บทที่132 การตั้งครรภ์ที่มีกำหนด
คุณย่าจิ๋นมองยินเสี้ยวเสี้ยว ก่อนจะมองถ้วยน้ำแกงที่อยู่ตรงหน้า สักพักจึงจะตอบกลับมา และก็เป็นเพราะว่าคำนี้มันเปรียบว่าคุณย่าจิ๋นจะไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนมาคิดอีกแล้ว นี่มันเป็นเหตุผลที่ยินเสี้ยวเสี้ยวนอบน้อมลงมาโดยตลอด ใบหน้าสวยงามนั้นดูมีความสุขเป็นพิเศษ
จิ๋นลี่ยวนนั่งอยู่ข้างๆ เธอดูทุกท่าทีของเธอ ในใจกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจขึ้นมา
เสี้ยวเสี้ยวของเธอนั้น ปกติเป็นคนหยิ่งยโส ตอนนี้กลับนอบน้อมลงเพราะเขา……
ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกซึ้งใจนั้น ก็คงจะเป็นไปไม่ได้
จิ๋นลี่โป๋กับจิ๋นลี่หยาวที่เห็นอยู่นั้นยิ้มขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวเริ่มหาวิธีเข้าหาคุณย่าจิ๋นได้แล้วในตอนนี้ ต่อจากนี้ก็ต้องดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ทันใดนั้นเอง จิ๋นลี่ยวนก็เอ่ยปากถาม: “คุณย่า อาทิตย์หน้าเป็นวันครบรอบอายุแปดสิบปีของคุณ อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม?”
คุณย่าจิ๋นส่ายหัวด้วยความไม่ต้องการ การอยู่ในครอบครัวของบ้านจิ๋นมาจนตอนนี้แล้ว เธอยังมีอะไรที่ไม่เคยเห็นอีก?
สียงเงียบกริบไปสักพักหนึ่ง คุณย่าจิ๋นเลยหันหน้าไปมองยินเสี้ยวเสี้ยว ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ ว่า: “ถ้าเกิดจะให้บอกสิ่งที่ฉันอยากได้มากที่สุด ก็น่าจะอยากอุ้มหลานล่ะมั้ง แต่ถ้าพวกคุณไม่พยายามมากกว่านี้ ก็ไม่รู้ว่าก่อนตายจะได้อุ้มหรือเปล่า……”
พูดอย่างไร้ทางเลือกใดๆ มันไม่เหมือนกับบอกสามพี่น้องจิ๋นลี่โป๋ แต่เหมือนบอกยินเสี้ยวเสี้ยวมากกว่า
ยินเสี้ยวเสี้ยวผลุบสายตาลงไม่พูดอะไร เพียงแต่นั่งเงียบอยู่ตรงนั้น จิ๋นลี่ยวนยื่นมือออกมากุมมือของเธออย่างไร้เสียงใดๆ มีหลายเรื่องที่ถ้ารีบก็ไม่มีทางได้มา พวกเขารู้ดี
เมื่อเห็นว่ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่ตอบอะไร ครั้งนี้คุณย่าจิ๋นเลือกที่จะถามออกไปตรงๆ “เสี้ยวเสี้ยว ตอนนี้คุณเองก็เรียนจบแล้ว ช่วงนี้ก็ไม่ต้องเตรียมออกไปทำงาน งั้นก็ใช้เวลานี้ดูแลร่างกายตัวเองให้ดี การคลอดลูกของลี่ยวนมานั้น ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดของฉันเลยล่ะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวทำได้เพียงยิ้มพลางพยักหน้า สำหรับเรื่องนี้มันสร้างความลำบากใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงเลยก็คือ มันไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่คุณย่าจิ๋นพูด “หลังจากนั้น ในช่วงนี้ คุณจะมาอยู่ที่คฤหาสน์เก่า จะได้ให้แม่ของคุณดูแลคุณได้ด้วย เมื่อดีขึ้นแล้วก็ค่อยให้ไปที่เมืองไห่เมียว ฉันว่าอีกสักพักค่อยให้ลี่ยวนไปเอาของของคุณเก็บมาที่นี่ จะได้ไม่ต้องวิ่งไปมาให้เสียเวลา ยุ่งยาก”
เมื่อพูดไป ไม่เพียงแค่ยินเสี้ยวเสี้ยว ขนาดจิ๋นลี่โป๋กับจิ๋นลี่หยาวยังรู้สึกถึงความกดดันเลย
ขมวดคิ้วเป็นปม จากนั้นจิ๋นลี่ยวนพูดออกมาเบาๆ ว่า: “คุณย่า คุณให้พวกเรามีลูก แต่ก็แยกพวกเราออก แล้วเมื่อไหร่จะมีหลานได้ล่ะ?จะว่าไป เสี้ยวเสี้ยวอยู่ที่เมืองไห่เมียว ยังจะมีอะไรที่ถือว่าฉันทำผิดกับเธออีกไหม?”
ความหมายของคำนั้น มันเหมือนการไม่อนุญาตให้ ยินเสี้ยวเสี้ยวมาเลยล่ะ
คุณย่ามีสีหน้าจริงจังก่อนจะพูดว่า: “ผู้ชายแบบคุณจะไปเข้าใจอะไร?มีแม่ดูแลฉันถึงจะวางใจ หลังจากที่หายดีแล้วค่อยส่งคุณกลับมา พูดเหมือนกับว่าฉันไปขัดขวางอย่างนั้นแหละ!จะว่าไป ถึงตอนนั้นคุณมาเยี่ยมก็ได้ มันจะไปมีปัญหาอะไรเยอะแยะมากมาย”
“เรื่องนี้ฉันไม่เห็นด้วยนะ” เห็นได้ไม่บ่อยนัก ที่จิ๋นลี่ยวนจะไม่ยอมกับเรื่องนี้ ก่อนจะมีสีหน้าแววตาเย็นชา “คุณย่า เสี้ยวเสี้ยวเป็นภรรยาของฉัน ถ้าเกิดว่าคุณไม่วางใจ ฉันจะไปพาคุณป้ามาดูแลเธอที่บ้านเอง แบบนี้จะได้ไหม?ถึงอย่างไรคนที่คุณเป็นห่วงก็คือเสี้ยวเสี้ยว พวกเราดูแลให้ดีหน่อยก็โอเคแล้ว”
คุณย่าจิ๋นยิ้มขึ้นด้วยความเย้ยหยัน จู่ๆ ก็ยอม: “งั้นก็ได้ ขอเพียงแค่คุณรับประกันว่าก่อนปีใหม่จะได้ฟังข่าวดี ฉันก็จะไม่วุ่นวายอีก ในตอนนี้ก็ถือว่าพร้อมมากแล้ว ถ้าเกิดว่าพวกคุณขยันมากพอ ไม่แน่ลูกอาจจะอายุหลายเดือนแล้วก็ได้ ถ้าเกิดว่าไม่ตั้งท้องขึ้นมา จิ๋นลี่ยวน คุณน่าจะรู้นะว่าฉันไม่ได้ขู่เฉยๆ น่ะ”
การข่มขู่ปากเปล่าเป็นแบบนี้นี่แหละ
จิ๋นลี่โป๋กับจิ๋นลี่หยาวก็อดไม่ได้ที่จะต้องขมวดคิ้ว จิ๋นลี่ยวนกลับตอบพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย
ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็อดไม่ได้ที่จะกัดปากของตัวเอง
การตั้งท้องแบบมีกำหนดแบบนี้ เธอเพิ่งเคยได้พบได้เจอ แล้วก็น่าจะเป็นเพียงครั้งเดียวด้วย!
ในเมืองไห่เมียว ยินเสี้ยวเสี้ยวเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จก็เช็ดผมของตัวเอง ก็เห็นว่าจิ๋นลี่ยวนกำลังอ่านข่าวของเธอ เธอเดินไปปิดโทรทัศน์ด้วยใบหน้าแดง แต่กลับถูกมือไวของจิ๋นลี่ยวนนั้นจับเอาไว้ก่อน จนทำให้ยืนไม่มั่นคง ยินเสี้ยวเสี้ยวเลยนั่งลงสู่อ้อมกอดของจิ๋นลี่ยวน
ในตอนนั้นเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดฝาดสีแดง ด้วยความเขินอาย
จิ๋นลี่ยวนยื่นมือออกไปประคองเอวของเธอ ก่อนจะดมเรือนร่างหอมฉุยของเธอ เพียงแต่คิดว่าความเหนื่อยอ่อนนั้นหายวับไปกับตา จึงพูดข้างๆ หูของเธอเบาๆ ว่า: “เสี้ยวเสี้ยว อย่าเครียดไปเลย พวกเราปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า วันนี้ที่ฉันพูดกับคุณย่าไป เพียงแค่ไม่อยากให้คุณอยู่ที่คฤหาสน์เก่าคนเดียวก็เท่านั้นเอง”
บรรยากาศที่คลุมเครือนั้น คำที่จิ๋นลี่ยวนพูดนั้นมันดูจริงจังเป็นพิเศษ มันทำให้อารมณ์ของยินเสี้ยวเสี้ยวเปลี่ยนไป เลยตอบเขาไปตามกัน: “แต่ว่า ถ้าเกิดว่าถึงเวลาแล้วฉันยัง……ยังไม่มีทางทำได้ จะทำอย่างไรกันดี?”
เรื่องในตอนนั้นเธอพูดออกมาแล้ว ในใจก็ได้รับความปลดปล่อยสบายใจมากขึ้น แต่บางทีเพราะเรื่องราวเครียดรุมเร้ามากมายที่ผ่านเข้ามา ตอนนี้เธอเลยยังคงปฏิเสธที่จะพัฒนามันต่อไปอยู่ลึกๆ
สำหรับจิ๋นลี่ยวน ถึงแม้ว่าภรรยาจะอยู่ในอ้อมกอด กลับต้องยับยั้งชั่งใจตัวเองยากไปสักหน่อย แต่เขาก็ไม่อาจจะบังคับให้เธอทำตามเขาได้ ยังดีที้งสองคนในตอนนี้เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เขาเชื่อว่าอีกไม่นานยินเสี้ยวเสี้ยวจะค่อยๆ ยอมรับเขาหมดทั้งใจเอง
“ไม่เป็นไร ถ้าไม่มีทาง พวกเราก็รอจนหาทางได้……” พูดออกมาเบาๆ ปากของจิ๋นลี่ยวนกลับก้มลงประทับลงบนขอของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่าไม่รีบร้อน ในตานั้นส่งประกายแวววาว แต่กลับพยายามสังเกตการณ์ตอบสนองของยินเสี้ยวเสี้ยวไปด้วย เพียงแค่เธอมีปฏิกิริยาที่ไม่โอเคเขาก็จะหยุดทันที สำหรับยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว การกระซิบข้างหูนั้นมันเหมือนกับเป็นการกะหนุงกะหนิงระหว่างคู่รัก เต็มไปด้วยความหื่นกระหาย “แต่ว่า เสี้ยวเสี้ยว ตอนที่ฉันเข้าใกล้คุณ อย่าหลบ……”
เรือนร่างเริ่มชาขึ้นมา เมื่อรู้สึกได้ถึงลมร้อนของจิ๋นลี่ยวน เรือนร่างของยินเสี้ยวเสี้ยวก็แข็งทื่อขึ้นมา มือเล็กๆ นั้นกำเอาไว้ กลับยังพยายามไม่ให้ตัวเองผลักเขาออก
“เสี้ยวเสี้ยว ถ้าเกิดว่าไม่ชอบก็ผลักฉันออกได้เลย ฉันโดนผลักออกง่ายมากเลยนะ……” จิ๋นลี่ยวนจูบลงไปที่ใบหูของยินเสี้ยวเสี้ยว ขารู้สึกเลยว่าเรือนร่างของเธอนั้นกำลังสั่นและแข็งทื่อ
ตอนที่เธอกำลังอดทนอยู่นั้น เขาจะไม่ทำได้อย่างไร?
เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนสักหน่อย เขาจะทนไม่ทำอะไรไหวได้อย่างไร?
ทั้งสองคนเหมือนกับกำลังเล่นกับไฟ ค่อยๆ มองดูเปลวไปที่ค่อยๆ ลุกโชนขึ้นมา……
สีของทั้งห้องนั้นมันเหมือนกับเปลี่ยนไป ดูแล้วไม่ค่อยจะชัดเจนเหมือนเดิมสักเท่าไหร่ แสงไฟสีส้มนวลยิ่งทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องหลับตาทั้งสองข้างลงก่อนจะซึมซับบรรยากาศที่เกิดขึ้นอย่างสงบ……
จู่ๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามขัดขืนมือที่รุกล้ำเข้ามาในเสื้อผ้า มือน้อยๆ นั้นก็จับถูกมือใหญ่ๆ ของเขา หันหัวไป ก่อนจะมองเขาด้วยความรู้สึกผิดต่อเขา
เธอยังไม่พร้อมจริงๆ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้จะไม่ทำร้ายเธอ เธอก็ยังทำไม่ได้สักที!
จิ๋นลี่ยวนหายใจแรง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อไป ก่อนที่มือจะโอบกอดเธอเข้ามาในอ้อมอกของตัวเองก่อนจะหายใจแรงๆ ขึ้น
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่กล้าขยับหนี แต่ปล่อยให้เธอกอดตัวเอง พลางเอาหัวของตัวเองซบลงบนหน้าอกของเธอ ก่อนจะยื่นมือออกไปจัผมดำขลับของจิ๋นลี่ยวน เพียงแวบเดียวยินเสี้ยวเสี้ยวก็แอบรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของจิ๋นลี่ยวนแล้ว
เพียงแต่ว่ามันน้อยมาก มากเสียจนเธอไม่อาจจะรู้สึกได้
“ขอโทษด้วย” ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดออกมาเบาๆ คนอื่นรู้เพียงว่าตอนที่เธออายุได้ราวๆ สิบขวบนั้นเธอเจอเรื่องราวเลวร้ายในชีวิต จนกระทั่งวันนี้คนร้ายก็ยังไม่ถูกจับเลย แต่ไม่รู้ว่าหลังจากที่เกิดเรื่องนั้นแล้ว เธอมีบาดแผลลึกในจิตใจมากแค่ไหน แต่เธอมาเป็นภรรยาแล้ว แถมยังมีแผนว่าจะมีลูกกับผู้ชายคนนี้ด้วย “ขอโทษ……”
หลังจากที่จิ๋นลี่ยวนปรับอารมณ์ของตัวเองแล้วก็เงยหน้า จากนั้นจึงใช้มือทั้งสองจับหัวของเธอ ก่อนจะประทับรอยจูบลงไปเบาๆ ที่ปากของเธอก่อนจะพูดว่า: “ไม่เป็นไร สามียังทนต่อไปได้อยู่น่ะ”
เมื่อพูดไป หน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวก็แดงขึ้น เป็นท่าทีที่เขินอายจนไม่กล้าสบตา กลับลืมความรู้สึกผิดเมื่อครู่ไปสนิทเลย
งานฉลองครบแปดสิบปีในเมืองTที่บ้านจิ๋นคุณย่านั้น ถือว่าเป็นงานใหญ่ของเมืองT ถ้าจะให้พูดแทนคนในบ้านจิ๋น ก็เหมือนกับเป็นงานมงคลของบ้านจิ๋น งานใหญ่แบบนี้ เมื่อจิ๋นลี่ยวนจะให้ยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด ไม่ใช่แค่ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ตกใจ แต่ขนาดจิ๋นลี่โป๋กับจิ๋นลี่หยาวยังแอบตกใจเล็กน้อยเลย
โดยปกติ เรื่องใหญ่แบบยนี้จะให้พวกเขาสามคนเป็นคนดูแล ครั้งนี้กลับโยนงานให้ยินเสี้ยวเสี้ยว
ยินเสี้ยวเสี้ยวคิดอยู่นาน ก่อนจะรับเอาไว้ ตอนนี้เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะให้ความสัมพันธ์ของเธอกับคุณย่าจิ๋นนั้นดีขึ้นมาให้ได้
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จิ๋นลี่ยวนพบว่า ยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นยุ่งกว่าเขาอีก!
ยุ่งทุกๆ วัน ทั้งสถานที่ การจัดวาง สไตล์ เมนูอาหาร แขกต่างๆ ……ถ้าเป็นแบบนี้ถึงจะอยู่ในบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงของพูดของยินเสี้ยวเสี้ยว และยังได้ยินเธอโทรศัพท์หาจิ๋นลี่โป๋ จิ๋นลี่หยาว เฉินผูลี่และเก๋อเฉิงเฟยเป็นครั้งคราวอีกด้วย มีเพียงแค่เขาคนเดียวที่ไม่ได้รับสายจากเธอเลย!
หลังจากที่เขากลับมาจากเมืองโบราณ หลังจากที่ยินเสี้ยวเสี้ยวรับงานนี้เอาไว้ ทั้งอาทิตย์ก็เห็นแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวยุ่งจนตัวเป็นเกลียว โดยที่ไม่ได้ยินเธอบ่นว่าหนักหรือเหนื่อยเลยแม้แต่คำเดียว
ในที่สุด คืนก่อนงานวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของคุณย่าจิ๋น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้นอนลงบนเตียงหลังจากที่ตรวจสอบความเรียบร้อยเสร็จ กลับเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว
ในใจจิ๋นลี่ยวนนั้นรู้สึกเห็นใจมาก แต่ก็ไม่ค่อยพอใจเหมือนกัน
เขาเลยหันไปโอบเอวของเธอก่อนจะพูดว่า: “เสี้ยวเสี้ยว คุณยุ่งมากเลยเหรอ?”
“อือ ช่วงนี้ยุ่งมากเลย ฉันไม่รู้ว่าคุณย่าชอบอะไรเสียด้วย เลยต้องถามคนนู้นคนนี้ แถมยังมีปัญหาของแขกอีก……” ยินเสี้ยวเสี้ยวตอบคำถามจิ๋นลี่ยวนด้วยความงัวเงีย โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าในคำพูดนั้นมีความโกรธอยู่ด้วย “แขกของบ้านจิ๋นนั้นไม่น้อยเลย มีหลายคนที่ฉันไม่คุ้นเคย เลยทำได้แค่ถามพี่ใหญ่กับพี่สาว……”
จิ๋นลี่ยวนยิ่งฟังก็ยิ่งโกรธ ตอนนี้ยัยนี่ยังไม่ดึงสติกลับมาอีกจนเมินใส่เขางั้นเหรอ?
ในตอนนั้นเอง จิ่นซานช่าวโกรธขึ้นมาแล้ว เลยหลหิกตัวแล้วกดยินเสี้ยวเสี้ยวเอาไว้ จากนั้นจึงเลิกคิ้วขึ้นพลางพูดว่า: “ช่วงนี้คุณยุ่งเรื่องคนอื่น จนลืมฉันไปเลยใช่ไหม?”
“เรื่องของคุณงั้นเหรอ?” ยินเสี้ยวเสี้ยวเบิกตากล้าพลางมองจิ๋นลี่ยวนที่กำลังขู่อยู่ จากนั้นจึงถามด้วยความสงสัย “เรื่องอะไรของคุณงั้นเหรอ?”
มันเป็นเรื่องที่คนทั้งโลกรู้ มีแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวคนเดียวเท่านั้นที่ไม่รู้