้นเปรียบเสมือนน้ำพุร้อนที่โอบอุ้มและทำความอบอุ่นให้กับโลกของยินเสี้ยวเสี้ยว
“อืม” หลังเงียบไปหลายวินาที จิ๋นลี่ยวนพูดเสียงเบาว่า “ผมคิดไม่ดีเอง ผมจะไปขอโทษเขานะ”
เขาจะไปขอโทษ แต่ไม่ใช่เพราะว่าเขาพูดไม่คิด แต่เป็นเพราะเขาทำร้ายภาพพจน์พี่ชายในใจยินเสี้ยวเสี้ยว
วันนี้ในขณะเดียวกับที่ยินเสี้ยวเสี้ยวระบายความจริงออกมาทั้งหมด ก็ทำให้เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้
บางทีความรู้สึกที่ยินจื่อเจิ้นมีต่อยินเสี้ยวเสี้ยวอาจจะไม่ได้พึ่งเริ่มไม่กี่ปีมานี้ บางทีอาจจะมีมานานหลายปีแล้ว และเรื่องนี้มันทำให้จิ๋นลี่ยวนอดเครียดไม่ได้
ต่อให้เขารู้ดีอยู่แก่ใจวว่ายินจื่อเจิ้นกับยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นพี่น้องกัน แต่บางครั้งเรื่องความรักมันไม่ใช่อะไรที่สามารถต้านทานกันได้!
ยินเสี้ยวเสี้ยวถอนหายใจแผ่วเบา หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เธอรู้ดีว่า เธอไม่สามารถควบคุมหลายๆเรื่องได้
ความอบอุ่นในเมืองไห่เมียวนี้ มีผู้เชี่ยวชาญมาทำความสะอาดสภาพเละเทะในห้องนี้ ไม่นานบ้านก็กลับมาเรียบร้อยเหมือนเดิม
เพียงแต่เก๋อเฉิงเฟยมองสภาพหน้าต่างที่โดนกระแทกจนเอียงกระเท่เร่แล้วก็อดสะท้านไม่ได้ เจ้านายเขานับวันยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแล้ว ตอนเฉินผูลี่เอาเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้ามา ในห้องไม่มีอะไรมากมายแล้ว ผู้ชายสองคนนี้สบตากันหนึ่งที ยังขมวดคิ้วพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ตอนนี้ด้านนอกแทบฟ้าถล่มทลายลงมา
อย่าว่าชาวบ้านร้านตลาดธรรมดา ต่อให้ในเครือบริษัทบ้านจิ๋นเองก็มีเสียงซุบซิบมากมาย เดิมคุณชายใหญ่มีแพลนไปญี่ปุ่นก็ยกเลิกชั่วคราวแล้ว แต่เพื่อดูแลบ้านจิ๋น ทางด้านจิ๋นลี่หยาวก็มีลูกค้าไม่น้อยโทรมาถามเรื่องจริงของเรื่องนี้ ช่วงเวลานิดเดียวไม่เพียงยินรั่วอวิ๋นสะใภ้บ้านเซี่ยงที่ปล่อยข่าว ยังทำให้บ้านจิ๋นยังโดนนักข่าวล้อมรอบไปด้วย
“ข้างนอกเป็นไงบ้าง?” เก๋อเฉิงเฟยถามเสียงเบา สีหน้ากังวล
เขาเองก็ไม่คิดว่า การช้าไปก้าวเดียว เรื่องจะบานปลายไปใหญ่โตขนาดนี้
เฉินผูลี่ส่ายหัว เขาไม่รู้จะเปิดปากเล่าเรื่องข้างนอกยังไง
ในอินเทอร์เน็ต ยินเสี้ยวเสี้ยวโดนคนด่า โดนคนประณาม โดนเสียดสี…ทุกคำพูดเหมือนสาดเกลือลงบนแผลของเธอ!