Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา – บทที่161 ความบังเอิญครั้งที่2

บทที่161 ความบังเอิญครั้งที่2

บทที่161 ความบังเอิญครั้งที่2

จิ๋นลี่ยวนจะไปที่ไหน

เถียนหรงเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็ทำหน้าสับสนเหมือนกัน ในขณะที่กำลังผิดหวังก็มีความรู้สึกสงสัยอย่างแรงกล้า

ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ ในเวลาแบบนี้จิ๋นลี่ยวนยังจะทำอะไรอีก

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของยินเสี้ยวเสี้ยวที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงก็ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของสำนักงานพิทักษ์เมืองไห่เมียว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมสำนักงานพิทักษ์ถึงได้โทรมาหาเธอ

“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ” รับสายโทรศัพท์ด้วยเสียงแผ่วเบา เถียนหรงก็ใช้โอกาสนี้หันหลังเดินออกไป แต่พึ่งจะเปิดประตูออกก็เจอกับจิ๋นลี่ยวนที่กำลังเดินมาพอดี แต่พอหันไปอีกทีกลับได้ยินยินเสี้ยวเสี้ยวพูดว่า “คุณว่าอะไรนะ ไฟไหม้ ?”

สีหน้าของจิ๋นลี่ยวนผ่อนคลายลงบ้างแล้ว แต่กลับเดินเข้าไปด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายเต็มทน ปล่อยเถียนหรงให้อยู่นอกประตูอย่างไร้ความปรานี “ปัง” ประตูปิดลงพร้อมกับชนเข้ากับปลายจมูกของเถียนหรงพอดี ทันใดนั้นความเจ็บปวดก็ทำให้หน้าเขาบูดเบี้ยวทันที

ตารูปหงส์นั้นกะพริบปริบๆ ผู้ชายขี้นินทาคนนี้ ฉันคิดว่าเขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆอย่างนั้นหรือ

ยินเสี้ยวเสี้ยวกำโทรศัพท์ไว้ แล้วหันไปมองจิ๋นลี่ยวนด้วยท่าทางกระสับกระส่ายกระวนกระวายใจ

เดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก แล้วจิ๋นลี่ยวนก็พูดเสียงแผ่วเบาว่า “เธอฟังที่คนอื่นเขาพูดให้จบก่อน”

เห็นได้ชัดว่า เขาได้รับข่าวมาก่อนหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวแล้ว

พอกลับไปฟังคำพูดในโทรศัพท์ด้วยความน้อยใจ เธอถึงได้พบว่าตัวเองยังฟังไม่จบ

เมื่อคืนตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวออกไปแล้ว ภายในบ้านยังต้มน้ำซุปเอาไว้ เดิมทีคิดไว้ว่าคงกลับมาทัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเธอจะได้ตรงมาที่โรงพยาบาล แถมยังต้องอยู่ที่นั่งถึงสองวันกว่าจะได้กลับมา ซุปถูกต้มจนแห้งแล้ว โชคดีที่หยูเจียห้วยไปหยุดมันได้ทันเวลา เลยมีพื้นที่เล็กๆในห้องครัวเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย อย่างอื่นไม่ได้มีปัญหาอะไร

คิ้วขมวดกันแน่น จู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็คิดขึ้นมาได้ว่าวันนั้นที่มหาวิทยาลัยT หยูเจียห้วยเคยบอกว่าอาทิตย์นี้จะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองไห่เมียว

ยินเสี้ยวเสี้ยวหันกลับไปมองจิ๋นลี่ยวน แต่เขากลับกำลังตรวจดูร่างกายของเธออย่างจริงจัง แต่ในตอนที่สายตาของเธอลุกโชนเกินไปนั้นถึงได้เงยหน้าขึ้นมองเธอ

หลังจากวางสายไปแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เม้มปากแล้วมองไปแล้วที่จิ๋นลี่ยวน ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้พูดว่า “จิ๋นลี่ยวน คุณแม่บอกว่าจะมาอยู่ที่นี่ แต่ว่าฉันลืมบอกคุณไป”

จิ๋นลี่ยวนพยักหน้า เพื่อแสดงให้รู้ว่าเขารู้แล้ว จนงานในมือเสร็จแล้วเขาถึงได้พูดว่า “แบบนี้ก็ดี สภาพเธอในตอนนี้ก็จำเป็นต้องมีคนดูเลยจริงๆ ตอนที่ฉันไม่อยู่บ้านคุณแม่ก็จะได้ดูแลเธอ”

“คุณจะไปไหน ?” แทบจะเป็นการตอบสนองโดยไม่รู้ตัว ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบต่อคำพูดของจิ๋นลี่ยวนทันที

ความคาดหวังและความกังวลสั่นระริกอยู่ในดวงตาสุกสกาว แต่มีนัยของความเฉยเมยและความคิดถึงอยู่ในดวงตารูปหงส์คู่นั้น

“ฉันจะออกไปอาทิตย์หนึ่ง จะกลับมาหลังจากหนึ่งอาทิตย์” ขณะพูดจิ๋นลี่ยวนก็ยื่นมือไปทาบบนหน้าผากของยินเสี้ยวเสี้ยว หลังการผ่าตัดมักจะมีไข้ขึ้นมาได้ง่ายๆ “อาทิตย์นี้เธอต้องทำตัวดีๆนะ ฉันจะกลับมาในไม่ช้า”

ท้ายที่สุด เขาก็ยังไม่ได้บอกว่าเขาจะไปไหน

มีคนเคาะประตู เถียนหรงติดปลาสเตอร์ปิดแผลไว้บนจมูกแล้วบอกจิ๋นลี่ยวนว่ามีผู้ป่วยรออยู่ที่ด้านนอก

มองดูแผ่นหลังของจิ๋นลี่ยวนที่เดินออกไป จู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็มีความรู้สึกไม่คุ้นเคยเหมือนกับตอนก่อนที่เธอจะแต่งงานเกิดขึ้นมา และจิ๋นลี่ยวนก็เก็บซ่อนตัวตนของตัวเองอีกครั้ง

……

ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวโทรหายินจื่อเจิ้นนั้นเธอถูกด่าเสียยกใหญ่ แต่ภายในคำตำหนิเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย ขออนุญาตลาพักกับทางโรงเรียนไปแล้ว จู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็เกิดว่างขึ้นมา ตอนที่หยูเจียห้วยมาถึงนั้นก็เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่กำลังนอนมองไปนอกหน้าต่างด้วยความเบื่อหน่ายเข้าพอดี

นึกถึงเมื่อคืนที่เธอผ่านไปทางเมืองไห่เมียวแล้วแวะเข้าไปดูฉาก “ไฟไหม้” และเกือบทำให้หัวใจของเธอหยุดเต้นด้วยความหวาดกลัวนั้น ในใจก็มีความรู้สึกไม่พอใจยินเสี้ยวเสี้ยวขึ้นมารางๆ

เด็กที่ประมาทเลินเล่อขนาดนี้ จะดูลี่ยวนได้ดีจริงๆหรือ

“เสี้ยวเสี้ยว” เอ่ยเรียกเสียงเบา หยูเจียห้วยคล้องแขนจิ๋นหยวนเฟิงเดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย

ยินเสี้ยวเสี้ยวรีบหันไปมองพวกเขาแล้วเรียกอย่างนอบน้อมว่า “คุณพ่อ คุณแม่”

จิ๋นหยวนเฟิงพยักหน้าแล้วเดินไปข้างเตียงเพื่อถามไถ่อยู่คำสองคำ แต่หยูเจียห้วยกลับยืนอยู่อีกทางเงียบๆไม่พูดไม่จา

เธอมองสังเกตสีหน้าของหยูเจียห้วยด้วยความระมัดระวัง ยินเสี้ยวเสี้ยวสารภาพความผิดออกมาก่อนที่เธอจะได้เปิดปาก “คุณแม่คะ ขอโทษค่ะ เมื่อวานเป็นเพราะความไม่รอบคอบของฉันเอง เพราะฉันคิดว่าฉันจะกลับมาทัน……”

“ไม่เป็นไร ยังดีที่ไม่เป็นไรมาก หลับไปซ่อมแซมสักหน่อยก็พอแล้ว” ไม่รอให้หยูเจียห้วยเปิดปาก จิ๋นหยวนเฟิงก็ชิงตอบก่อนแล้ว ยื่นมือออกไปดึงตัวหยูเจียห้วยที่ท่าทางไม่พอใจ “ครั้งหน้าระวังหน่อยก็พอ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครรู้ว่าเธอจะเข้าในโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ”

พยักหน้ารับ ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่กล้าพูดอะไรต่อ

ในบ้านจิ๋น คิดว่าคนที่มีเหตุผลมากที่สุดก็คงเป็นจิ๋นหยวนเฟิง

ลูกชายคนเดียวของคุณย่าจิ๋นบ้านจิ๋นตอนนี้ เพียงแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวมักจะรู้สึกว่าเขาขาดอะไรบางอย่าง

ในที่สุดหยูเจียห้วยก็ระงับความไม่พอใจในใจลง และไปนั่งที่โซฟาอีกด้านก่อนจะเอ่ยปากเสียงเบาว่า “ลี่ยวนจะออกไปอาทิตย์หนึ่ง เธอรู้แล้วใช่ไหม”

“ค่ะ ฉันรู้แล้ว” ยินเสี้ยวเสี้ยวตอบ ในสายตามีแววของความเศร้าสร้อยวาบผ่าน

จู่ๆภายในห้องผู้ป่วยก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างน่าประหลาด ผ่านไปครู่ใหญ่จิ๋นหยวนเฟิงกลับเปิดปากถามว่า “เธอจะตามเขาไปเหรอ”

เธอทำได้หรือ ?

เกือบจะหลุดปากถามออกไป ยินเสี้ยวเสี้ยวอยากจะถามแบบนั้นจริงๆ

เม้มริมฝีปากแน่น ยินเสี้ยวเสี้ยวตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ถ้าหากเขาให้ฉันไปด้วย ฉันก็คงตามไปแน่นอนค่ะ แต่ว่าการรอเขาอยู่ที่บ้านก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเหมือนกันไม่ใช่เหรอคะ”

เธอไม่มีทางฝืนใจจิ๋นลี่ยวนแน่ หากเขาไม่ยินยอม เธอก็ไม่มีทางตามเขาไป

ตอนที่จิ๋นลี่ยวนมาถึงก็บังเอิญได้ยินคำนี้เข้าพอดี แววตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะยกเท้าเดินเข้าไป

“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ” เขาขานเรียกคำหนึ่ง จิ๋นลี่ยวนเดินตรงไปอยู่ข้างยินเสี้ยวเสี้ยว “พวกท่านมาได้ยังไง”

หยูเจียห้วยเผยรอยยิ้มออกมา มองจิ๋นลี่ยวนอย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ลูกสะใภ้ฉันเข้าโรงพยาบาล คนเป็นแม่อย่างฉันก็ควรมาเยี่ยมดูไม่ใช่เหรอ ถ้าลูกดูแลไม่ดีจะทำยังไง”

คิ้วขมวดเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าวันนี้หยูเจียห้วยไม่ค่อยปกติ รวมถึงตัวจิ๋นลี่ยวนเองก็ไม่ค่อยปกติด้วย

ครอบครัวสี่คนคุยกันในห้องผู้ป่วยอยู่เป็นเวลานาน ในท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นจิ๋นหยวนเฟิงที่เอ่ยปากถามออกมา ท่าทางเต็มไปด้วยความระมัดระวัง “ลี่ยวน ครั้งนี้ลูกจะพาเสี้ยวเสี้ยวไปด้วยไหม”

ขนาดหน้าก็ยังไม่เงย จิ๋นลี่ยวนเอ่ยปากเสียงเบาว่า “เธอเพิ่งจะเข้ารับการผ่าตัดไป คงไม่เหมาะ”

นี่เป็นเหตุผลที่เธอไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ

ภายในใจมีทั้งความดีใจและความผิดหวังเล็กน้อย

ยังไงเสีย เธอก็คงตามไปไม่ได้สินะ……

แต่หยูเจียห้วยกับจิ๋นหยวนเฟิงกลับชะงักไปเล็กน้อย ผ่านไปครู่ใหญ่แล้วจึงไม่ได้เอ่ยถึงคำถามนี้อีก และรีบร้อนจากไป ท่าทางแบบนั้นดูทั้งน่าตลกและ……แปลกประหลาด

“จิ๋นลี่ยวน คุณพ่อกับคุณแม่เป็นอะไรไปเหรอ” เธอเอ่ยถามเสียงเบา ราวกับยินเสี้ยวเสี้ยวมองคนในบ้านจิ๋นไม่ออกเลยสักคน

มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนกุมมือน้อยๆของเธอแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร รอให้เธอออกจากโรงพยาบาลแล้วคุณแม่ก็จะย้ายมาอยู่ที่เมืองไห่เมียว เธอดูแลร่างกายตัวเองดีๆแล้วรอฉันกลับมาก็พอ”

เธออ้าปากพงาบๆ แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เธอจะพูดได้อย่างไรว่า ที่จริงแล้วเธออยากตามไปมาก

และอยากจะรู้ความลับของเขา……

ณ ตระกูลมู่ หลังจากที่มู่เยียนหรานได้ข่าวจากจื่อผู่หยางแล้วก็ดีอกดีใจยกใหญ่ แต่ก็ต้องระงับความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ตัวเองเอาไว้ แล้วรีบสั่งให้คนออกไปตามหาคนๆนั้นให้เธอ แต่กลับได้ข่าวว่าคนๆนั้นอยู่ในโรงพยาบาล

รีบร้อนตรงไปที่โรงพยาบาล จู่ๆเยียนหรานก็อยากจะอยากจะพบกับเด็กสาวผู้นำโชคที่ทำให้หัวใจของเธอยังเต้นอยู่ในร่างกายของตัวเธอขึ้นมา แต่เมื่อครู่กลับได้รับข่าวจากคนที่คอยตรวจสอบว่าคลาดสายตาจากคนๆนั้นไปแล้ว ทั้งๆที่รู้แล้วว่าคนๆนั้นอยู่ในโรงพยาบาล

โรงพยาบาลหนันหยู มู่เยียนหรานก็ไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า แม้ว่าเธอจะไม่เคยเดินเข้าไปในโรงพยาบาลเลยสักครั้ง

ในโรงพยาบาลมีคนเข้าๆออกๆ มีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้ออยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มู่เยียนหรานรู้สึกว่ากลิ่นนี้มันทำให้รู้สึกดีขนาดนี้ รู้สึกดีราวกับว่าเธอได้กลิ่นของการมีชีวิต

“เยียนหราน ?” เสียงอุทานด้วยความประหลาดใจดังขึ้น จิ๋นลี่ยวนบังเอิญมาที่แผนกโรคหัวใจเพื่อเอาภาพฉายรังสีของยินเสี้ยวเสี้ยวพอดี แต่กลับพบกับมู่เยียนหรานเข้า

หันกลับไป มู่เยียนหรานยิ้มอย่างอ่อนหวาน

“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ ?” เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามู่เยียนหราน จู่ๆจิ๋นลี่ยวนก็คิดถึงท่าทางตอนที่เธอทานไอศกรีมครั้งที่แล้วขึ้นมา

“ยังไงฉันก็ว่างอยู่แล้วก็เลยอยากมาที่นี่ดู รายชื่อผู้บริจาคมีการเปลี่ยนแปลงใช่ไหม” เธอกระตือรือร้นที่จะตามหาแหล่งที่มาของหัวใจของเธอ ทุกคนต่างก็รู้และเข้าใจดี “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ?”

สายตาของมู่เยียนหรานเลื่อนต่ำลงเล็กน้อยแล้วเผลอไปเห็นเอกสารในมือจิ๋นลี่ยวนที่มีชื่อ “ยินเสี้ยวเสี้ยว” ตัวใหญ่ๆเข้า ในใจก็เลยกระตุกวูบเล็กน้อย

“ฉันมาเอาเอกสารนิดหน่อย” ขณะพูด จิ๋นลี่ยวนก็ชูของในมือก่อนจะปกปิดมันไว้อย่างแน่นหนา

มู่เยียนหรานพยักหน้ายิ้มๆแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ เพียงแค่บอกให้จิ๋นลี่ยวนไปยุ่งเรื่องของตัวเองต่อแล้วหันหลังเดินจากมา

จิ๋นลี่ยวนมองดูแผ่นหลังของเธอที่เดินจากไป ดวงตารูปหงส์หรี่ลงอย่างดุเดือด

——หากมีวันใด ที่ฉันเจอกับคุณตอนที่คุณกำลังทำงาน ฉันจะไม่มีทางเข้าไปรบกวนคุณเด็ดขาด

ภายในหัวมีคำพูดประโยคนี้แวบเข้ามา ทำให้จิ๋นลี่ยวนรู้สึกใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา

ไอศกรีมที่ยังไม่เคยทาน ไม่รบกวนการทำงานของเขา……

มู่เยียนหรานมีสองข้อนี้ทับซ้อนกันอยู่โดยบังเอิญ นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือมีความจูงใจแอบแฝงกันแน่

มู่เยียนหรานเดินไปข้างหน้าช้าๆ ที่จริงเธอไม่ได้อยากจะแยกจากกับจิ๋นลี่ยวนทั้งอย่างนี้ ที่นี่เป็นที่ทำงานของเขา ถ้าหากเธออยู่ข้างกายเขานานไปจะต้องมีข่าวลือแพร่ออกไปเป็นแน่ และข่าวลือแบบนี้มักจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจคนเรามากที่สุด แต่เธอก็ต้องจากมาอย่างเสียไม่ได้

สิ่งที่สำคัญกับเธอมากกว่าในตอนนี้ ก็คือการตามหาเด็กผู้หญิงคนนั้น

ตอนที่เซี่ยงเฉิงพยุงยินรั่วอวิ๋นออกมาจากห้องทำงานคุณหมอก็เผชิญหน้ากันกับมู่เยียนหรานเข้าพอดี น่าเสียดายที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่รู้จักกัน มากสุดก็แค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายคุ้นหน้าคุ้นตาเท่านั้น

“เซี่ยงเฉิง รอให้ร่างกายฉันฟื้นตัวแล้ว พวกเรามามีลูกกันอีกคนนะ” ขณะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ยินรั่วอวิ๋นก็ลดการแสดงออกให้น้อยที่สุด ถึงแม้จะพูดเสียงแผ่วเบาแต่ก็ยังหลุดเข้าไปในหูของมู่เยียนหรานเข้าพอดี

เซี่ยงเฉิง ?

ชื่อนี้ช่างคุ้นหูเหลือเกิน……

เงียบไปอยู่สองวินาที เซี่ยงเฉิงก็พูดพร้อมรอยยิ้มว่า “อย่ารีบไปเลย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือรีบฟื้นฟูร่างกายของเธอ เธอยังกลัวว่าพวกเราจะไม่มีลูกอีกเหรอ รั่วอวิ๋น ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอต่างหาก”

รั่วอวิ๋น……

ยินรั่วอวิ๋น……

ความโค้งของมุมปากค่อยๆกว้างขึ้น รอยยิ้มของเยียนหรานสดใสเป็นพิเศษ หันไปเล็กน้อยแล้วมองดูพวกเขาทีหนึ่ง

คนหนึ่งคือแฟนเก่าของยินเสี้ยวเสี้ยว อีกคนคือน้องสาวคนละแม่ของยินเสี้ยวเสี้ยว

นี่เป็นการจับคู่ที่ดีเป็นพิเศษจริงๆ

ทั้งสามคนเข้าไปในลิฟต์พร้อมกัน แต่ในไม่ช้าก็มีพยาบาลเดิมตามเข้ามาด้วย

——เธอได้ยินหรือยัง ภรรยาของคุณหมอจิ๋นเข้าโรงพยาบาลเพราะโรคไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน แถมคุณหมอจิ๋นยังเป็นคนลงมือผ่าตัดเองกับตัวด้วย

——จริงเหรอ ? การผ่าตัดเล็กน้อยแบบนี้ คุณหมอจิ๋นเลิกทำไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ

——นั่นก็ต้องดูด้วยสิว่ากับใคร

Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา

Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา

Status: Ongoing

แม่เลี้ยงวางแผนอยากให้เธอแต่งงานกับชายแก่ที่มีอายุ 40ปี โดยเป็นการสมรสทางธุรกิจ เธอเลยไปจับผู้ชายบนถนนคนหนึ่งมาอย่างฉุกละหุกและถามว่า:“คุณกล้าแต่งงานกับฉันไหม?”จิ๋นลี่ยวที่เพิ่งถูกแฟนเบี้ยวนัดตอบว่า:“พอดีเลย วันนี้ผมเอาทะเบียนบ้านมาแล้ว ไปจดทะเบียนกันเถอะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวที่มีอายุ 23ปี ก็เลยแต่งงานกับผู้ชายที่พึ่งเจอกันสองครั้งแบบสายฟ้าแลบ หลังจากนั้น แม่สามีส่งเครื่องต้มไข่ให้กับยินเสี้ยวเสี้ยว บอกเธอว่าต้องทานไข่ทุกวันเพื่อเพิ่มโปรตีน พอดีจิ๋นลี่ยวนกำลังเดินผ่าน แล้วพูดอย่างจริงจังว่า:“ที่รัก คุณกินทุกวันไม่ใช่หรือ ยังไม่เพียงแต่อันเดียวเท่านั้น” ยินเสี้ยวเสี้ยวนิ่งไปสักพักแล้วใบหน้าก็แดงไปหมด:“คน…ลามก!”จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้ว:“ผมพูดอะไรไปหรอ?“

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท