บทที่205 เรื่องการแต่งงานของจิ๋นลี่ยวนและมู่เยียนหราน
คุณย่าจิ๋นตอนนี้กำลังโกรธจัด แทบจะเรียกได้ว่าแค่มองยินเสี้ยวเสี้ยวก็โกรธแล้ว เอามือใหญ่มายังที่ดวงตาของตนเองเวลาเดียวกันก็เรียกคนให้มาไล่ยินเสี้ยวเสี้ยวออกไป จิ๋นลี่หยาวรีบมาด้านหน้าดึงตัวยินเสี้ยวเสี้ยวออกไป ในฐานะคนตระกูลจิ๋น เธอรู้ดี คุณย่าที่กำลังโกรธจัดทางที่ดีอย่าหาเรื่องไปยั่วโมโหจะดีกว่า
เดิมยังคิดจะค่อยๆพายินเสี้ยวเสี้ยวออกไป แต่ที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ คนๆนี้ยังไม่ทันจะเดินออกไป ก็ได้ยินคำพูดแบบนี้
มู่เยียนหรานเดินไปข้างๆหญิงชราปลอบด้วยเสียงแผ่วเบา ท่าทางแบบนั้นเป็นความรู้สึกที่น่ารักน่าเอ็นดูมากกว่าหลานสาวหลานชายมากนัก และวิธีนี้ก็ยังใช้ได้ผลกับหญิงชรา ท่าทางแบบนั้นรู้สึกว่าจะได้รับความรักและเอ็นดูมากกว่าหลานชายหลานสาวตระกูลจิ๋นเองเสียอีก
“คุณย่าคะ คุณย่าจะโกรธก็ไม่ควรจะโกรธจนถึงขั้นทำร้ายสุขภาพของตนเองนะคะ คุณย่ายังบอกว่าต่อไปยังต้องดูงานแต่งของมู่เยียนหรานอีกนะคะ ควรจะรักษาสุขภาพตนเองให้ดีเสียก่อนหรือเปล่าคะค่อยว่ากัน” มู่เยียนหรานพูดอย่างทะเล้น นั่งรินน้ำชาอยู่ข้างๆหญิงชรา สีหน้ามีความออดอ้อนเอาใจเล็กน้อย “ถ้าหากต่อไปงานแต่งจองเยียนหรานคุณย่าได้มาร่วมงาน อย่างนั้นก็จะเป็นสิริมงคลอย่างที่สุด หนูเองก็อยากเห็นเหมือนกันว่า ถึงเวลาทั้งเมืองTจะมีใครกล้าหาเรื่องหนูมั้ย”
คำพูดนั้นดูเย่อหยิ่งเล็กน้อย แต่พวกเขาก็มีความรู้สึกเหมือนกันเพื่อที่จะไม่ทำให้หญิงชราไม่พอใจ
แต่ไม่รู้ว่าคำพูดนี้มู่เยียนหรานตั้งใจ หรือไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็มักจะเอ่ยถึงเรื่องของหญิงชราไม่น้อย
หันหน้าไป หญิงชรามองมู่เยียนหรานที่อยู่ตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา
หน้าตาจิ้มลิ้มสะสวย แต่ท่าทางมีความคิดที่เจ้าเล่ห์ หากมีร่างกายที่อ่อนแอบอบบาง คนอย่างมู่เยียนหรานนี้คงจะถูกจัดการไปนานแล้ว
สายตามองไปยังจิ๋นลี่ยวน คิ้วขมวดแน่นยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร ไฟในใจก็สุมเพิ่มขึ้นมาอีก แต่เมื่อคิดถึงความคิดในใจของตนเองหญิงชราก็อดทนเอาไว้แล้วถามว่า “ลี่ยวน ในโรงพยาบาลของพวกเธอหาหัวใจที่เหมาะสมกับเยียนหรานได้หรือยัง
เธอไม่เข้าใจ ว่าหัวใจดวงหนึ่งทำไมหายากขนาดนั้น!
ตระกูลมู่ตามหามายี่สิบกว่าปีแล้ว กลับยังไม่มีวี่แววเลยสักนิด!
ความคิดของจิ๋นลี่ยวนยังอยู่ที่ตัวของยินเสี้ยวเสี้ยวไม่ได้สนใจคำถามของหญิงชรามากนักจึงได้ตอบคำถามไปตรงๆว่า“ยังไม่ได้ครับ”
เพล้ง!
หญิงชราโกรธไฟลุกขึ้นมาทันที เขวี้ยงถ้วยชาในมือของตนแตกอีกครั้ง แรงกระแทกนั้นทำให้มู่เยียนหรานคนโปรดที่นั่งอยู่ข้างๆเธอตกใจมาก ต่อมากลับได้ยินหญิงชราพูดว่า “พวกเธอทำงานกันยังไง ตระกูลมู่ลงทะเบียนเอาไว้นานกี่ปีแล้ว ทำไมถึงตอนนี้แล้วก็ยังหาไม่ได้ นี่จงใจกลั่นแกล้งกันหรือยังไง ฉันจะบอกให้นะ วันนี้เรื่องนี้ของเยียนหรานฉันจะให้แกจัดการ ถ้าแกไม่จัดการให้ดี ชีวิตนี้แกก็อย่าได้แต่งงานเอาสะใภ้มาให้ฉัน แต่งเอากลับมาคนหนึ่งก็มีลูกไม่ได้ สู้ไม่แต่งเลยเสียยังดีกว่า!”
ประโยคนี้ ทำให้คนในห้องรับแขกนิ่งเงียบลงอีกครั้ง
หญิงชราพอใจในผลลัพธ์ที่ตนเองทำออกมามากหยุดสูดลมหายใจลึกๆแรงๆจากนั้นก็จ้องไปที่จิ๋นลี่ยวนพูดว่า “ลี่ยวน ตอนนี้ฉันจะบอกแกให้นะ รอจนอาการป่วยของเยียนหรานหายดีแล้ว พวกเธอก็แต่งงานกัน!”
ยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่อีกด้านตัวแข็งเกร็งอย่างแรง เงยหน้ามองไปที่หญิงชราด้วยจิตใต้สำนึก
เธอเคยคิดว่าหญิงชราจะต้องแสดงอิทธิฤทธิ์ แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่าหญิงชราจะโกรธจนถึงขนาดนี้ ถึงขั้นกำหนดภรรยาคนใหม่ให้จิ๋นลี่ยวนตั้งแต่เธยังไม่ได้ออกไป นี่ไม่พอใจเธอมากขนาดไหนกัน ไม่สนใจความรู้สึกของเธอมากขนาดไหน
รอยยิ้มเยาะดูถูกที่มุมปากค่อยๆยกขึ้น ที่บ้านตระกูลจิ๋น เธอเพิ่งจะมองออกในตอนนี้ ว่าตนเองเหมือนเป็นคนนอกคนหนึ่งเท่านั้นเอง!
เกี่ยวกับชื่อเสียงของตระกูลจิ๋น เกี่ยวกับคนของตระกูลจิ๋น เธอเป็นคนแรกที่ถูกละเลยคนนั้นเสมอมา!เมื่อก็เป็น ตอนนี้ก็ยังเป็น!
จิ๋นลี่ยวนเงยหน้าขึ้นมองไปยังหญิงชราในชั่วพริบตา ในดวงตาเรียวเล็กเต็มไปด้วยความโกรธ ในชั่ววินาทีที่สิ้นเสียงลงก็หันหน้าไปมองยินเสี้ยวเสี้ยวใจกลับจมดิ่งลงไปอย่างแรง
ยินเสี้ยวเสี้ยวนอกจากหวาดวิตกในตอนแรกก็ไม่มีอารมณ์อื่นใดอีก
ความเข้าใจแบบนี้ ทำให้จิ๋นลี่ยวนอดไม่ได้ที่ร่างจะหนาวเย็นลงเล็กน้อย
ตระกูลจิ๋นปฏิบัติต่อเธออย่างไร แล้วเขาปฏิบัติต่อเธออย่างไร ตอนแรกพูดจาน่าฟังมากขนาดไหน ตระกูลจิ๋นคือบ้านของเธอ เขาคือสามีของเธอ แต่เมื่อตอนที่เธอเกิดเรื่อง จะอีกกี่คนที่ออกไปปกป้องเธอ
ถ้ายินเสี้ยวเสี้ยวไม่ใจแข็งก็ไม่ได้แล้ว……
เวลานี้ กลับเป็นจิ๋นลี่ยวนที่สงบนิ่งลง เงยหน้ามองมู่เยียนหรานแล้วเอ่ยปากว่า “คุณย่าครับ พูดเรื่องนี้ในเวลาแบบนี้ไม่ค่อยดีมั้งครับ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องการแต่งงานของตัวผมเองให้ผมเป็นคนตัดสินใจดีกว่า ไม่ต้องรบกวนคุณย่าหรอกครับ”
หญิงชราสีหน้าแย่มาก ยื่นมือออกมาดึงมือมู่เยียนหรานพูดว่า “แกตัดสินใจเองเหรอ แกดูสิ ก่อนหน้านี้ก็ให้แกเป็นคนตัดสินใจเอง ผลของการที่แกตัดสินใจเองเป็นยังไงล่ะ ไม่พูดถึงว่าแลัวยังมีลูกไม่ได้อีก ผู้หญิงที่มีลูกไม่ได้ยังจะเรียกว่าผู้หญิงได้อีกเหรอ แต่งเอาผู้หญิงที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่มาไม่ว่า มู่เยียนหรานแม้ว่าตอนนี้จะสุขภาพร่างกายไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหายดีไม่ได้ ขอแค่ผ่าตัดเสร็จ พักรักษาตัวสักสองสามปี แกก็……”
“คุณย่า!” เสียงเรียกอย่างโมโหดังขึ้น จิ๋นลี่ยวนพยายามอย่างยิ่งที่จะสะกดกลั้นความโกรธเอาไว้ภายในใจตนเอง ดวงตาเรียวเล็กมองมาที่พวกหล่อนแทบจะพ่นไฟออกมาได้แล้วพูดว่า “ผมจะพูดแค่ครั้งเดียว ถ้าผมจะแต่งงานผมจะเป็นคนจัดการเอง ไม่รบกวนคุณย่าหรอกครับ”
หญิงชราโกรธจนเกือบจะกระอักเลือดออกมา หยูเจียห้วยรีบมาปลอบพลางพยุงหญิงชรากลับห้องแต่หญิงชรายอมเสียที่ไหนกัน สะบัดมือหนูเจียห้วยออก แม้แต่มือของมู่เยียนหรานตอนนี้ก็ไม่กุมแล้ว ก้าวมาข้างหน้ายืนนิ่งพูดกับจิ๋นลี่ยวนด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “จิ๋นลี่ยวน แกกล้าดีมากนะ! มีคนกล้าตัดบทฉัน ที่บ้านตระกูลจิ๋นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!แล้วที่บ้านตระกูลจิ๋น ฉันไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะพูดตั้งแต่เมื่อไหร่!สิ่งที่ฉันตัดสินใจ ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น!”
บ้าอำนาจอย่างเต็มที่ บ้าอำนาจอย่างเต็มรูปแบบ
คุณย่าจิ๋นตอนนี้อายุแปดสิบปีแล้ว, ตั้งแต่เด็กก็เป็นคนที่กล้าแสดงความคิดเห็นอย่างยิ่ง หลังจากที่แต่งงานเข้าตระกูลจิ๋นแม้แต่คุณปู่จิ๋นก็ยังต้องไว้หน้าเธอ ยังเคยถูกเด็กรุ่นหลังแบบนี้หักหน้ามาก่อน อารมณ์จึงไม่ดีทันที นี่คือความโกรธบางอย่างที่ถูกคนท้าทายอำนาจ และก็เป็นอำนาจที่ไม่ยอมให้ใครมาหักล้าง การบ้าอำนาจแบบนี้เป็นติดต่อกันมาหลายสิบปีแล้วยังไม่เคยเปลี่ยน ต่อให้จิ๋นลี่ยวนจะเป็นหลานที่คุณย่าจิ๋นรักและเอ็นดูมากขนาดไหนก็ไม่ได้!
ยินเสี้ยวเสี้ยวมองภาพที่อยู่ตรงหน้าทั้งหมด ไม่ได้พูดอะไร ในใจกลับเต้นระรัวนับร้อยนับพันครั้ง
ตั้งแต่เด็กเธอก็ใช้ชีวิตที่บ้านตระกูลยิน แม้ว่ายินไป่ฝันและหลี่หมึ้งไม่ได้เลี้ยงดูเธออย่างดีนัก แต่ยินจื่อเจิ้นไม่เคยขาดตกบกพร่องอะไรกับเธอ ดังนั้นเธอจึงได้รู้จักชีวิตของครอบครัวที่ร่ำรวยตั้งแต่เธอยังเด็ก นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอไม่ยอมเข้าตระกูลจิ๋น หลังจากที่เธอรู้ว่าจิ๋นลี่ยวนคือคนตระกูลจิ๋น
คุณย่าจิ๋นมีชื่อเสียงโด่งดังมาถึงภายนอก ไม่ใช่แค่ใครก็ท้าทายได้ ความคิดที่ฝังรากลึกเหล่านั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน!
เช่นเดียวกับสิ่งที่หญิงชราพูดออกมา ตราบใดที่ไม่มีข้อผิดพลาดที่สำคัญ บางทีการแต่งงานของจิ๋นลี่ยวนและมู่เยียนหรานก็กำหนดไว้อย่างนั้นได้เลย! ทันใดนั้น ยินเสี้ยวเสี้ยวก็รู้สึกว่าการหายใจของเธอไม่ราบรื่นเล็กน้อย
จิ๋นลี่ยวนไม่ได้หลบสายตาที่จ้องมองของหญิงชราเลยสักนิด มองตรงกลับไปตรงๆ ความหนักแน่นในดวงตาของเขาทำให้คนตกตะลึง เขาพูดเน้นทีละคำว่า“คุณย่าฉัน เรื่องของผม ผมจะเป็นคนตัดสินใจเอง ถ้าผมทำผิดพลาดตัวผมจะแบกรับผลที่ตามมาเองไม่โทษใคร ก็เหมือนกับตอนแรกที่ผมเต็มใจที่จะแต่งงานกับเสี้ยวเสี้ยว ขอแค่เป็นสิ่งที่ผมต้องการฉันจะพยายามทำให้ได้มาอย่างแน่นอน ในทำนองเดียวกัน ถ้าผมไม่ต้องการใครก็บังคับผมไม่ได้!”
ตอนแรกหญิงชราเงื้อมือขึ้นจะตีต่อไป หยูเจียห้วยรีบพุ่งมายึดแขนของเธอเอาไว้
การตบครั้งนี้ ทำให้ความรักระหว่างย่าหลานลดลงอย่างมาก
ตั้งแต่เด็กจิ๋นลี่ยวนก็ไม่มีพ่อแม่แล้ว เธอดูเขาเติบโตขึ้น เห็นเขาเป็นเหมือนชายลูกของตนเอง ตอนนี้จะทนเห็นเขารับความเจ็บปวดได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ความจริงแล้วเธอก็ไม่ชอบมู่เยียนหรานนัก แม้รูปร่างหน้าตาสะสวย แต่ว่าร่างกายที่อ่อนแอบอบบาง ใครจะรู้ว่าไม่แน่ว่าอาจมีชีวิตอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้
“แม่คะ แม่อย่าโกรธเลย อารมณ์เย็นลงแล้วค่อยคุยกันเถอะค่ะ สถานการณ์ในตอนนี้ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ใจเย็นลงสักนิดก่อน พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันใหม่ดีมั้ยคะ” หยูเจียห้วยพยายามควบคุมหญิงชรา พลางกวักมือเรียกสามีให้มาช่วย “หยวนเฟิง คุณรีบมาปลอบ ถ้าโกรธจัดแบบนี้มีคำพูดสักกี่คำที่เป็นความจริงบ้าง”
สุดท้ายแล้วพูดแค่ประโยคเดียวช่างมหัศจรรย์จริง
แน่นอนว่าทันทีที่เสียงลง การแสดงออกของผู้คนในตอนนี้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หญิงชราคิดว่านี่เป็นการปลอบของลูกสะใภ้ให้ตนเองไม่ต้องไปฟังคำพูดของจิ๋นลี่ยวน แต่สำหรับหูของมู่เยียนหรานมันแตกต่างกัน นี่พูดถึงเรื่องการหมั้นหมายของเธอกับจิ๋นลี่ยวนเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะคิดจริงจังได้
มุมปากของจิ๋นลี่โป๋ยกขึ้นเล็กน้อย ยื่นมือออกไปเพื่อดึงจิ๋นลี่ยวนออกไป จิ๋นลี่หยาวยืนปกป้องยินเสี้ยวเสี้ยวอย่างว่าง่ายที่ด้านข้างแกล้งทำเป็นไม่มีตัวตนอยู่ เกรงว่าหญิงชราจะเห็นเข้าและเป็นเรื่องวุ่นวายอีก สีหน้ามู่เยียนหรานเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เห็นหยูเจียห้วยและจิ๋นหยวนเฟิงก้าวไปข้างหน้าประคองหญิงชรากลับไปที่ห้องนอน ไม่มีจังหวะที่เธอจะเข้าไปแทรกได้เลย ทำได้เพียงยืนอยู่ด้านข้าง
ระหว่างรอหยูเจียห้วยและจิ๋นหยวนเฟิงออกมาจากห้องนอนของหญิงชรา มู่เยียนหรานกัดริมฝีปากของเธอแล้วเดินอย่างเขินอายไปที่ตรงหน้าของจิ๋นลี่ยวนพูดเบา ๆ “ลี่ยวน ที่คุณยายพูดเมื่อกี้ … คุณอย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้พูด … ”
“เสี้ยวเสี้ยว” จิ๋นลี่ยวนชำเลืองมองมู่เยียนหราน คิ้วไม่ได้คลายออกจากกันก็เดินผ่านเธอไปยืนตรงหน้ายินเสี้ยวเสี้ยว เอ่ยถามเบาๆว่า“คุณบาดเจ็บหรือเปล่า เข่ายังเจ็บมั้ย เศษแก้วแตกบาดคุณหรือเปล่า”
พอคำพูดนี้พูดออกมา ทั้งห้องรับแขกก็ไม่มีใครพูดอะไรเลย
ยินเสี้ยวเสี้ยวมีอาการเจ็บในลำคอเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองเขาอยู่นานไม่ได้พูดอะไร
จิ๋นลี่ยวนคิดว่าเธอได้รับบาดเจ็บ เวลาที่หญิงชราปลดปล่อยความโกรธขึ้งออกมาทุกคนต่างก็รู้ดี ว่ามีอะไรอยู่ในมือก็จะขว้างปา ถ้วยชาที่ถูกขว้างเมื่อครู่ก็ไม่รู้ว่าทำเธอบาดเจ็บหรือไม่ บวกกับเธอคุกเข่าเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่าเข่าของยินเสี้ยวเสี้ยวไม่สามารถทนได้หรือไม่ เห็นเธอนิ่งเงียบ เขาจึงนั่งยองๆตรงหน้ายินเสี้ยวเสี้ยว เอื้อมมือไปถกกระโปรงสำหรับใส่ในหน้าหนาวของเธอเพื่อนวดเข่าให้เธอ แต่มือยังไม่ทันได้ถูกเนื้อต้องตัวเธอ ยินเสี้ยวเสี้ยวที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ถอยหลังไป
มือของเขาแข็งค้างอยู่ในอากาศ จิ๋นลี่ยวนเงยหน้าขึ้นมองเธอ
ในขณะนี้ดวงตาของ ยินเสี้ยวเสี้ยวเต็มไปด้วยความโกรธเล็กน้อย มองเขาด้วยความตำหนิ
ในเมื่อยังเป็นห่วงเธอ แม้จะไม่ยอมอยู่กับมู่เยียนหราน แต่กลับยังหย่ากับเธอ อย่างนั้นการกระทำที่แสดงออกถึงความรักตอนนี้หมายความว่าอะไร
ในช่วงเวลานั้น ความรู้สึกที่มีต่อจิ๋นลี่ยวนในใจของยินเสี้ยวเสี้ยวแฝงด้วยความแค้นนิดหน่อย
หรือว่าเขาจิ๋นลี่ยวน คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความโกรธเคืองแบบนั้นหรือ