บทที่ 153 บางทีอาจจะชอบคุณแล้ว
จับแก้วที่มืออย่างแน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวแกล้งทำไม่เห็นใบหน้าที่เย็นชาของจิ๋นลี่ยวน ค่อยๆเดินเข้าไปทีละก้าว วางแก้วไว้ตรงหน้าเขาแล้วเดินไปข้างตัวเขา มือน้อยๆแตะไหล่เขาเบา ๆ พูดอย่างประจบประแจง “เหมื่อยไหล่ไหม ให้ฉันช่วยนวดให้ไหม”
พูดอยู่ ก็ไม่รอจิ๋นลี่ยวนตอบรับก็เริ่มนวดเลย
จิ๋นลี่ยวนร่างกายเกร็งเล็กน้อย ไม่ขยับตัวอยู่สักครู่
พูดตามตรง ตั้งแต่ออกมาจาก‘ร้านอาหารเทาถี้’เขาก็เสียใจแล้ว เกิดมายี่สิบเจ็ดปี เขาไม่ค่อยมีพฤติกรรมแบบเด็ก ๆ แต่หลังจากมาเจอยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ทำให้เขารู้สึกปวดหัวมาก…………
ทันใดนั้น จิ๋นลี่ยวนตามืดลงเล็กน้อย
ยินเสี้ยวเสี้ยวมีอิทธิพลต่อเขา มันมากเกินไป
และอิทธิพลเช่นนี้ แล้วมันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
นวดไหล่ของจิ๋นลี่ยวนไปด้วย ยินเสี้ยวเสี้ยวก็พูดเบาๆว่า “จิ๋นลี่ยวน ตอนฉันอายุห้าขวบ ยินจื่อเจิ้นที่มีอายุสิบสองปีก็เข้ามาอยู่ในบ้านของฉัน บ้านยินเป็นอย่างไรคุณก็เคยเห็นฉันคงไม่ต้องอธิบายอีกนะ ถ้ามองในอีกระดับหนึ่ง ถ้าไม่มียินจื่อเจิ้น คุณอาจจะไม่ได้เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่เป็นอยู่ทุกวันนี้………”
ในวัยเด็กของเธอ ไม่มีมาร์ชเมลโล่อย่างนี้ ลูกโป่งหลากสี ในบ้านหลังนั้นนอกจากจะให้ชีวิตกับเธอและสิ่งของที่จำเป็นกับเธอแล้ว ก็ไม่เคยให้อะไรที่เกี่ยวกับความรู้สึกกับเธอเลย……
มีแค่ยินจื่อเจิ้นคนเดียว แม้แต่ยินจื่อเว่ยก็ไม่เคยให้ความรู้สึกปลอดภัยแก่เธอขนาดนี้
เธอไม่รู้ว่าทำไมจิ๋นลี่ยวนถึงได้มีความรู้สึกที่แปลกๆที่เป็นปรปักษ์กับยินจื่อเจิ้นเช่นนี้ แต่เธอไม่อยากเห็นพวกเขาทั้งสองขัดแย้งกันเช่นนั้น
“จิ๋นลี่ยวน……..” เรียกเสียงเบา ยินเสี้ยวเสี้ยวหยุดการเคลื่อนไหว มองจิ๋นลี่ยวนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วพูด “เขาเป็นพี่ชายของฉัน เป็นคนที่ฉันขาดเขาไม่ได้ในตอนเด็ก แต่คุณเป็นสามีของฉัน ไม่ว่าคุณจะรักฉันหรือไม่ ไม่ว่าเราจะมีตอนจบหรือไม่ ไม่ว่าในใจของคุณจะมองฉันอย่างไร คุณก็คือที่พึ่งเดียวในชีวิตของฉัน………..”
มันเหมือนเป็นคำสารภาพ ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกอายเล็กน้อย แต่แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจ
เธอชอบจิ๋นลี่ยวน ตั้งแต่แรกก็เป็นเช่นนี้ แต่เธอไม่รู้ว่าจิ๋นลี่ยวนชอบเธอหรือไม่ แต่เธอก็ไม่อยากให้การแต่งงานของเขาทั้งสองต้องจบลง ถ้าเป็นไปได้ ไม่มีผู้หญิงคนไหนคิดอยากจะหย่าหรอก
การแต่งงาน เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง จากเริ่มต้นจนจบ ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอจนจบ
ในพระอาทิตย์ตก ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ทิศทางย้อนแสง จิ๋นลี่ยวนมองดูใบหน้าอันบอบบางของเธออย่างคลุมเครือ รู้สึกแค่ว่าในใจอบอุ่น เขาเคยยอมรับว่ารักยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว เพียงแค่เขาไม่เคยคิดว่าความรักครั้งนี้จะส่งผลต่ออารมณ์ของเขาขนาดนี้…….
เอื้อมมือจับเอวบอบบางของยินเสี้ยวเสี้ยว ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ไม่ทันตั้งตัวก็ล้มนั่งบนตักของจิ๋นลี่ยวน
บรรยากาศมีความคลุมเครือ แสงแดดก็พอดี
จิ๋นลี่ยวนเอาหัวซุกที่คอยินเสี้ยวเสี้ยว พูดเบาๆว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว บางทีอาจจะชอบคุณแล้ว……..”
ประโยคเดียว ทันใดนั้นยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังเบ่งบาน
ยินเสี้ยวเสี้ยว บางทีอาจจะชอบคุณแล้ว
แม้ว่าจะเป็น‘บางที’ เท่านั้น แค่ ‘ชอบ’แต่เธอรู้สึกพอใจมาก……..
เธอไม่ได้พิเศษอะไร มีข้อเสียมากมาย แต่เธอกลับหลงรักจิ๋นลี่ยวนที่โดดเด่นคนนี้ เธอไม่คาดหวังความรักของเขา แต่ฉันก็หวังว่าจะได้รับความรักจากเขาด้วย
นี่อาจเป็นการตกหลุมรัก เป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจ
ดวงตาสีดำและสีขาวกะพริบเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวจ้องมองเขา
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยภาพของตัวเอง โง่เล็กน้อย แต่จริงใจเป็นพิเศษ
ริมฝีปากบางๆเข้าใกล้ผิดหน้าที่บอบบางของยินเสี้ยวเสี้ยว มองริมฝีปากสีชมพูของเธอด้วยสายตาที่แผดเผา คำพูดเหล่านั้นปรากฏในความฝันตอนเที่ยงคืนที่นับไม่ถ้วนปรากฏอยู่ข้างหูของยินเสี้ยวเสี้ยว
เขาพูดว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันไม่ชอบให้คุณอยู่ใกล้ผู้ชายคนอื่นมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นยินจื่อเจิ้น ต๋งไขหรือเฉิงชื่อชิง ฉันก็ไม่ชอบทั้งนั้น ฉันต้องการให้คุณเห็นฉันอยู่ในสายตาของคุณคนเดียว อยากให้คุณรักฉันคนเดียว และอยากให้คุณพูดถึงฉันคนเดียว”
เขาพูดว่า “ฉันอาจจะเอาแต่ใจ และอาจจะไม่ดีพร้อม แต่ฉันก็อยากเอาแต่ใจให้คุณทำตามเช่นนี้ เพราะฉันยอมรับไม่ได้ถ้าในสายตาของคุณมีผู้ชายคนอื่นนอกจากฉัน”
เขาพูดว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว พวกเราลองเดินต่อไปเช่นนี้ดีไหม”
……
ช่วงเวลาที่ริมฝีปากสัมผัส ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าตัวเองกำลังร่องรอยในอากาศ มือน้อยๆวางอยู่หน้าอกของเขาอย่างสั่น รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจเขา
ที่แท้ การให้ย่อมมีผลตอบแทนเสมอ ประโยชน์นี้มีอยู่จริง
ตั้งแต่จิ๋นลี่ยวนยอมรับความรู้สึกของตัวเองแล้ว ความสัมพันธ์ของยินเสี้ยวเสี้ยวกับจิ๋นลี่ยวนก็เริ่มมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทุกวันเขาเลิกงานตรงเวลาเพื่อไปซื้อผักที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกับเธอ หลังจากนั้นกลับไปทำกับข้าวด้วยกันที่บ้าน ดูจะหวานและมีความสุขมากกว่าคู่รักหนุ่มสาวทั่วไปอีก
วันพุธ ยินเสี้ยวเสี้ยวไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยT
เนื่องจากจิ๋นลี่ยวนต้องไปทำงานจึงส่งยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วก็กลับเลย ไม่คิดว่าเพิ่งจะก้าวเข้ามาเป็นว่าที่มหาบัณฑิตของมหาวิทยาลัยT จิ๋นลี่ยวนไม่แปลกใจเลยที่เห็นผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ที่ประตูคุยกับนักศึกษาคนอื่น รูปลักษณ์ที่อ่อนโยน ดูยังไงก็เหมือนผู้ชายที่ดี ไม่มีอันตราย
เรนจ์โรเวอร์ขับเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ตาของเฉิงชื่อชิงปิดลงเล็กน้อย
หลังจากยินเสี้ยวเสี้ยวลงจากรถก็บอกลาจิ๋นลี่ยวน หันหลังแล้ววิ่งเข้าไปในมหาวิทยาลัยที่คุ้นเคย
สามารถกลับมาเรียนได้ เธอดีใจมาก แม้ว่าจะใช้ความสัมพันธ์ก็ตาม แต่เธอไม่ได้ใช้โควตาของคนอื่น แค่ครูรับนักศึกษาเพิ่มมาหนึ่งคน แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกเกรงใจ
“เสี้ยวเสี้ยว” เรียกด้วยเสียงเบาๆ เฉิงชื่อชิงเดินออกมาจากกลุ่มนักศึกษา ยืนยิ้มให้เธออย่างเงียบๆ
‘เทพบุตร’บางทีอาจจะเป็นความรู้สึกแบบนี้
ตั้งแต่เด็กจนโตนี่คือความรู้สึกที่เฉิงชื่อชิงให้เธอ ไม่ได้หล่อมาก แต่ทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกอบอุ่นจนใจสาวๆสั่น
“ชื่อ…….” ยินเสี้ยวเสี้ยวกำลังจะเรียก ‘พี่ชื่อชิง’ แต่คิดถึงสภาพแวดล้อมของที่นี่จึงเรียก “อาจารย์เฉิง”
เฉิงชื่อชิงตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนมากขึ้น
เดือนกันยายนในโรงเรียน ก็มักจะมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย บางคนก็เป็นการเริ่มต้นชีวิตที่สวยงาม แต่บางคนก็เป็นจุดเริ่มต้นของฝันร้าย
ในฤดูใบไม้ร่วงที่ เมืองT อากาศหนาวเล็กน้อย แต่มีเสน่ห์เป็นพิเศษ บริเวณมหาวิทยาลัยT บรรยากาศเหมือนฤดูร้อน
เฉิงชื่อชิงกับยินเสี้ยวเสี้ยวเดินไปด้วยกันได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ระหว่างทางมีหลายคนเห็นเฉิงชื่อชิงก็เข้ามาทักทายกันอย่างคุ้นเคย ‘อาจารย์เฉิง’ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะอยู่ข้างๆ
“ตลกมาเหรอ” เฉิงชื่อชิงถามเสียงเบา สายตาจดจ่ออยู่กับยินเสี้ยวเสี้ยวตลอดเวลา
“คุณไม่รู้สึกว่าอึดอัดบ้างเหรอ” ยืนเสี้ยวเสี้ยวหันหน้าไปถามอย่างขี้เล่น “เมื่อก่อนมีคนเรียกคุณ ‘ผู้กำกับเฉิง’หรือ‘คุณชายเฉิง’แต่ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็น ‘อาจารย์เฉิง’ทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินเลย”
เฉิงชื่อชิงจ้องมองยินเสี้ยวเสี้ยวอยู่นาน จากนี่นเขายิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าคุณไม่ชินก็เรียกฉัน ‘พี่ชื่อชิง’สิ คุณเรียกฉัน ‘อาจารย์เฉิง’ฉันก็ไม่ชินเหมือนกัน”
ยินเสี้ยวเสี้ยวส่ายหัวแล้วปฏิเสธว่า “อยู่ข้างนอกได้ แต่อยู่ในโรงเรียนเรียกอาจารย์ดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ฉันได้ยินคุณลุงบอกว่า คุณมาที่นี่เพื่อธุระ”
พูดเสร็จ ยินเสี้ยวเสี้ยวหันหลังแล้วหนีไป ขจังหวะเดียวกันมีนักศึกษาก็เข้าหาเฉิงชื่อชิง
นักศึกษาปริญญาโทของมหาวิทยาลัยT ไม่ได้อยู่าวมกับภาควิชาปริญญาตรี มีระยะห่างระหว่างกันอยู่พอสมควร แต่มหาวิทยาลัยT เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศ ทุกๆปีนักศึกษาที่จบปริญญาตรีที่นี่ส่วนใหญ่ก็จะเรียนปริญญาโทต่อที่นี่เลย ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่ยินเสี้ยวเสี้ยวจะเจอเพื่อนๆที่นี่
แค่เธอคิดไม่ถึง คนที่เธอ พบคนแรกไม่ใช่เพื่อนที่มหาวิทยาลัยT แต่เป็นมู่เยียนหราน
ทั้งสองยืนมองกันที่ใต้ต้นไม้ โดยไม่ได้คุยกัน
ตั้งแต่เรื่องเอ้อฮันที่บ้านเก่าของบ้านจิ๋น พวกเธอสองคนยังไม่เคยเจอกันแบบนี้เลย
สักครู่ สีกน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวก็เปลี่ยนไป เหตุการณ์วันนั้นย้อนเข้ามาในหัวของเธออีกครั้ง
จากการยั่วยุของเธอ ความโกรธของคุณย่าจิ๋น แม้แต่ความไม่ไว้วางใจของจิ๋นลี่ยวน
สิ่งเหล่าที่เธออยากจะเพิกเฉยมาโดยตลอดกลับถูกเผยออกมา
เธอเป็นคนขี้ขลาด บางครั้งเพราะคำพูดของจิ๋นลี่ยวนคำเดียว ‘บางทีอาจจะชอบคุณแล้ว’ก็สามารถลืมอดีตได้หมดเลย ไม่ไปสนใจอีก แต่ไม่เคยคิด ก็เพราะพฤติกรรมนกกระจอกเทศของเธออาจทำให้เกิดอันตรายบางอย่างที่ซ่อนอยู่ได้อย่างง่ายดาย
มู่เยียนหรานมองยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วยิ้มอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นสักครู่ก็ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เธอ
“ยินเสี้ยวเสี้ยว ดีใจมากที่ได้เป็นเพื่อนนักเรียนกับคุณ” พูดอยู่ มู่เยียนหรานยื่นมือไปให้ยินเสี้ยวเสี้ยว
ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อครั้งที่แล้ว ตอนนี้เมื่อยินเสี้ยวเสี้ยวเข้าใกล้มู่เยียนหรานก็จะมีการป้องกันตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ดูยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นแบบนี้ มู่เยียนหรานสายตาดูถากถางแล้วพูด “ยินเสี้ยวเสี้ยว ตอนนี้แม้แต่ความกล้าในการเข้าใกล้ฉันก็ไม่มีแล้วเหรอ”
เงยหน้ามองเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวตอบ “มู่เยียนหราน คุณฉลาดแต่ฉันก็ไม่ได้โง่นะ ใครจะรู้ว่าจู่ๆคุณอาจจะใช้กลอุบายชั่วอีก เหมือนคนบ้าที่แม้แต่ชีวิตก็ยังไม่ห่วง คุณว่าฉันไม่ควรปฏิเสธคุณเหรอ หรือคุณคิดว่าฉันจะหลงกลคุณเป็นครั้งที่สอง”
คนอย่างยินเสี้ยวเสี้ยวจุดเด่นก็คือ เก่งในการเรียนรู้จากบทเรียน
มู่เยียนหรานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พยายามควบคุมความรู้สึกในใจ ถอนมือออกแล้วบีบแน่น
ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นสีหน้า อารมณ์ของเธอทุกอย่าง เมื่อเห็นแววตาของมู่เยียนหรานเหมือนได้ใจ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอยังมีไม้เด็ดไว้ในมือใช่หรือไม่
ทำไม เวลามู่เยียนหรานทำอะไรไม่เห็นจะแคร์อะไรเลย
มู่เยียนหรานยิ้มสู้แล้วพูดกับเธอเบาๆว่า “ยินเสี้ยวเสี้ยว ฉันดีใจจริงๆที่ได้เป็นเพื่อนเรียนกับคุณ ถึงแม้จะไม่ใช่คณะเดียวกัน แต่เราก็ยังเป็นสถาบันเดียวกัน อีกอย่างฉันก็อยากจะดูว่า คนอย่างคุณทำไมถึงได้เข้าตาจิ๋นลี่ยวนได้…….”
หน้าบึ้ง ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ชอบความเย่อหยิ่งของมู่เยียนหรานที่ทำเหมือนชนะทุกสิ่ง
เอาความมั่นใจนั้นมาจากไหนกัน หรือเป็นเพราะไพ่ลับที่แข็งแกร่งใบนั้น
ครั้งแรกที่เห็นเธอในโทรทัศน์ ยิวเสี้ยวเสี้ยวก็เริ่มสงสัย มู่เยียนหรานอาจจะกลายเป็นศัตรูที่ร้ายที่สุดของเธอ ดูเหมือนจะกลายเป็นจริงแล้วตอนนี้