บทที่175 รองเท้าหัวเสือ
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเขาราวกับไม่อยากจะเชื่อ หลินชูหรี่ตาลงโดยไม่ได้พูดอะไร
ไม่ต้องพูดถึงยินเสี้ยวเสี้ยวกับหลินชู แม้แต่ถาวหยียังตกใจ เธอหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจ
ลูกของถาวหยีเป็นของเขางั้นเหรอ?
ผ่านไปพักหนึ่ง ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าตัวเองเริ่มสับสนไปหมด
เธอเคยถามว่าเด็กในท้องของถาวหยีนั้นเป็นของใคร แต่ตอนนั้นถาวหยีปฏิเสธไม่ใช่เหรอ? แต่ตอนนี้ทำไมต๋งไขถึงยืนขึ้นบอกว่าเด็กเป็นของเขากันล่ะ?
ต๋งไขเดินเข้าไปยืนข้างถาวหยี เอื้อมมือแตะไหล่ของถาวหยีและมองตาเธอพูดทีละคำ “ลูกของเธอเป็นของฉัน ฉันเป็นพ่อของเด็ก!”
แววตาของถาวหยีเต็มไปด้วยความตกตะลึง ไม่เข้าใจสักนิดว่าลูกของตัวเองเปลี่ยนกลายเป็นของต๋งไขได้ยังไง!
พูดจบ ต๋งไขก็ไม่ปล่อยให้ทุกคนเรียกสติกลับมา เขาพูดกับหลินชู “หัวหน้าหลินขอโทษนะครับ คู่หมั้นของผมอาย เดิมทีผมคิดจะบอกพวกคุณมานานแล้ว แต่ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง ผมกับถาวหยี….แต่งงานกันอย่างลับ ๆ “
ในตอนนั้นมุมปากของยินเสี้ยวเสี้ยวกระตุก
แต่งงานกันอย่างลับ ๆ ?
หลินชูเองก็เหมือนจะตกใจเช่นกัน หลังจากปรับสภาพอารมณ์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็พูดเพียงไม่กี่คำแล้วให้พวกเขาออกไป และถือว่าได้ยอมรับให้ถาวหยีอยู่ที่ ‘เก๋อหลิน’ต่อไป
ระหว่างทาง ยินเสี้ยวเสี้ยวมองไปที่ถาวหยีและต๋งไขด้วยสายตาสงสัย ไม่ใช่ว่าเธอสงสัยในคำพูดของต๋งไข แต่ประหลาดใจว่าพวกเขาสองคนคบกันได้ยังไง?
ถาวหยีขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าแก้มนั้นแดงขึ้นมาเพราะเหนื่อยหรือเขินกันแน่
อดีตเพื่อนร่วมงานเมื่อเห็นยินเสี้ยวเสี้ยวก็เข้ามาทักทาย ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดอย่างเป็นห่วง “ถาวจื่อ ตอนนี้ถาวหยีท้องแล้ว ตอนอยู่บริษัทเธอช่วยฉันดูแลหน่อยนะ เธอคนนี้ออกจะป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ….”
ถาวจื่อตกใจอย่างมาก ถาวหยีเป็นโสดทั้งบริษัทก็รู้ทั้งนั้น ทำไมอยู่ ๆ ถึงท้องขึ้นมาได้ล่ะ?
“ท้องเหรอ?”เธอพูดขึ้นเสียงดัง จนเพื่อนร่วมงานทั้งออฟฟิศหันมามอง ต๋งไขและถาวหยีที่อยู่ข้างหลังถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ เสี้ยวเสี้ยวนี่ ‘ช่วย’ได้จริง ๆ “แต่งงานกันตอนไหนน่ะ?”
ไม่นาน ผู้คนไม่น้อยก็หันมาสนใจพวกเขา
ยินเสี้ยวเสี้ยวเห็นสีหน้าของต๋งไขและถาวหยีไม่ค่อยดีนัก ก็ยังนึกว่าพวกเขายังอึดอัดกันอยู่ เธอนึกถึงต๋งไขที่ยุ่งอยู่กับงานศพของคุณย่า ก็รู้ทันทีว่าพวกเขาสองคนต้องมีเรื่องอะไรกันอยู่!
“หืม ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะถาวหยีท้อง ฉันก็คงไม่รู้ว่าพวกเขาแอบแต่งกันแล้ว!”ในคำพูดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวแฝงความไม่ยินดีที่ถูกปกปิด โดยเฉพาะเมื่อมองไปที่ต๋งไขอย่างไม่พอใจ
เพื่อนผู้ชายที่ดีที่สุดของเธอ กับเพื่อนสนิทที่สุดคบกันไม่ใช่เรื่องดีหรอกเหรอ? ทำไมต้องปกปิดเธอด้วย? วันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะต๋งไขพูดขึ้นมา ไม่แน่ว่าถาวหยีคงไม่ได้ทำงานที่แล้ว!
ไม่นาน ข่าวเรื่องถาวหยีและต๋งไขแต่งงานกันแล้วก็กระจายไปทั่ว ‘เก๋อหลิน’ราวกับพายุ ผู้คนมากมายมาร่วมแสดงความยินดีกับพวกเขา คำพูดของพวกเขาก็เต็มไปด้วยคำอวยพร
ยินเสี้ยวเสี้ยวกลัวว่าคนจำนวนมากจะทำให้ถาวหยีได้รับผลกระทบจึงช่วยเธอกันเพื่อนร่วมงานเหล่านั้นออกไป ในที่ที่คนน้อย ต๋งไขยืนข้างถาวหยี มองไปที่เธอ สูดหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย “ถาวหยี เธอไม่คู่ควรเป็นเพื่อนของเสี้ยวเสี้ยว”
เพียงประโยคนั้น สีหน้าของถาวหยีซีดลงอย่างมาก! ร่างสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้
ต๋งไขรู้เหรอ? เขารู้อะไรบ้าง? หรือรู้ทุกอย่างหมดแล้ว?
เมื่อเห็นใบหน้าตื่นตระหนกของถาวหยีแล้ว สีหน้าของต๋งไขก็ยิ่งย่ำแย่ มุมปากยกยิ้มเย็นชา “ถาวหยี ตั้งแต่เธอวันที่เธอเลือก ชะตาของเธอก็สูญเสียเสี้ยวเสี้ยวไปแล้ว….”
ถาวหยีกัดปากแน่น ในดวงตาของเธอเอ่อไปด้วยน้ำตาแต่กลับขืนไว้ไม่ให้ไหลลงมา
สิ่งที่เธอทำคือสิ่งที่หญิงสาวหลายคนอยากทำแต่ไม่กล้าทำ ทำไมต้องถูกประณามมากมายขนาดนี้?
ออกมาจาก ‘เก๋อหลิน’ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้กลับไปที่บ้านแล้วเลือกที่จะไปโรงพยาบาลหนันหยู
ได้ยินว่าตอนนี้เซี่ยงหลินยังอยู่ที่โรงพยาบาลหนันหยู เมื่อนึกถึงเซี่ยงเฉินยินเสี้ยวเสี้ยวก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
คำพูดต่อหน้าสื่อของเซี่ยงเฉิงทำให้เธอสังหรณ์ไม่ดีเอาซะเลย แต่เขากลับไม่อยู่ที่โรงพยาบาล เธอมาไม่ทันเจอเซี่ยงเฉิงหรือเซี่ยงหลิน แต่กลับได้เจอกับเฉินหยู
ชายหนุ่มวัยรุ่นยืนอยู่ที่ทางเดินอย่างทำตัวไม่ถูก สายตาล่อกแล่กไปมา
ยิ้มทักทายหมอและพยาบาลที่รู้จักแล้ว ยินเสี้ยวเสี้ยวก็เดินเข้าไปถามเขา “เฉินหยู นายมาที่นี่ได้ยังไง?”
เมื่ออยู่ ๆ ก็ได้ยินคนเรียกชื่อตัวเอง เฉินหยูก็สะดุ้งตกใจ ตอนที่หันมามองยินเสี้ยวเสี้ยวแววตานั้นกลับเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เข้าใจ ทั้งตื่นเต้น กระวนกระวาย มีความสุข และกังวล….
อารมณ์มากมายนั้นรวมอยู่ด้วยกัน ยินเสี้ยวเสี้ยวอดขมวดคิ้วไม่ได้ สายตามองสำรวจเขาเล็กน้อยก่อนถาม “บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
เฉินหยูส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วพูด “เปล่า ผมมาเยี่ยมเพื่อนน่ะ….”
“เพื่อนนายเข้าโรงพยาบาลเหรอ?”ยินเสี้ยวเสี้ยวยิ้มอย่างนุ่มนวล แววตาที่มองเฉินหยูมีเพียงความอ่อนโยน “ร้ายแรงรึเปล่า? อยู่ที่ห้องไหนเหรอ?”
เฉินหยูประหม่าเล็กน้อย ยังไม่ทันได้เอ่ยตอบเขาก็ได้ยินเสียงของคนที่อยากเจอ
“เสี้ยวเสี้ยว”เสียงหนึ่งดังขึ้นเบา ๆ น้ำเสียงของจิ๋นลี่ยวนมีความจริงจัง
จิ๋นลี่ยวนเดินเข้ามา เบนสายตาไปที่เฉินหยู ขมวดคิ้วก่อนยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยอย่างเย้ยหยัน
“วันนี้ยุ่งมากเลยเหรอ? ฉันยังวางแผนว่าจะชวนนายไปซื้อของเป็นเพื่อนฉันสักหน่อย”ถาวหยีท้องลูกแล้ว ตอนนี้เธอแทบรอไม่ไหวที่จะไป ‘ห้างสรรพสินค้าหม่านฮั่นฉวนสี’เพื่อซื้อของให้ลูกน้อยในอนาคตของเธอ “แถมยังไม่รู้เลยว่าจำเป็นต้องใช้อะไรบ้าง?”
จิ๋นลี่ยวนหันมาหา แววตาอ่อนลง เอื้อมมือไปลูบผมของเธอแล้วพูด “วันนี้ฉันยุ่งมาก เธอไปเถอะ เสร็จแล้วเดี๋ยวฉันไปรับ”
ยินเสี้ยวเสี้ยวพยักหน้า และไม่ได้คะยั้นคะยอ เดิมทีเธอก็อยากจะมาดูอาการของเซี่ยงหลินและอยากลองดูว่าจะได้เจอกับเซี่ยงเฉิงรึเปล่า ตอนนี้ดูแล้วก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้ตระกูลเซี่ยงมีเรื่องให้ต้องจัดการมากมาย เธอคงไม่เหมาะสมที่จะไปนัก
“คุณหมอจิ๋น คนไข้เตียง36อาการกำเริบแล้วค่ะ!”พยาบาลคนหนึ่งกระหืดกระหอบพูดอย่างรีบร้อน
จิ๋นลี่ยวนก้มมองยินเสี้ยวเสี้ยวก่อนก้าวเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
“นายเจอเพื่อนรึยัง?”เฉินหยูยังไม่ทันเรียกสติกลับมาจากรอยยิ้มแสยะของจิ๋นลี่ยวนก็ได้ยินยินเสี้ยวเสี้ยวถามขึ้น เขาพยักหน้าเร็ว ๆ ก่อนได้ยินเธอพูด “ถ้านายมีเวลา เราไปช้อปปิ้งด้วยกันมั้ย?”
วินาทีต่อมา เฉินหยูตอบเธอด้วยรอยยิ้ม
ระหว่างทางไป ‘ห้างสรรพสินค้าหม่านฮั่นฉวนสี’เฉินหยูที่นั่งอยู่ข้างยินเสี้ยวเสี้ยวเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ไหว “ความสัมพันธ์ของพี่กับหมอจิ๋นดูดีมากนะ ระหว่างพวกพี่คุยกันมานานแล้วเหรอ?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวยกยิ้มบาง เมื่อคิดถึง ‘ข้อเสนอแต่งงาน’ของตัวเองครั้งนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ “ความสัมพันธ์ก็ไม่เลวนะ”
ส่วนคำถามหลังนั้น เธอไม่ได้ตอบ
อารมณ์ของเฉินหยูผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วพูดคุยกับยินเสี้ยวเสี้ยวต่อ หัวข้อสนทนานั้นพูดถึงจิ๋นลี่ยวนเป็นครั้งคราว ในที่สุดยินเสี้ยวเสี้ยวก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอหันมาจ้องเขาอย่างระมัดระวัง มองเฉินหยูู่ด้วยความลำบากใจก่อนจะถาม “ทำไมฉันรู้สึกว่านายมีอะไรแปลก ๆ กับจิ๋นลี่ยวนล่ะ? พวกนายรู้จักกันใช่มั้ย?”
เฉินหยูมองยิ้มอย่างอึดอัด แล้วพูด “ผมอาจจะรู้จักเขา ก่อนหน้านี้บางทีเขาคงไม่รู้จักผมมาก่อนเลยก็ได้ ผมแค่รู้สึกว่าเขา….เก่งมาก”
เก่งมาก
ถ้าไม่เก่ง จะสามารถตามหาซูเหนียงที่ซ่อนมาได้ตลอดกว่ายี่สิบปีได้ยังไง
ในเวลามากมายขนาดนั้น มีเพียงจิ๋นลี่ยวนที่หาเจอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเฉินหยู เพียงแค่คิดว่าเขากำลังชื่นชมจิ๋นลี่ยวนเท่านั้น เธอเม้มปากยิ้ม
ในห้างสรรพสินค้า เฉินหยูตามอยู่ด้านหลังยินเสี้ยวเสี้ยว ทั้งสองคนคุยกันอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวซื้อของมากมายหลากหลายให้กับถาวหยีไปพลางคุยกับเฉินหยู กระทั่งยังคิดว่าความฝันของเฉินหยูคือการเป็นหมอ สนับสนุนให้เขาตั้งใจเรียน หลังจากนั้นจะได้เป็นหมอ
ตั้งแต่ออกมาจาก ‘ห้างสรรพสินค้าหม่านฮั่นฉวนสี’ยินเสี้ยวเสี้ยวมองถุงเล็กใหญ่ในมือของเฉินหยูอย่างเกรงใจ จึงเชิญเขาไปกินข้าว เฉินหยูยิ้มพลางตอบตกลง ในขณะที่ทั้งสองคนเดินผ่านไปบนถนนนั้นมีคุณยายท่านหนึ่งที่ขายรองเท้าหัวเสือทำมืออยู่ ในมือถือรองเท้าเล็ก ๆ นั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวคิดอย่างรอบคอบ
รองเท้าหัวเสือ
นี่เป็นสัญลักษณ์ของความหมายอันเป็นมงคลในจีนโบราณ เด็กเล็กต้องใส่กันทั้งนั้น
ถ้าต่อจากนี้ลูกของเธอกับจิ๋นลี่ยวนเกิดออกมาแล้ว ก็จะมีรองเท้าหัวเสือใส่สักคู่ใช่มั้ยนะ?
เฉินหยูยืนมองเธออยู่ข้าง ๆ พูดเสียงเบา “พี่เสี้ยวเสี้ยว พี่วางแผนจะมีลูกกับคุณหมอจิ๋นเมื่อไหร่เหรอ? มีลูกแล้วก็จะได้ซื้อให้ลูกสักคู่ไง?”
ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ซื้อรองเท้าหัวเสือที่เหมือนกันสองคู่ คู่หนึ่งเตรียมไว้ให้ถาวหยี อีกคู่เก็บไว้ให้ลูกของเธอเอง เพิ่งจะจ่ายเงินเสร็จก็เห็นผู้คนบนทางเดินวิ่งมาทางนี้อย่างบ้าคลั่ง ผู้หญิงหลายคนกรีดร้องเสียงดัง…..
เฉินหยูก้าวไปขวางข้างหน้าปกป้องยินเสี้ยวเสี้ยวไว้เบื้องหลังของตัวเอง คิ้วขมวดแน่น คุณยายที่ตั้งแผงขายของรีบเก็บข้าวของของเธอและจากไป เฉินหยูยื่นมือออกไปเพื่อปกป้องยินเสี้ยวเสี้ยวแล้วถอยออกไปพร้อมฝูงชน ยินเสี้ยวเสี้ยวกำรองเท้าหัวเสือในมือแน่นอย่างกระวนกระวาย….
ปัง!
จังหวะที่เสียงปืนดังขึ้น ยินเสี้ยวเสี้ยวสะดุ้งสุดตัว
เรื่องโรงพยาบาลหวู่เฉิงคืนนั้นวนเวียนอยู่ในหัวของเธออีกครั้ง ครั้งนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวจับมือเฉินหยูแล้วเริ่มวิ่งไปด้วยกัน ทำให้ของมากมายที่ซื้อมาทั้งเสื้อผ้าของเล่นทั้งหมดในมือของเฉินหยูทั้งหมดร่วงลงบนพื้น มีเพียงรองเท้าหัวเสือคู่นั้นที่ยังไม่ได้ใส่ถุงที่ยังอยู่ในมือ
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงปืนกัมปนาถดังต่อเนื่องกันหลายครั้งจนหูของยินเสี้ยวเสี้ยวเริ่มชาเล็กน้อย การเคลื่อนไหวของฝีเท้ากลับเร็วขึ้นเรื่อย ๆ มีเสียงรถตำรวจมากมายดังขึ้น แต่เสียงปืนนั้นกลับไม่หยุดลง ฝูงชนเริ่มควบคุมได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ และพุ่งมาทางฝั่งนี้ บางครั้งก็จะได้ยินเสียงปืนดังขึ้นในหมู่ฝูงชน….
“ พี่เสี้ยวเสี้ยว ทางนี้!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นวิ่งช้า จนมักถูกกลุ่มคนชนอยู่บ่อยครั้ง เฉินหยูปกป้องเธอแต่ก็มีหลายครั้งที่เกินกำลัง เขายื่นมือไปดึงยินเสี้ยวเสี้ยว ก่อนดึงเธอไปข้างแปลงดอกไม้อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นคนข้าง ๆ วิ่งไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง ทั้งสองก็ถอนหายใจเบา ๆ
ตอนแรก พวกเขานึกว่าคนอื่นจะวิ่งผ่านไปแบบนั้น แต่เมื่อเสียงทั้งหมดมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพวกเขาไม่ถึงยี่สิบเมตร ยินเสี้ยวเสี้ยวและเฉินหยูก็หน้าซีดเผือด!
ตอนนี้ พวกเขาตกอยู่ในวงล้อม!