บทที่ 160 ผู้ป่วยคนนี้ เป็นของผม
พูดจบยินเสี้ยวเสี้ยวก็ปวดจนหูไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว ความเจ็บปวดที่ยากจะลืมนี้ ทำให้เธอยิ่งแย่ไปกว่าเดิมมาก เสื้อผ้าเธอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และหายใจถี่ๆ
ท่าทีของยินเสี้ยวเสี้ยวทำเอาคนขับรถตกใจ รีบขับรถเร็วขึ้นเพื่อให้ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบลงจากรถ
……
ณ ประตูโรงพยาบาลหนันหยู หลังจากยินเสี้ยวเสี้ยวลงจากรถ คนขับรถรีบขับรถออกไปด้วยความเร็ว แม้แต่เงินก็ไม่เอาไป ท่าทางแบบนั้นทำอย่างกับยินเสี้ยวเสี้ยวเป็นโรคติดต่ออย่างไรอย่างนั้น
ยังไม่ทันได้คิดอะไรมาก ยินเสี้ยวเสี้ยวก็กุมท้องตัวเองแน่น มันปวดจนไม่อาจยืดเอวให้ตรงได้ จึงทำได้เพียงอาศัยความแน่วแน่เดินไปข้างหน้า แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองเดินมานานมากแล้วแท้ๆ ประตูโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมก็ดูเหมือนยังอีกไกล……
ในที่สุดท่าทางแปลกของยินเสี้ยวเสี้ยวทำให้คนรอบข้างสังเกตเห็น และมีคนเดินเข้ามาถาม แต่เธอพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงนั่งลงยองๆพลางกุมท้องตัวเองแน่น จนเสื้อบิดผิดรูปแต่เธอกลับยังรู้สึกไม่เพียงพอ
——คุณคะ เป็นอะไรไหมคะ?คุณเป็นอะไร?
——ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ส่งตัวเธอเข้าไปก่อนดีกว่าไหม?
——แต่ใครจะไปรู้ว่าเธอเป็นมิจฉาชีพหรือเปล่า?กล้าเข้าใกล้งั้นเหรอ?
……
รอบข้างมีการถกเถียงกันเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวฟังอย่างเงียบๆ แต่พยายามหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา แล้วลองโทรหาจิ๋นลี่ยวน แต่ในขณะนั้นเองเธอก็ปวดท้องแปล๊บขึ้นมา ทำเอาเธอเสียการทรงตัวแล้วล้มลงไปกับพื้น โทรศัพท์ในมือก็ร่างตามลงไปด้วย แต่โชคดีที่โทรออกไปแล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวปวดจนเกลือกกลิ้งไปกับพื้น พลางกัดริมฝีปากตนแน่นพูดอะไรไม่ออก ผู้คนรอบข้างที่เดิมที่จะช่วย ก็พากันมองภาพที่เธอเจ็บปวดอย่างตกตะลึง เพราะไม่อยากเคลื่อนย้ายสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ก็พยายามเว้นช่องให้อากาสถ่ายเทได้สะดวกให้เธอ อีกทั้งตอนนี้ก็มีคนเข้าไปตามหมอแล้ว
เรื่องที่เกิดขึ้นตรงประตูโรงพยาบาลไม่ใช่ใครจะกล้ายุ่ง
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด……
เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่ ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ฟังอยู่เพียงหวังว่าจะได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นเร็วๆ
แต่สายเรียกอยู่นาน จนมันจะตัดสายไปเองแล้ว แต่ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเกือบจะถอดใจกลับโทรติดพอดี
“ฮัลโหล เสี้ยวเสี้ยว”คำพูดธรรมดาๆแค่4พยางค์ ก็ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวที่กัดริมฝีปากแน่น ปล่อยมันออก
ตอนนี้เธอปวดท้องจนแทบจะตายแล้ว เธอทำได้เพียงหันหน้าไปหาพื้นอันหนาบเหน็บแล้วพูดขึ้น:“จิ๋นลี่ยวน ฉันเจ็บ……”
“เธออยู่ที่ไหน?เจ็บตรงไหน?”น้ำเสียงปลายสายเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ยินเสี้ยวเสี้ยวยังไม่ทันได้พูด ก็ได้ยินเสียงเถียนหรงในสายพูดเข้ามา:“หมอจิ๋นครับ ได้ยินมาว่ามีผู้ป่วยนอนอยู่หน้าประตูโรงพยาบาล และยังมีคนบอกว่าคล้ายภรรยาของคุณ ……”
พูดเช่นนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ได้ยินเสียงรถเข็นที่เข็นมาด้วยความเร็ว จากนั้นก็เป็นเสียงเปิดประตู เสียงคน เสียงต่างๆวุ่นวายไปหมด แต่ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเขา
“เสี้ยวเสี้ยว วันนี้คุณไปทำอะไรมา?ทำงานที่‘บริษัทจื่อยิน’อย่างปกติหรือเปล่า?”น้ำเสียงของจิ๋นลี่ยวนเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากๆ คำพูดแบบนั้นี่ทำเอาดึงสติของยินเสี้ยวเสี้ยว เธออ้าปากจะตอบแต่ก็พูดไม่ออก ขณะที่กำลังจะร้องไห้นั้นก็รู้สึกปวดท้องขั้นสุดขึ้นมา แต่เสียงของจิ๋นลี่ยวนก็ดังขึ้นอีกครั้ง“เสี้ยวเสี้ยว วันนี้ผมอยู่ในโรงพยาบาลทั้งวัน ทำการผ่าตัดไป2เคส พาเถียนหรงไปด้วยวันนี้เขาทำพลาดเล็กๆน้อยๆไปสองครั้ง แต่ถ้าหากอยู่ในช่วงผ่าตัดมันง่ายมากที่จะเกิดอันตรายถึงชีวิต……”
ยินเสี้ยวเสี้ยวฟังอย่างเงียบๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคุยเรื่องชีวิตของเขา ในตอนที่เธอไม่ได้อยู่ด้วย
“เถียนหรงสะเพร่านิดหน่อย แต่เขามีสติดีมาก เป็นเด็กฝึกงานคนแรกที่ผมพาไปด้วยในโรงพยาบาลหนันหยู ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะเรียนรู้ได้อย่างสมบูรณ์……”จิ๋นลี่ยวนพูดพลางเดินไปชั้นล่างด้วยความเร็ว สายตาเต็มไปด้วยความกังวล แต่คำพูดกลับอ่อนโยนราวกับหยดน้ำ ส่วนเถียนหรงก็เบิกตาโตอย่างประหลาดใจอยู่ด้านหลัง“เสี้ยวเสี้ยว วันนี้คุณอยู่บ้านทำอะไรบ้าง?เป็นเด็กดีกินข้าวหรือเปล่า?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้าเบาๆ แต่เหมือนใช้แรงทั้งหมดที่มีอย่างไรอย่างนั้น
ประตูลิฟต์ เสียงดัง‘ติ้ง’ยินเสี้ยวเสี้ยวได้ยินสิ่งที่จิ๋นลี่ยวนพูดอย่างชัดเจน:“เสี้ยวเสี้ยว ไม่ต้องกลัวนะ”
เพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังวุ่นวายไปหมด คนที่ขวางตรงหน้าก็ทยอยออกไป ยินเสี้ยวเสี้ยวเจ็บปวดมาก ทำได้เพียงนอนขดตัวอยู่บนพื้น เพราะการเดินเสื้อกาวน์จึงค่อยๆสยายออกราวกับปีก จิ๋นลี่ยวนเป็นคนนำหน้า ตามด้วยหมอและพยาบาลจำนวนมากเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
ภาพนี้ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวเกิด‘ภาพลวงตา’ที่รู้สึกว่าเข้ารักและทะนุถนอมเธอ
เดินก้าวเท้ามาอย่างไว จิ๋นลี่ยวนกังวลมาก สายตาเต็มไปด้วยความดุดัน
จิ๋นลี่ยวนนั่งยองลง แล้วรีบตรวจร่างกายยินเสี้ยวเสี้ยว จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมา แพทย์ผ่าตัดห้องที่สองที่ตามมาติดๆ มีพยาบาลเข็นเตียงตามมาด้วย ขณะกำลังจะพูดว่าผู้ป่วยคนนี้เป็นของพวกเขา จิ๋นลี่ยวนก็พูดขึ้นมา:“ผู้ป่วยคนนี้ เป็นของผม”
ยินเสี้ยวเสี้ยวเจ็บปวดจนซุกศีรษะไปในอ้อมกอดของจิ๋นลี่ยวน พลางกำเสื้อกาวน์ของเขาไว้แน่น
เถียนหรงรีบบอกพี่หลิง ให้ชั้นบนรีบเตรียมห้องผ่าตัด คนกลุ่มนั้นก็รีบขึ้นลิฟต์กลับไปอีกครั้ง
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เป็นผู้ป่วยซบอยู่ในอ้อมกอดของจิ๋นลี่ยวน เจ็บปวดราวกับชีวิตจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ
อาการป่วยของเธอ หมอที่มีคุ้นเคยมองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน แต่จะมีทะลุและฝีหรือไม่นั้นก็ไม่แน่ใจนัก ต้องได้รับการตรวจก่อนถึงจะรู้
ในลิฟต์ ทุกคนเงียบไม่พูดอะไรสักคำ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงนะ”จิ๋นลี่ยวนก้มมองผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขน พลางปลอบโยนเธอเบาๆ แต่กลับไม่รู้เลยว่าในคำพูดของตนนั้นแฝงไปด้วยความตึงเครียดเล็กน้อย “เสี้ยวเสี้ยว เชื่อผมนะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยายามลืมตามองจิ๋นลี่ยวน เธออยากยิ้มและพยักหน้าให้เขาแต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรง
เธอเชื่อเขา เชื่อทุกอย่าง
เถียนหรงกลั้นหายใจเล็กน้อยพลางมองจิ๋นลี่ยวน หมอและพยาบาลที่อยู่ด้านหลังก็ค่อยๆมองมา
หมอจิ๋นที่ไม่มีความรู้สึกมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะมีด้านนี้ด้วย?
……
ถึงห้องผ่าตัดแล้ว พี่หลิงพาพยาบาลพร้อมด้วยเตียงผู้ป่วย มารอหน้าประตูลิฟต์เรียบร้อยแล้ว จิ๋นลี่ยวนวางยินเสี้ยวเสี้ยวลงบนเตียงแล้วรีบตามเข้าไปในห้องผู้ป่วย เพื่อทำการตรวจให้ยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างละเอียด ความเร่งรีบนั้นทำเอาเหล่าศัลยแพทย์ ที่อยู่กับเขาในโรงพยาบาลหนันหยูด้วยกันมานาน ล้วนตกใจจนพูดไม่ออก
ถึงแม้ความเร็วของจิ๋นลี่ยวนนั้นเร็วมาก แต่ก็ไม่เกิดความผิดพลาดแม้แต่น้อย
ผู้ชายแบบนี้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ……
“ ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน รีบเตรียมการผ่าตัด”หลังจากตัดสินใจอย่างถูกต้อง จิ๋นลี่ยวนก็ออกคำสั่งทันที
แพทย์อีกคนหนึ่งกำลังจะไปเปลี่ยนชุด ก็โดนจิ๋นลี่ยวนเรียกไว้ซะก่อน“คุณหมอเติ้ง การผ่าตัดครั้งนี้ผมทำเอง”
พูดเช่นนั้น ทั้งห้องก็ไม่มีใครพูดออกมา พี่หลิงพาพยาบาลกลุ่มหนึ่ง เตรียมงานที่จะต้องทำก่อนผ่าตัดให้ยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาเดียวก็พายินเสี้ยวเสี้ยวเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว
จิ๋นลี่ยวนก้าวไปด้านหน้าแล้วโค้งตัว ยื่นมือไปจัดการผมที่ชุ่มเหงื่อพลางพูดเบาๆ:“เก่งมาก ผมจะอยู่กับคุณนะ”
ทุกคนในห้องผู้ป่วยค่อยๆสูดหายใจเข้า คุณหมอเติ้งลูบจมูกตัวเองพลางถอยออกไปอย่างว่าง่าย
ความรักของสามีภรรยาอบอวลไปทั่วโรงพยาบาลซะขนาดนี้ เขาจะทำอะไรได้?
แต่การปรากฏตัวของยินเสี้ยวเสี้ยวในวันนี้ ทำเอาคนที่อยู่ในโรงพยาบาลหนันหยูตื่นเต้นกันขึ้นมา
ที่แท้จุดอ่อนของหมอจิ๋นคือยินเสี้ยวเสี้ยวนี่เอง……
……
ณ ห้องผ่าตัด ยินเสี้ยวเสี้ยวหลับไปเพราะฤทธิ์ของยาสลบ
หลังจากจิ๋นลี่ยวนตรวจอาการของเธอแล้ว จึงสั่งคนให้เตรียมงานก่อนการผ่าตัดให้เขา ในห้องที่มีแสงสลัวๆจากโคมไฟผ่าตัด เสียงเปิดไฟดัง‘เปรี้ยง’ทันใดนั้นก็สว่างจ้าเหมือนตอนกลางวัน จิ๋นลี่ยวนค่อยๆหายใจเข้าออกลึกๆ มือทั้งสองของที่สวมถุงมือขยับเล็กน้อย พลางพูดเบาๆ:“มีดผ่าตัด……”
……
การผ่าตัดธรรมดาๆแต่กลับแฝงไปด้วยความกังวลได้เริ่มขึ้นแล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวฟื้นจากการสลบไป ยังไม่ทันเห็นว่าบนตัวมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ก็เห็นจิ๋นลี่ยวนที่ยืนก้มหน้าดูประวัติอาการป่วยอยู่ปลายเตียง ร่างสูงเพรียวของเขาสวมทับด้วยชุดกาวน์สีขาว มันเหมือนชุดแผนกจำหน่ายสินค้าที่น่าประหลาดใจจริงๆ
ดูเหมือนว่าจะสังเกตเห็นสายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว จิ๋นลี่ยวนจึงเงยหน้าจากประวัติอาการป่วย แล้วค่อยๆเดินไปข้างๆเธอ
“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง?ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”ถามเบาๆ สีหน้าเย็นชาทว่าสายตากลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มบางๆ พลางส่ายหน้าอย่างอ่อนเพลีย
จิ๋นลี่ยวนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขาเอื้อมมือไปหยิบสำลีก้านเอาไปชุบน้ำ แล้วแตะไปที่ริมฝีปากเธอพลางพูด:“ตอนนี้กินอะไรไม่ได้ชั่วคราวนะ พอกินได้แล้วเดี๋ยวผมจะส่งมาให้ ตอนนี้พักผ่อนไปก่อน ไม่สบายตรงไหนก็เรียกผม”
ยินเสี้ยวเสี้ยวกรัพริบตาปริบๆ เป็นการบอกว่าเธอเข้าใจแล้ว สายตาเธอเต็มไปด้วยความดีใจ
สามีของเธอเป็นหมอ อีกทั้งยังช่วยเธอไว้ การได้รับการยอมรับแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจหน่อยๆ
จิ๋นลี่ยวนโค้งตัวอยู่ตลอด สายตาหันมามองเธอ ทั้งๆที่ใบหน้าเล็กๆนั่นเป็นสีขาวซีด ปากแห้งกร้านแท้ๆ แต่เขากลับรู้สึกว่าเธอสวยอย่างไม่น่าเชื่อ
จิ๋นลี่ยวนเขาโน้มตัวลงมาจูบปากเธออย่างไม่ลังเล แล้วพูดเสียงต่ำ:“เด็กดี เดี๋ยวผมมาเยี่ยมคุณอีก”
ยินเสี้ยวเสี้ยวหน้าแดงเล็กน้อย สายตาลุกลนไปมา
เถียนหรงที่อยู่ด้านหลังจิ๋นลี่ยวน ตอนนี้กลายเป็นอากาศไปแล้ว จนแทบอยากเอากล้องออกมาถ่ายภาพนี้เอาไว้!
นี่เป็นภาพที่น่ากลัวจริงๆ หมอจิ๋นที่เฉยชากับทุกสิ่งมาตลอด ตอนนี้กลับความรู้สึกที่ลึกซึ้งแล้วงั้นเหรอ?
ดูเหมือนยินเสี้ยวเสี้ยวจะเป็นภัยพิบัติของหมอจิ๋นจริงๆนะเนี่ย……
ยินเสี้ยวเสี้ยวกลอกตาไปมา เธอจะรู้ถึงสถานการณ์ของจิ๋นลี่ยวนไหมนะ?
……
เถียนหรงอาศัยช่วงที่จิ๋นลี่ยวนกำลังยุ่งในตอนเย็น มาถามยินเสี้ยวเสี้ยวที่ห้องผู้ป่วยด้วยความสงสัย:“อาจารย์แม่ คุณรู้ไหมว่าช่วงนี้ของทุกๆปี คุณหมอจิ๋นไปที่ไหน?”
จิ๋นลี่ยวนเป็นอาจารย์ของเขา เลยเรียกยินเสี้ยวเสี้ยวว่า‘อาจารย์แม่’เขาไม่เคอะเขินเลยถึงแม้ว่ายินเสี้ยวเสี้ยวจะอายุน้อยกว่าเขา
ชะงักไปครู่หนึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวหน้าแดงเล็กน้อย เธอได้สติกลับมา เพราะความเจ็บปวดของบาดแผล
กลางเดือนกันยายนของทุกๆปี จิ๋นลี่ยวนไปไหนงั้นเหรอ?
ดวงตาสีขาวดำที่สลับกันเต็มไปด้วยความสงสัย
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย เพราะจิ๋นลี่ยวนไม่เคยบอกเธอ……