บทที่169 ความบังเอิญที่ไม่คาดคิด
โรงพยาบาลในยามดึก มองจากที่ไกลแล้วก็รู้สึกแอบน่าขนลุก
ระยะทางระหว่างบ้านเซี่ยงถึงโรงพยาบาลหนันหยูนั้นค่อนข้างที่จะไกล ดึกดื่นขนาดนี้พวกเขาจึงไม่เลือกโรงพยาบาลที่ห่างออกไป แต่กลับเลือกโรงพยาบาลแถวบ้านเซี่ยงที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอย่างโรงพยาบาลหวู่เฉิง แต่ก็คาดไม่ถึงว่าโรงพยาบาลนี้จะเป็นจุดเริ่มหายนะของบ้านเซี่ยง
ข้อมือของเซี่ยงหลินบาดเจ็บสาหัส ไม่เพียงแค่เนื้อหนังถลอกจนเลือดออก เธอยังได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อและกระดูกอีกด้วย เพราะแบบนี้ช่วงนี้เซี่ยงหลินอยากจะซ้อมเต้นล่ะก็ต้องลำบากมากแน่ๆ
เซี่ยงหลินเริ่มโทษยินรั่วอวิ๋นอย่างอดไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเข้ามาอ่อยพี่ชายของเธอในห้องอ่านหนังสือแล้วเธอบังเอิญไปเจอเข้า เขาจำเป็นต้องตื่นตูมจนวิ่งมาชนเธอจนได้รับบาดเจ็บไหม?
ยินรั่วอวิ๋นเข้าใกล้ใครคนนั้นซวยจริงๆด้วย!
เซี่ยงหลินที่ใช้คิดเป็นตุเป็นตะอยู่นั้น โดนพยาบาลเข็นเข้าไปในวอร์ด พยาบาลที่เดิมตามหลังมานั้นเข็นเครื่องมือต่างๆเข้ามาพร้อมกัน ท่าทางแบบนั้นเหมือนจะเข้าสู่การตรวจร่างกายอย่างเต็มรูปแบบ
เว่ยโถ้หยีที่เห็นภาพตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “หมอคะ หลินหลินลูกสาวฉันแค่ข้อมือบาดเจ็บ ต้องขนาดนี้เลยหรอคะ? หรือว่าข้อมือของเธอบาดเจ็บสาหัส?”
เว่ยโถ้หยีไม่รู้เรื่องการรักษา เธอจึงรู้สึกตกใจกับภาพตรงหน้า
เซี่ยงเฉินไม่ได้เข้ามา ณ ตอนนี้เขายืนสูบบุหรี่เงียบๆอยู่ด้านนอก ท่าทางของเขาเหมือนกำลังใช้ความคิด
คนที่มามีเพียงเว่ยโถ้หยีและเซี่ยงเฉิน คราวนี้เซี่ยงเฉินไม่สนใจสิ่งต่างๆเธอคงต้องตัดสินใจเองอย่างช่วยไม่ได้แล้วแหละ
คุณหมอที่สวมแว่นอันใหญ่ แล้วยังสวมผ้าปิดปากไว้ แม้แต่พยาบาลที่ตามหลังเขาก็ล้วนสวมผ้าปิดปากเอาไว้ บนใบหน้าของพวกเขานอกจากดวงตาแล้วที่เหลือก็โดนปิดบังอย่างมิดชิด น้ำเสียงเย็นชาพูดขึ้น “คุณหญิงเซี่ยง ทางเราอยากทราบว่ามือของคุณหนูเซี่ยงติดเชื้ออะไรหรือเปล่า”
พอได้ยินเช่นนี้ เว่ยโถ้หยีค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็พูดเสริมอย่างกังวลว่า “งั้นหมอตรวจดีๆนะคะ หลินหลินลูกฉันอยากเป็นนักเต้น จะให้ร่างกายเธอมีปัญหาไม่ได้”
หางตาของหมอแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยแล้วพยักหน้า
เขานึกว่าเรื่องจะยากกว่านี้ แต่ไม่นึกว่าจะง่ายขนาดนี้
ได้รับการยินยอมจากเว่ยโถ้หยี กลางดึกแบบนี้แม้ว่าเซี่ยงหลินจะไม่ยอมแต่ก็ทำได้แค่ไป ‘ไปตรวจร่างกาย’ จริงๆ พร้อมกับโดนเจาะเลือด แต่ในกระบวนการตรวจพวกนี้รวมแล้วก็ไม่ถึงสองชั่วโมง สองชั่วโมงนี้ข้อมือของเซี่ยงหลินมีแค่ผ้าพันแผลที่พันเอาไว้
จนกระทั่งภายหลังที่เซี่ยงหลินง่วงจนฝืนไม่ไหวแล้ว พยาบาลก็มาเสิร์ฟน้ำอุ่นให้อย่างมีน้ำใจ แต่เซี่ยงหลินกลับนอนหลับบนเตียงคนไข้ไปแล้ว คราวนี้คนทั้งห้องในห้องคนไข้นั้นถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
หมอส่งสายตาหาพยาบาล ก็มีคนรีบออกไปหาเว่ยโถ้หยีทันที
“พยาบาลคะ ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้าง?” เว่ยโถ้หยียังคงเป็นห่วงมาก แม้ว่าจะง่วงไม่ไหวแต่ก็ยังรอคอยคำตอบ “ร่างกายเธอไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
ตอนนี้พอมานึกดูแล้ว เซี่ยงหลินแทบจะไม่ได้ตรวจสุขภาพเลย ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
พยาบาลพูดพร้อมรอยยิ้ม “คุณหญิงเซี่ยง สบายใจได้เลยค่ะ คุณหนูเซี่ยงไม่ได้เป็นอะไร แค่ข้อมือบาดเจ็บค่อนข้างหนักคงต้องแอดมิดตรวจเช็คดูอย่างละเอียดอีกที จะได้เป็นการป้องกันไม่ให้กระดูกหัก คืนนี้คงไม่กลับบ้านเซี่ยงไม่ได้แล้วค่ะ”
พอเว่ยโถ้หยีได้ยินว่าเซี่ยงหลินไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ต้องตรวจเช็คดูอีกหน่อยก็ใจชื้นขึ้นมา เธอฝืนง่วงไม่ไหวจึงต้องให้เซี่ยงเฉินส่งเธอกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้เธอค่อยเข้าใหม่ ส่วนเซี่ยงเฉินจะมีอีกหรือเปล่านั้นก็ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว
จากช่องประตูที่ปิดไม่สนิท เซี่ยงเฉินมองเข้าไปดูเซี่ยงหลินที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงก่อนจะหันหลังจากไป
พยาบาลที่ยืนอยู่หลังพวกเขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งอก
คนบ้านนี้ ไม่รับรู้ถึงอันตรายเลยจริงๆ
เซี่ยงเฉินส่งเว่ยโถ้หยีกลับบ้าน เพิ่งจะจอดรถเสร็จยินรั่วอวิ๋นก็ออกมาทันที พร้อมกับเสื้ออันบาง
“คุณแม่ เซี่ยงเฉิน หลินหลินไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”เธอถามเสียงเบา เธอทักถามด้วยสีหน้าที่ห่วงใย
พอมองยินรั่วอวิ๋นจู่ๆเซี่ยงเฉินก็นึกถึงภาพสถานการณ์ก่อนหน้านี้ขึ้นมา ในใจก็ยิ่งหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้น เขาหันหลังเตรียมจะขึ้นรถอีกครั้ง ยินรั่วอวิ๋นกลับเรียกเขาเอาไว้ “เซี่ยงเฉิน คุณจะไปไหน?”
เว่ยโถ้หยีมองขวาใส่เธอ เวลาแบบนี้ก็ต้องไปโรงพยาบาลสิ นึกว่าทุกคนเหมือนเขาหรือไง เป็นห่วงแค่ลมปากหน่ะหรอ? เซี่ยงเฉินเป็นคนของบ้านเซี่ยงนะ!
มุมปากของเซี่ยงเฉินยกยิ้มขึ้น เดินเข้ามาแล้วยื่นมือจับหัวไหล่ของยินรั่วอวิ๋นพร้อมพูดว่า “คนดี ผมไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ ผมจะไปดูหลินหลิน คุณรีบเข้านอนนะ ไม่ต้องรอผม”
ยินรั่วอวิ๋นหัวร้อนขึ้นมาทันที คืนนี้เธออุตส่าห์เตรียมตัวไว้อย่างดี แต่กลับมาพังเพราะอุบัติเหตุของเซี่ยงหลิน
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห! แต่กลับพูดอะไรไม่ได้!
……
เมืองเมี่ยวไห่
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่นอนหลับอย่างสะลึมสะลือได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คว้าโทรศัพท์ขึ้นอย่างงัวเงีย “ฮัลโหล ใครหน่ะ?”
ปลายสายหายใจอย่างเสียงดัง แฝงด้วยความวิตกกังวลกับความรู้สึกผิด แต่คนปลายสายไม่ได้พูดอะไร ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรีบลืมตาขึ้นพร้อมถามเสียงเบาว่า “ถาวหยี แกเป็นอะไร?”
ทันใดนั้น ปลายสายก็มีเสียงสะอื้นดังขั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวตกใจจนรีบลุกขึ้นนั่ง เธอยังทำให้จิ๋นลี่ยวนที่นอนอยู่ข้างๆโดนปลุกตื่น เขายื่นมือออกไปเปิดไฟบนหัวเตียงแล้วมองมายังเธอ
“ถาวหยี แกอยู่ไหน?”เป็นการถามง่ายๆอย่างตรงไปตรงมา ยินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นทรงภูเขา
ถาวหยีไม่ใช่ผู้หญิงที่จะร้องไห้อย่างไร้เหตุผล เพราะฉะนั้นที่เธอร้องไห้แสดงว่าเธอเผชิญกับเรื่องที่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่งั้นคงไม่โทรมาหาเธอกลางดึกแบบนี้หรอก
ในที่สุด ถาวหยีก็ส่งเสียงพูดออกมา เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา “เสี้ยวเสี้ยว ฉันอยู่โรงพยาบาล โรงพยาบาลหวู่เฉิง”
“แกรอฉันนะ ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้”พอได้ยินว่าถาวหยีอยู่โรงพยาบาล ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เธอรีบลุกออกจากเตียง จิ๋นลี่ยวนที่อยู่หลังเธอก็ตามลุกออกจากเตียงเช่นกัน
ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับหลังหันมามองเขา ด้วยสายตาที่เป็นห่วง เพราะวันนี้เพิ่งจะผ่าตัดเคสใหญ่เสร็จและตอนนี้เขาก็น่าจะยังรู้สึกเหนื่อยล้า ถ้าจะไปกับเธอคงไม่ดีเท่าไหร่หรอกมั้ง เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สงสารว่า “คุณนอนเถอะ เดี๋ยวฉันโบกรถไปเอง”
จิ๋นลี่ยวนไม่ได้ตอบกลับอะไร เพียงแต่ลุกจากเตียงแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า สิ่งที่เขาจะสื่อนั้นชัดเจนมาก
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เป็นห่วงถาวหยีอย่างมากจึงไม่ได้ขัดอะไรเขา เธอรีบเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววออกจากห้องพร้อมกับจิ๋นลี่ยวน
บนรถ จิ๋นลี่ยวนวางมมือบนพวงมาลัยข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งกุมมือเธอไว้แล้วพูดว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เขาไม่เป็นอะไรหรอก”
หัวที่ยังคิดไปเรื่อย ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังคงเป็นห่วงอยู่ดี
ถาวหยีไม่ได้โชคดีเท่าเธอ ที่พอจบก็ได้พบกับจิ๋นลี่ยวน ตอนที่เธอเป็นคุณหญิงอยู่บ้านจิ๋นนั้น ถาวหยียังคงดิ้นรนอยู่ที่‘เก๋อหลิน’ ในเมืองTก็ไม่ได้มีเพื่อนที่สนิทอะไร แต่เพราะช่วงเธอยุ่งอยู่กับแต่เรื่องของเธอจนละเลยเขาไป……
ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวค่อยๆรู้สึกผิดต่อเขา
ถาวหยีดีกับเธอมาก แต่เธอกลับ ‘ลืม’ เขาอย่างไม่รู้ตัว
โรงพยาบาลหวู่เฉิง。
ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวมาถึง จิ๋นลี่ยวนไม่ได้ตามขึ้นมาด้วย แต่เขางีบอยู่ในรถ เพราะพรุ่งนี้เขายังต้องทำงานอีก
เซี่ยงเฉินที่เพิ่งถึงโรงพยาบาลหวู่เฉิง เตรียมจะไปดูเซี่ยงหลินแต่ดันไปเจอรถของจิ๋นลี่ยวนเข้า จากนั้นก็เห็นยินเสี้ยวเสี้ยวที่ลงจากรถอย่างรีบร้อน
ทันใดนั้น หัวใจของเซี่ยงเฉินเริ่มตื่นเต้นขึ้นมาเพราะได้เจอกับยินเสี้ยวเสี้ยว
คืนนี้เขายังคงคิดถึงเธอ แม้แต่เมื่อสักครู่ก็ยังคงคิดถึงเธอ เขาเกือบจะลงมือกับยินรั่วอวิ๋นที่เขาแทนหล่อนเป็นเธอในห้องอ่านหนังสือแล้ว ตอนนี้เธอกลับมาโผล่อยู่ตรงหน้าเขา เสื้อเบสบอลธรรมดา กับกางเกงยีนส์แต่กลับดูสวยในสายตาของเขาจนเลี่ยงสายตาไปมองอย่างอื่นไม่ได้ เซี่ยงเฉินก้าวเท้าเดินไปยังยินเสี้ยวเสี้ยว อย่างไม่รู้ตัว
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ร้อนรนในการหาถาวหยี แต่กลับไม่คิดว่าจะเจอกับเซี่ยงเฉินเข้าตรงหน้าล็อบบี้
“เสี้ยวเสี้ยว” เขาเอ่ยเสียงเบา เซี่ยงเฉินเรียกอย่างระมัดระวัง
ยินเสี้ยวเสี้ยวนิ่งไปนิดหน่อย ก่อนจะหยุดก้าวเท้าแล้วมองมายังเขา “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ดึกดื่นขนาดนี้ ทำไมทุกคนถึงได้มาโรงพยาบาลกัน?
“ข้อมือของหลินหลินได้รับบาดเจ็บ ผมเลยส่งเธอมา” เซี่ยงเฉินตอบ แต่สายตาของเขานั้นหยุดอยู่ที่ยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้ “คุณมาทำอะไร?”
บาดเจ็บที่ไหนหรือเปล่า?
พอนึกถึงความน่าจะเป็นที่เขาเดาเอา เซี่ยงเฉินไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ต่อไป ยื่นมือไปจับแขนของยินเสี้ยวเสี้ยว ถามด้วยน้ำเสียงรุกรน “คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? หรือว่าบาดเจ็บตรงไหน? เสี้ยวเสี้ยว บอกผมมา คุณไม่สบายตรงไหน……”
ประโยคคำพูดที่รนและเร็ว ทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวถึงกับตะลึง
เขาเริ่มจะเป็นห่วงเธอ ตั้งแต่ตอนไหนกัน?
ยินเสี้ยวเสี้ยวค่อยๆหนีให้พ้นจากเซี่ยงเฉิน เธอกล่าวว่า “ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันแค่มาหาเพื่อน”
ในสถานการณ์ที่ยังไม่รู้ว่าถาวหยีเจอปัญหาอะไร เธอไม่ได้โง่จนพูดมันออกไปแน่นอน
เซี่ยงเฉิน
เซี่ยงเฉินที่รู้สึกถึงฝามือที่ว่างเปล่า หัวใจของเขาเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ เขาอยากจะพูดต่อแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็หาข้ออ้างแล้วจากไปก่อน พอเห็นว่าเขาจะตามมา ยินเสี้ยวเสี้ยวจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปในลิฟต์สำหรับหมอและพยาบาลที่กำลังจะเลื่อนปิดทันที
หมอและพยาบาลในลิฟต์ต่างพากันตะลึงเล็กน้อย
ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มให้อย่างเป็นมิตร พลางยื่นมือกดปุ่มปุ่มหนึ่งเตรียมตัวจะออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน การใช้ลิฟต์สำหรับหมอและพยาบาลนั้นเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่เพื่อจะหนีให้พ้นจากความกระตือรือร้นอย่างกะทันหันของเซี่ยงเฉิน เธอไม่มีวิธีอื่นจริงๆ
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยืนหน้าเผชิญประตูลิฟต์ไม่รู้ตัวสักนิดว่า หมอและพยาบาลที่อยู่หลังเธอนั้นมองจิกเธอด้วยสายตาที่ระมัดระวัง มีหมอคนหนึ่งที่หยิบมีดพกออกมาให้เธอเห็น หลังจากที่หมออีกคนส่งสายตามาเขาถึงได้เก็บมันกลับไป แต่สายตาของเขานั้นยังไม่ยอมหยุดมองไปที่ยินเสี้ยวเสี้ยว
หลังจากที่รู้สึกว่าด้านหลังเต็มไปด้วยสายตาที่ไม่ดีมองอยู่ ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกหม่นหมอง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร ในตอนที่ประตูลิฟต์เปิดเธอจึงก้าวขาจะเดินออกไป แต่ก็ดันไปชนกับคนข้างนอกที่กำลังจะเข้ามาเต็มๆ ร่างกายที่ทรงตัวไม่อยู่จึงชนเข้ากับรถเข็นยาที่ใช้สำหรับการผ่าตัดที่อยู่ด้านหลังเข้าอย่างจัง
“ขอโทษค่ะ ขอโทษนะคะ……” ยินเสี้ยวเสี้ยวมองพื้นและขอโทษทันที “ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ ขอโทษค่ะ……”
ในตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวชนกับของพวกนั้นสายตาของหมอที่อยู่หลังเธอเต็มไปด้วยเจตนาที่จะฆ่าเธอ แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็น
หลังจากขอโทษเสร็จ ยินเสี้ยวเสี้ยวใช้โอกาสที่ประตูลิฟต์ยังไม่ได้ปิดพุ่งตัวถอยออก เธอขอโทษพร้อมกับเดินถอยออก ท่าทางเช่นนั้นเหมือนจะรู้สึกผิดจริงๆ คนในลิฟต์ไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงออกจากลิฟต์ชั้นเดียวกัน……
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า มียาสองชนิดที่โดนยินเสี้ยวเสี้ยวชนล้มจนสลับที่กัน ในด้านการแพทย์เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่ควรต้องระวังอย่างยิ่ง แม้แต่ยาก็แยกแยะไม่ถูก อาจจะเกิดอุบัติเหตุในการผ่าตัดได้ง่ายขึ้นด้วย
พอออกมา ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรต่อแล้วโทรไปหาถาวหยี แต่กลับเจอเซี่ยงหลินที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้โดยบังเอิญ