บทที่ 201 จิ๋นลี่ยวน คุณหลอกฉัน
เมืองT
เวลาตีสี่ครึ่ง ทั่วทั้งเมืองยังตกอยู่ในห้วงนิทราที่เงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนแม้แต่น้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนอยู่ลำพังในห้องรับแขก แสงไฟในบ้านยังคงสว่างเจิดจ้า แต่แค่ช่วงนี้ไม่ได้กลับมาหลายวันเท่านั้น ที่นี่กลับรู้สึกสว่างไสวขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆไม่มีเสียง สายตากวาดตามองภาพที่คุ้นตารอบๆห้องทีละนิ้ว
โต๊ะอาหารตัวนั้น ที่พวกเขาเคยทานอาหารด้วยกัน โซฟาตัวนั้น ที่พวกเขาเคยคลอเคลียกัน หน้าต่างบานนั้น ที่พวกเขาเคยมองออกไปด้วยกัน……
ทั้งหมดทั้งมวลล้วนคุ้นเคยขนาดนั้น ภาพยังคงติดตรึงในสายตาแต่ช่วงเวลาผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ที่นี่ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ใช่จิ่งลี่ยวนที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะยืนอยู่ข้างตนเองอีกแล้ว แม้จะเคยโต้เถียงกันเคยเข้าใจผิดกัน แต่สุดท้ายพวกเขาก็เดินผ่านมันมาได้ เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่จิ่งลี่ยวนจู่ๆก็เปลี่ยนไป
ขยับฝีเท้าเบาๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวเคลื่อนไหวอย่างช้าๆภายในห้อง
ยืนอยู่นอกห้องนอน แม้เธอจะยังหวนคิดถึงช่วงเวลาที่พวกเขารักกันสุดซึ้งอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้เต็มไปด้วยอากาศที่เย็นเยือก
ดวงตาที่แบ่งสีขาวดำอย่างชัดเจนส่องประกายเล็กน้อย ยินเสี้ยวเสี้ยวไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นพักใหญ่ จู่ๆกลอนประตูห้องก็ค่อยๆขยับเล็กน้อย
หมุนตัวไป ยินเสี้ยวเสี้ยวยืนเงียบๆอยู่บนบันไดมองไปทางปากประตู
ตอนที่ประตูเปิด ยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกแค่ว่าดวงตาคู่นั้นของตนเองขมขื่นเล็กน้อย
จิ๋นลี่ยวนที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางยืนอยู่ที่ประตูเงยหน้าขึ้นมองเธอ ทั้งสองคนเผชิญหน้าหากันอยู่ไกลๆในเวลาตีสี่ที่เงียบสงบในบ้านของตนเอง ยังคงมองหน้ากันและกันไม่พูดไม่จาอยู่เช่นเดิม
สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังรีบกลับมา แม้ว่าจะเป็นเวลาตีสี่ครึ่งแล้วก็ตาม
ไม่ได้กลับบ้านตระกูลจิ๋น และก็ไม่ได้ไปที่ทางถาวหยีนั้นด้วย ตอนที่เฉินผูลี่ถามว่าเขาจะไปไหน ที่เขาพูดโล่งออกมาโดยยังไม่ทันได้คิดก็คือที่นี่เท่านั้น เขาแค่รู้สึก คิดว่าเธอได้แต่รอตนเองที่นี่เท่านั้น
ทีละก้าว ยินเสี้ยวเสี้ยวเดินไป สายตามองไปที่ใบหน้าของจิ๋นลี่ยวนโดยไม่วอกแวกแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันจิ๋นลี่ยวนก็เดินเข้ามาเช่นกัน เหมือนกับตอนปกติที่เขากลับบ้านมาเปลี่ยนรองเท้า ถอดเสื้อคลุม ท่าทางแบบนั้นดูเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา ตอนนี้เขาก็แค่เพิ่งเลิกงานกลับบ้านเท่านั้น……
ภายในห้องนั่งเล่น ทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน
ดวงตาของยินเสี้ยวเสี้ยวยังชุ่มฉ่ำเล็กน้อย ยังมีร่องรอยมองออกว่าร้องไห้มา คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนี้ เห็นได้อย่างง่ายดายก็รู้ว่าตอนบ่ายวันนี้เธอร้องไห้หนักมากแค่ไหน ภายในใจเจ็บปวดเล็กน้อย มือที่ห้อยอยู่ข้างๆก็ค่อยๆขยับ สุดท้ายการกระทำที่คิดจะพยายามเอายินเสี้ยวเสี้ยวมาอยู่ในอ้อมแขนของเขาก็หยุดลง
ลูกกระเดือกค่อยๆขยับเล็กน้อย จิ๋นลี่ยวนหลุบสายตาหลบสายตาของยินเสี้ยวเสี้ยวก่อน
มองจิ๋นลี่ยวนที่อยู่ตรงหน้า จู่ๆยินเสี้ยวเสี้ยวก็ยิ้มออกมา ในขอบตารื้นขึ้นมา
ถึงวันนี้แล้ว เธอจึงค้นพบว่าตนเองเดียงสาขนาดไหน เธอคิดว่าขอแค่คนผู้นั้นไม่ปรากฏตัว ขอแค่ตนเองพยายามมากพอ ขอเพียงเขายอมที่จะลอง ระหว่างพวกเขาสุดท้ายก็ต้องมีโอกาส แต่ตอนนี้เท่าที่ดูทั้งหมดแล้วก็เป็นเพียงแค่ความปรารถนาเพียงฝ่ายเดียวของเธอเท่านั้น บนโลกใบนี้ มีเพียงความรู้สึกที่คิดไปเองเท่านั้นที่ไม่ใช่ว่าเสียสละแล้วจะได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมา
มีบางครั้ง คุณเสียสละให้ความรัก สิ่งที่ได้รับอาจจะเป็นแค่มิตรภาพที่คุณไม่ได้คาดหวังอยากจะได้เท่านั้น…ช่วงหนึ่งวันสั้นๆวันนี้ เธอผ่านอะไรมามากมาย และก็รับรู้ได้ถึงมากมายความรู้สึก หลังจากร้องไห้แล้วเธอกลับรับรู้ได้ถึงความคิดของตนเอง และยิ่งรู้สถานการณ์ของตนเองชัดเจนมากขึ้น……
“จิ๋นลี่ยวน……” เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงแหบพร่าเล็กน้อย ราวกับว่านี่เป็นชื่อคนแปลกหน้าคนหนึ่ง นี่เป็นเพียงครั้งแรกที่เธอเรียกเท่านั้น “คุณไม่บอกเหตุผลฉัน อย่างนั้นฉันเดาได้ไหม”
มองตรงๆไปที่ดวงตาเรียวเล็กที่ชี้ขึ้นแบบนกฟีนิกซ์อันน่าหลงใหลคู่นั้น ความกล้าหาญที่ไม่ลดละของยินเสี้ยวเสี้ยวทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
สีหน้าเล็กน้อย ร่างกายแข็งเกร็งเล็กน้อย ร่างกายของเขาต่อต้านความคิดของเขามานานแล้ว แต่หัวใจของเขายังคงคิดจะพยายามต่อไปอย่างมุ่งมั่นขนาดนั้น เขาต้องการฮึดสู้เพื่อพ่อแม่ของเขา ล้างแค้นให้พวกเขา ให้ชีวิตตนเองหมดห่วง……
สองมือกำแน่น หลังจากจิ๋นลี่ยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วก็พยักหน้า
เวลานี้เองจิ๋นลี่ยวนที่เย็นชามองดูยินเสี้ยวเสี้ยวรู้สึกว่าตนเองเหมือนกับตัวตลก แต่หลังจากผ่านไปพักใหญ่สุดท้ายเธอก็ยังถามออกมา ถามถึงเหตุผลข้อเดียวที่เธอคิดได้ในตอนนี้ “จิ๋นลี่ยวน เพราะพวกเรา…กลายเป็นสามีภรรยากันจริงๆแล้ว ดังนั้นคุณจึงเสียใจทีหลัง ใช่มั้ย”
สิ้นเสียง ในดวงตาคู่นั้นของจิ๋นลี่ยวนมองเธออย่างมีความตกใจแอบแฝงอยู่
ทำไมเธอถึงได้คิดอย่างนั้น
สูดหายใจเข้าแรงๆ ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดต่อไป โดยที่ริมฝีปากนั้นสั่นเล็กน้อย “จิ๋นลี่ยวน ฉันคิดเหตุผลอื่นไม่ออกแล้ว เหตุผลที่คุณไม่ต้องการฉัน……”
พูดจบ น้ำตาของยินเสี้ยวเสี้ยวก็ไหลลงมา
นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอส่งเสียงร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขา อย่างไม่ปิดบัง หลังจากที่จิ๋นลี่ยวนเอ่ยปากขอหย่า
เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างแน่วแน่ ยินเสี้ยวเสี้ยวพูดทีละคำๆ “จิ๋นลี่ยวน ฉันเคยคิดมากมายเกี่ยวกับเหตุผลที่คุณจะหย่า เพราะคุณย่า คุณพ่อคุณแม่หรือตระกูลยิน ฉันก็เคยคิดมาหมดแล้ว แต่ฉันก็ปฏิเสธจนหมด หากเป็นเพราะพวกเขา คุณก็ คงไม่แต่งงานกับฉันตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อเป็นอย่างนี้ สาเหตุก็มีเพียงตัวฉันเองแล้ว…. หลังจากที่พวกเรามีความสัมพันธ์กันแล้ว คุณก็เอ่ยปากขอหย่า ดังนั้นฉันเดาเอา ว่าสาเหตุที่คุณต้องการหย่าก็คือข้อนี้ ใช่มั้ย”
ได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาของจิ๋นลี่ยวนก็ค่อยเบิกโตเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
เขาในเวลานี้แทบจะทนไม่ได้ที่จะยื่นมือไปเขย่าตัวเธอแรงๆ ตกลงเธอนี่ซื่อบื้อแค่ไหน ถึงได้คิดแบบนี้
คิดถึงไปได้ถึงขนาดนั้นแล้วหรือ หรือว่าเธอไม่รู้ นี่คือการดูถูกเธออย่างหนึ่ง และก็เป็นการดูถูกเขาอย่างหนึ่งด้วย
สีหน้าก็ยิ่งจะดูแย่มากขึ้นเรื่อยๆ จิ๋นลี่ยวนโกรธแล้ว
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเขาในสภาพแบบนี้ กลับสามารถเอาคำพูดทั้งหมดในใจพูดออกมาได้ น้ำตาร่วงลงมาทีละหยดจนท่วมหัวใจของจิ๋นลี่ยวนแล้ว “จิ๋นลี่ยวน ฉันรักคุณ ฉันก็รู้ เริ่มตั้งแต่ช่วงแรกนั้นเลย แต่คุณไม่รักฉัน ในเมื่อคุณเคยบอกว่าชอบฉันแล้ว คุณก็ไม่รักฉัน ในใจของคุณมีตำแหน่งของผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าเธอคือใคร แต่ฉันหวังมาตลอดว่า เธอจะปรากฏตัวขึ้นมาช้าหน่อย ไม่แน่ว่าถึงเวลานั้นฉันอาจจะพอมีความเป็นไปได้ที่จะแย่งชิงกับเธอ แต่ตอนนี้เธอยังไม่ปรากฏตัว ฉันก็แพ้แล้วแพ้อย่างราบคาบ…..”
เขารู้ แต่เขาไม่รู้ว่าตนเองแสดงออกอย่างชัดเจนขนาดนี้ เธอเองก็รู้แล้ว
คนคนนั้น อยู่ในใจของเขามาสองปีเต็ม
เขาเองก็เคยคิด หากเธอไม่ปรากฏตัว ก็จะอยู่กับยินเสี้ยวเสี้ยวไปตลอดชีวิต ก็แค่เรื่องน่าขัน แม้แต่เวลาหนึ่งปีก็ยังไม่ถึง เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอหย่าแล้ว
น้ำตายิ่งไหลก็ยิ่งเอ่อนอง ในใจรู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร แต่เมื่อพูดออกมาจริงๆจิ๋นลี่ยวนกลับคิดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง นี่ประหนึ่งว่าเป็นมีดเล่มหนึ่งที่แทงเข้าไปในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างแรง
“จิ๋นลี่ยวน คนที่รับปากว่าจะแต่งงานกับฉันในตอนแรกก็คือคุณ บอกกับฉันว่าจะไม่มีทางหย่ากันก็คือคุณ บอกว่าคนที่อาจจะชอบฉันก็เป็นคุณ แต่ตอนนี้ทำไม จู่ๆคุณก็กลับผิดคำพูดแล้ว” คำพูดที่โพล่งออกมาโดยที่ยังไม่ทันได้คิดปนเสียงสะอื้น อารมณ์ความรู้สึกของยินเสี้ยวเสี้ยวพรั่งพรูออกมาจนหมด ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย “ฉันรู้ว่าฉันไม่ดีพอ ไม่คู่ควรกับคุณ แต่ฉันก็พยายามมากแล้วหรือว่ายังไม่ได้อีกเหรอ?ฉันดื้อรั้นมาก ดื้อรั้นมากจนแต่งงานกับคุณตัดหนทางทุกอย่างจนหมด ตอนนั้นคุณเคยรับปากฉัน จะไม่ให้ใครรังแกฉัน แต่ทำไมคนที่รังแกฉันมากที่สุดคนนั้นก็คือคุณ ดื้อรั้นถึงขั้นแต่งงานกับคุณจนทำลายทางเดินในอนาคตทั้งของตนเอง”
น้ำตาหยดลงบนพื้น เย็นเยือกโดยเร็ว กลับตราตรึงเข้าไปในหัวใจของจิ๋วลี่ยวนลึกๆข้างใน ในลำคอรู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มองดูใบหน้าเธอที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวด แต่เขาก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ยื่นมือไปกอดเธอ
ยินเสี้ยวเสี้ยวร้องไห้ ไม่เหมือนอยู่ต่อหน้าถาวหยีที่ร้องไห้ฟูมฟายออกมาอย่างไม่สนใจอะไร ได้แต่ร้องไห้กระซิกๆเบาๆ แต่การร้องไห้กระซิกๆแบบนี้ทำให้หัวใจของจิ๋นลี่ยวนหดลงทีละน้อยทีละนิด
เสี้ยวเสี้ยวของเขา สุดท้ายก็ถูกเขาทำร้ายแล้ว……
ช่วงเวลานี้เอง จิ๋นลี่ยวนดูเหมือนจะลืมการมีตัวตนอยู่ของซูเหนียง และก็ลืมไปแล้วว่าเคยมีเรื่องพวกนั้นอยู่
“จิ๋นลี่ยวน……” ค่อยๆก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ยินเสี้ยวเสี้ยวยื่นมือออกมาบีบคอเสื้อของจิ๋นลี่ยวนเอาไว้ ร้องไห้พลางเงยหน้าถามเขาพลาง “จิ๋นลี่ยวน คุณหลอกฉัน!”
——จิ๋นลี่ยวน คุณหลอกฉัน
คำสั้นๆง่ายๆหกคำพูดจนทำให้ร่างของจิ๋นลี่ยวนแข็งเกร็งเล็กน้อยอย่างทนไม่ได้
เขาหลอกเธอ……
ใช่แล้ว เขาหลอกเธอ คำสัญญาทั้งหมดล้วนกลายเป็นเหมือนหมอกควัน……
“จิ๋นลี่ยวน คุณหลอกฉัน!” ยินเสี้ยวพูดด้วยเสียงแผ่วเบา มือเล็กๆดึงปกเสื้อของเขาให้เข้ามาใกล้ตนทีละนิด น้ำตานองหน้าพูดว่า “จิ๋นลี่ยวน ใครในโลกนี้สามารถหลอกฉันได้ แต่ทำไมคุณต้องหลอกฉันด้วย ในเมื่อคุณจะหย่า อย่างนั้นตอนแรกคุณก็อย่ามารับปากว่าจะแต่งงานกับฉัน อย่าบอกฉันว่าจะไม่หย่า ทำไมต้องมาบอกฉันว่าคุณไม่ต้องการฉันแล้วตอนที่ฉันตัดสินว่าจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต แบบนี้ สู้ฉันแต่งงานไปกับผู้จัดการจางเสียตั้งแต่แรกไม่ดีกว่าหรือ”
ได้ยินคำว่า‘ผู้จัดการจาง’สามคำนี้อีกครั้ง สีหน้าของจิ๋นลี่ยวนแย่มากอย่างเห็นได้ชัด
แต่งงานกับผู้จัดการจาง?
ตอนนี้เธอผิดหวังถึงขั้นนี้แล้วหรือ ถึงขั้นเต็มใจยอมแต่งงานชายแก่อายุสี่สิบกว่าคนนั้นเลยเหรอ
สีหน้าบนใบหน้าเห็นชัดว่าโมโห ตอนที่เขาเตรียมจะระเบิดอารมณ์นั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวกลับไม่ได้ให้โอกาสเขา
หยุดร้องไห้ ยินเสี้ยวเสี้ยวมองเขาทั้งน้ำตา “จิ๋นลี่ยวน ตอนนี้คุณตอบฉัน เหตุผลที่คุณหย่ากับฉันคืออะไร เพราะว่าคุณมีความสัมพันธ์กับฉันแล้วใช่มั้ย คุณ…ไม่ชอบฉัน รวมทั้งรังเกียจร่างกายของฉันด้วยใช่มั้ย”
สูดหายใจแรงๆ จิ๋นลี่ยวนข่มอารมณ์โกรธในใจตัวเองเงยหน้ามองเธอ
ทันใดนั้น สภาพเครื่องเกิดอุบัติเหตุระเบิดกลางอากาศนั้นก็ปรากฏตรงหน้าเขา
จู่ๆใบหน้าเล็กสวยงามของยินเสี่ยวเสี่ยวก็ทับซ้อนอยู่กับภาพใบหน้าของซูเหนียงขึ้นมา คิ้วขมวดขึ้นมาทันที แม้แต่สายตาที่มองยินเสี้ยวเสี้ยวยังแฝงด้วยความรังเกียจเล็กน้อย
มือเล็กๆที่กำเสื้อของจิ๋นลี่ยวนอยู่ชะงัก ร่างเซถลาไปด้านหลังสองก้าว ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็ยิ่งห่างออกไปอีก เวลานี้รู้สึกว่าระยะห่างนั้นช่างไกลแสนไกล
น้ำตาไหลพรากลงมา ยินเสี้ยวเสี้ยวมองผู้ชายตรงหน้าดวงตาแฝงด้วยความตกใจและเศร้าเสียใจ ร่างสั่นเทาเล็กน้อย หมุนตัวยื่นมือมาเกาะโซฟาที่อยู่ด้านหลัง เธอในเวลานี้ความกล้าที่จะหันกลับไปมองเขาสักนิดก็ไม่มีแล้ว ได้แต่หันหลังให้เขาร้องไห้อย่างเงียบๆอย่างนั้น แต่กลับอดทนอย่างที่สุดที่จะไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย…
เขาถึงขั้นเกลียดเธอแล้วเหรอ ยังมีความโกรธแค้นชิงชังด้วยหรือ
ตกลงว่า รังเกียจเธอมากแค่ไหนกัน…