Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา – บทที่ 199 งานประมูล

บทที่ 199 งานประมูล

บทที่ 199 งานประมูล

เธอรู้ตัวดีว่าเธอนั้นตัวคนเดียว ตอนที่เธอต้องแต่งงานกับจิ๋นลี่ยวนนั้นทางตระกูลยินก็ได้ตัดหางปล่อยวัดเธอแล้ว ครอบครัวในตระกูลจิ๋นก็ไม่สามารถทนกับยอมรับในตัวเธอได้ ตอนนี้ถาวหยีก็กำลังตั้งท้อง เธอไม่อยากให้หล่อนต้องเป็นกังวล…….. ในช่วงเวลานี้ ดูเหมือนทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเธอนั้นมันจะค่อยๆไกลออกไป ไกลออกไปเรื่อยๆจนแทบจะสัมผัสอะไรไม่ได้เลย

เฉียนเสว่และกั๋วกั๋วยืนขมวดคิ้วมองเธอที่กำลังโดดเดี่ยวท่ามกลางฝูงคน แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปพูดปลอบโยนเธอ

ตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวแปดเปื้อนเพราะคนมากมาย ถ้าหากพวกเธอเข้าไปก็คงจะแปดเปื้อนไปด้วย……

โลกใบนี้มันสวยงามแต่มันก็ยังคงเต็มไปด้วยความจริง

ในห้องเรียน ยินเสี้ยวเสี้ยวตั้งใจฟังอาจารย์สอนเป็นอย่างมาก โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าผู้คนรอบๆนั้นจะไม่มองที่เธอ เพื่อนร่วมชั้น อาจารย์ที่กำลังยืนสอน ผู้คนแปลกหน้าที่อยู่ด้านนอก สายตาของทุกคนนั้นจับจ้องมาที่เธอ

“ยินเสี้ยวเสี้ยว ไหนๆเธอก็ไม่ได้ชอบชายคนนั้น ถ้าอย่างนั้นหย่าเมื่อไหร่ก็มาหาฉันได้นะ เพราะเจ้านั่นของฉันมันอ่อนโยนมากๆ” มีผู้ชายคนหนึ่งในห้องตะโกนขึ้นมา สิ่งที่เขาพูดนั้นทำให้ผู้คนมากมายหัวเราะขึ้นมา ชายคนนั้นยังพูดอีกว่า“ฉันพูดจริงๆนะ เพราะอย่างน้อยฉันก็ไม่ทำร้ายร่างกายเธอหรอก เพราะมันจะทำให้ใบหน้าอันสวยๆของเธอเสียโฉม ฉันยังอย่างเชยชม ใครจะไปทำร้ายได้ลงล่ะ?”

ยินเสี้ยวเสี้ยวกำปากกาในมือไว้แน่น อาจารย์ที่กำลังสอนอยู่นั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าจะเอ่ยปากสั่งสอน แต่เขาเองก็ยังมองยินเสี้ยวเสี้ยวด้วยสายตาอันรังเกียจและดูถูกเหยียดหยาม

ยินเสี้ยวเสี้ยวจิกยิ้มที่ริมฝีปากด้วยท่าทีเย้ยหยัน

“ยินเสี้ยวเสี้ยว ถ้าหากว่าเธอไม่ชอบคนแบบพวกนั้น ก็ยังมีฉันนะ” ชายอีกคนในห้องเปิดปากพูด “ฉันยอมจ่ายห้าแสนเลย ซื้อตัวเธอให้มาอยู่กับฉันสักเดือนเป็นอย่างไร?”

“ฉันให้ล้านนึงเลย มาอยู่กับฉันเดือนนึง!”

“ฉันให้สองล้านเลย มาอยู่กับฉันเดือนนึง!”

“ฉันให้สามล้านนึงเลย มาอยู่กับฉันเดือนนึง!”

……

ทันใดนั้นห้องเรียนที่กำลังบรรยายวิชาเรียน ก็เปลี่ยนเป็นงานประมูลตัวยืนเสี้ยวเสี้ยว มีเพียงเธอเท่านั้นที่ถูกประมูล ผู้คนที่อยู่รอบๆก็ร่วมกันตะโกนขึ้นมา

“ราคาที่พวกนายพูดกันมันไม่ต่ำไปหน่อยเหรอ? อย่างน้อยหล่อนก็เคยเป็นคุณนายน้อยสามเลยนะ มันควรจะสูงกว่านี้หน่อยไหม?” ชายปากดีคนหนึ่งยืนอยู่ที่ด้านข้างของยินเสี้ยวเสี้ยว “ถ้าจะให้ฉันพูด ดูจากใบหน้ายินเสี้ยวเสี้ยวของพวกเรานั้น มีใบหน้าที่เนียนขาว หุ่นที่เพรียว และเคยเป็นของคุณชายสาม ราคาที่ประมูลตัวเธอก็ไม่ควรต่ำกว่าแปดสิบล้านนะ!”

“ก็ใช่ไง ราคามันจะต่ำขนาดนั้นได้อย่างไร?”

“อย่าคิดว่าพวกนายเป็นนักธุรกิจ แล้วจะมารังแกนักศึกษาอย่างพวกเรานะ!”

ฮ่าๆๆๆๆ

ผู้คนรอบๆก็เริ่มตะโกนขึ้นมา ใบหน้าของยินเสี้ยวเสี้ยวนั้นซีดเผือด แต่ผู้คนนั้นกลับมองว่าขาวใส ราวกับกำลังดึงดูดผู้คนที่อยู่ตรงนั้น ไม่มีใครที่เข้าใจความรู้สึกของเธออย่างแท้จริง เอาแต่พูดเรื่องประมูลตัวเธอ!

“ตอนนี้ฉันประกาศการประมูลอย่างเป็นทางการ ราคาขั้นต่ำอยู่ที่แปดสิบล้าน ใครให้ราคาสูงสุด คนนั้นได้ตัวเธอไป!”

“เก้าสิบล้าน!”

“ร้อยล้าน!”

“พันล้าน!”

……

ทุกคนกำลังรู้สึกสนุกสนานกับการประมูลราคาตัวของเธอ คงมีแต่ยินเสี้ยวเสี้ยวเท่านั้นที่รู้สึกเหน็บหนาว และหายใจสั่นระรัว

ทันใดนั้นก็มีคนผลักฝูงคนเหล่านั้นออก ถาวหยีเดินเข้ามาทุบกองหนังสือของเด็กในห้อง จนกองหนังสือนั้นตกลงไปถึงพื้นและเกิดเสียงดัง จนทำให้เสียงการประมูลนั้นเงียบลง

มีคนมองเธอด้วยสายตาที่ไม่พอใจ แต่เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เธอเดินเข้าไปตะโกนใส่หน้าคนเหล่านั้นด้วยความโมโห “พวกแกทำเกินไปแล้วนะ!ทำแบบนี้มันคือการดูถูกผู้อื่นไม่รู้เหรอไง?ภูมิใจมากนักเหรอ? พวกแกไม่ได้รู้เรื่องอะไรทั้งหมด มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินชีวิตคนอื่นเค้า แล้วมีสิทธิ์อะไรที่เอาอดีตของคนอื่นนั้นมาพูดเกินความจริง? อย่าคิดว่าตอนนี้เขายังไม่ได้หย่ากันกับจิ๋นลี่ยวน! เพราะมันก็เหมือนหย่ากันแล้ว แล้วสิ่งที่พวกแกทำวันนี้ แน่ใจใช่ไหมว่าจะรับผลไหว ถ้าหากยินจื่อเจิ้นพี่ชายของเธอนั้นมาคิดบัญชีกับพวกแก!”

พอได้ยินคำพูดนั้นสิ้นสุดลง ผู้คนมากมายก็เงียบ ไม่มีใครกล้าพูดแทรกขึ้นมา

จากนั้นถาวหยีก็เดินไปด้านข้างยินเสี้ยวเสี้ยวดึงมือเธอให้ลุกขึ้น และให้เธอมาอยู่ด้านหลังเพื่อปกป้องเธอ จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมาจากเยือกเย็น “สิ่งที่พวกแกทำวันนี้มันเปิดตาฉันจริงๆ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้ายินเสี้ยวเสี้ยวหย่ากันกับจิ๋นลี่ยวนแล้วจริงๆ และยินจื่อเจิ้นก็รู้ว่าน้องสาวของเขานั้นถูกกระทำแบบนี้จากพวกแก เขานั้นจะจัดการกับพวกแกยังไง!”

หลังจากที่พูดจบ คนพวกนั้นก็ยังนิ่งอึ้งอยู่ ถาวหยีก็รีบพายินเสี้ยวเสี้ยวออกมาจากที่นั่น พวกเขาก็หลบทางให้เธอโดยที่ไม่รู้ตัว แต่เดินไปที่ระเบียงได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีคนยื่นขาออกมาขวางอย่างไม่พอใจ

ตุบ!

เสียงที่เบาแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ยินเสี้ยวเสี้ยวล้มลงไปกองกับพื้น ถ้าไม่ใช่เพราะเฉิงชื่อชิงปรากฏตัวขึ้นมา คาดว่าถาวหยีก็คงต้องล้มลงไปกับพื้นด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้เธอแค่คุกเข่า แต่มันก็ทำให้เธอเจ็บปวดมากเหมือนกัน

ค่อยๆพยุงยินเสี้ยวเสี้ยวให้ลุกขึ้น เฉิงชื่อชิงมองดูนักเรียนที่ยืดขาออกมานั้นด้วยท่าทีเคร่งขรึม

เพื่อเป็นการปกป้องตัวเอง หญิงสาวพูดอธิบายออกมาด้วยความอ่อนแรง “อาจารย์เฉิงชื่อชิงคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ อย่าเพิ่งโกรธเลยนะคะ อีกอย่างสิ่งที่ยินเสี้ยวเสี้ยวเจอนั้นมันก็สมควรแล้วที่เธอจะได้รับมัน มักจะเอาเรื่องของศาลนั้นมาข่มขู่คนอื่นหรือคิดว่าบ้านของเธอมีเงินก็เลยทำอะไรก็ได้?ตอนปริญญาตรีเธอก็ส่งจางหมืงไปอยู่ที่สถานกักกัน ตอนนี้เธอเองก็ได้ส่งตัวเฉิงฉิงเข้าไปด้วยเหมือนกัน ศีลธรรมที่ไม่ดีในตัวเธอ คุณพยายามปกป้องมันครั้งแล้วครั้งแล้วอย่างนั้นเหรอคะ?”

เสียงที่พูดนั้นไม่ดังมาก แต่ผู้คนรอบข้างก็ได้ยินเหมือนกันหมด

ถาวหยีรีบพยุงตัวยินเสี้ยวเสี้ยวให้ลุกขึ้น มองใบหน้าอันขาวใสของเธอด้วยความเจ็บปวด จับมือของเธอที่กำลังสั่นเอาไว้

เฉิงชื่อชิงเดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว นำตัวถาวหยีและยินเสี้ยวเสี้ยวไว้ที่ด้านหลังของเขา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องของจางหมืงฉันไม่ค่อยแน่ใจ และเรื่องของเฉิงฉิงฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เธอกล้าพูดไหมล่ะว่า ถ้าพวกเขาไม่ข่มขู่ ไม่มาก้าวร้าวใส่ ยินเสี้ยวเสี้ยวจะทำถึงขั้นนั้นไหมล่ะ? หรือเธอยังจะพูดอีกว่าที่ยินเสี้ยวเสี้ยวทำนั้นก็เพราะต้องการจะรังแกคนพวกนั้น? เดิมทีเธอไม่เคยเก็บเรื่องของสองคนนั้นมาใส่ใจเลย แล้วทำไมเธอถึงต้องทำกับสองคนนั้นแบบนั้นล่ะ ถ้าไม่เพราะสองคนนั้นเข้ามาบีบบังคับเธอ รังควานเธอ เธอก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำถึงขั้นนั้นไม่ใช่เหรอ?”

หญิงสาวคนนั้นเงียบปากไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะการที่จางหมืงและเฉิงฉิงต้องเป็นแบบนี้เพราะอะไร เธอรู้ดีแก่ใจ

เฉิงชื่อชิงพูดต่อ “หรือว่าเธออยากให้ยินเสี้ยวเสี้ยวขอให้จิ๋นลี่ยวนหรือยินจื่อเจิ้นยื่นมือเข้ามา แบบนี้หรือเปล่าถึงจะยอมเห็นว่าเธอมีความเมตตา?”

ประโยคนี้ ทำให้ผู้คนที่ได้ยินพูดอะไรไม่ออก นั่นน่ะสิ หรือจะต้องให้พวกเขายื่นมือเข้ามาถึงจะบอกว่าดี?

“อย่าคิดว่าจะรังแกใครๆก็ได้ และก็อย่าใจดีกับใครจนเกินไป“ เฉิงชื่อชิงพูดอย่างเย็นชา มองทุกคนด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นกัน”การที่เธอมีเมตตาก็ไม่ได้หมายความว่าพวกนายจะทำอะไรกับเธอก็ได้ โดยที่ไม่ให้เกียรติเธอเลย!“

เมื่อพูดจบเฉิงชื่อชิงก็พาถาวหยีและยินเสี้ยวเสี้ยวเดินจากไปโดยที่ไม่สนใจสายตาของใครๆทั้งสิ้น

ผู้คนในฝูงชนต่างเดินถอยออกไปด้วยความละอายใจ และลำบากใจ แต่ก็มีบางส่วนที่ยอมแยกย้ายออกไปด้วยความไม่พอใจ

หลังจากที่ออกมาจากมหาวิทยาลัย เฉิงชื่อชิงพาทั้งสองคนขึ้นรถ เพื่อพาไปส่งที่หอพักของถาวหยีและต๋งไข

ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ถาวหยีสารภาพกับหลินชูว่าเธอนั้นกำลังตั้งต้อง ต๋งไขก็รีบออกมาสารภาพว่าเด็กคนนั้นคือลูกของเขา ถาวหยีก็ถูกบีบให้อยู่ในอพาร์ตเมนต์ของต๋งไข่ จนถึงตอนนี้ทั้งสองคนก็ยังคงเหมือนถูกแช่แข็ง

เมื่อเดินเข้ามาในห้อง ถาวหยีก็รินน้ำอุ่นให้ใส่แก้วที่อยู่ในมือของเธอ

ตอนนี้เป็นฤดูหนาว ถึงแม้ว่าอากาศจะยังไม่หนาวจัด แต่ตอนนี้ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกเยือกเย็นไปหมด เธอทำตัวเหมือนคนที่กำลังจำศีลในหน้าหนาวไม่ยอมขยับไปไหน

“ยินเสี้ยวเสี้ยว?“ เฉิงชื่อชิงเรียกเชื่อเธอ เรียกอยู่หลายครั้งแต่เธอก็ไม่ตอบสนองอะไร

ถาวหยีที่นั่งอยู่ข้างๆก็เป็นห่วงอย่างมาก ยื่นมือออกไปจับที่ไหล่ของเธอ “ยินเสี้ยวเสี้ยวเธอพูดกับฉันหน่อยนะ ตอนนี้ลูกในท้องของฉันคิดถึงเธอจะแย่แล้วนะ”

เธอขยับเล็กน้อย แววตาของยินเสี้ยวเสี้ยวเริ่มขยับ และค่อยๆหันไปทางถาวหยี

เฉิงชื่อชิงและถาวหยีรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ

“เด็กเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วเธอกับต๋งไขเป็นอย่างไรบ้าง?” ยินเสี้ยวเสี้ยวเปิดปากพูดออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของตัวเองแม้กระทั่งเรื่องของจิ๋นลี่ยวนก็ไม่พูดถึง พูดคุยกับเธอราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ หากไม่ใช่เพราะรอยฝ่ามือบนใบหน้าของเธอ ถาวหยีคงคิดว่าเหตุการณ์ที่เธอเจอเมื่อกี้นั้นแค่ฝันไป! “เขาทำไม่ดีกับเธอหรอ?”

ถาวหยีไม่ได้พูดอะไรต่อ มองแค่ที่แก้มและดวงตาที่แดงก่ำของเธอ ตัวของยินเสี้ยวเสี้ยวสั่น ถาวหยียื่นมือออกไปจับที่ใบหน้าของเธอ ลูบอย่างเบาๆ ราวกับว่าใบหน้าอันนั้นเป็นใบหน้าของเธอที่ถูกทำร้ายเอง แต่ยินเสี้ยวเสี้ยวก็ต้องขยับออกเพราะรู้สึกเจ็บ

ไม่ได้พูดอะไรต่อ ยินเสี้ยวเสี้ยวนั่งนิ่งๆอย่างไม่ขัดขืนอะไร ปล่อยให้ถาวหยีนั้นลูบที่บาดแผลของเธอ เมื่อได้ยินถ้อยคำที่เป็นห่วงของถาวหยี “เจ็บมากไหม?”

คำพูดง่ายๆสองคำนี้ ทำให้น้ำตาของยินเสี้ยวเสี้ยวไหลลงมาเต็มใบหน้า

เฉิงชื่อชิงเดินไปที่อีกด้านและแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไร ยินเสี้ยวเสี้ยวเข้าไปในอ้อมกอดของถาวหยีและร้องไห้ออกมาไม่หยุด

“ถาวหยี ฉันเจ็บ ฉันเจ็บปวดเหลือเกิน!”

แน่นอนว่าเธอไม่ได้หมายถึงบาดแผล แต่หมายถึงในหัวใจของเธอ!

มันเจ็บปวดจนแทบจะไม่อยากหายใจต่อ เจ็บจนแทบอยากจะตายไปให้พ้นๆ!

“ถาวหยี ถาวหยี…..”เสียงเรียกดังก้องในห้อง เธอกำลังปลดทุกข์กับถาวหยีจนไม่ทันได้สังเกตว่าชายคนนั้นกำลังหยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดกล้องวิดีโอ เพื่อเชื่อมต่อกับชายที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ถาวหยี ฉันเจ็บเหลือเกิน มันเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บจนฉันแทบไม่อยากจะหายใจต่อไปอีกแล้ว ฉันควรทำอย่างไรดี?”

น้ำตาของถาวหยีไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอปล่อยให้ยินเสี้ยวเสี้ยวร้องไห้ออกมาโดยไม่ขัดจังหวะ เธอทำแค่เพียงลูบหลังขอเธอ เพื่อปล่อยให้เธอได้ปลดปล่อยความเจ็บปวดในหัวใจออกมา

“ถาวหยี ฉันทรมานเหลือเดิน ทำไมนะ…… ทำไม….. ทำไมเขาถึงอยากจะหย่ากับฉัน? ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ฉันทำอะไรผิดไปเหรอ ฉันผิดตรงไหน ทำไมถึงต้องการจะหย่ากับฉัน? เขาไม่รู้จริงๆเหรอ เขาไม่รู้อะไรเหรอว่าตอนนี้ฉันเหลือแค่เขาคนเดียว? หรือว่าเขาไม่รู้เหรอ…..ว่าฉันรักเขา”

ยินเสี้ยวเสี้ยวร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่สามารถที่จะพูดทุกอย่างให้ชัดเจนได้“ฉันถูกตัดความสัมพันธ์จากตระกูลยินและถูกโยนเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ฉันพยายามและตั้งใจที่จะเป็นลูกสะใภ้ที่ดีของตระกูลจิ๋น และฉันก็พยายามทำให้พวกเขานั้นชอบและยอมรับในตัวฉัน เขาบอกว่าเขารักฉัน แต่แล้วทำไมถึงกลับมาบอกฉันว่าต้องการจะหย่ากับฉัน?ถาวหยีฉันไม่เข้าใจจริงๆ ไม่เข้าใจจริงๆ เธอช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม?”

เสียงร้องไห้ของเธอมันดังผ่านเข้าไปในโทรศัพท์ มันดังก้องอยู่ในหูของจิ๋นลี่ยวน เขามองไปที่โทรศัพท์ด้วยสายตาที่เจ็บปวด มันบีบหัวใจของเขาอย่างถึงที่สุด เขาอยากจะไปหาเสียในตอนนี้แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย

Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา

Flash Marriage แต่งงานกับคน(ไม่)ธรรมดา

Status: Ongoing

แม่เลี้ยงวางแผนอยากให้เธอแต่งงานกับชายแก่ที่มีอายุ 40ปี โดยเป็นการสมรสทางธุรกิจ เธอเลยไปจับผู้ชายบนถนนคนหนึ่งมาอย่างฉุกละหุกและถามว่า:“คุณกล้าแต่งงานกับฉันไหม?”จิ๋นลี่ยวที่เพิ่งถูกแฟนเบี้ยวนัดตอบว่า:“พอดีเลย วันนี้ผมเอาทะเบียนบ้านมาแล้ว ไปจดทะเบียนกันเถอะ” ยินเสี้ยวเสี้ยวที่มีอายุ 23ปี ก็เลยแต่งงานกับผู้ชายที่พึ่งเจอกันสองครั้งแบบสายฟ้าแลบ หลังจากนั้น แม่สามีส่งเครื่องต้มไข่ให้กับยินเสี้ยวเสี้ยว บอกเธอว่าต้องทานไข่ทุกวันเพื่อเพิ่มโปรตีน พอดีจิ๋นลี่ยวนกำลังเดินผ่าน แล้วพูดอย่างจริงจังว่า:“ที่รัก คุณกินทุกวันไม่ใช่หรือ ยังไม่เพียงแต่อันเดียวเท่านั้น” ยินเสี้ยวเสี้ยวนิ่งไปสักพักแล้วใบหน้าก็แดงไปหมด:“คน…ลามก!”จิ๋นลี่ยวนขมวดคิ้ว:“ผมพูดอะไรไปหรอ?“

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท