บทที่174 ลูกของถาวหยีเป็นของผม
ภายในงานศพ ร่างกายของถาวหยีไม่เหมาะจะอยู่ในที่เย็น ๆ นาน ๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวปล่อยให้เธอร้องไห้สักพักแล้วจึงให้คนพาออกไป มีงานที่ต้องทำมากมายสำหรับงานศพของคุณย่า
ถาวหยีร้องไห้ออกไป จิตใจจมอยู่กับความรู้สึกผิด
ระหว่างทางกลับเมืองT ยินเสี้ยวเสี้ยวเอ่ยขึ้นอย่างทนไม่ไหว “ถาวหยี ทำไมเธอไม่มาอยู่ที่บ้านฉันก่อนล่ะ? เธอคนเดียวฉันวางใจไม่ลงจริง ๆ “
ถาวหยีขืนตัวเล็กน้อยก็เอ่ยปฏิเสธ “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงหรอก”
ยินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่ค่อยพอใจนัก หันไปพูด “ถ้าวันนึงฉันรู้ว่าไอ้ผู้ชายสมควรตายนั่นเป็นใคร ฉันจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ แน่นอน!”
ได้ยินดังนั้น สายตาของถาวหยีและจิ๋นลี่ยวนก็บังเอิญสบกันในกระจกมองหลัง โดยที่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้สึกตัว
ท้ายที่สุดถาวหยีก็กลับมายังบ้านของตัวเอง ปล่อยให้ยินเสี้ยวเสี้ยวบอกว่าจะมาหาเธอพรุ่งนี้
……
เมืองไห่เมียว
ตอนที่จิ๋นลี่ยวนกลับมาจากห้องหนังสือยินเสี้ยวเสี้ยวก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี ชุดนอนหลวม ๆ ที่อยู่บนร่างเพรียวสง่าของเธอมีเสน่ห์ล้นเหลือ ดวงตาคมมองอย่างลึกซึ้ง จิ๋นลี่ยวนวางแก้วน้ำในมือลงก่อนเดินเข้าไป
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยังเช็ดผมอยู่ไม่ได้สังเกตถึง‘อันตราย’ที่เข้ามาใกล้ เธอกำลังรู้สึกสบายตัวหลังจากการอาบน้ำ พรูลมหายใจออกอย่างสบายใจโดยยังไม่ได้เอ่ยอะไร เอวบางก็ถูกชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังโอบรั้งไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น ลำคอบางอ่อนไหวรู้สึกถึงลมหายใจร้อนและริมฝีปากที่ดูเหมือนจะร้อนรุ่มอยู่แล้ว
ด้วยความตกใจจึงทำให้ผ้าขนหนูหล่นลงบนพื้น ใบหน้าเล็กแดงเรื่อ
“ถาวหยีก็ท้องลูกแล้ว พวกเราก็ต้องพยายามมากขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอ?”จิ๋นลี่ยวนกระซิบเบาที่ข้างหูยินเสี้ยวเสี้ยว ความรู้สึกที่เหมือนจะลักพาตัวหญิงสาวผู้ดี พึงใจที่ร่างกายของเธออ่อนระทวย มุมปากยกขึ้น “ที่รัก เธอต้องพยายามหน่อยนะ อย่าถึงตอนที่ลูกของถาวหยีคลอดออกมาแล้ว พวกเราก็ยังไม่มีข่าวดีล่ะ…”
ยินเสี้ยวเสี้ยวขบริมฝีปากเล็กน้อย
ถาวหยียังไม่แต่งงานก็มีลูกแล้ว ตัวเองคนที่แต่งงานมาตั้งนานแล้วกลับยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย….
เธอไม่อยากให้มันถึงตอนที่ลูกของถาวหยีเดินไปทำอะไรเองได้แล้ว เธอเพิ่งจะท้องหรอกนะ….
พอคิดถึงตรงนี้ ยินเสี้ยวเสี้ยวก็นึกถึง ‘เส้นตายการตั้งครรภ์’ของคุณย่าจิ๋นขึ้นมาได้ ทันใดนั้นก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา เวลาก็จะเข้าเดือนตุลาคมแล้ว แต่เธอยังไม่สามารถฝ่าอุปสรรคด้านจิตใจไปได้ ยินเสี้ยวเสี้ยวรวบรวมจิตใจ หันตัวไปโอบคอจิ๋นลี่ยวน กดริมฝีปากชมพูลงบนริมฝีปากบางของเขาอย่างเขินอาย
ทันใดนั้น ลมหายใจของจิ๋นลี่ยวนก็เหมือนจะหนักหน่วงขึ้น
มือใหญ่เกาะเอวเธอไว้แน่น จิ๋นลี่ยวนพยายามอย่างมากเพื่อทำให้ยินเสี้ยวเสี้ยวผ่อนคลายลง เขาพยายามนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่แต่งงานกัน แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จสักครั้ง ครั้งนี้จะสำเร็จมั้ยนะ?
……
อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นทีละนิด ร่างของทั้งสองกอดเกี่ยวกันแนบแน่น
จิ๋นลี่ยวนกดยินเสี้ยวเสี้ยวลงใต้ร่างตัวเองอย่างแผ่วเบา แต่ริมฝีปากนั้นหลุดจากกันอย่างน่าเสียดาย
……
ขณะซุกอยู่ในอ้อมกอดของจิ๋นลี่ยวน ยินเสี้ยวเสี้ยวอ้าปากสูดหายใจพลางร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ไหว….
จิ๋นลี่ยวนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วห่อเธอไว้ในอ้อมแขน ฝ่ามือให้ลูบผมยาวของเธอ “ไม่เป็นไร ถ้าเราพยายามต่อไป สักวันจะต้องทำได้แน่….”
ยินเสี้ยวเสี้ยวกัดปากร้องไห้จนไหล่สั่นเทา
ตั้งแต่แต่งงานกันมาตั้งนาน เหมือนว่าพวกเขาจะลองดูอาทิตย์ละสี่ห้าครั้ง แต่กลับทำไม่ได้สักครั้ง สุดท้ายพอมีความคืบหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวก็คงมีกำลังใจขึ้นมา แต่ตอนนี้ความคืบหน้านั้นไปต่อไม่ได้อีก ถูกปิดตายไม่ว่ายังไงก็ไปต่อไม่ได้!
ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่กล้าจินตนาการเลยว่าเมื่อถึงเวลาแล้ว คุณย่าจะทำยังไง!
“เสี้ยวเสี้ยว….”จิ๋นลี่ยวนปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน แต่ร่างกายกลับแข็งขืน น้ำเสียงหดหู่อย่างเห็นได้ชัด “ไม่เป็นไรนะเสี้ยวเสี้ยว พวกเราพยายามกันต่อไปก็พอแล้ว….”
ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาเงยขึ้นมองจิ๋นลี่ยวน ในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวเต็มไปด้วยคำขอโทษ
เธอไม่ใช่ผู้หญิงโบราณที่จะไม่ออกนอกลู่นอกทางเลย เพียงแค่การตามใจเธอของจิ๋นลี่ยวนในช่วงนี้ เธอรู้ว่าเขาไม่ยอมที่จะฝืนใจเธอและให้เกียรติเธออย่างมาก แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่อึดอัดจนแทบจะกลายเป็นสีเขียวของเขา ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ยินเสี้ยวเสี้ยวอิงแอบในอ้อมกอดของจิ๋นลี่ยวน เอ่ยเสียงเบาอย่างขี้ขลาด “ขอโทษนะ จิ๋นลี่ยวน….”
หากไม่ใช่เพราะความกลัวเรื่องเพศของเธอ หากไม่ใช่เพราะเธอไม่สามารถก้าวไปสู่ขั้นนั้นได้ หากไม่ใช่เพราะความขี้ขลาดของเธอ จิ๋นลี่ยวนชายหนุ่มที่อยู่ในช่วงสำคัญของเขา การใช้ชีวิตคู่หลังแต่งงานจะดีกว่าตอนก่อนแต่งมากกว่านี้มั้ยนะ?
ยินเสี้ยวเสี้ยวจูบเบา ๆ ที่คางของจิ๋นลี่ยวน ในใจของเธอรู้สึกเจ็บปวด ถ้าหากเดือนตุลาคมเธอยังไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคในใจไปได้ ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่รังเกียจที่จะบังคับตัวเองให้ยอมรับทุกอย่าง!
ในคืนนี้ จิ๋นลี่ยวนก็ล้มเหลวเหมือนกับหลาย ๆ คืนก่อนหน้านี้ วิ่งเข้าห้องน้ำอาบน้ำเย็นนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทุกครั้งที่ฉันเห็นท่าทางน่ารักของยินเสี้ยวเสี้ยวในอ้อมแขนเขาก็แทบอยากจะขย้ำราวหมาป่าหิวโหย เขาถอนหายใจเบา ๆ สุดท้ายยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยังคงทำให้เขากลายเป็นหมาป่าตัวนั้น….
หมาป่าที่หิวโหย….
งานศพของคุณย่าดำเนินไปอย่างราบรื่น จนทุกอย่างเสร็จสิ้น ถาวหยีจึงกลับไปทำงานที่ ‘เก๋อหลิน’ต่อ วันนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวไปเป็นเพื่อนเธอ
หลังได้รับข่าว เป็นครั้งแรกที่ลูกน้องในทีมออกแบบสองเห็นหัวหน้าทีมออกแบบหนุ่มคนนี้โยนงานทั้งหมดในมือทิ้งและรีบวิ่งลงไป กระตุ้นความประหลาดใจของผู้คนนับไม่ถ้วนในทันที ยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
ตอนที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินตามถาวหยีลงจากรถแท็กซี่ ต๋งไขก็เดินมาพอดี คิ้วขมวดแฝงความขุ่นเคือง แต่บางทีอาจเพราะเหตุผลที่ยังเด็กเกินไป คนที่แค่เห็นเขาต่างก็รู้สึกได้ถึงความขุ่นเคืองนั้น
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่ต๋งไขด้วยความประหลาดใจในชุดสูทเรียบร้อย ถ้าหากไม่เคยเห็นเขาที่เหงื่อโชกในสนามบาสมาก่อน เธอคงจินตนาการไม่ออกว่าเขาเคยหล่อเหลาและเจิดจ้าแบบนั้น ในตอนนี้ความเจิดจ้านั้นถูกกลบลงไป ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ถาวหยีอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นความขุ่นเคืองของต๋งไข เธอไปทำให้เขาโกรธตรงไหนงั้นเหรอ?
แต่ไหนแต่ไรต๋งไขก็เป็นนอ่อนโยนและดูดี เขาเป็นคนน่ากลัวขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ฉันทำอะไรขัดใจนายตรงไหนรึเปล่า?”ถาวหยีเอ่ยเรียบ ๆ หลังจบมหาวิทยาลัย T ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ดีมาก ไม่ต้องพูดถึงเมื่อมาทำงานในบริษัทเดียวกัน เธอเองก็ไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไป “ถ้าฉันทำอะไรผิดไปก็ขอโทษด้วยนะ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อึดอัดเล็กน้อย
คนอย่างต๋งไขเหมือนจะมาแย่งผู้หญิงได้ยังไง?
ต๋งไขสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เบี่ยงตัวให้พวกเธอเดินเข้าไป คิ้วที่ขมวดเป็นปมนั้นก็ยังไม่ได้คลายลง
“เธอไปทำอะไรเขารึเปล่า?”ยินเสี้ยวเสี้ยวที่เดินอยู่ข้างถาวหยีถามเสียงเบา สายตามองไปยังต๋งไขที่อยู่ข้างหลังเป็นครั้งคราว ใบหน้านั้นถมึงทึงมาก “ฉันไม่นึกเลยต๋งไขที่อารมณ์ดีขนาดนั้นจะมีวันที่โกรธจนหน้ามืดด้วย”
ถาวหยีฝืนยิ้ม สมองทำงานอย่างรวดเร็ว
เหมือนว่าหลังจากที่เขารู้ว่าเธอท้องตั้งแต่งานศพคุณย่า เขาก็เป็นแบบนั้นกับเธอ….
ก็แค่ เธอท้อง เขาโมโหอะไรกัน?
ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้ใส่ใจต๋งไขมากนัก เธอเดินตามถาวหยีเข้าไปในห้องทำงานของหลินชูครั้งก่อน ไม่นึกว่าต๋งไขจะตามเข้ามาด้วย
หลินชูมองสามคนตรงหน้า ด้วยความงุนงงเล็กน้อย
ทั้งสามคน ดเหมือนจะไม่ถูกกันเท่าไหร่เลย…..
“มีอะไรรึเปล่า?”หลินชูปิดแฟ้มตรงหน้าแล้วเงยหน้ามองพวกเขา
“หัวหน้าคะ ฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณ…”ถาวหยีนั่งลงตรงหน้าหลินชู หลังจากต๋งไขเข้ามาก็กลายเป็นมนุษย์ล่องหนยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวเองก็สงบนิ่งลง “ฉันตั้งครรภ์ค่ะ ฉันหวังว่าจะสามารถทำงานในบริษัทต่อไปได้ ฉันหวังว่าคุณจะให้โอกาสฉัน…..”
หลินชูขมวดคิ้วมุ่น สายตาหลุบลงมองหน้าท้องแบนของถาวหยี
ท้องเหรอ?
ถ้าเธอจำไม่ผิด ถาวหยียังไม่ได้แต่งงานนี่…..
ท้องลูกนอกสมรส ไม่ได้รับอนุญาตในบริษัท นับประสาอะไรกับการทำงานต่อในบริษัทโดยที่ยังไม่ได้คลอดเด็ก
หลินชูเปิดเอกสารตรงหน้า แล้วพูดเรียบ ๆ “พาคู่สมรสหรือคู่หมั้นของคุณมาให้ฉันดู ไม่อย่างนั้นคุณก็คงรู้อยู่แล้วว่า ทางบริษัทไม่อนุญาต”
สีหน้าของถาวหยีซีดลงทันที ยิินเสี้ยวเสี้ยวขมวดคิ้ว
พวกเธอสามารถติดต่อกับบุคคลระดับสูงได้ และยังสามารถใช้ทางลัดนี้ใช้ร่างกายของตัวเองแลกเปลี่ยนก็ของบางอย่าง ดังนั้นหลายครั้งที่บางบริษัทจะกำหนดอย่างชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้มีการตั้งครรภ์ อาจถือได้ว่าต้องการเอาชนะผู้ที่มีความทะเยอทะยานพวกนั้น….
แต่น่าเสียดาย ที่ตอนนี้ถาวหยีเกิดกรณีแบบนั้นขึ้นมา
“ถาวหยี ไม่งั้นเธอก็บอกหัวหน้าไปว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร….”ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดโน้มน้าวเบา ๆ ในใจยิ่งรังเกียจผู้ชายไร้ความรับผิดชอบคนนั้นมากขึ้นไปอีก “เธอน่าจะรู้ว่าจะไม่มีงานนี้ อย่าว่าแต่เลี้ยงลูกเลย แม้แต่เลี้ยงตัวเองก็ไม่ได้….”
บนสังคมนี้ หลายสิ่งสร้างขึ้นจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แน่นอน
ถาวหยีรู้ดี แต่เธอยังคงเม้มริมฝีปากและไม่ยอมพูด มือเล็ก ๆ ของเธอกำหมัดแน่นและสั่นเทา
เธอพูดไม่ได้ ไม่อยากพูด และไม่ยอมพูดด้วย…..
พูดออกไปก็เป็นแค่เรื่องตลก แล้วมันจะจำเป็นอะไร?
หลินชูมองแววตาสิ้นหวังของถาวหยี เธอพอใจในความสามารถของถาวหยีมาก น่าเสียดายที่เธอไม่รักตัวเองแบบนี้ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ต้องพูดถึง ‘เก๋อหลิน’บริษัทอื่นก็คงไม่มีที่ไหนยอมรับเธอ ใครจะไปรู้ว่าเธออาจจะทำให้เกิดการแย่งชิงในสำนักงาน หรือเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่กว่านี้?
“ถาวหยี ฉันขอโทษจริง ๆ …..”หลินชูเอ่ยเสียงเบา แววตาแฝงความเสียใจ “ถ้าหากคุณไม่สามารถทำตามสองข้อที่ฉันเพิ่งพูดไปได้ ฉันก็ทำได้แค่เชิญคุณออกเท่านั้น”
ชั่วขณะนั้น สีเลือดบนใบหน้าของถาวหยีก็ซีดลง
ยินเสี้ยวเสี้ยวกอดเธอไว้แน่นอย่างกังวล ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเธอจะรั้นไปเพื่ออะไร!
“ลูกของถาวหยีเป็นของผมเอง!”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ทำเอาทุกคนในห้องตกตะลึง
จู่ ๆ ต๋งไขที่เงียบมาตลอดก็พูดออกมาว่าเด็กในท้องของถาวหยีเป็นของเขา